“จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง”
“จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง, และให้ที่นอนปราศจากมลทิน.”—เฮ็บราย 13:4, ฉบับแปลใหม่.
1. ผู้คนไม่น้อยได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตสมรสที่ราบรื่นมีความสุข?
ผู้คนนับล้าน แม้ว่าอยู่ในสมัยที่หย่าร้างกันง่าย แต่ก็ชื่นชมกับชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันยืด. คนเหล่านี้ได้พบหลักเกณฑ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จ ทั้ง ๆ ที่มีความแตกต่างกันในด้านบุคลิกภาพและภูมิหลัง. การสมรสดังกล่าวพบเห็นได้ในท่ามกลางพยานพระยะโฮวา. คู่สามีภรรยาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยอมรับว่าพวกตน เคยผ่านทั้งดีและร้ายมาแล้ว กระทั่งบางทีเป็นสาเหตุให้บ่นว่ากันและกันเสียด้วยซ้ำ. แต่เขาได้เรียนรู้ที่จะฝ่าพายุเล็ก ๆ น้อย ๆ และให้นาวาแห่งชีวิตสมรสของเขาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง. ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เขาสามารถยืนหยัดต่อ ๆ ไป?—โกโลซาย 3:13.
2. (ก) มีปัจจัยในทางบวกอะไรบ้างที่ค้ำจุนชีวิตสมรส? (ข) อะไรคือปัจจัยที่อาจเซาะกร่อนชีวิตสมรสได้? (ดูกรอบหน้า 14.)
2 ความเห็นของคริสเตียนหลายคนซึ่งมีชีวิตครอบครัวที่ราบรื่นและยั่งยืนได้เปิดเผยให้เห็นปัจจัยที่น่าสนใจบางอย่าง. สามีรายหนึ่งแต่งงานมา 16 ปีแล้วได้พูดว่า “คราใดที่มีปัญหาขึ้นมา เราพยายามกันจริง ๆ จะรับฟังแง่คิดของอีกฝ่ายหนึ่ง.” ข้อนี้ชี้ถึงหลักหนึ่งในปัจจัยต่าง ๆ ที่ให้ความมั่นคงแก่หลายครอบครัว—การพูดจาสื่อความอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา. ภรรยาคนหนึ่งแต่งงานมานานถึง 31 ปีกล่าวอย่างนี้: “เราถือว่าการกุมมือกัน และทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกันเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกเสมอเพื่อเราทั้งสองคนจะคงความรักอย่างดูดดื่ม.” และนั่นก็เป็นอีกแง่หนึ่งของการพูดจาสื่อความกัน. สามีภรรยาอีกคู่หนึ่งครองรักร่วมกันมาเกือบ 40 ปี ได้กล่าวเน้นความสำคัญของการมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ คือการที่นึกขำตัวเองและสามารถหัวเราะขบขันด้วยกันได้. พวกเขากล่าวอีกว่ามันเป็นการช่วยให้แลเห็นข้อดีข้อเสียของกันและกัน ถึงกระนั้นก็ยังแสดงความรักที่ภักดี. สามีได้กล่าวถึงความเต็มใจยอมรับการผิดพลาด แล้วขออภัย. เมื่อใดมีน้ำใจผ่อนปรน คู่สมรสก็จะเอนเอียงไปในทางปรับตัวเข้าหากันแทนการหย่าขาดจากกัน.—ฟิลิปปอย 2:1-4; 4:5.
บรรยากาศที่เปลี่ยนไป
3, 4. ได้มีการเปลี่ยนทัศนคติเป็นเช่นไรเกี่ยวกับเรื่องความซื่อสัตย์ของคู่สมรส? คุณยกตัวอย่างได้ไหม?
3 ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ทัศนคติของผู้คนทั่วโลกได้เปลี่ยนไปเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ในชีวิตสมรส. บางคนที่สมรสแล้วเชื่อว่าไม่ผิดที่จะนอกใจ คำนุ่มนวลสมัยใหม่แทนคำเล่นชู้ โดยเฉพาะหากคู่ของตนรู้เรื่องและไม่ว่าอะไรในเรื่องนั้น.
