ทำไมจึงรับใช้พระยะโฮวา?
“วันของพระยะโฮวาใกล้เข้ามาแล้ว! ‘ความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง’ ใกล้จะถึงแล้ว และคุณจะไม่รอดผ่านเหตุการณ์นั้นหากคุณไม่ได้รับใช้พระเจ้า.” หากใครสักคนบอกคุณอย่างนั้น คุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?—ซะฟันยา 2:2, 3; มัดธาย 24:21.
จริงอยู่ เราควรคำนึงถึงวันของพระยะโฮวาเสมอ และการรอดชีวิตผ่านความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่งที่จวนจะมาถึงนั้นขึ้นอยู่กับการรับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์. แต่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ควรเป็นเหตุผลสำคัญที่เราถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้ายะโฮวาไหม? ทำไมคุณจึงรับใช้พระยะโฮวา?
จำเป็นต้องมีเจตนาที่ถูกต้อง
หากคนเราไม่ได้รับใช้พระเจ้าด้วยเจตนาที่ถูกต้องแล้ว เขาอาจเลิกรับใช้ถ้าหากความคาดหมายของเขาไม่ได้เป็นจริงภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง. ตัวอย่างเช่น บางคนได้คาดหวังว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับในปี 1843 หรือ 1844 วันเดือนปีที่ได้ผ่านไปโดยที่ความหวังของพวกเขามิได้เป็นจริง. สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้คือข้อความที่เขียนโดยจอร์จ สตอร์ส ผู้พิมพ์วารสารผู้ตรวจสอบคัมภีร์ไบเบิล (ภาษาอังกฤษ) และผู้ซึ่งภายหลังได้รู้จักกับชาร์ลส เทส รัสเซลล์ นายกของสมาคมว็อชเทาเวอร์คนแรก. ในผู้ตรวจสอบคัมภีร์ไบเบิลประจำเดือนกันยายน 1846 สตอร์สเขียนว่า
“พันธะหน้าที่ในการรับใช้พระเจ้านั้นไม่ใช่เพียงแต่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าวันเวลาเกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว . . . . ปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้นถ้าปี 1846 และ 1847 ผ่านพ้นไปดังที่อาจเป็นเช่นนั้น โดยไม่ได้เห็นการเสด็จมาก็คือ ความผิดหวังเหลือจะมโนภาพได้. ประสบการณ์พิสูจน์เรื่องนี้—ผมหมายถึงประสบการณ์ของปี 1843 และ 1844. บัดนี้ ชนส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนล่ะในบรรดาคนเหล่านั้นผู้ซึ่งเคยอ้างว่า ‘ถูกเร้าใจให้รับใช้พระเจ้า’ ตามที่ พวกเขาสมควรทำ เนื่องจากเสียงร้องที่ว่าถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา? และส่งเสียงกลับมาว่า—อยู่ที่ไหนล่ะ!!! มีไม่ถึง 1 ใน 10 ของคนเหล่านั้นที่ยังคงดำเนินอยู่เพื่อเคารพต่อการกล่าวอ้างว่าตนเป็นคริสเตียน. เพราะเหตุใดเล่า? พวกเขาได้รับกระตุ้นจากเจตนาที่ผิด. พวกเขาถูกดึงดูดและกระตุ้นด้วยความเห็นแก่ตัวของพวกเขาเป็นสำคัญ. พวกเขาเป็นเหมือนคนบาปซึ่งคิดว่าตัวเองใกล้จะตายอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่ในพายุกลางทะเล. หากเขาต้องตายเขาจะมาเป็นคริสเตียน. หากเขารู้ว่าเขาพ้นอันตราย เขาจะไม่สนใจไยดีเหมือนเดิม.”
การรับใช้ด้วยเจตนาที่ถูกต้อง
ความเห็นแก่ตัวและความกลัวเกี่ยวกับพินาศกรรมนั้นอาจกระตุ้นบางคนให้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาแบบขอไปที. คนอื่น ๆ อาจติดตรึงใจกับความหวังเกี่ยวกับชีวิตในอุทยานจนกระทั่งเขารับใช้พระเจ้าเพียงแต่เพราะเหตุผลนั้น. แต่หากคนเราที่ได้รับการกระตุ้นจากเจตนาดังกล่าวเป็นประการแรกคิดว่าวันของพระยะโฮวาและความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ยังอยู่อีกไกล เขาอาจไม่มีแนวโน้มที่จะรับใช้พระเจ้าอย่างกระตือรือร้น.
