พระเจ้าไม่ทรงลืม “ความรักที่ท่านได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์”
“พระเจ้าไม่ใช่อธรรมที่จะทรงลืมการงานของท่านและความรักที่ท่านได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์, ในการที่ท่านได้ปรนนิบัติสิทธชนนั้น, และยังกำลังปรนนิบัติอยู่.” (เฮ็บราย 6:10) ถ้อยคำเหล่านี้ของอัครสาวกเปาโลเป็นจริงสำหรับพยานพระยะโฮวาในยุโรปตะวันออก. ในการรับใช้อย่างซื่อสัตย์เพื่อผลประโยชน์แห่งพระนามของพระเจ้า พวกเขาได้ทำงานหนักเป็นเวลานานหลายสิบปีภายใต้ข้อจำกัดซึ่งกำหนดโดยรัฐบาลที่เมื่อก่อนโซเวียตควบคุมอยู่. พระยะโฮวาทรงจดจำการกระทำดีของพวกเขา และอวยพระพรแห่งราชอาณาจักรลงเหนือเขาอย่างมากมาย. เพื่อเป็นตัวอย่าง ให้เรามาดูรายงานปีรับใช้ที่ผ่านมาเพียงสามแห่งในดินแดนเหล่านั้น.
ดินแดนต่าง ๆ แห่งอดีตสหภาพโซเวียต
ดินแดนต่าง ๆ แห่งอดีตสหภาพโซเวียตรายงานว่า ระหว่างปีรับใช้ 1992 จำนวนยอดผู้ประกาศราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์—จากจำนวน 49,171 คน เป็น 66,211 คน! แต่ไม่เพียงแค่นั้น เนื่องจากผู้ประกาศเหล่านั้นขยันขันแข็งมาก ดังเห็นจากยอดจำหน่ายสรรพหนังสือเกี่ยวกับพระคัมภีร์ที่เพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งวารสารต่าง ๆ. พวกเขาได้ใช้จุลสารและหนังสือเล่มเล็กให้เป็นประโยชน์เช่นกัน มีการจำหน่ายถึง 1,654,559 เล่ม. นี้มากกว่าปีที่แล้วซึ่งมียอดจำหน่าย 477,235 เล่มสามเท่า! การตอบรับเป็นอย่างไรต่อการจำหน่ายสรรพหนังสือทั้งหมดเหล่านี้? จำนวนรายศึกษาพระคัมภีร์เพิ่มขึ้นสองเท่า. ขณะนี้มีการนำการศึกษาพระคัมภีร์ถึง 38,484 ราย.
การเข้าส่วนในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์สมทบก็เช่นกันทวีขึ้น 94 เปอร์เซ็นต์. เห็นชัดว่างานนี้ช่วยสนับสนุนให้มีตัวเลขที่โดดเด่นของจำนวนสาวกที่รับบัพติสมาใหม่ 26,986 คน เมื่อเทียบกับจำนวนปีที่แล้ว 6,570 คน เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างน่าพิศวงถึง 311 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว!
ผู้รับบัพติสมาใหม่บางคนเริ่มสนใจข่าวดีโดยวิธีใด? บางครั้งความห่วงใยอันลึกซึ้งของพยานฯที่นำการศึกษาเป็นปัจจัยหนึ่ง. ผู้ดูแลผู้เป็นประธานคนหนึ่งจากมอลดอวาเล่าว่า
“ผมกับภรรยาได้ไปเยี่ยมผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านั้นเคยสนใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิล. เราเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์กับเธอ. อย่างไรก็ดี สามีของเธอไม่ได้แสดงความสนใจอะไรเลย. วันหนึ่งขณะที่เรากำลังอยู่ในระหว่างทางไปเยี่ยมเธอเพื่อนำการศึกษา อากาศหนาวจัดและหิมะก็ตก. แทบจะไม่มีใครอยู่ตามท้องถนน แต่ในที่สุดเราก็ไปถึงบ้านของเธอตามเวลาที่นัดหมายไว้. เธอบอกสามีว่า ‘คุณดูซิ คนเหล่านี้เอาใจใส่เรามากแค่ไหน? พวกเขาตรงต่อเวลาทั้ง ๆ ที่หิมะตก.’ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สามีของเธอเริ่มคิด. เขาได้เปลี่ยนความคิดและเข้าร่วมการศึกษา และขณะนี้เขากับภรรยาเป็นพยานฯที่รับบัพติสมาแล้ว.”