4 คริสเตียนผู้ดูแลคนหนึ่งให้ความเห็นเกี่ยวด้วยสภาพการณ์นี้ว่า “โลกได้ละความพยายามที่จะดำเนินชีวิตตามหลักศีลธรรมอย่างจริงจังเสียแล้ว. การประพฤติอย่างบริสุทธิ์กลับถูกมองว่าคร่ำครึ.” บุคคลผู้เด่นดังในวงการเมือง, การกีฬา, และการบันเทิงได้ละเมิดมาตรฐานของพระคัมภีร์ว่าด้วยความประพฤติที่ถูกต้องตามศีลธรรมอย่างโจ่งแจ้ง และคนเหล่านั้นยังคงรับการยกย่องให้มีชื่อเสียงอยู่ต่อไป. ไม่ปรากฏว่าได้มีการตราหน้าการประพฤติอย่างหนึ่งอย่างใดที่ผิดศีลธรรมหรือการปฏิบัติทางเพศที่ผิดปกติ. ความบริสุทธิ์สะอาดและความภักดีไม่ค่อยมีค่าเท่าไรนักในสังคมที่เรียกว่าชั้นสูง. ดังนั้น ตามภาษิตที่ว่า ‘ของโอชะสำหรับห่านตัวเมียก็เป็นของโอชะสำหรับห่านตัวผู้’ ฝูงชนจึงติดตามตัวอย่างของคนชั้นสูง และยอมให้กับสิ่งที่พระเจ้าตำหนิ. เป็นดังที่เปาโลแถลงไว้: “เมื่อเขามาถึงขั้นปราศจากความสำนึกด้านศีลธรรม เขาปล่อยตัวประพฤติหละหลวม กระทำกิจอันไม่สะอาดทุกอย่างด้วยความละโมบ.”—เอเฟโซ 4:19, (ล.ม.); สุภาษิต 17:15; โรม 1:24-28; 1 โกรินโธ 5:11.
5. (ก) ทัศนะของพระเจ้าในเรื่องการเล่นชู้นั้นเป็นเช่นไร? (ข) คำ “ผิดประเวณี” ในคัมภีร์ไบเบิลหมายรวมถึงอะไร?
5 มาตรฐานของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง. เป็นทัศนะของพระองค์ที่ว่าการอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยไม่ทำการสมรสเป็นการผิดประเวณี. การประพฤตินอกใจคู่สมรสก็คือการเล่นชู้นั่นเอง.a อัครสาวกเปาโลได้แถลงอย่างชัดเจนว่า “อะไรกัน! ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก? อย่าให้ใครชักนำท่านให้หลง, คนผิดประเวณี, หรือคนบูชารูปเคารพ, หรือคนเล่นชู้, หรือชายเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ผิดธรรมชาติ, หรือชายที่นอนกับชายด้วยกัน, . . . จะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก. แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเคยเป็นคนอย่างนั้น. แต่ได้ทรงชำระท่านทั้งหลายให้สะอาดแล้ว แต่ได้ทรงทำให้ท่านทั้งหลายบริสุทธิ์ แต่ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้ชอบธรรมในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและด้วยพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา.”—1 โกรินโธ 6:9-11, ล.ม.
6. เราพบการหนุนใจอะไรในถ้อยคำของเปาโลที่ 1 โกรินโธ 6:9-11?
6 จุดหนึ่งในข้อคัมภีร์นั้นซึ่งให้การหนุนใจก็ได้แก่คำพูดของเปาโลที่ว่า “แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเคยเป็นคนอย่างนั้น. แต่ได้ทรงชำระท่านทั้งหลายให้สะอาดแล้ว.” ใช่แล้ว หลายคนซึ่งในอดีตได้ตกเข้าไปใน “แอ่งโสโครกที่มีแต่ความเสเพล” ของโลก ครั้นแล้วเกิดสำนึกได้สติ แล้วได้รับรองเอาพระคริสต์และเครื่องบูชาของพระองค์ และได้รับการชำระให้สะอาด. เขาปลงใจทำให้ชอบพระทัยพระเจ้าโดยดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรมและยังผลให้มีความสุขมากขึ้น.—1 เปโตร 4:3, 4, ล.ม.
