ความอดทน—สำคัญสำหรับคริสเตียน
“จงเพิ่มความเชื่อของท่านทั้งหลาย . . . ด้วยความอดทน.”—2 เปโตร 1:5, 6, ล.ม.
1, 2. เพราะเหตุใดพวกเราทุกคนต้องอดทนถึงที่สุด?
ผู้ดูแลเดินทางกับภรรยาได้ไปเยี่ยมคริสเตียนเพื่อนร่วมความเชื่อวัย 90 เศษ ๆ. ผู้นี้เคยรับใช้เต็มเวลานานหลายสิบปี. ระหว่างการสนทนา พี่น้องผู้สูงอายุพูดถึงความหลังเกี่ยวกับสิทธิพิเศษบางประการที่เขาชื่นชมมาตลอดหลายปี. เขารำพันด้วยน้ำตานองหน้าว่า “แต่เวลานี้ผมทำอะไรมาก ๆ ไม่ไหวแล้ว.” ผู้ดูแลเดินทางเปิดคัมภีร์ไบเบิลและอ่านมัดธาย 24:13 ซึ่งยกคำตรัสของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด, ผู้นั้นจะรอด.” ครั้นแล้วผู้ดูแลก็สบตาพี่น้องที่รักคนนั้นและพูดว่า “งานมอบหมายสุดท้ายที่พวกเราทุกคนได้รับ ไม่ว่าเราทำได้มากน้อยเพียงใดคือ อดทนจนถึงที่สุด.”
2 ใช่แล้ว ในฐานะที่เป็นคริสเตียนเราทุกคนต้องอดทนกระทั่งอวสานของระบบสิ่งต่าง ๆ หรือจนสิ้นชีวิต. ไม่มีทางอื่นที่จะรับความโปรดปรานจากพระยะโฮวาเพื่อได้ความรอด. พวกเราอยู่ในเส้นทางวิ่งเพื่อชีวิต และเราต้อง “วิ่งด้วยความเพียรอดทน” จนถึงเส้นชัย. (เฮ็บราย 12:1) อัครสาวกเปโตรได้เน้นความสำคัญของคุณสมบัติข้อนี้เมื่อท่านได้เตือนเพื่อนคริสเตียนว่า “จงเพิ่มความเชื่อของท่านทั้งหลายด้วยความอดทน.” (2 เปโตร 1:5, 6, ล.ม.) แต่จริง ๆ แล้วความอดทนคืออะไร?
ความอดทน—หมายถึงอะไร
3, 4. ที่จะอดทนหมายถึงอะไร?
3 ที่จะอดทนหมายถึงอะไร? คำกริยา “อดทน” ในภาษากรีก (ฮึโพเมʹโน) ตามตัวอักษรหมายถึง “คงอยู่หรือยืนหยัดอยู่ภายใต้.” คำนี้ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิล 17 ครั้ง. ตามปทานุกรมที่เรียบเรียงโดย ดับเบิลยู. เบาเออร์, เอฟ. ดับเบิลยู. กิงริช, และ เอฟ. ดันเกอร์ คำนี้หมายความว่า “คงอยู่ แทนที่จะหนี . . . , ยืนหยัด, ปฏิบัติการต่อไป.” คำนามในภาษากรีกสำหรับ “ความอดทน” (ฮึโพโมเนʹ) ปรากฏมากกว่า 30 ครั้ง. เกี่ยวกับคำนี้ ปทานุกรมคำศัพท์ในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ โดยวิลเลียม บาร์กเลย์ ระบุดังนี้: “คำนั้นหมายถึงน้ำใจซึ่งสามารถทนรับสิ่งต่าง ๆ ได้ ไม่ใช่วางมือหรือละเลิกเสียง่าย ๆ, แต่มีความหวังอย่างรุ่งโรจน์ . . . คำนั้นหมายถึงคุณสมบัติที่ทำให้คนเรายืนเชิดหน้าสู้ลมได้ตลอดเวลา. เป็นคุณความดีซึ่งสามารถเปลี่ยนความทุกข์หนักหนาให้กลายเป็นความรุ่งโรจน์ได้ เพราะเลยความเจ็บปวดก็เห็นเป้าหมายเบื้องหน้า.”