แน่ละ ไม่ใช่เป็นการเห็นแก่ตัวที่จะยินดีในคำสัญญาของพระเจ้าและพระพรที่บอกไว้ล่วงหน้า. พระองค์ทรงประสงค์ให้เรามีความสุขเกี่ยวกับความหวังที่ตั้งไว้ตรงหน้าเราฐานะเป็นผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์. อัครสาวกเปาโลได้กล่าวว่า “จงยินดีในความหวัง” ทั้งยังกล่าวเสริมอีกว่า “จงอดทนในการยากลำบาก จงหมั่นอธิษฐานอยู่เสมอ.” (โรม 12:12) ควบคู่กับการอธิษฐาน “ความโสมนัสยินดีในพระยะโฮวา” ช่วยเราให้อดทนการทดลองและอดใจรอความสำเร็จเป็นจริงแห่งคำสัญญาของพระเจ้า. (นะเฮมยา 8:10) ระหว่างนั้น เรามีเหตุผลหลายประการที่จะรับใช้พระยะโฮวา. เหตุผลเหล่านี้บางประการมีอะไรบ้าง?
หน้าที่และสิทธิพิเศษ
ในฐานะเป็นองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ พระยะโฮวาสมควรได้รับและทรงเรียกร้องความเลื่อมใสศรัทธาโดยเฉพาะ. (เอ็กโซโด 20:4, 5) ดังนั้น คริสเตียนแต่ละคนมีพันธะหน้าที่ระดับเดียวกันต่อพระเจ้าไม่ว่าความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่จะเริ่มต้นพรุ่งนี้, ปีหน้า, หรืออีกนาน. เขาจะมีพันธะต้องรับใช้พระยะโฮวาอย่างไม่เห็นแก่ตัวเนื่องจากเขารักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดหัวใจ, จิตวิญญาณ, จิตใจ, และกำลัง. (มาระโก 12:30) คริสเตียนรุ่นแรกบางคนคิดว่าวันของพระยะโฮวาจวนจะถึงแล้ว แต่ทว่าความคาดหวังของพวกเขามิได้เป็นจริง และเขาตายไปโดยไม่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น. (1 เธซะโลนิเก 5:1-5; 2 เธซะโลนิเก 2:1-5) อย่างไรก็ดี หากพวกเขาซื่อสัตย์จนถึงแก่ความตาย สาวกผู้ถูกเจิมเหล่านั้นของพระคริสต์ก็จะได้รับบำเหน็จโดยการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตฝ่ายสวรรค์ในที่สุด.—วิวรณ์ 2:10.
พยานที่รับบัพติสมาแล้วของพระยะโฮวาควรรับใช้พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์เพราะพวกเขาได้รับเอาภารกิจที่จะกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์ด้วยความสมัครใจ. คิดดูซิ! เช่นเดียวกับพวกทูตสวรรค์บริสุทธิ์ เราสามารถทำตามพระทัยประสงค์ขององค์บรมมหิศรแห่งเอกภพได้. (บทเพลงสรรเสริญ 103:20, 21) พระเยซูทรงประเมินค่าสิทธิพิเศษดังกล่าวอย่างสูงส่งจนกระทั่งพระองค์ตรัสว่า “อาหารของเราคือที่จะกระทำตามพระทัยของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา, และให้การของพระองค์สำเร็จ.” (โยฮัน 4:34) หากเรามีน้ำใจอย่างเดียวกัน เราจะประกาศคำสรรเสริญพระยะโฮวาและบอกคนอื่นถึงพระประสงค์ของพระองค์ดังที่มีเปิดเผยไว้ในพระคัมภีร์นั้นอย่างกระตือรือร้น. โดยวิธีนี้ เรามีสิทธิพิเศษอีกด้วยที่จะช่วยคนอื่น ๆ ทางฝ่ายวิญญาณ. และแน่นอน การทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าเนื่องจากความรักที่มีต่อพระองค์เป็นสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยม ไม่ว่าวันของพระยะโฮวาเริ่มต้นเมื่อไร.