7. เกิดมีข้อขัดแย้งอะไรในความเข้าใจคำที่ว่า “การผิดศีลธรรม” และทัศนะของคัมภีร์ไบเบิลคืออย่างไร?
7 ในทางตรงกันข้าม คำจำกัดความของโลกสมัยใหม่เกี่ยวกับการประพฤติผิดทางศีลธรรมนั้นยืดหยุ่นซึ่งไม่เข้ากันเลยกับทัศนะของพระเจ้า. พจนานุกรมเล่มหนึ่งนิยาม “การผิดศีลธรรม” ว่า “การขัดต่อธรรมจรรยาซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน.” ทุกวันนี้ “ธรรมจรรยาซึ่งเป็นที่ยอมรับกัน” ซึ่งยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสหรือการเล่นชู้, รวมทั้งการรักร่วมเพศ ซึ่งล้วนเป็นการกระทำที่คัมภีร์ไบเบิลตำหนิว่าเป็นการผิดศีลธรรม. ถูกแล้ว จากทัศนะของพระคัมภีร์ การกระทำผิดศีลธรรมเป็นการละเมิดมาตรฐานศีลธรรมของพระเจ้าอย่างร้ายแรง.—เอ็กโซโด 20:14, 17; 1 โกรินโธ 6:18.
ประชาคมคริสเตียนได้รับผลกระทบ
8. การทำผิดศีลธรรมอาจส่งผลกระทบบรรดาผู้ที่อยู่ในประชาคมคริสเตียนอย่างไร?
8 ทุกวันนี้ การผิดศีลธรรมมีดาษดื่นแพร่หลายซึ่งอาจสร้างความกดดันแก่บรรดาผู้ที่อยู่ในประชาคมคริสเตียนด้วยซ้ำไป. การประพฤติผิดศีลธรรมอาจมีอิทธิพลเหนือพวกเขาโดยทางรายการทีวี, วีดิโอ, และหนังสือลามกที่แพร่หลาย. ถึงแม้คริสเตียนที่ได้รับผลกระทบนั้นเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม แต่ที่ควรจำไว้ก็คือกรณีการตัดสัมพันธ์ขาดจากฐานะเป็นพยานพระยะโฮวาเนื่องจากการประพฤติซึ่งไม่เหมาะสมกับคริสเตียนที่ไม่มีการกลับใจนั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศแบบใดแบบหนึ่ง. ในส่วนที่ดีนั้น คนที่ถูกตัดสัมพันธ์ส่วนใหญ่ในที่สุดก็รู้สำนึกในความผิดของตนเอง หันมาดำเนินชีวิตในแนวทางที่สะอาด และภายในเวลาอันควรจึงได้ถูกรับเข้ามาในประชาคมอีก.—เทียบกับลูกา 15:11-32.
9. ซาตานจับคนที่ไม่ระวังตัวโดยวิธีใด?
9 ไม่ต้องสงสัยว่าซาตานก็เหมือนสิงโตที่แผดเสียงไปในที่ต่าง ๆ พร้อมจะขม้ำคนที่ไม่ระวังตัว. กลอุบาย หรือ “ยุทธอุบาย” ของมัน คอยดักจับคริสเตียนที่ไม่ระวังตัวทุกปี. น้ำใจของโลกที่แพร่หลายทั่วไปภายใต้อำนาจมารเป็นน้ำใจที่เห็นแก่ตัว, ใฝ่หาแต่ความสำราญ, และเต็มไปด้วยราคะ. น้ำใจดังกล่าวส่งเสริมความกระหายเพื่อสนองความปรารถนาของเนื้อหนัง. น้ำใจนี้ปฏิเสธการควบคุมตน.—เอเฟโซ 2:1, 2; 6:11, 12; 1 เปโตร 5:8.
