จงมีสุขภาพจิตดี—อวสานใกล้เข้ามาแล้ว
“อวสานของสิ่งสารพัดใกล้เข้ามาแล้ว. เหตุฉะนั้น จงมีสุขภาพจิตดี และจงเฝ้าระวังในเรื่องการอธิษฐาน.”—1 เปโตร 4:7, ล.ม.
1. (ก) ผู้นำศาสนาคนหนึ่งกับกลุ่มสาวกของเขาประสบความผิดหวังอย่างไร? (ข) เนื่องจากการคาดหวังบางอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง อาจมีการตั้งคำถามอะไรขึ้นมา?
“ผมได้ยินเสียงพระเจ้าเรียกระหว่างการอธิษฐานครั้งสุดท้ายของคืนนี้. พระองค์ตรัสว่าจะมี 116,000 คนขึ้นสวรรค์และหลุมฝังศพคนที่มีความเชื่อ 3.7 ล้านคนจะเปิดออกสู่สวรรค์.” ผู้นำคนหนึ่งของนิกายมิชชันสำหรับวันเวลาที่จะมีมาได้กล่าวถ้อยคำนี้ในเย็นวันที่ 28 ตุลาคม 1992 เป็นวันการพิพากษาตามที่เขาได้พยากรณ์ไว้. อย่างไรก็ดี เมื่อถึงวันที่ 29 ตุลาคม ไม่มีแม้แต่คนเดียวได้ขึ้นไปสวรรค์ และไม่มีหลุมฝังศพได้ถูกเปิดออก. แทนที่จะเป็นการรับคนขึ้นไปสวรรค์อย่างรวดเร็ว คนเหล่านั้นที่เชื่อเรื่องวันสิ้นโลกในประเทศเกาหลีเพียงแต่ได้เห็นวันใหม่อีกวันหนึ่ง. เส้นตายของวันสิ้นโลกได้ผ่านมาและเลยไปแล้ว แต่ผู้พยากรณ์ถึงวันสิ้นโลกยังคงไม่ท้อถอย. คริสเตียนทั้งหลายพึงทำประการใด? พวกเขาน่าจะเลิกเชื่อไหมว่าอวสานคืบใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว?
2. ใครพูดกับพวกอัครสาวกเรื่องวันพิพากษาในวันข้างหน้า และพวกเขาเรียนรู้เรื่องนี้ภายใต้สภาพการณ์เช่นไร?
2 ที่จะตอบคำถามนี้ ให้เรานึกย้อนไป ณ โอกาสหนึ่งเมื่อพระเยซูสนทนากับสาวกของพระองค์เป็นการส่วนตัว. ที่นั่น ในแคว้นกายซาไรอา ฟิลิปปอย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลฆาลิลาย โดยมีภูเขาเฮระโมนสูงตระหง่านกั้นเป็นฉากอยู่เบื้องหลัง เหล่าสาวกได้ยินพระองค์ตรัสออกมาตรง ๆ ว่าพระองค์จะถูกประหาร. (มัดธาย 16:21) คำกล่าวอื่น ๆ อย่างเอาจริงเอาจังตามมา. ภายหลังที่ทรงชี้แจงให้พวกเขารู้ว่าการเป็นสาวกหมายความถึงการดำเนินชีวิตแบบเสียสละตัวเองอย่างต่อเนื่อง พระเยซูเตือนดังนี้: “บุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยรัศมีแห่งพระบิดาพร้อมกับพวกทูต, เวลานั้นจะพระราชทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการประพฤติของตน.” (มัดธาย 16:27) พระเยซูได้ตรัสถึงการเสด็จมาในอนาคต. อย่างไรก็ดี การเสด็จมาครั้งนี้พระองค์จะทรงเป็นผู้พิพากษา. ในเวลานั้นทุกสิ่งจะขึ้นอยู่กับว่าพระองค์จะพบปัจเจกบุคคลติดตามพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์หรือไม่. การพิพากษาของพระเยซูจะอาศัยความประพฤติเป็นหลัก ไม่ว่าเขาอาจจะมีทรัพย์สิ่งของฝ่ายโลกมากเท่าไรหรือไม่มีก็ตาม. ข้อเท็จจริงนี้บรรดาสาวกของพระองค์ต้องจำใส่ใจไว้เสมอ. (มัดธาย 16:25, 26) ดังนั้น พระเยซูคริสต์เองทรงกำชับเหล่าสาวกให้ตั้งหน้าคอยพระองค์เสด็จมาด้วยสง่าราศีเพื่อการพิพากษา.