ความรู้สึกขอบพระคุณเสริมแรงกระตุ้น
ความรู้สึกขอบพระคุณต่อความรักของพระเจ้าในการจัดเตรียมเครื่องบูชาไถ่ของพระบุตรควรกระตุ้นเราเช่นกันให้รับใช้พระยะโฮวา. ครั้งหนึ่งเราห่างเหินจากพระเจ้ายะโฮวาเนื่องจากบาป. อย่างไรก็ดี พระเยซูตรัสว่า “พระเจ้าทรงรักโลก [แห่งมนุษยชาติ] มากจนถึงกับได้ประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์.” (โยฮัน 3:16, ล.ม.) พระยะโฮวาทรงเป็นฝ่ายริเริ่มในเรื่องนี้ ดังที่เปาโลเขียนว่า “พระเจ้าได้ทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะเมื่อเราทั้งหลายยังเป็นคนบาป พระคริสต์ได้ทรงยอมตายแทนเรา.” (โรม 5:8) ความรู้สึกขอบพระคุณต่อการสำแดงความรักของพระเจ้าเช่นนี้ควรกระตุ้นเราให้รับใช้พระองค์อย่างสิ้นสุดหัวใจ.
ความหยั่งรู้ค่าต่อการจัดเตรียมฝ่ายวิญญาณและฝ่ายวัตถุของพระยะโฮวาทำให้เรามีเหตุผลต่อไปอีกที่จะรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์. พระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องนำทางที่ไว้ใจได้ เป็นแสงสว่างสำหรับทางเดินของเรา. สรรพหนังสือที่จัดเตรียมผ่านทาง “ทาสสัตย์ซื่อและฉลาด” ช่วยเราทำให้ชีวิตของเราประสานกับพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. (มัดธาย 24:45-47; บทเพลงสรรเสริญ 119:105) และเนื่องจากเราแสวงหาราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นอันดับแรก พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมสิ่งฝ่ายวัตถุให้เราด้วย. (มัดธาย 6:25-34) คุณแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อสิ่งเหล่านี้ไหม?
ความรู้สึกขอบพระคุณต่อเสรีภาพที่พระเจ้าประทานให้พ้นจากศาสนาเท็จจัดให้มีเหตุผลอีกประการหนึ่งที่จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์. บาบูโลนใหญ่ แพศยาทางศาสนา “นั่งอยู่บนน้ำมากหลาย” หมายถึง “ประชาชน, และประเทศ, และภาษาต่าง ๆ.” (วิวรณ์ 17:1, 15) กระนั้น หญิงนั้นมิได้นั่งอยู่บนผู้รับใช้ของพระยะโฮวา โดยใช้อำนาจชักจูงและควบคุมพวกเขาทางด้านศาสนา. ตัวอย่างเช่น พวกเขาปฏิเสธคำสอนเท็จทางศาสนาที่ว่าจิตวิญญาณมนุษย์เป็นอมตะ. พวกเขาทราบว่ามนุษย์ถูกสร้างเป็น “จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่” ทราบว่าคนตายแล้ว “ไม่รู้อะไรเลย” และจะมีการกลับเป็นขึ้นจากตาย. (เยเนซิศ 2:7; ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10; กิจการ 24:15) ดังนั้น พวกเขาไม่กลัวหรือนมัสการคนตาย. ความรู้สึกขอบพระคุณต่อเสรีภาพฝ่ายวิญญาณดังกล่าวทำให้คุณต่อต้านการออกหากและแนบสนิทกับการนมัสการอันบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาไหม?—โยฮัน 8:32.
ความหยั่งรู้ค่าต่อการสนับสนุนจากพระยะโฮวาแต่ละวันควรเพิ่มพูนความตั้งใจแน่วแน่ของเราที่จะรับใช้พระองค์อย่างภักดี. ดาวิดผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญแถลงว่า “ความบรมสุขจงมีแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า, (พระยะโฮวา, ล.ม.) ผู้ทรงแบกภาระของพวกเราทุก ๆ วัน.” (บทเพลงสรรเสริญ 68:19) ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญกล่าวไว้ในที่อื่นอีกว่า “เมื่อบิดามารดาละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว, พระยะโฮวาจะทรงรับข้าพเจ้าไว้.” (บทเพลงสรรเสริญ 27:10) ถูกแล้ว คนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์สามารถมอบภาระโดยนัย เช่นความกังวลและการทดลองต่าง ๆ ไว้กับพระเจ้า. คุณแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อการสนับสนุนอย่างไม่ขาดสายของพระยะโฮวาโดยรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ไหม?—บทเพลงสรรเสริญ 145:14.