10. ใครอาจถูกล่อใจได้ และเพราะเหตุใด?
10 ใครบ้างในประชาคมอาจถูกจู่โจมกระทั่งตกเข้าสู่การล่อใจให้ทำผิดศีลธรรม? คริสเตียนแทบทุกคน ไม่ว่าเขาเป็นผู้ปกครองในประชาคมท้องถิ่น, ผู้ดูแลเดินทาง, สมาชิกเบเธล, ไพโอเนียร์ที่ออกทำงานประกาศหลายชั่วโมงแต่ละเดือน, บิดามารดาที่มีธุระยุ่งเลี้ยงดูครอบครัว, หรือหนุ่มสาวที่เผชิญความกดดันจากคนวัยเดียวกัน. การล่อใจให้แสวงความอภิรมย์ในทางกามมักจะเกิดขึ้นกับทุกคน. ขบวนการทางเคมีที่ก่อให้เกิดความรู้สึกทางเพศอาจถูกกระตุ้นในยามที่ไม่คาดคิด. ฉะนั้น เปาโลจึงได้เขียนว่า “เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวมั่นคงดีอยู่แล้วจงระวังให้ดี, กลัวว่าจะหลงผิดไป. ไม่มีการทดลองอะไรมาถึงท่านทั้งหลายเว้นไว้แต่การทดลองซึ่งเคยมีแก่มนุษย์ทั้งปวง.” เป็นที่น่าเสียใจ ที่คริสเตียนบางคนซึ่งอยู่ในตำแหน่งรับผิดชอบก็ยังพ่ายแพ้ต่อการล่อใจให้ประพฤติผิดศีลธรรม.—1 โกรินโธ 10: 12, 13.
ถูกชักพาและถูกล่อใจ
11-13. สภาพการณ์แบบไหนซึ่งเคยนำไปสู่การทำผิดศีลธรรม?
11 การทดลองและสภาพการณ์เช่นไรที่ทำให้บางคนตกเข้าไปในแนวทางอันโฉดเขลาแล้วเล่นชู้และผิดประเวณี? มูลเหตุมีมากมายและซับซ้อนและอาจต่างกันระหว่างประเทศหรือวัฒนธรรมหนึ่ง ๆ. อย่างไรก็ดี มีสภาพการณ์พื้น ๆ บางประการที่เห็นได้ในหลายประเทศ. อาทิ มีรายงานว่าบางคนได้จัดงานเลี้ยง พร้อมทั้งเตรียมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไว้เพียบสำหรับแขก. คนอื่นมีใจรักดนตรีฝ่ายโลกประเภทเร้าความรู้สึกและการเต้นรำที่ยั่วยวนใจ. ในบางท้องถิ่นของแอฟริกา คนรวย—พวกที่ไม่ศรัทธาพระเจ้า—มักจะเลี้ยงดูหญิงสาวเป็นนางบำเรอ อันเป็นสาเหตุจูงใจผู้หญิงบางคนยินยอมเพื่อตนจะมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจจากการทำเช่นนั้น ถึงแม้จะเป็นการประพฤติผิดศีลธรรมก็ตาม. ในบางท้องที่ คริสเตียนผู้เป็นสามีละครอบครัวของตนไปทำงานในที่ห่างไกลจากบ้าน เช่น งานในเหมืองหรือที่อื่น ๆ. แล้วความภักดีความซื่อสัตย์ของเขาอาจถูกทดลองถึงขีดหนึ่งหรือในหลาย ๆ ทาง ซึ่งเขาคงจะไม่ต้องได้ประสบหากอยู่กับครอบครัว.
12 ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีบางคนได้หลงไปติดกับของซาตานโดยการอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับเพศตรงกันข้ามบ่อย ๆ—เป็นต้นว่า เรียนขับรถยนต์ซึ่งจำต้องนั่งชิดกันเป็นประจำกับผู้สอน.b ผู้ปกครองที่ไปเยี่ยมเยียนให้การบำรุงเลี้ยงพึงเป็นคนรอบคอบ เพื่อว่าเมื่อให้คำแนะนำพี่น้องหญิงก็ไม่ควรอยู่ตามลำพัง. การสนทนาอาจกลายเป็นเรื่องสะเทือนอารมณ์และยังผลเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายลำบากใจ.—เทียบกับมาระโก 6:7; กิจการ 15:40.