4 ดังนั้น ความอดทนช่วยเรายืนหยัดต่อสู้และไม่หมดหวังในยามเผชิญอุปสรรคหรือการยากลำบากต่าง ๆ. (โรม 5:3-5) ความอดทนจะช่วยให้มองการณ์ไกลเลยความเจ็บปวดในปัจจุบันไปยังเป้าหมาย—รางวัล หรือของประทานอันได้แก่ชีวิตนิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก.—ยาโกโบ 1:12.
ความอดทน—เพราะเหตุใด?
5. (ก) เหตุใดคริสเตียนทุกคน “จำต้องมีความเพียรอดทน”? (ข) การทดลองที่เราประสบอาจจำแนกออกได้สองประเภทอะไรบ้าง?
5 ในฐานะที่เป็นคริสเตียน พวกเราทุกคน “จำเป็นต้องมีความเพียรอดทน.” (เฮ็บราย 10:36, ล.ม.) เพราะเหตุใด? โดยพื้นฐานแล้ว เพราะเรา “เผชิญกับการทดลองต่าง ๆ.” คำกรีกที่ใช้ในยาโกโบ 1:2 นี้ชวนให้นึกถึงการเผชิญหน้าโดยไม่คาดคิดหรือไม่พึงประสงค์ เช่น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ร้าย. (เทียบกับลูกา 10:30.) เราประสบการทดลองซึ่งอาจจำแนกได้สองประเภทคือ การทดลองที่มนุษย์ทั้งหลายต่างก็ประสบซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากบาปที่ตกทอดมา และการทดลองที่เกิดขึ้นเนื่องจากเราเลื่อมใสในพระเจ้า. (1 โกรินโธ 10:13; 2 ติโมเธียว 3:12) การทดลองเหล่านี้มีอะไรบ้าง?
6. พยานฯคนหนึ่งได้อดทนอย่างไรเมื่อเผชิญโรคร้ายอันเจ็บปวด?
6 ความเจ็บป่วยร้ายแรง. เช่นเดียวกันกับติโมเธียว คริสเตียนบางคนต้องอดทนกับ “โรคที่บังเกิดแก่ท่านเนือง ๆ.” (1 ติโมเธียว 5:23) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราจำต้องทนกับการเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งบางทีก็อาจเจ็บปวดมาก, เราต้องอดทน, ยืนหยัด, ด้วยการช่วยเหลือของพระเจ้าและไม่มองข้ามความหวังของคริสเตียนที่เรามีอยู่. จงพิจารณาตัวอย่างของพยานฯคนหนึ่งวัย 50 เศษ ๆ ที่ทนสู้ด้วยความทรหดเป็นเวลานานกับมะเร็งร้ายแรงที่ลามเร็วมาก. เขารับการผ่าตัดสองครั้ง และยืนหยัดแน่วแน่ไม่ยอมรับการถ่ายเลือด. (กิจการ 15:28, 29) แต่เนื้อร้ายก็กลับมาที่ช่องท้องอีกและลามไปใกล้กระดูกสันหลัง. ในตอนนั้น เขาประสบความเจ็บปวดทางกายชนิดไม่อาจนึกภาพได้ซึ่งไม่มีวิธีการรักษาใด ๆ สามารถระงับได้. กระนั้น เขามองไกลเลยความเจ็บปวดที่ทนรับในปัจจุบันไปยังรางวัลคือชีวิตในโลกใหม่. เขาพูดถึงความหวังอันรุ่งโรจน์ของเขาอย่างไม่ละลดกับพวกแพทย์, พยาบาล, และคนที่ไปเยี่ยม. เขาอดทนจนถึงที่สุด—จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งชีวิตของเขา. ปัญหาสุขภาพของคุณอาจไม่ถึงกับคุกคามชีวิตหรือเจ็บปวดมากอย่างที่พี่น้องที่รักคนนั้นได้ประสบ แต่กระนั้นก็อาจจะเป็นการทดสอบความอดทนครั้งสำคัญอยู่นั่นเอง.