3. พระเยซูพรรณนาถึงความแน่นอนเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระองค์ในอนาคตไว้อย่างไร?
3 สิ่งที่พระเยซูตรัสต่อจากนั้นแสดงนัยถึงความแน่นอนแห่งการเสด็จมาของพระองค์ในอนาคต. พระองค์ตรัสอย่างผู้มีอำนาจว่า “เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ในพวกท่านที่ยืนอยู่ที่นี่. มีบางคนซึ่งยังจะไม่ชิมความตายกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์มาในแผ่นดินของท่าน.” (มัดธาย 16:28) หกวันต่อมาถ้อยคำเหล่านี้ก็สมจริง. นิมิตสว่างเจิดจ้าเมื่อพระเยซูทรงแปลงพระกายนั้นยังความประหลาดอัศจรรย์ใจแก่สาวกคนสนิทของพระองค์. อันที่จริง พวกเขามองเห็นพระพักตร์พระเยซูเปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ และฉลองพระองค์ก็ขาววาววับ. การแปลงพระกายครั้งนั้นเป็นภาพให้เห็นล่วงหน้าเกี่ยวกับสง่าราศีและราชอาณาจักรของพระคริสต์. ช่างเป็นการยืนยันอย่างแท้จริงในเรื่องคำพยากรณ์แห่งราชอาณาจักรที่ช่วยเสริมกำลังให้เข้มแข็ง! เป็นการกระตุ้นอันมีพลังอะไรเช่นนั้นเพื่อบรรดาสาวกจะมีสุขภาพจิตดี!—2 เปโตร 1:16-19.
เหตุผลที่การมีสุขภาพจิตดีเป็นเรื่องเร่งด่วน
4. เหตุใดคริสเตียนพึงตื่นตัวฝ่ายวิญญาณต่อการเสด็จมาของพระองค์?
4 ต่อมาไม่ถึงปี พระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ อีกครั้งหนึ่งเป็นการสนทนากับเหล่าสาวกเป็นส่วนตัว. ขณะที่พวกเขาเพ่งมองไปที่กรุงยะรูซาเลม พระองค์ทรงอธิบายหมายสำคัญของการเสด็จประทับในภายหน้าว่าจะเป็นอะไร และทรงเตือนว่า “เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่เสมอ เพราะท่านไม่รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาวันใด.” สาวกของพระองค์จำต้องตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะเขาไม่รู้เวลาที่พระองค์เสด็จมา. พวกเขาต้องพร้อมอยู่เสมอสำหรับวันนั้น.—มัดธาย 24:42, ล.ม.
5. จะเปรียบเทียบความจำเป็นที่ต้องระวังระไวนั้นได้กับอะไร?
5 เกี่ยวด้วยลักษณะการมาของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคล้ายคลึงกับขโมย. พระองค์ตรัสต่อไปว่า “แต่ให้เข้าใจอย่างนี้ว่า, ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน เขาจะเฝ้าระวังไว้ ไม่ให้ตัดฝาเรือนของเขาได้.” (มัดธาย 24:43) โจรไม่ประกาศแจ้งเจ้าของบ้านว่าจะจู่โจมเข้าไปเวลาไหน อาวุธสำคัญของเขาคือทำโดยไม่ให้รู้ตัว. เหตุฉะนั้น เจ้าของบ้านต้องเฝ้าระวังเสมอ. อย่างไรก็ดี สำหรับคริสเตียนที่ซื่อสัตย์แล้ว การระวังระไวไม่ระย่อของเขาก็ไม่ใช่เนื่องมาจากการหวาดหวั่นด้วยความกลัว. ถ้าจะพูดให้ถูก เขาได้รับแรงกระตุ้นโดยการคาดหมายที่ใจจดใจจ่อเรื่องการเสด็จมาของพระคริสต์ด้วยสง่าราศีเพื่อจะนำยุคสันติสุขพันปีเข้ามา.