13 สถานการณ์ต่าง ๆ ที่กล่าวแล้วข้างต้นเคยทำให้คริสเตียนบางคนหย่อนการระมัดระวังตัวและประพฤติผิดศีลธรรม. เช่นที่เคยเกิดขึ้นในศตวรรษแรก คนเหล่านั้นปล่อยตัวจน ‘ถูกทดลองและถูกตัณหาของตัวเองชักพาไป’ ซึ่งนำไปสู่การทำบาป.—ยาโกโบ 1:14, 15; 1 โกรินโธ 5:1; ฆะลาเตีย 5:19-21.
14. เหตุใดความเห็นแก่ตัวเป็นปัจจัยพื้นฐานในรายต่าง ๆ ที่ทำผิดศีลธรรม?
14 การพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในเรื่องการตัดสัมพันธ์แสดงว่า การประพฤติผิดศีลธรรมมีปัจจัยมูลฐานบางประการรวมกัน. ในกรณีดังกล่าวมีลักษณะบางอย่างของการเห็นแก่ตัวแฝงอยู่. ทำไมเราพูดเช่นนั้น? เพราะในกรณีการผิดประเวณี ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยจะได้รับความเสียหาย. อาจเป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย. หากมีบุตรด้วยกัน จะเป็นบุตรแน่นอน เพราะถ้าการผิดประเวณียังผลเป็นการหย่าร้าง เด็ก ๆ ซึ่งต้องการความปลอดภัยจากครอบครัวที่ปรองดองกันต้องทนทุกข์ลำบากอย่างยิ่ง. คนเล่นชู้นึกถึงแต่ความเพลิดเพลินและประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่. นี่แหละคือการเห็นแก่ตัว.—ฟิลิปปอย 2:1-4.
15. สาเหตุอะไรอาจนำไปสู่การเล่นชู้?
15 โดยปกติแล้ว การผิดประเวณีไม่ใช่การกระทำเนื่องจากความอ่อนแอโดยกะทันหัน. เป็นการเสื่อมลงของชีวิตสมรสที่ค่อยเป็นค่อยไป ทีละเล็กทีละน้อย. บางทีการพูดจาสื่อความได้กลายเป็นแบบจืดชืดเย็นชา. อาจแทบจะไม่ได้หนุนใจซึ่งกันและกัน. แต่ละฝ่ายอาจไม่แสดงความหยั่งรู้ค่าต่อกัน. สามีภรรยาอาจไม่ได้สนองความต้องการด้านกามารมณ์แก่คู่ของตนเป็นเวลานาน. แน่นอน เมื่อมีการเล่นชู้ขึ้นมา สัมพันธภาพกับพระเจ้าคงได้ลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน. เขาจะมองเห็นภาพพระยะโฮวาไม่แจ่มชัดในฐานะทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ที่คอยสังเกตความคิดและการกระทำทุกอย่างของพวกเรา. คนเล่นชู้อาจถึงกับคิดว่า “พระเจ้า” เป็นเพียงถ้อยคำ ไม่มีตัวตน ซึ่งไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน. ครั้นแล้วจึงง่ายที่จะกระทำบาปต่อพระเจ้า.—บทเพลงสรรเสริญ 51:3, 4; 1 โกรินโธ 7:3-5; เฮ็บราย 4:13; 11:27.
วิธีที่จะใช้ต้านทาน
16. คริสเตียนจะต้านทานการล่อใจให้กลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสได้อย่างไร?