ในโอกาสอื่น ความสุภาพของพยานฯอาจกระตุ้นให้เกิดความสนใจในข่าวดี. ผู้ปกครองคนหนึ่งจากมอลดอวาเช่นกัน มีประสบการณ์ดังนี้:
ผู้ชายคนหนึ่งที่ผมเยี่ยมในเขตประกาศไม่สนใจพยานพระยะโฮวา. เขาบอกว่าเขาเป็นสมาชิกของคริสต์จักรออร์โธดอกซ์ เช่นเดียวกับคุณพ่อและคุณปู่ของเขา. ดังนั้น เขาขอให้ผมออกจากบ้าน. อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผมจากไป เขาให้โอกาสผมบอกถึงเหตุผลสำหรับการเยี่ยม. ผมชี้ไปที่มัดธาย 28:19 ซึ่งกล่าวว่า ‘เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกประเทศให้เป็นสาวก, ให้รับบัพติศมาในนามแห่งพระบิดาและพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์.’ แล้วผมได้ให้ที่อยู่สถานที่การประชุมของเราและจากไป. ผมต้องประหลาดใจ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาผู้ชายคนนี้ได้มายังการประชุมของเรา! เขาอยู่จนกระทั่งระเบียบวาระสิ้นสุดลง. เขาบอกว่าตลอดสัปดาห์นั้น เขารู้สึกเสียใจเนื่องจากไม่ได้แสดงความเป็นมิตรกับผมเลย. การศึกษาพระคัมภีร์ได้เริ่มขึ้นทันที และขณะนี้เขาเป็นพี่น้องของเรา.”
ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของปีรับใช้ก็คือการตอบรับอย่างท่วมท้นต่อความจำเป็นของพี่น้องในดินแดนนั้น. ในช่วงฤดูหนาวปี 1991/92 สิ่งอุปโภคบริโภคประมาณ 400 ตันและเครื่องนุ่งห่มจำนวนมากสำหรับผู้ชาย, ผู้หญิง, และเด็ก ถูกส่งไปยังพี่น้องเหล่านั้นที่มีความจำเป็น. สิ่งของเหล่านี้ได้ถูกแจกจ่ายไปทุกภูมิภาคในดินแดนของอดีตสหภาพโซเวียต แม้กระทั่งถึงเมืองอิร์คุตสก์ในไซบีเรียและเมืองคาบารอฟสก์ ใกล้ประเทศญี่ปุ่น. เป็นข้อบ่งชี้อันน่าประทับใจจริง ๆ ที่ว่า พระยะโฮวาไม่ทรงลืมความรักที่พี่น้องของเราได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์! ความรักฉันพี่น้องที่ประจักษ์ชัดนี้ได้รับการกระตุ้นโดยพระวิญญาณของพระยะโฮวา ยังผลให้มีเอกภาพร่วมกับครอบครัวพี่น้องของเขาทั่วโลกเช่นกัน. ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงคนหนึ่งในยูเครนได้เขียนถึงสำนักงานสาขาดังนี้:
“ความช่วยเหลือที่พวกคุณให้กับเรานั้นสร้างความประทับใจอย่างสุดซึ้ง. เราถูกกระตุ้นจนหลั่งน้ำตาและขอบพระคุณพระเจ้ายะโฮวาที่ไม่ทรงลืมพวกเรา. จริง เราขัดสนทางด้านวัตถุขณะนี้ แต่ด้วยความช่วยเหลือที่มาจากพี่น้องของเราในตะวันตก เราก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมในด้านวัตถุ. บัดนี้ เนื่องจากความช่วยเหลือของคุณ ครอบครัวของเราสามารถอุทิศเวลามากขึ้นในการรับใช้พระยะโฮวา. หากเป็นพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา ดิฉันกับลูกสาวตั้งใจจะเป็นไพโอเนียร์สมทบในช่วงฤดูร้อน.”