7. พี่น้องชายหญิงฝ่ายวิญญาณของเราบางคนที่อดทนได้รับความเจ็บปวดชนิดใด?
7 ความปวดร้าวทางจิตใจ. บางครั้งบางคราว ไพร่พลของพระยะโฮวาบางคนประสบ ‘ความปวดร้าวใจ’ ซึ่งยังผลให้ “จิตแตกร้าว.” (สุภาษิต 15:13) อาการซึมเศร้าอย่างหนักมีบ่อย ๆ ในสมัย “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้.” (2 ติโมเธียว 3:1, ล.ม.) วารสารไซเยนส์ นิวส์ วันที่ 15 ธันวาคม 1992 รายงานดังนี้: “อัตราของโรคซึมเศร้าที่รุนแรง บ่อยครั้งในลักษณะที่ทำให้เป็นคนทุพพลภาพนั้นเพิ่มขึ้นกับทุกรุ่นที่เกิดตั้งแต่ปี 1915.” สาเหตุของโรคซึมเศร้าดังกล่าวมีหลากหลาย มีตั้งแต่ปัจจัยต่าง ๆ ทางด้านสรีระจนถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่น่ายินดีอย่างปวดร้าว. สำหรับคริสเตียนบางคนความอดทนหมายรวมถึงการดิ้นรนแต่ละวันที่จะยืนหยัดอยู่เมื่อเผชิญความเจ็บปวดทางจิตใจ. แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้. พวกเขายังคงซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา แม้ว่าเขาต้องหลั่งน้ำตา.—เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 126:5, 6.
8. การทดลองอะไรด้านการเงินที่เราอาจเผชิญ?
8 การทดลองต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญอาจรวมไปถึงความลำบากด้านเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง. เมื่อพี่น้องชายคนหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐ ตกงานกะทันหัน เป็นที่เข้าใจได้ว่าเขาคงเป็นห่วงในเรื่องการหาเลี้ยงครอบครัวและวิตกว่าบ้านจะถูกยึด. อย่างไรก็ดี เขาไม่ปล่อยให้ความหวังเรื่องราชอาณาจักรหลุดลอยไป. ขณะที่เขามองหางานใหม่ เขาใช้โอกาสนั้นรับใช้เป็นไพโอเนียร์สมทบ. ในที่สุด เขาหางานได้.—มัดธาย 6:25-34.
9. (ก) การตายของคนที่เรารักอาจเรียกร้องความอดทนอย่างไร? (ข) คัมภีร์ข้อไหนบ่งชี้ว่าไม่ผิดที่เราร้องไห้เพราะความเศร้าโศก?
9 ถ้าคุณเคยสูญเสียคนที่คุณรักไปเนื่องด้วยการตาย คุณต้องการความอดทนที่ยืนนานหลังจากคนเหล่านั้นรอบตัวคุณกลับดำเนินชีวิตตามปกติ. คุณอาจถึงกับพบว่ายิ่งยากลำบากสำหรับคุณในแต่ละปีเมื่อถึงช่วงเวลาที่คนรักของคุณได้เสียชีวิตไป. การอดทนเพราะการสูญเสียดังกล่าวไม่หมายความว่าเป็นสิ่งผิดที่จะร้องไห้โศกเศร้า. เป็นสิ่งปกติที่เราเศร้าอาลัยถึงคนที่เรารัก และก็ใช่ว่าเป็นเครื่องแสดงถึงการขาดความเชื่อในเรื่องความหวังการเป็นขึ้นจากตาย. (เยเนซิศ 23:2; เทียบกับเฮ็บราย 11:19.) พระเยซู ‘ทรงกันแสง’ เมื่อลาซะโรตาย, แม้ว่าพระองค์ทรงตรัสกับมาธาอย่างเชื่อมั่นแล้วว่า “น้องชายของเจ้าจะเป็นขึ้นอีก.” และลาซะโรฟื้นขึ้นมาจริง!—โยฮัน 11:23, 32-35, 41-44.