16 หากคริสเตียนคนใดรู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกล่อใจไปในทางที่ไม่รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง เขาควรคำนึงถึงปัจจัยอะไร? ก่อนอื่น ควรคิดตรึกตรองความหมายของความรักแบบคริสเตียน ซึ่งยึดมั่นต่อหลักการแห่งคัมภีร์ไบเบิล. ไม่ควรยอมให้ความรักทางกายภาพหรือความใคร่ในราคะเข้าครอบงำความรู้สึกของตน แล้วกระโจนเข้าสู่การกระทำอย่างเห็นแก่ตัว ก่อความทุกข์แก่ผู้อื่น. แทนที่จะทำเช่นนั้น ควรมองสภาพการณ์จากทัศนะของพระยะโฮวา. ควรมองในขอบข่ายที่กว้างกว่าเกี่ยวโยงไปถึงประชาคมและความเสื่อมเสียซึ่งการประพฤติชั่วจะนำมาสู่ประชาคมและพระนามของพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 101:3) โดยการรับเอาความคิดของพระคริสต์ในเรื่องนี้แล้วปฏิบัติสอดคล้องกันจึงอาจหลีกพ้นความหายนะได้. พึงจำไว้ว่า ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวแบบพระคริสต์เช่นนั้นไม่เคยล้มเหลว.—สุภาษิต 6:32, 33; มัดธาย 22:37-40; 1 โกรินโธ 13:5, 8.
17. เรามีตัวอย่างความสัตย์ซื่อของใครซึ่งเป็นการเสริมสร้างแก่เรา?
17 วิธีที่จะต้านทานได้คือการเสริมความเชื่อและภาพความหวังที่อยู่เบื้องหน้าให้มั่นคง. ทั้งนี้หมายความถึงการรำลึกและจำใส่ใจอยู่เสมอเกี่ยวด้วยตัวอย่างอันดีเด่นที่ชายหญิงผู้ซื่อสัตย์ภักดีคราวโบราณ รวมทั้งพระเยซูด้วยได้วางไว้. เปาโลเขียนไว้อย่างนี้: “เช่นนั้นแล้ว เมื่อเรามีเมฆกลุ่มใหญ่แห่งพยานล้อมรอบเรา จงให้เราปลดของหนักทุกอย่างและบาปที่เข้ามาติดพันเราโดยง่ายนั้น และการวิ่งแข่งซึ่งกำหนดไว้สำหรับพวกเรานั้น ให้เราวิ่งด้วยความอดทน ขณะที่เรามองเขม้นไปที่พระเยซูผู้นำองค์เอกและผู้ปรับปรุงความเชื่อของเราให้สมบูรณ์พร้อมทุกประการนั้น. เพราะเห็นแก่ความยินดีซึ่งมีอยู่ตรงหน้า พระองค์ยอมทนหลักทรมาน ไม่คำนึงถึงความละอาย แล้วพระองค์ได้เสด็จนั่งเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า. จริงทีเดียว จงเอาใจใส่พิจารณาพระองค์ผู้ได้ทรงอดทนเอากับการกล่าวขัดแย้งโดยคนบาปทั้งหลาย [ผู้ซึ่งกล่าว] อย่างที่ขัดกับผลประโยชน์ของตนเองเช่นนั้น เพื่อท่านจะได้ไม่เบื่อระอาและปล่อยตัวหยุดกลางคัน.” (เฮ็บราย 12:1-3, ล.ม.) แทนที่จะปล่อยให้เรือแห่งชีวิตสมรสอับปางลง คนมีปัญญาย่อมคิดหาทางที่จะซ่อมแซมความเสียหายใด ๆ เพื่อกู้ชีวิตสมรสให้คืนสภาพดีดังเดิม ฉะนั้น จึงเป็นการเลี่ยงพ้นหลุมพรางแห่งการทรยศและการตีสองหน้า.—โยบ 24:15.
18. (ก) เหตุใด คำทรยศไม่รุนแรงเกินไปที่จะพรรณนาการเล่นชู้? (ข) พระเจ้าทรงมีทัศนะเช่นไรต่อกระทำตามคำปฏิญาณ?