นอกจากนี้การบรรเทาทุกข์ยังเป็นการให้คำพยานกับคนภายนอกด้วย เพราะผู้ที่เฝ้าสังเกตดูเห็นได้ว่าพยานฯสำแดงความรักโดยการปฏิบัติของเขา. ครอบครัวหนึ่งจากอีกประชาคมหนึ่งเขียนว่า “เราได้รับความช่วยเหลือทางวัตถุมีอาหารและเสื้อผ้า. ช่างมากมายจริง ๆ! การสนับสนุนและการหนุนใจจากพวกคุณเป็นบทเรียนสำหรับเราที่ว่า เราก็เช่นกันควรทำดีกับคนอื่น ๆ. การแสดงความรักเช่นนี้ไม่ได้พ้นสายตาคนที่ไม่มีความเชื่อ รวมทั้งผู้สนใจและครอบครัวของเขาด้วย เป็นการให้คำพยานอย่างใหญ่โตเกี่ยวกับภราดรภาพที่แท้จริง.”
การประชุมภาคห้าแห่งและการประชุมนานาชาติหนึ่งแห่งซึ่งได้จัดขึ้นในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่ผ่านไปนี้ด้วยอรรถบท “ผู้ถือความสว่าง” เป็นหลักฐานอีกประการหนึ่งถึงพระพรของพระยะโฮวาที่มีต่อการงานที่ขันแข็งแห่งเหล่าพยานของพระองค์ และความรักที่พวกเขาได้สำแดงออกโดยการทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จัก. การประชุมเหล่านั้นมีผู้เข้าร่วมถึง 91,673 คน และ 8,562 คนได้รับบัพติสมา. การประชุมใหญ่ที่สุดก็ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นการประชุมนานาชาติ ซึ่งมี 46,214 คน—รวมทั้งตัวแทนจากประมาณ 30 ประเทศทั่วโลก—มารวมกันที่สนามกีฬาคีรอฟ.
ในไซบีเรียผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปีมายังสถานที่การประชุมในอิร์คุตสก์เพียงเพื่อสังเกตดู. เขาบอกว่า “ผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหมดแต่งกายดี, หน้าตายิ้มแย้ม, และแสดงความกรุณาต่อกันและกัน. ผู้คนเหล่านี้เป็นเหมือนครอบครัวเดียวที่มีเอกภาพ. คนเรารู้สึกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนไม่เพียงแต่ที่สนามกีฬาเท่านั้นแต่ในชีวิตประจำวันด้วย. ผมได้รับสรรพหนังสือเกี่ยวกับพระคัมภีร์ที่ยอดเยี่ยมและเรียนรู้มากขึ้นว่าองค์การนี้เป็นอย่างไร. ผมต้องการติดต่อกับพยานพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกันกับเขา.”
ณ การประชุมแห่งเดียวกันในอิร์คุตสก์ ซึ่งมี 5,051 คนเข้าร่วม ผู้หญิงที่สนใจคนหนึ่งจากสาธารณรัฐยาคุต, ไซบีเรีย ให้ความเห็นว่า “ดิฉันมองไปที่ผู้คนเหล่านี้ และอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความปีติยินดี. ดิฉันขอบพระคุณพระยะโฮวาเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงช่วยดิฉันให้รู้จักผู้คนเช่นนั้น. ที่การประชุมนี้ ดิฉันได้รับสรรพหนังสือ และดิฉันต้องการพูดกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับหนังสือนี้. ดิฉันปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นมัสการพระยะโฮวา.”