จงสรรเสริญพระยะโฮวาและฐานะกษัตริย์ของพระองค์
ความปรารถนาที่จะยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาควรกระตุ้นเราให้รับใช้พระองค์เช่นกัน. มีการพรรณนาสิ่งทรงสร้างทางภาคสวรรค์ไว้ว่าสรรเสริญพระเจ้าด้วยถ้อยคำดังนี้: “พระยะโฮวาเจ้าข้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์ สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.” (วิวรณ์ 4:11, ล.ม.) กษัตริย์ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าโดยตรัสว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา ยศศักดิ์, อำนาจ, รัศมี, ความชัยชนะ, และเดชานุภาพ: คงมีแก่พระองค์, . . . ข้าแต่พระยะโฮวา, ราชสมบัติสิทธิ์ขาดแก่พระองค์, . . . ทรัพย์สมบัติและยศศักดิ์มาแต่พระองค์. พระองค์ทรงครอบครองอยู่ทั่ว; . . . ข้าแต่พระยะโฮวา, . . . ข้าพเจ้าทั้งหลายขอขอบพระเดชพระคุณพระองค์, และสรรเสริญพระนามอันล้ำเลิศของพระองค์.” (1 โครนิกา 29:10-13) ในฐานะผู้รับใช้ของพระยะโฮวา เราไม่รู้สึกว่ามีพันธะหรอกหรือที่จะยกย่องสรรเสริญพระองค์ด้วยคำพูดและการกระทำขณะที่คอยท่าความสมจริงแห่งคำสัญญาของพระองค์?—1 โกรินโธ 10:31.
ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะพูดถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้รับใช้พระยะโฮวา. เจตนาที่ดีเช่นนั้นได้มีการแสดงออกอย่างเหมาะสมในถ้อยคำของผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญที่ว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, พระราชกิจของพระองค์ทั้งสิ้นย่อมเป็นที่ยกยอสรรเสริญแก่พระองค์; และพวกผู้ชอบธรรมของพระองค์ก็ถวายเกียรติยศพระองค์. เขาจะกล่าวถึงพระรัศมีแห่งพระราชสมบัติของพระองค์, และพูดถึงฤทธานุภาพของพระองค์; เพื่อจะสำแดงให้มนุษยชาติรู้ถึงการอิทธิฤทธิ์ของพระองค์ กับพระรัศมีอันรุ่งเรืองแห่งพระราชอาณาจักรของพระองค์. ราชอาณาจักรของพระองค์นั้นเป็นอาณาจักรอันยั่งยืนตลอดอนาคตกาล, และเดชานุภาพของพระองค์ตั้งอยู่ตลอดทุกชั่วอายุของมนุษย์.” (บทเพลงสรรเสริญ 145:10-13) การประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรเป็นหน้าที่ที่คริสเตียนได้รับมอบหมาย และเป็นงานสำคัญที่สุดที่มีการทำกันในสมัยของเรา. (มัดธาย 24:14; 28:19, 20) คุณมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะสรรเสริญพระยะโฮวาและบอกคนอื่น ๆ ถึงเรื่องราชอาณาจักรของพระองค์ไหม?
การทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์และการเชิดชูพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ควรเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราถึงขนาดที่เราต้องการรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์. เราอาจอธิษฐานขอเพื่อการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์และเพื่อการเชิดชูพระบรมเดชานุภาพของพระองค์. (มัดธาย 6:9) เราจะปฏิบัติสอดคล้องกับคำอธิษฐานของเราได้โดยการเข้าร่วมในงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียนเป็นประจำและโดยการเผยแพร่ความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวที่สำคัญยิ่งนั้น.—ยะเอศเคล 36:23; 39:7.