6. เพราะเหตุใดเราต้องมีสุขภาพจิตดี?
6 แม้นได้เฝ้าระวังอยู่แล้วทุกประการ ไม่มีใครจะคาดเดาล่วงหน้าได้เลยถึงวันเวลาที่แน่นอนที่พระองค์จะมา. พระเยซูตรัสดังนี้: “เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายด้วยเช่นกัน จงเตรียมตัวพร้อมเพราะในโมงที่ท่านไม่คิดว่าเป็นเวลานั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา.” (มัดธาย 24:44, ล.ม.) ดังนั้น จำเป็นต้องมีสุขภาพจิตดี. หากคริสเตียนจะคิดว่าวันนั้นพระคริสต์คงจะไม่มา บางทีในวันนั้นเองพระองค์เสด็จมา! แน่นอน คริสเตียนที่ซื่อสัตย์มีเจตนาดีในสมัยอดีต ด้วยความจริงใจเคยพยายามจะบอกล่วงหน้าว่าอวสานจะมาถึงเมื่อไร. กระนั้น คำเตือนของพระเยซูได้พิสูจน์เป็นความจริงครั้งแล้วครั้งเล่าที่ว่า “เกี่ยวด้วยวันนั้นและโมงนั้นไม่มีผู้ใดรู้ ถึงเทวทูตในสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว.”—มัดธาย 24:36, ล.ม.
7. ที่จะเป็นสาวกของพระคริสต์ เราต้องดำเนินชีวิตอย่างไร?
7 ดังนั้น พวกเราน่าจะสรุปเรื่องนี้อย่างไร? สรุปว่า ที่จะเป็นสาวกของพระคริสต์ เราต้องดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อตลอดเวลาว่าอวสานของระบบชั่วนี้จวนจะมาถึง.
8. อะไรเป็นเครื่องหมายสำคัญของพวกคริสเตียนนับตั้งแต่สมัยต้น ๆ แห่งศาสนาคริสเตียนเรื่อยมา?
8 ทัศนะดังกล่าวเป็นเครื่องหมายของคริสเตียนเสมอมา ดังนักประวัติศาสตร์ฝ่ายโลกและผู้รอบรู้ด้านคัมภีร์ไบเบิลยอมรับ. อาทิ กลุ่มบรรณาธิการของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สำหรับผู้แปล ได้ชี้แจงคำ “วัน” ไว้ในอภิธานศัพท์ว่า “คริสเตียนยุคที่มีการจารึกคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่มีชีวิตอยู่ด้วยการคาดหวังจะเห็นวัน (หมายถึงเวลา) ซึ่งโลกปัจจุบันกับความชั่วช้าและสิ่งเลวร้ายทุกอย่างจะถูกนำไปถึงจุดจบ แล้วพระเยซูจะเสด็จกลับมายังโลกนี้เพื่อพิพากษามวลมนุษยชาติ เปิดยุคใหม่แห่งสันติภาพและเริ่มการครอบครองโลกทั้งสิ้นในฐานะกษัตริย์.” สารานุกรมบริแทนนิกา ให้ข้อสังเกตดังนี้: “การแผ่ขยายตัวที่โดดเด่นของศาสนาคริสเตียนไปทั่วโลกเกี่ยวข้องโดยตรงกับการคาดหมายของคริสเตียนในเรื่องยุคสุดท้าย ในรูปแบบความคาดหมายการกลับมาโดยฉับพลันของพระคริสต์. การคาดหวังของคริสเตียนเกี่ยวกับยุคสุดท้ายนั้นหาใช่เป็นเพียงความปรารถนาแบบอยู่เฉย ๆ รอให้ราชอาณาจักรของพระเจ้ามาเท่านั้นไม่.”
สิ่งที่หมายถึงการมีสุขภาพจิตดี
9. แม้นการคาดหมายบางอย่างของเปโตรเกี่ยวกับพระมาซีฮาไม่ถูกต้อง เหตุใดท่านยังคงมั่นใจอยู่เสมอ?