10. เหตุใดไพร่พลของพระยะโฮวามีความจำเป็นที่ไม่เหมือนใครในเรื่องความอดทน?
10 นอกจากจะอดทนการทดลองซึ่งเกิดขึ้นปกติกับมนุษย์ทั้งมวล ไพร่พลของพระยะโฮวามีความจำเป็นที่ไม่เหมือนใครในเรื่องความอดทน. พระเยซูทรงเตือนว่า “ชาติต่าง ๆ จะเกลียดชัง พวกท่านเพราะนามของเรา.” (มัดธาย 24:9) และพระองค์ตรัสด้วยว่า “ถ้าเขาได้ข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงเจ้าด้วย.” (โยฮัน 15:20, ล.ม.) ทำไมจึงมีทั้งการเกลียดชังและการข่มเหง? เพราะไม่ว่าพวกเราในฐานะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าจะอยู่ที่ไหนในโลก ซาตานพยายามทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงที่เรามีต่อพระยะโฮวา. (1 เปโตร 5:8; เทียบกับวิวรณ์ 12:17.) เพราะฉะนั้นซาตานมักจะก่อให้เกิดการข่มเหงอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้ความอดทนของเราได้รับการทดสอบอย่างหนัก.
11, 12. (ก) พยานพระยะโฮวาและบุตรของเขาได้เผชิญการทดสอบความอดทนแบบไหนในทศวรรษปี 1930 ถึงตอนต้นทศวรรษปี 1940? (ข) เพราะเหตุใดพยานพระยะโฮวาปฏิเสธที่จะกราบไหว้เครื่องหมายประจำชาติ?
11 เพื่อให้ตัวอย่าง ในทศวรรษปี 1930 และตอนต้นทศวรรษปี 1940 พยานพระยะโฮวาและบุตรของเขาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้ตกเป็นเป้าการข่มเหงเพราะพวกเขาไม่กราบไหว้เครื่องหมายประจำชาติเนื่องด้วยเหตุผลเกี่ยวกับสติรู้สึกผิดชอบ. พวกพยานให้ความนับถือเครื่องหมายประจำชาติของประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ แต่พวกเขาทำตามหลักการที่วางไว้ในพระบัญญัติของพระเจ้าที่เอ็กโซโด 20:4, 5: “อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นสัณฐานรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าอากาศเบื้องบนหรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น ด้วยเราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้หวงแหน.” เมื่อเด็กนักเรียนที่เป็นพยานฯถูกไล่ออกเพราะพวกเขาปรารถนาจะถวายการนมัสการของตนแด่พระยะโฮวาองค์เดียวเท่านั้น พยานพระยะโฮวาจึงตั้งโรงเรียนราชอาณาจักรขึ้นเพื่อการสั่งสอนพวกเขา. นักเรียนเหล่านั้นกลับเข้าโรงเรียนของรัฐอีกเมื่อศาลสูงสุดแห่งสหรัฐยอมรับฐานะทางศาสนาของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ได้มีการยอมรับกันในทุกวันนี้ในประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีความเข้าใจดี. อย่างไรก็ตาม ความอดทนอย่างกล้าหาญของเด็กรุ่นเยาว์เหล่านี้นับว่าเป็นตัวอย่างอันดีเยี่ยมจริง ๆ โดยเฉพาะสำหรับคริสเตียนหนุ่มสาวสมัยนี้ซึ่งอาจเผชิญการเยาะเย้ยถากถางเพราะว่าเขาบากบั่นดำเนินชีวิตตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล.—1 โยฮัน 5:21.
12 การทดลองต่าง ๆ ที่พวกเราเผชิญ—ทั้งที่เป็นเรื่องปกติที่มวลมนุษย์ประสบอยู่และการทดลองที่เราเผชิญเนื่องมาจากความเชื่อฝ่ายคริสเตียนของเรา—บ่งชี้ว่าเราจำต้องมีความอดทน. แต่เราจะอดทนได้อย่างไร?