ความยินดีและความพึงพอใจ
โดยการรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ เรามีความพึงพอใจในการทำให้พระทัยของพระองค์ยินดีและพิสูจน์ว่าพญามารเป็นตัวมุสา. ถึงแม้ซาตานอ้างอย่างผิด ๆ ว่าผู้คนรับใช้พระเจ้าด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัวก็ตาม การที่เรารับใช้พระยะโฮวาด้วยความภักดีเนื่องด้วยความรักนั้นพิสูจน์ว่าการโต้แย้งของผู้สบประมาทนั้นไม่จริง. (โยบ 1:8-12) ทั้งนี้ทำให้เรามีเหตุผลอันดีที่จะกระทำสิ่งที่กล่าวไว้ในสุภาษิต 27:11 นั้นต่อไปที่ว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย, จงมีปัญญาขึ้น, และกระทำให้ใจของเรามีความยินดี; เพื่อเราจะมีคำตอบคนที่ตำหนิเราได้.” นอกจากนี้ เมื่อเรารับใช้พระยะโฮวาอย่างภักดีทั้ง ๆ ที่ซาตานขัดขวางเราด้วยประการทั้งปวงก็ตาม แนวทางที่รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงของเราคงจะเสริมสร้างเพื่อนร่วมความเชื่อให้เข้มแข็ง.—ฟิลิปปอย 1:12-14.
ความยินดีและความพึงพอใจจากการมีส่วนในการเก็บเกี่ยวฝ่ายวิญญาณควรกระตุ้นเราให้รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์เช่นกัน. พระเยซูประสบความสุขในการช่วยประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวทางฝ่ายวิญญาณ. มัดธาย 9:35-38 กล่าวว่า “พระเยซูจึงเสด็จดำเนินไปรอบบ้านรอบเมืองทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา, ประกาศกิตติคุณแห่งแผ่นดินของพระเจ้า, และได้ทรงรักษาโรคและความป่วยไข้ของพลเมืองให้หาย. แต่เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงพระกรุณาเขา, ด้วยเขาอิดโรยกระจัดกระจายไปดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง. แล้วพระองค์ตรัสแก่พวกศิษย์ของพระองค์ว่า, ‘การเกี่ยวนั้นเป็นการใหญ่นักหนา, แต่คนทำการยังน้อยอยู่. เหตุฉะนั้นจงอธิษฐานขอต่อเจ้าของของการเกี่ยวนั้น, ให้ใช้คนทำการหลายคนไปในการเกี่ยวของพระองค์.’” หากงานเก็บเกี่ยวยืดเยื้อนานกว่าที่เราคาดหมาย สิ่งนี้จะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นที่จะประสบความยินดีและความพึงพอใจในการช่วยคนอื่น ๆ ทางฝ่ายวิญญาณ. สิ่งนี้ยังเป็นวิธีที่จะแสดงความรักต่อเพื่อนบ้านซึ่งมีการคาดหมายจากเราอีกด้วย.—มัดธาย 22:39.
ทำไมคุณรับใช้พระเจ้า?
เราได้พิจารณาเพียงบางข้อจากเหตุผลที่หนักแน่นหลายประการที่จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์. นับว่าดีที่จะคิดคำนึงด้วยการอธิษฐานถึงเหตุผลเฉพาะตัวของเราในการรับใช้พระเจ้า เพราะเราแต่ละคนจะต้องให้การต่อพระองค์. (โรม 14:12; เฮ็บราย 4:13) และคนเหล่านั้นผู้ซึ่งยังคงมีเพียงเจตนาอันเห็นแก่ตัวอยู่ต่อไปจะไม่ประสบความพอพระทัยของพระเจ้า.
จะคาดหมายอะไรได้หากเราเป็นห่วงเกี่ยวกับการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์เป็นประการแรกและถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้าด้วยเจตนาอันไม่เห็นแก่ตัว? พระยะโฮวาก็จะอวยพระพรเราและงานรับใช้ของเรา! (สุภาษิต 10:22) เรายังจะได้รับชีวิตถาวรอีกด้วยเพราะเราได้รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์.
[ที่มาของภาพหน้า 8]
SIX SERMONS, by George Storrs (1855)
[รูปภาพหน้า 9]
หลายพันคนรับใช้พระยะโฮวาในญี่ปุ่น
[รูปภาพหน้า 10]
การรับใช้พระยะโฮวาในโกตดิวัวร์