9 นานสามสิบกว่าปีภายหลังการสนทนากันอย่างสนิทสนมระหว่างพระเยซูกับเหล่าสาวกที่ใกล้ชิด อัครสาวกเปโตรก็ไม่ระย่อที่จะคอยให้อวสานมาถึง. แม้นว่าการคาดหมายแต่แรกของท่านและของเพื่อนสาวกเกี่ยวกับพระมาซีฮานั้นไม่ถูกต้อง ท่านก็ยังคงมั่นใจว่าความรักของพระยะโฮวาและฤทธิ์อำนาจของพระองค์รับประกันให้ความหวังของพวกเขาบรรลุผลเป็นจริง. (ลูกา 19:11; 24:21; กิจการ 1:6; 2 เปโตร 3:9, 10) ท่านเน้นข้อความซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์ภาคภาษากรีกตลอดเล่มเมื่อท่านบอกดังนี้: “อวสานของสิ่งสารพัดใกล้เข้ามาแล้ว.” ครั้นแล้วท่านกระตุ้นเพื่อนคริสเตียนดังนี้: “เหตุฉะนั้น จงมีสุขภาพจิตดี และจงเฝ้าระวังในเรื่องการอธิษฐาน.”—1 เปโตร 4:7, ล.ม.
10. (ก) การมีสุขภาพจิตดีหมายความอย่างไร? (ข) การมองเรื่องราวต่าง ๆ ในแง่ที่สัมพันธ์กับพระทัยประสงค์ของพระเจ้าอย่างเหมาะสมนั้นมีอะไรรวมอยู่ด้วย?
10 การเป็นผู้มี “สุขภาพจิตดี” ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนฉลาดจากแง่คิดของโลก. พระยะโฮวาตรัสว่า “เราจะทำลายปัญญาของคนมีปัญญา, และจะให้ความฉลาดของคนฉลาดศูนย์ไป.” (1 โกรินโธ 1:19) คำที่เปโตรใช้อาจหมายความว่า “เป็นคนมีความคิดสุขุม.” ความสุขุมด้านวิญญาณเกี่ยวข้องกับการนมัสการของเรา. ฉะนั้น การเป็นคนมีใจมั่นคง เราจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ อยู่ในความสัมพันธ์อันเหมาะสมกับพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา เราเข้าใจว่าสิ่งไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ. (มัดธาย 6:33, 34) ในการเผชิญหน้ากับอวสานที่จวนจะมาถึง เราจะไม่ถูกพัดพาไปสู่แบบชีวิตที่ขาดสติ หรือมิใช่ว่าเฉยเมยไม่แยแสต่อยุคนี้ที่เรามีชีวิตอยู่. (เทียบกับมัดธาย 24:37-39.) แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราให้การประมาณตนและความสมดุลควบคุมความคิด, นิสัย, และการประพฤติ, ซึ่งก่อนอื่นสำแดงต่อพระเจ้า (“เฝ้าระวังในการอธิษฐาน”) และแล้วต่อเพื่อนบ้านของเรา (“มีความรักอันแรงกล้าต่อกันและกัน”).—1 เปโตร 4:7, 8, ล.ม.
11. (ก) การที่คนเรา “ถูกเปลี่ยนใหม่ด้วยพลังที่กระตุ้นจิตใจ” หมายความถึงอะไร? (ข) พลังของจิตใจที่เปลี่ยนใหม่ช่วยเราอย่างไรทำการตัดสินใจที่ดี?
11 การเป็นคนมีสุขภาพจิตดีรวมเอาการที่เรา “ถูกเปลี่ยนใหม่ในพลังที่กระตุ้นจิตใจ [ของเรา].” (เอเฟโซ 4:23, ล.ม.) ทำไมจึงเปลี่ยนใหม่? เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ได้ตกทอดมาถึงพวกเรา และการดำรงชีวิตที่ห้อมล้อมด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่ผิดบาป จิตใจของเราถูกครอบงำโดยแนวโน้มซึ่งขัดขวางคุณลักษณะฝ่ายวิญญาณ. พลังของแนวโน้มนี้เร่งเร้าความคิดและโน้มเอียงไปในทางนิยมวัตถุและเห็นแก่ตัว. ดังนั้น เมื่อคนใดมาเป็นคริสเตียน เขาต้องการพลังกระตุ้นใหม่, หรือทัศนคติที่มั่นคง, ซึ่งจะเร้าความคิดของเขาไปในทางที่ถูก, ทางฝ่ายวิญญาณ, ไปสู่การอยู่พร้อมจะเสียสละตัวเอง. ดังนั้น เมื่อมีโอกาสเลือก เช่น เลือกการศึกษา, อาชีพ, การมีงานทำ, การบันเทิง, นันทนาการ, แบบเสื้อผ้า, หรืออะไรก็ตาม ความโน้มเอียงประการแรกของเขาจะเป็นการคำนึงถึงสิ่งนั้น ๆ ในแง่ฝ่ายวิญญาณแทนแง่คิดฝ่ายเนื้อหนัง ที่เห็นแก่ตัว. ทัศนคติที่สร้างขึ้นใหม่นี้ช่วยให้ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นพร้อมกับมีสุขภาพจิตดีและการสำนึกว่าอวสานใกล้เข้ามาแล้ว.