อดทนจนถึงที่สุด—โดยวิธีใด?
13. พระยะโฮวาทรงประทานความอดทนโดยวิธีใด?
13 ไพร่พลของพระเจ้ามีข้อได้เปรียบอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับคนทั้งหลายที่ไม่นมัสการพระยะโฮวา. สำหรับการช่วยเหลือ เราสามารถวิงวอนขอ “พระเจ้าผู้ทรงให้ท่านทั้งหลายมีความอดทน.” (โรม 15:5, ล.ม.) ทว่า พระยะโฮวาจะทรงให้เรามีความอดทนโดยวิธีใด? วิธีหนึ่งที่พระองค์ทรงกระทำก็โดยทางตัวอย่างความอดทนของบุคคลต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล พระวจนะของพระองค์. (โรม 15:4) เมื่อเราพิจารณาตัวอย่างเหล่านั้น เราไม่เพียงแต่รับการสนับสนุนให้อดทนแต่เราเรียนรู้มากด้วยเช่นกันเกี่ยวกับวิธีที่จะอดทน. จงพิจารณาสองตัวอย่างที่โดดเด่น—ความเพียรอดทนโดยไม่ย่อท้อของโยบ และความอดทนอันปราศจากข้อบกพร่องของพระเยซูคริสต์.—เฮ็บราย 12:1-3; ยาโกโบ 5:11.
14, 15. (ก) โยบอดทนกับความยากลำบากอะไรบ้าง? (ข) โดยวิธีใดโยบสามารถอดทนได้เมื่อท่านเผชิญความยากลำบาก?
14 เหตุการณ์อะไรที่ทดสอบความอดทนของโยบ? ท่านประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจในยามที่ท่านแทบสิ้นเนื้อประดาตัว. (โยบ 1:14-17; เทียบกับโยบ 1:3.) โยบรู้สึกเจ็บปวดเพราะการสูญเสียเมื่อบุตรทั้งสิบคนของท่านตายด้วยลมพายุ. (โยบ 1:18-21) ท่านเองเกิดป่วยอย่างรุนแรงและเจ็บปวดมาก. (โยบ 2:7, 8; 7:4, 5) ภรรยาของท่านเองบีบคั้นให้ท่านเลิกนับถือพระเจ้า. (โยบ 2:9) เพื่อนสนิทต่างก็พูดให้เจ็บช้ำใจ, ไม่กรุณา, และพูดไม่มีมูลความจริง. (เทียบกับโยบ 16:1-3 และ 42:7.) อย่างไรก็ดี โยบได้ยืนหยัดรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงโดยตลอด. (โยบ 27:5) สิ่งที่ท่านได้อดทนก็ทำนองเดียวกันกับการทดลองที่ไพร่พลของพระยะโฮวาเผชิญอยู่ในเวลานี้.
15 โยบสามารถทนการทดลองทุกอย่างเหล่านั้นได้อย่างไร? สิ่งหนึ่งโดยเฉพาะที่ค้ำจุนโยบได้แก่ความหวัง. ท่านแถลงว่า “หากว่าต้นไม้ถูกโค่นลงแล้ว, ยังมีความหวังที่จะงอกเป็นต้นได้อีก, และกิ่งอ่อนนั้นจะงอกขึ้นเสมอไป.” (โยบ 14:7) โยบมีความหวังอะไร? ดังคำพูดของท่านในสองสามข้อถัดไปที่ว่า “ถ้ามนุษย์ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาอีกหรือ? . . . พระองค์จะทรงเรียก, และข้าฯจะทูลตอบ, และพระองค์จะทรงพอพระทัยในหัตถกรรมของพระองค์.” (โยบ 14:14, 15) ใช่แล้ว โยบมองไปไกลเลยความเจ็บปวดที่รับอยู่ในคราวนั้น. ท่านรู้ว่าการทดลองของท่านจะไม่ยืนนานตลอดไป. อย่างมากที่สุดคงต้องทนจนตายเท่านั้น. ความคาดหมายด้วยความหวังของท่านคือว่า พระยะโฮวาผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักประสงค์จะปลุกคนตายให้เป็นขึ้นมา จะทรงปลุกท่านคืนสู่ชีวิตอีก.—กิจการ 24:15.