ผู้อำนวยการของสนามกีฬากลางในอัลมา อาตา, คาซาคสถาน ซึ่งมี 6,605 คนเข้าร่วมการประชุม ได้พูดดังนี้: “ผมตื่นเต้นกับท่าทีของพวกคุณ. เดี๋ยวนี้ผมมั่นใจแล้วว่าพวกคุณทุกคน ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนสูงอายุ เป็นคนที่น่านับถือ. ผมไม่อาจพูดได้ว่าผมเชื่อในเรื่องพระเจ้า ทว่าผมเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสำแดงให้เห็นโดยทางภราดรภาพของพวกคุณ ในทัศนคติของพวกคุณที่มีต่อค่านิยมทางฝ่ายวิญญาณและวัตถุ.
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง ณ การประชุมใหญ่ที่อัลมา อาตา กล่าวว่า “ผมได้ติดต่อกับพวกคุณสองครั้ง แต่ละครั้งก็ที่การประชุมใหญ่. รู้สึกสบายใจที่สุดที่ทำงานกับพยานพระยะโฮวา.”
โรมาเนีย
พระยะโฮวาไม่ทรงลืมความรักที่พี่น้องในโรมาเนียได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์เช่นกัน. ปีรับใช้ที่ผ่านไปนี้ได้เห็นเหตุการณ์อันน่ายินดีมากมายสำหรับพยานฯ. ประการแรก สำนักงานสาขาได้ถูกก่อตั้งขึ้นอีกครั้งหนึ่งในบูคาเรสต์. กิจการงานครั้งสุดท้ายซึ่งเป็นที่รับรองตามกฎหมายจากรัฐบาลโรมาเนียได้หยุดลงในปี 1949. มีพี่น้องชายและหญิงประมาณ 20 คนทำงานในสำนักงานแห่งใหม่. สำนักงานสาขาดูแลผู้ประกาศ 24,752 คน—ยอดที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งแสดงถึงการทวีขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์มากกว่าเฉลี่ยของปีที่แล้ว.
หลังจากการประกาศอย่างลับ ๆ เป็นเวลาหลายปี บรรดาผู้ประกาศปรับปรุงดีขึ้นในงานให้คำพยานตามบ้านโดยเปิดเผย. ประสบการณ์หนึ่งจากแขวงมูเรสแสดงถึงวิธีที่พยานฯบางคนใช้ทุกโอกาสให้เป็นประโยชน์ในการประกาศกับคนอื่น. แม้ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางด้วยซ้ำ. สำนักงานสาขาเขียนว่า:
“ผู้ประกาศคนหนึ่งตัดสินใจจะประกาศตามตู้รถไฟ. ปฏิกิริยาของผู้คนโดยทั่วไปก็นับว่ามีไมตรีจิตดี แต่ในช่องที่นั่งสุดท้าย ความยุ่งยากบางอย่างได้เกิดขึ้น. ไม่มีผู้โดยสารสักคนเดียวต้องการรับวารสารของเรา. ในที่สุด ชายคนหนึ่ง โมโหมาก ได้ยืนขึ้นและตะโกนว่า ‘ผมจะโยนวารสารของพวกคุณทั้งหมดออกหน้าต่างเดี๋ยวนี้! ทำไมคุณถึงได้เอาศาสนามารบกวนเรามากมายอย่างนี้?’ ผู้ประกาศได้ตอบอย่างกรุณาว่า แม้หากเขาโยนวารสารออกไปจริง บางคนอาจได้รับประโยชน์จากการกระทำของเขา—คนเหล่านั้นที่อาจเก็บวารสารไป. เมื่อได้สังเกตเห็นความสงบของผู้ประกาศ ชายคนนั้นรู้สึกประทับใจมากจนเขาหยิบวารสารและเริ่มต้นแจกจ่ายให้กับผู้โดยสารคนอื่นในช่องที่นั่งนั้นด้วยตัวเอง. น่าประหลาดใจ ผู้โดยสารทั้งหมดรับวารสารคนละเล่ม. หลังจากได้แจกจ่ายวารสาร ชายคนนั้นไม่มีสักเล่มสำหรับตัวเอง. ดังนั้น ผู้ประกาศได้ถามเขาว่า ‘คุณครับ คุณไม่ต้องการสักเล่มสำหรับตัวคุณเองหรือ?’ ชายคนนั้นจึงได้ไปหยิบเล่มหนึ่งจากผู้โดยสารที่มีสองเล่มและพูดว่า ‘ตอนนี้ผมก็ได้เล่มหนึ่งด้วย!’”