12. พวกเราจะคง “ให้ปกติอยู่ในความเชื่อ” โดยวิธีใด?
12 การมีสุขภาพจิตดีหมายความว่าเรามีสุขภาพดีฝ่ายวิญญาณด้วยเช่นกัน. เราจะรักษา “ให้ปกติอยู่ในความเชื่อ” ไว้ได้อย่างไร? (ติโต 2:2) เราต้องเลี้ยงจิตใจด้วยอาหารที่เหมาะ. (ยิระมะยา 3:15) อาหารที่รับประทานอย่างสม่ำเสมอจากพระวจนะแห่งความจริงของพระเจ้า ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยปฏิบัติการของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยเรารักษาไว้ซึ่งความสมดุลฝ่ายวิญญาณ. เพราะฉะนั้น ความสม่ำเสมอในด้านการศึกษาส่วนตัว, รวมทั้งการออกไปเผยแพร่ตามบ้านเรือน, การอธิษฐานและการคบหาสมาคมแบบคริสเตียนจึงเป็นเรื่องสำคัญ.
วิธีที่สุภาพจิตดีป้องกันเรา
13. สุภาพจิตดีจะป้องกันเราจากการทำผิดอย่างโง่เขลาไว้อย่างไร?
13 สุขภาพจิตดีสามารถป้องกันเราไว้จากการกระทำอันโง่เขลาซึ่งอาจทำให้เราถึงกับสูญเสียชีวิตนิรันดร์. เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร? อัครสาวกเปาโลพูดถึง “กฎธรรมดาซึ่งอยู่ในใจ.” สำหรับผู้ที่เข้มแข็งในความเชื่อ “พระบัญญัติแห่งพระเจ้า” อันเป็นสิ่งที่เขาชื่นชมก็จะควบคุมกฎธรรมดาซึ่งอยู่ในใจของเขา. จริง “กฎของความผิด [บาป, ล.ม.]” ต่อสู้กฎธรรมดาที่อยู่ในใจ. อย่างไรก็ดี คริสเตียนจะชนะได้ด้วยการช่วยเหลือของพระยะโฮวา—โรม 7:21-25.
14, 15. (ก) อิทธิพลสองอย่างอะไรที่พยายามควบคุมจิตใจ? (ข) เราสามารถเอาชนะการต่อสู้ฝ่ายจิตใจได้อย่างไร?
14 เปาโลดำเนินเรื่องต่อโดยชี้ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างจิตใจที่ถูกครอบงำโดยเนื้อหนังที่ผิดบาปซึ่งมีจุดรวมอยู่กับชีวิตซึ่งเป็นไปตามใจตัวเอง และจิตใจที่ถูกครอบงำโดยพระวิญญาณของพระเจ้า ซึ่งมีจุดรวมอยู่กับชีวิตแห่งการสละตัวเองเพื่องานรับใช้พระยะโฮวา. เปาโลเขียนที่พระธรรมโรม 8:5-7 ดังนี้: “คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของของเนื้อหนัง, แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของของพระวิญญาณ. ด้วยว่าซึ่งมีใจสมกับเนื้อหนังก็คือความตาย, และซึ่งมีใจสมกับพระวิญญาณก็คือชีวิตและความสุข เหตุว่าใจสมกับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า เพราะว่าหาได้อยู่ใต้บังคับพระบัญญัติของพระเจ้าไม่, และจะอยู่ใต้บังคับพระบัญญัตินั้นไม่ได้.”