18 การทรยศ ซึ่งเป็นการประทุษร้าย เป็นคำรุนแรงเกินไปไหมเมื่อคำนึงถึงการทำผิดศีลธรรม? การประทุษร้ายคือการทำลายความไว้วางใจ. แน่ล่ะ คำปฏิญาณในวันสมรสนั้นได้รวมเอาความไว้วางใจและคำมั่นสัญญาว่าจะรัก, ทะนุถนอม, ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันตลอดเวลายากดีมีจน อีกทั้งรวมไปถึงบางสิ่งซึ่งหลายคนในสมัยของเราถือว่าเป็นเรื่องล้าสมัยคร่ำครึ—คำมั่นสัญญาในคำปฏิญาณเรื่องการสมรส. ที่จะทรยศต่อความไว้วางใจนั้นก็เหมือนกับการคิดประทุษร้ายต่อคู่สมรสทีเดียว. ทัศนะของพระเจ้าต่อการให้สัตย์สาบานได้แจ้งไว้ในพระคัมภีร์ชัดเจนดังนี้: “เมื่อเจ้าปฏิญาณบนไว้ต่อพระเจ้า, อย่าชักช้าในการที่จะแก้บนนั้นให้สำเร็จ; เพราะพระองค์หาชอบพระทัยคนโฉดเขลาไม่: จงแก้บนตามที่เจ้าบนไว้เถิด.”—ท่านผู้ประกาศ 5:4.
19. ตรงกันข้ามกับอะไรที่ซาตานปีติยินดีเมื่อพยานฯพลาดพลั้งทำผิด?
19 อย่าสงสัยเลยในเรื่องนี้. การที่มีความยินดีในสวรรค์เพราะคนบาปคนเดียวได้กลับใจฉันใด เมื่อพยานพระยะโฮวาเพียงคนเดียวไม่ได้รักษาความจงรักภักดีของตน บนแผ่นดินโลกก็มีความยินดีมากมายท่ามกลางบริวารทั้งหลายของซาตานซึ่งประจักษ์และไม่ประจักษ์แก่ตาฉันนั้น.—ลูกา 15:7; วิวรณ์ 12:12.
การทดลองเกิดขึ้นได้กับทุกคน
20. เราจะต้านทานการล่อใจได้อย่างไร? (2 เปโตร 2:9, 10)
20 ในบางกรณี การผิดศีลธรรมเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้นหรือ? กามตัณหาและซาตานมีอำนาจมากจนคริสเตียนไม่สามารถต้านทานหรือรักษาความภักดีของตนไว้ได้เช่นนั้นไหม? เปาโลได้กล่าวคำหนุนใจดังนี้: “พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และพระองค์จะไม่ทรงให้ท่านถูกล่อใจเกินที่ท่านจะทนได้ และเมื่อทรงยอมให้ท่านถูกล่อใจนั้น พระองค์จะจัดทางออกด้วย เพื่อว่าท่านจะสามารถทนได้.” ในโลกสมัยนี้ พวกเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการล่อใจได้ทั้งหมด แต่โดยการหันมาหาพระเจ้าด้วยการทูลอธิษฐาน เราจะอดทนได้แน่นอนและสามารถรับมือกับการทดลองใด ๆ อันอาจเกิดขึ้นกับเราได้.—1 โกรินโธ 10:13, ล.ม.
21. การศึกษาครั้งต่อไป คำถามอะไรที่เราจะได้คำตอบ?