16. (ก) เราเรียนอะไรเกี่ยวกับความอดทนจากตัวอย่างของโยบ? (ข) ความหวังเรื่องราชอาณาจักรต้องเป็นจริงถึงขีดไหนสำหรับพวกเรา และทำไม?
16 เราเรียนรู้อะไรจากความอดทนของโยบ? ที่จะอดทนถึงที่สุด เราต้องไม่ยอมให้ภาพความหวังของเราพร่ามัวไป. อีกอย่างหนึ่ง จงจำไว้ว่าความแน่นอนเรื่องความหวังแห่งราชอาณาจักรหมายถึงการทนทุกข์ใด ๆ ที่เราเผชิญอยู่นั้นค่อนข้างจะเป็น “ชั่วระยะสั้น ๆ.” (2 โกรินโธ 4:16-18) ความหวังวิเศษสุดของเรามีรากฐานมั่นคงอยู่ที่คำสัญญาของพระยะโฮวาที่ว่าสมัยหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ “พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตา [ของเรา] และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ทั้งความทุกข์โศกหรือเสียงร้องหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย.” (วิวรณ์ 21:3, 4, ล.ม.) ต้องให้ความหวังดังกล่าวซึ่ง “มิได้กระทำให้เกิดความเสียใจเพราะไม่สมหวัง” ป้องกันความคิดของเรา. (โรม 5:4, 5; 1 เธซะโลนิเก 5:8) ความหวังนี้ต้องเป็นเรื่องจริงสำหรับเรา—เป็นจริงกระทั่งเราสามารถมโนภาพตัวเองอยู่ในโลกใหม่ด้วยตาแห่งความเชื่อ—ไม่มีการต่อสู้กับความเจ็บป่วยและความซึมเศร้าอีกต่อไป, แต่ละวันเมื่อตื่นขึ้นมาจะมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมด้วยความคิดปลอดโปร่งแจ่มใส, ไม่วิตกกังวลอีกแล้วเกี่ยวกับการฝืดเคืองด้านการเงินแต่จะอยู่อย่างมั่นคง, ไม่มีการร้องไห้เศร้าโศกเพราะการตายของคนที่เรารักแต่จะประสบความตื่นเต้นเมื่อเห็นพวกเขาได้รับการปลุกขึ้นจากตาย. (เฮ็บราย 11:1) หากปราศจากซึ่งความหวังดังกล่าว เราอาจถูกการทดลองในสมัยปัจจุบันโถมทับจนเรายอมแพ้. ความหวังที่เรามีอยู่ ช่างเป็นพลังกระตุ้นอันวิเศษยิ่งอะไรเช่นนั้นเพื่อที่เราจะสู้ต่อ ๆ ไป เพื่อจะทนได้จนถึงที่สุด!
17. (ก) พระเยซูทรงอดทนกับความยากลำบากอะไรบ้าง? (ข) ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่พระเยซูทรงทนเอานั้นอาจเห็นได้จากข้อเท็จจริงอะไร? (ดูเชิงอรรถ.)
17 คัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนเราให้ “มองเขม้น” ไปที่พระเยซูและ ‘เอาใจใส่พิจารณาพระองค์อย่างใกล้ชิด.’ พระองค์ทรงทนเอาการทดลองอะไรบ้าง? การทดลองบางอย่างสืบเนื่องมาจากบาปและความไม่สมบูรณ์ของผู้อื่น. พระเยซูทรงอดทนไม่เฉพาะ “การกล่าวขัดแย้งโดยคนบาปทั้งหลาย” แต่กับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างสาวกของพระองค์ รวมทั้งการโต้เถียงหลายครั้งที่ว่าใครจะเป็นเอกเป็นใหญ่. ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงเผชิญการทดลองความเชื่ออย่างหนักหาที่เปรียบไม่ได้. พระองค์ “ยอมทนหลักทรมาน.” (เฮ็บราย 12:1-3, ล.ม.; ลูกา 9:46; 22:24) เป็นการยากมากแม้เพียงจะสร้างมโนภาพการทนทุกข์ทรมานทั้งทางจิตใจและร่างกายด้วยความเจ็บปวดขณะถูกประหารชีวิตเสมือนคนหมิ่นประมาท.a
18. ตามคำกล่าวของอัครสาวกเปาโล สองสิ่งที่ได้ค้ำจุนพระเยซูคืออะไร?