15 ครั้นแล้ว ที่ข้อ 11 เปาโลอธิบายถึงวิธีที่จิตใจซึ่งทำงานร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ชนะการต่อสู้ดังนี้: “แต่ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย, พระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายนั้นแล้วจะทรงกระทำให้กายที่ตายแล้วของท่านทั้งหลายเป็นขึ้นมาใหม่โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งอยู่ในท่านทั้งหลาย.”
16. สุขภาพจิตดีช่วยคุ้มครองเราพ้นจากการล่อใจอะไรบ้าง?
16 เหตุฉะนั้น โดยการมีสุขภาพจิตดี เราจะไม่ถูกจูงใจให้ทำผิดโดยสิ่งล่อใจของโลกนี้ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ซึ่งลักษณะเด่นของมันคือการปล่อยตามใจชอบอย่างไม่มีขอบเขตในความสนุกเพลิดเพลินทุกชนิด, ในสิ่งฝ่ายวัตถุ, และการประพฤติผิดทางเพศ. สุขภาพจิตดีของเราจะสั่งเราว่า “การล่วงประเวณีนั้นจงหลีกหนีเสีย” และหนีเอาตัวรอดจากผลเสียหายอันร้ายแรงที่ตามมา. (1 โกรินโธ 6:18) ทัศนคติของเราซึ่งประกอบด้วยสติสัมปชัญญะจะกระตุ้นเราให้จัดเอาผลประโยชน์ของราชอาณาจักรไว้เป็นอันดับแรก และจะป้องกันความคิดของเราขณะที่เราถูกล่อใจเมื่อมีการเสนออาชีพที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับพระยะโฮวาให้อ่อนลงไป.
17. พี่น้องไพโอเนียร์หญิงแสดงการมีสุขภาพจิตดีโดยวิธีใดเมื่อเผชิญกับพันธะด้านการเงิน?
17 ยกตัวอย่าง ในประเทศเขตร้อนแห่งหนึ่งทางเอเชียอาคเนย์ มีพี่น้องหญิงวัยสาวซึ่งยึดเอาผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในจิตใจของเธอ. เธอได้เพาะความรักต่องานรับใช้เต็มเวลา. ในประเทศนั้น การทำงานส่วนใหญ่แล้วต้องทำเต็มเวลาถึงหกหรือเจ็ดวันทีเดียว. หลังจากเธอจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว บิดาของเธอที่ไม่ใช่พยานพระยะโฮวาก็คาดหมายว่าเธอจะหารายได้ให้กับครอบครัวได้มาก. แต่เนื่องจากเธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นไพโอเนียร์ เธอหางานที่ไม่ต้องทำเต็มเวลาได้และก็เริ่มงานไพโอเนียร์. ทั้งนี้ทำให้บิดาของเธอโมโหมาก เขาขู่จะโยนสมบัติทุกอย่างของเธอทิ้งนอกบ้าน. เพราะเขาติดการพนันจึงมีหนี้สินรุงรัง และหวังจะให้ลูกสาวใช้หนี้แทน. น้องชายคนเล็กของเธอกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัย และเนื่องจากหนี้สิน เขาจึงไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน. น้องชายได้ให้สัญญาว่าถ้าพี่สาวให้การสงเคราะห์ เมื่อเขามีงานทำเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวเอง. เธอสองจิตสองใจระหว่างความรักน้องชายกับใจรักงานไพโอเนียร์. ภายหลังการใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เธอตัดสินใจจะทำงานไพโอเนียร์ต่อ และมองหางานใหม่ทำ. การอธิษฐานของเธอได้รับคำตอบ เธอได้งานที่ดีซึ่งเธอไม่เพียงแต่สามารถช่วยครอบครัวกับน้องชายด้านการเงิน แต่ยังสามารถทำงานไพโอเนียร์ งานที่เธอรักตั้งแต่ต้นต่อไปได้.
จงแสวงหาความช่วยเหลือของพระยะโฮวาเพื่อคงไว้ซึ่งสุขภาพจิตดี
18. (ก) เพราะเหตุใดบางคนมีความรู้สึกอ่อนระอา? (ข) คัมภีร์ข้อไหนบ้างจะปลอบประโลมคนเหล่านั้นที่อ่อนระอา?