21 พระเจ้าได้ให้อะไรแก่พวกเรา เพื่อช่วยเรายืนหยัดสู้การล่อใจได้และชนะในที่สุด? พวกเราแต่ละคนจำต้องมีอะไรคุ้มครองสายสมรสของเรา, ครอบครัวของเรา, รวมทั้งชื่อเสียงอันดีเกี่ยวด้วยพระนามของพระยะโฮวาและของประชาคม? คำถามเหล่านี้จะถูกนำขึ้นมาพิจารณาในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a “‘การผิดประเวณี’ ในความหมายกว้าง ๆ และดังที่ใช้คำนี้ในมัดธาย 5:32 และ 19:9 ปรากฏว่าพาดพิงถึงการร่วมเพศหลายแบบกับบุคคลนอกสายสมรสซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ถูกทำนองคลองธรรม. พอร์เนียร์ [คำภาษากรีกที่นำมาใช้ในข้อคัมภีร์เหล่านั้น] เกี่ยวข้องกับการใช้อวัยวะสืบพันธุ์ของมนุษย์อย่างน้อยคนหนึ่งอย่างผิดศีลธรรมร้ายแรง (ไม่ว่าจะกระทำแบบธรรมชาติหรือแบบวิตถาร); นอกจากนั้น ต้องมีอีกฝ่ายหนึ่งร่วมการกระทำอันผิดศีลธรรมเช่นนี้—อาจเป็นมนุษย์เพศใดเพศหนึ่งหรือสัตว์เดรัจฉานก็ได้.” (หอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 15 กันยายน 1983 หน้า 27) การเล่นชู้: “การร่วมเพศด้วยความสมัครใจระหว่างคนที่สมรสแล้วกับอีกบุคคลหนึ่งซึ่งไม่ใช่สามีหรือภรรยาตามกฎหมาย.”—ดิ อเมริกันเฮอริเทจ พจนานุกรมภาษาอังกฤษ.
b ปรากฏชัดว่ามีบางโอกาสที่เหมาะสมเมื่อพี่น้องชายจะรับส่งพี่น้องหญิง และในสถานการณ์เช่นนั้นไม่ควรเข้าใจผิด.
คุณจำได้ไหม?
▫ มีปัจจัยอะไรบ้างซึ่งเสริมชีวิตสมรสให้มั่นคง?
▫ เหตุใดเราควรหลีกเลี่ยงทัศนะของโลกในเรื่องศีลธรรม?
▫ การล่อใจและสภาพการณ์อะไรบ้างซึ่งอาจนำไปสู่การทำผิดศีลธรรมได้?
▫ อะไรเป็นหลักสำคัญในการต้านทานบาป?
▫ พระเจ้าทรงช่วยเราโดยวิธีใดในยามที่เราถูกล่อใจ?
[กรอบหน้า 14]
ปัจจัยธรรมดา ๆ ในชีวิตสมรสที่ยั่งยืน
▫ ยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในหลักการของพระคัมภีร์
▫ ทั้งสามีและภรรยามีสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นกับพระยะโฮวา
▫ สามีนับถือภรรยา คำนึงถึงความรู้สึกและความคิดเห็นของภรรยา
▫ มีการติดต่อสื่อความที่ดีระหว่างกันเป็นประจำทุกวัน
▫ พยายามเอาอกเอาใจกัน
▫ มีอารมณ์ขัน; สามารถหัวเราะเมื่อนึกขำตัวเอง
▫ ยอมรับผิดและให้อภัยโดยไม่อั้น
▫ เติมรักให้หวานชื่นอยู่เสมอ
▫ ร่วมประสานกันในการเลี้ยงดูและอบรมบุตร
▫ ร่วมใจกันอธิษฐานต่อพระยะโฮวาอย่างสม่ำเสมอ
ปัจจัยในทางลบซึ่งบ่อนทำลายชีวิตสมรส
▫ การเห็นแก่ตัวและการดื้อรั้น
▫ ไม่มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
▫ ขาดการติดต่อสื่อความระหว่างกัน
▫ ไม่มีการปรึกษาหารือกันอย่างเพียงพอระหว่างสามีภรรยา
▫ จัดการด้านการเงินไม่ค่อยดี
▫ ความแตกต่างกันของกฎเกณฑ์ในวิธีจัดการกับบุตรและ/หรือลูกเลี้ยง
▫ สามีทำงานกลับดึก ๆ หรือละเลยครอบครัวไปทำหน้าที่อื่น
▫ ขาดการเอาใจใส่ครอบครัวในด้านความจำเป็นฝ่ายวิญญาณ
[รูปภาพหน้า 15]
การรักษาสายสมรสให้มีเกียรติย่อมนำมาซึ่งความสุขยั่งยืน