18 อะไรช่วยให้พระเยซูอดทนได้จนถึงที่สุด? อัครสาวกเปาโลพูดถึงสองสิ่งซึ่งค้ำจุนพระเยซู คือ ‘คำวิงวอนและคำขอร้อง’ และ “ความยินดีซึ่งมีอยู่ตรงหน้าพระองค์” ด้วย. พระเยซู พระบุตรองค์สมบูรณ์พร้อมของพระเจ้าไม่ทรงละอายที่จะทูลขอการช่วยเหลือ. พระองค์ทรงอธิษฐาน “ด้วยเสียงดังและน้ำพระเนตรไหล.” (เฮ็บราย 5:7; 12:2, ล.ม.) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการทดลองครั้งใหญ่คืบใกล้เข้ามา พระองค์ยิ่งทรงเห็นความจำเป็นที่จะอธิษฐานขอกำลังหลายครั้งหลายหนและอย่างจริงจัง. (ลูกา 22:39-44) ในการตอบคำวิงวอนของพระเยซู พระยะโฮวาหาได้ทรงถอนการทดลองออกไปไม่ แต่พระองค์ทรงเสริมกำลังพระเยซูให้อดทนต่อการทดลองนั้น. อนึ่ง พระเยซูทรงอดทนได้เพราะพระองค์ทรงมองไกลเลยเสาทรมานไปที่รางวัลของพระองค์—ความยินดีที่พระองค์จะได้รับโดยการมีส่วนร่วมกระทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ และการไถ่ครอบครัวมนุษย์พ้นความตาย.—มัดธาย 6:9; 20:28.
19, 20. โดยวิธีใดตัวอย่างของพระเยซูช่วยเราให้มีแง่คิดที่ตรงกับสภาพจริงเกี่ยวกับสิ่งที่รวมอยู่ในความอดทน?
19 จากตัวอย่างของพระเยซู เราเรียนรู้หลายอย่างซึ่งช่วยเรามีแง่คิดในทางเป็นจริงเกี่ยวกับสิ่งที่รวมอยู่ในความอดทน. แนวทางแห่งความอดทนนั้นไม่ง่ายทีเดียว. ถ้าเรารู้สึกว่ายากที่จะทนการทดลองเฉพาะอย่าง มีสิ่งซึ่งปลอบใจเมื่อรู้ว่าแม้แต่กรณีของพระเยซูก็เป็นเช่นนั้น. ที่จะอดทนจนถึงที่สุด เราต้องอธิษฐานขอกำลังครั้งแล้วครั้งเล่า. เมื่อตกอยู่ในการทดลอง เราอาจคิดเป็นครั้งเป็นคราวว่าเราไม่เหมาะสมที่จะอธิษฐาน. แต่พระยะโฮวาทรงเชิญเราให้ระบายความในใจกับพระองค์ ‘เพราะว่าพระองค์ทรงใฝ่พระทัยในพวกเรา.’ (1 เปโตร 5:7, ล.ม.) และเนื่องจากสิ่งซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงสัญญาไว้ในพระวจนะของพระองค์ พระองค์จึงยอมรับพันธะจะประทาน “กำลังที่เกินกว่ากำลังปกติ” แก่บรรดาผู้ที่ทูลต่อพระองค์ด้วยความเชื่อ.—2 โกรินโธ 4:7-9.