18 สาวกบางคนของพระคริสต์อาจประสบว่าไม่ง่ายนักที่ตนจะคงไว้ซึ่งสุขภาพจิตดี. ความอดทนของเขาอาจย่อหย่อนลงไปเนื่องจากระบบชั่วในปัจจุบันยืนนานกว่าที่เขาคาดคิดไว้. เขาอาจรู้สึกอ่อนระอากับระบบนี้. อย่างไรก็ตาม อวสานจะมาแน่. พระยะโฮวาทรงสัญญาไว้อย่างนั้น. (ติโต 1:2) และอุทยานทางแผ่นดินโลกก็จะมีมาตามคำสัญญาของพระองค์เช่นกัน. พระยะโฮวาทรงรับประกันเรื่องนี้. (วิวรณ์ 21:1-5) เมื่อโลกใหม่มาถึงแล้ว จะมี “ต้นไม้แห่งชีวิต” สำหรับทุกคนที่คงไว้ซึ่งสุขภาพจิตดี.—สุภาษิต 13:12.
19. จะรักษาไว้ซึ่งสุขภาพจิตดีอยู่เสมอโดยวิธีใด?
19 เราจะรักษาสุขภาพจิตดีให้คงอยู่โดยวิธีใด? จงแสวงการช่วยเหลือของพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 54:4) จงติดสนิทกับพระองค์. เราปีติยินดีปานใดที่พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เราสนิทชิดใกล้พระองค์! สาวกยาโกโบเขียนไว้ว่า “จงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงเข้าใกล้ท่านทั้งหลาย.” (ยาโกโบ 4:8) เปาโลกล่าวดังนี้: “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ. ข้าพเจ้าจะพูดอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด! จงให้ความมีเหตุผลของท่านปรากฏแก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้. อย่ากระวนกระวายด้วยสิ่งใด แต่ในทุกสิ่งจงทูลขอต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐานและการวิงวอนพร้อมด้วยการขอบพระคุณ; แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าที่เหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะป้องกันรักษาหัวใจและความสามารถในการคิดของท่านไว้โดยพระเยซูคริสต์.” (ฟิลิปปอย 4:4-7, ล.ม.) และคราใดภาระเนื่องมาจากระบบที่จวนตายนี้ดูเหมือนหนักเกินจะทนแบกอีกต่อไป ก็จงมอบภาระเหล่านั้นไว้กับพระยะโฮวา และพระองค์จะทรงค้ำจุนคุณ.—บทเพลงสรรเสริญ 55:22.
20. เราควรดำเนินในแนวทางอะไรตามที่กล่าวไว้ใน 1 ติโมเธียว 4:10?
20 ใช่แล้ว อวสานอยู่ ใกล้แล้ว ดังนั้น จงมีสุขภาพจิตดี! นี้เป็นคำแนะนำที่ดีเมื่อ 1,900 ปีมาแล้วฉันใด คำแนะนำนี้ก็สำคัญในสมัยนี้ฉันนั้น. จงให้เราใช้สมรรถนะแห่งจิตใจของเราที่มีสุขภาพจิตดีสรรเสริญพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปขณะที่พระองค์ทรงนำพวกเราเข้าไปสู่โลกใหม่ของพระองค์อย่างปลอดภัย.—1 ติโมเธียว 4:10.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ สุขภาพจิตดีหมายความอย่างไร?
▫ ทำไมการมีสุขภาพจิตดีจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน?
▫ เราจะถูกเปลี่ยนใหม่ได้อย่างไรโดยอาศัยพลังที่กระตุ้นจิตใจของเรา?
▫ เราต้องต่อสู้อะไรอยู่เรื่อยไปภายในจิตใจของเรา?
▫ โดยวิธีใดพวกเราจะคงไว้ซึ่งสุขภาพจิตดี?
[รูปภาพหน้า 15]
การเข้าไปใกล้พระเจ้าด้วยคำอธิษฐานช่วยเราคงไว้ซึ่งสุขภาพจิตดี
[รูปภาพหน้า 17]
เมื่อมีสุขภาพจิตดี เราจะไม่ถูกชักจูงโดยสิ่งล่อใจของโลกนี้