ในหลายประเทศงานประกาศของพยานพระยะโฮวาบางครั้งได้ปลุกเร้านักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรให้เกิดการต่อต้าน. ในโรมาเนีย บาทหลวงแห่งคริสต์จักรออร์โธดอกซ์มักจะเดือดดาลพยานฯบ่อย ๆ. แต่นี้ไม่สามารถยับยั้งพระยะโฮวาจากการอวยพระพรไพร่พลของพระองค์สำหรับความรักที่พวกเขาได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์. ผู้ดูแลหมวดคนหนึ่งเขียนดังนี้:
“พร้อมกับประชาคมท้องถิ่น เราออกไปประกาศในเขตชนบท. มีพี่น้องหนึ่งร้อยคน. เราเช่ารถโดยสารคันหนึ่งซึ่งนำเราเข้าไปในชนบทระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ไปยังเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง. เราได้เชิญคนจำนวนมากมาฟังคำบรรยายสาธารณะซึ่งจัดขึ้นที่ศาลาประชาคม. ทันทีที่การประชุมเริ่มขึ้น บาทหลวงออร์โธดอกซ์ก็มาถึงเพื่อรบกวนการประชุมของเรา. เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามห้ามบาทหลวงคนนั้น. ถึงอย่างไร เขาก็ยังไม่ยอมอยู่ในความสงบ. เขาระงับการประชุมได้สำเร็จเมื่อเขาทุบประตูกระจกใหญ่ด้านทางเข้าแตก. อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านจำนวนมากไม่เห็นด้วยเลยกับการกระทำของบาทหลวง. ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการให้คำพยานอย่างทั่วถึงกับผู้เข้าร่วมการประชุมทุกคน และสรรพหนังสือจำนวนมากได้ถูกแจกจ่ายออกไป.”
น่าเสียดาย ในบางพื้นที่ของประเทศ มีพยานฯเพียงไม่กี่คน. เมื่อไพโอเนียร์ประจำคนหนึ่งได้มาถึงแขวงออลต์เป็นครั้งแรก เขาพบว่าทั้งแขวงมีพี่น้องเพียงเก้าคนและเป็นเขตใหญ่ที่ต้องประกาศ. หลังจากนั้นหนึ่งปีจำนวนพยานฯได้เพิ่มขึ้นเป็น 27 คน ในจำนวนนั้นห้าคนเป็นผู้ประกาศที่กลับมาเอาการเอางานอีก. ไพโอเนียร์หาบ้านพักได้ในเมืองคอราเบีย ที่ซึ่งไม่มีพยานฯแม้แต่คนเดียว. หลังจากพยานฯได้อยู่ที่นั่นแค่ 45 วัน หัวหน้าศาสนาท้องถิ่นได้ต่อต้านงานของพวกเขาทางวิทยุในเมืองคราโยวา. เขาพูดว่าพยานฯได้ “รุกราน” เมืองคอราเบียด้วยคำสอนของพวกเขา พยายามทำให้ประชาชนเปลี่ยนศาสนา. การโจมตียังดำเนินต่อไป ด้วยความตั้งใจจะยับยั้งการงานและทำลายชื่อเสียงของพยานฯในพื้นที่นั้น. ทุกอย่างมาถึงจุดสุดยอดเมื่อพี่น้องท้องถิ่นอยู่ในเมืองบูคาเรสต์เพื่อการประชุมภาค. หัวหน้าคณะออร์โธดอกซ์แห่งคอราเบียได้ออกคำประกาศที่เด็ดขาดหลังจากการทำพิธีของเขาในโบสถ์ว่า “พวกเราทุกคนควรจะร่วมในการเดินขบวนไปตามท้องถนนเพื่อปลุกเร้าตำรวจให้ปฏิบัติการต่อต้านพวกพยานฯ ผู้ซึ่งได้โน้มน้าวจิตใจผู้คนทุกหนแห่งด้วยสิ่งพิมพ์ของเขา และได้ทำลายประชาชน.” แต่คืนนั้นเองก่อนที่การชุมนุมจะเริ่ม บางสิ่งที่ผิดปกติได้เกิดขึ้น. ผู้ทำลายทรัพย์สินกลุ่มหนึ่งได้ทำลายโบสถ์และศาลาประชาคมประจำเมือง. ดังนั้น การชุมนุมประท้วงจึงไม่เกิดขึ้น.