20 บางครั้งเราต้องอดทนด้วยน้ำตา. สำหรับพระเยซู ความเจ็บปวดเกี่ยวด้วยเสาทรมานนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ก่อความชื่นชมยินดี. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ความยินดีนั้นอยู่ที่รางวัลซึ่งตั้งไว้เฉพาะหน้าพระองค์. ในกรณีของเรา มิใช่เป็นจริงที่จะคาดหมายว่าเราจะรู้สึกร่าเริงยินดีเสมอไปเมื่อเราตกอยู่ในการทดลอง. (เทียบกับเฮ็บราย 12:11.) อย่างไรก็ตาม โดยการจดจ้องอยู่ที่รางวัล เราอาจสามารถ “ถือว่าเป็นความยินดีทั้งสิ้น” แม้แต่ในยามที่เราเผชิญกับสภาพการณ์ที่ยากลำบากยิ่ง. (ยาโกโบ 1:2-4, ล.ม.; กิจการ 5:41) สิ่งสำคัญคือว่าเรายืนหยัดมั่นคง—ถึงแม้ต้องอดทนด้วยหลั่งน้ำตา. พระเยซูไม่ได้ตรัสว่า ‘ผู้ที่หลั่งน้ำตาน้อยที่สุดก็จะรอด’ แต่พระองค์ตรัสดังนี้: “ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด, ผู้นั้นจะรอด.”—มัดธาย 24:13.
21. (ก) ที่ 2 เปโตร 1:5, 6 เราได้รับการเตือนให้เพิ่มสิ่งใดเข้ากับความอดทนของเรา? (ข) บทความต่อไปจะพิจารณาคำถามอะไร?
21 ดังนั้น ความอดทนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อได้ความรอด. แต่ที่ 2 เปโตร 1:5, 6 (ล.ม.) เราได้รับการเตือนให้เพิ่มความอดทนด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า. ความเลื่อมใสในพระเจ้าคืออะไร? ความเลื่อมใสในพระเจ้าเกี่ยวโยงอย่างไรกับความอดทน และคุณจะได้มาโดยวิธีใด? ในบทความต่อไปจะมีการพิจารณาคำถามเหล่านี้.
[เชิงอรรถ]
a ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่พระเยซูทรงอดทนนั้นอาจมองเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่การสิ้นพระชนม์แห่งกายสมบูรณ์ของพระองค์นั้นเกิดขึ้นหลังจากถูกตรึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ขณะเดียวกันผู้ร้ายที่ถูกตรึงเคียงข้างพระองค์ยังต้องถูกทุบขาเพื่อให้ตายเร็วขึ้น. (โยฮัน 19:31-33) คนเหล่านั้นไม่ได้ประสบความทุกข์สาหัสที่ได้เกิดขึ้นกับพระเยซูทั้งทางจิตใจและร่างกายเนื่องจากพระองค์ไม่ได้บรรทมหลับเลยตลอดคืนก่อนถูกตรึงในวันถัดมา อาจถึงขั้นที่พระองค์ไม่สามารถแบกเสาทรมานของพระองค์ได้ด้วยซ้ำ.—มาระโก 15:15, 21.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ที่จะอดทนนั้นหมายความอย่างไร?
▫ เหตุใดไพร่พลของพระยะโฮวามีความจำเป็นที่ไม่เหมือนใครในเรื่องความอดทน?
▫ อะไรได้ช่วยโยบให้อดทนได้?
▫ โดยวิธีใดตัวอย่างของพระเยซูช่วยเรามีแง่คิดที่ตรงกับสภาพจริงในเรื่องความอดทน?
[รูปภาพหน้า 10]
ได้มีการตั้งโรงเรียนราชอาณาจักรขึ้นเพื่อสอนเด็กคริสเตียนซึ่งถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะการที่พวกเขาถวายการนมัสการของเขาแด่พระยะโฮวาองค์เดียวเท่านั้น
[รูปภาพหน้า 12]
ด้วยตั้งพระทัยที่จะถวายพระเกียรติแด่พระบิดา พระเยซูทรงอธิษฐานขอกำลังเพื่อจะอดทน