ดินแดนต่าง ๆ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นยูโกสลาเวีย
ปีรับใช้ 1992 เป็นปีที่ยากลำบากที่สุดสำหรับพี่น้องในดินแดนยูโกสลาเวีย. แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขามีประสบการณ์บางอย่างที่น่าปีติยินดี. ขอบพระคุณพระยะโฮวาที่พระองค์ไม่ทรงลืมการงานและความรักที่พวกเขาได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์.
สงครามได้ปะทุขึ้นครั้งแรกในสโลวีเนีย แล้วในโครเอเทีย และต่อมาในบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา. ภายในหนึ่งปี ห้ารัฐใหม่ได้แยกตัวออกจากสาธารณรัฐเดียว พยายามกำหนดพรมแดน, กฎหมาย, และระบบเงินตราของตนเอง. พยานฯหลายร้อยคนต้องหนีออกจากบ้านและหาที่ลี้ภัยกับพี่น้องของเขาในที่อื่น. เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปตะวันออก คณะกรรมการฉุกเฉินได้ถูกแต่งตั้งขึ้นในเมืองต่าง ๆ ที่ใหญ่กว่า ให้การดูแลเรื่องที่พักอาศัย, อาหาร, และเครื่องนุ่งห่มสำหรับพี่น้องของเราที่มีความจำเป็น. ระหว่างปีรับใช้ เสบียงอาหารประมาณ 55 ตันได้แจกจ่ายไปยังพี่น้องในประชาคมต่าง ๆ ในเขตที่เกิดความวุ่นวาย. มีจดหมายแสดงความหยั่งรู้ค่าจำนวนมากมายได้ส่งมา.
พี่น้องในดูบรอฟนิกได้เล่าว่าพวกเขารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรสำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับ. ขณะที่พี่น้องหญิงคนหนึ่งกลับบ้านพร้อมด้วยหีบห่ออาหารของเธอ เพื่อนบ้านคนหนึ่งได้ถามว่าเธอไปซื้อไข่จากที่ไหน. พี่น้องหญิงคนนั้นบอกเธอว่าพี่น้องฝ่ายวิญญาณของเธอในเขตอื่นส่งมาให้. เพื่อนบ้านคนนั้นรู้สึกประหลาดใจ. ในอีกกรณีหนึ่งผู้ชายที่ไม่รู้จักจากสโลวีเนียได้โทรศัพท์ถึงผู้ปกครองคนหนึ่งและพูดว่า “ผมได้ยินว่าพยานพระยะโฮวากำลังแจกจ่ายอาหารที่ได้รับจากพี่น้องของเขาในวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม. ผมได้ส่งหลายหีบห่อไปยังประชาชน แต่ไม่เคยถึงมือผู้รับเลย. ผมจะส่งสิ่งบรรเทาทุกข์ดังกล่าวให้คุณ และคุณช่วยเอาของนั้นไปแจกจ่ายได้ไหม?” อนึ่ง หนังสือพิมพ์และวิทยุก็ได้รายงานข่าวอย่างชื่นชมเกี่ยวกับงานบรรเทาทุกข์ของพวกเราด้วย.
พี่น้องชายคนหนึ่งซึ่งได้รับบัพติสมา ณ การประชุมนานาชาติที่เมืองซาเกร็บในปี 1991 ได้ตระหนักถึงความยากลำบากที่ทวีมากขึ้นและจึงซื้อร้านอาหารทั้งร้าน. เขาได้ขนอาหารไปไว้ที่บ้านของเขาซึ่งใกล้กับเขตที่มีการสู้รบกันอยู่. ขณะที่การขาดแคลนอาหารยิ่งรุนแรงขึ้น คลังอาหารนี้เป็นพระพรอย่างแท้จริงแก่บรรดาพี่น้อง.
มีทางเป็นไปได้ที่ได้รับอนุญาตสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อนำผลิตภัณฑ์อาหารไปยังพี่น้องที่ถูกโอบล้อมในเมืองซาราเจโว. เรายินดีที่จะบอกว่าการส่งมอบได้ดำเนินไปอย่างเป็นผลสำเร็จ.
การสู้รบได้ทำให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต. น่าเศร้าใจ ในตอนสิ้นสุดของปีรับใช้ พี่น้องชายและหญิงของเราหกคนและผู้สนใจสองคนได้เสียชีวิต และบางคนได้รับบาดเจ็บ.
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์มากมายแสดงว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว การเป็นพยานพระยะโฮวานั้นเป็นการคุ้มครอง. ในกรณีหนึ่งพี่น้องกำลังเดินทางไปประชุมภาคที่เมืองเบลเกรดเมื่อทหารได้เรียกให้หยุดรถ ถามว่ามีใครเป็นสมาชิกของศาสนาหนึ่งในท่ามกลางพวกเขาหรือไม่. พี่น้องได้ตอบว่าไม่มี. พวกเขาต้องแสดงบัตรประชาชน และบางคนมีชื่อที่แสดงว่าเขาอาจเป็นสมาชิกของศาสนานั้น. ทหารได้กล่าวหาว่าพวกเขาโกหก แต่พี่น้องมีใบแจ้งการถอนตัวออกจากโบสถ์ติดตัว ถึงแม้ว่าพวกเขาได้กำเนิดมาในศาสนานั้น เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้พวกเขาเป็นพยานพระยะโฮวา กำลังเดินทางไปยังการประชุมใหญ่. ด้วยเหตุนี้ ทหารจึงปล่อยให้เขาเดินทางต่อไป.
บรรดาไพโอเนียร์ยังคงรับใช้ต่อไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างไม่ละลด. และการรับใช้เช่นนี้ปรากฏว่าเป็นแรงกระตุ้นอย่างแท้จริงต่อการงาน. วารสารหอสังเกตการณ์ พร้อมด้วยภาพปกสอดสีสวยงามได้รับการแปลออกพร้อมกันในภาษาหลักทั้งหมดของภูมิภาคนั้น. เป็นการจัดเตรียม “อาหารตามเวลา” ทางฝ่ายวิญญาณเป็นประจำให้กับผู้ที่รักความจริงและความชอบธรรม. (ลูกา 12:42) ระหว่างปีรับใช้ 1992 พี่น้องใหม่ชายและหญิง 674 คนได้รับบัพติสมา.
แน่นอน พระเจ้าไม่ทรงลืมการงานของพี่น้องในยุโรปตะวันออกและความรักที่เขาได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์. นอกจากนี้ พระองค์ปรารถนาให้ผู้รับใช้ทั้งปวงของพระองค์ ไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด ติดตามคำแนะนำอันดีที่เปาโลได้ให้ถัดไปที่เฮ็บราย 6:11, (ล.ม.) ซึ่งแถลงว่า “เราปรารถนาให้ท่านแต่ละคนสำแดงความอุตส่าห์เช่นเดียวกัน เพื่อมีความมั่นใจเต็มที่เกี่ยวกับความหวังจนถึงที่สุด.”