พวกเขาบำรุงเลี้ยงลูกแกะด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ในบรรดาสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับคนนั้น ไม่มีสัตว์ใดเหมือนกับแกะ. สัตว์ส่วนใหญ่มีกำลังและสัญชาตญาณที่จำเป็นเพื่อเสาะหาอาหารและหลบหนีสัตว์ที่ล่ามันกิน แต่แกะต่างออกไป. มันถูกสัตว์ล่าเหยื่อจู่โจมได้ง่าย มีความสามารถน้อยมากในการป้องกันตัว. หากปราศจากผู้เลี้ยงแล้ว แกะจะหวาดกลัวและช่วยตัวเองไม่ได้. เมื่อแยกจากฝูง มันก็จะหลงทางได้ง่าย. เพราะฉะนั้น แกะที่เชื่องจึงมีเหตุผลล้นเหลือที่จะรู้สึกผูกพันกับผู้เลี้ยงของมัน. หากไม่มีผู้เลี้ยง พวกมันจะมีโอกาสอยู่รอดน้อย. เนื่องจากลักษณะพิเศษเหล่านี้ คัมภีร์ไบเบิลใช้แกะในเชิงอุปมาเพื่อพรรณนาถึงคนที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย, ได้รับการดูถูก, หรือไม่มีทางป้องกันตัว.
แน่นอน ผู้เลี้ยงแกะสมควรจะได้รับรางวัล. ชีวิตของเขาไม่ใช่เป็นแบบสบาย ๆ. เขาเผชิญกับทั้งความร้อนและความหนาวเย็น และอดหลับอดนอน. เขาต้องป้องกันฝูงแกะไว้จากสัตว์ที่ล่าเหยื่อ บ่อยครั้งโดยที่ตัวเองต้องเสี่ยงอันตราย. เนื่องจากผู้เลี้ยงต้องคอยดูแลให้แกะอยู่รวมฝูงกัน เวลาส่วนมากของเขาจึงถูกใช้ไปในการเสาะหาแกะที่หลงทางหรือหายไป. เขาต้องรักษาตัวที่ป่วยและที่ได้รับบาดเจ็บ. ลูกแกะที่อ่อนแอหรืออิดโรยก็ต้องแบกไป. มีความเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาในเรื่องการจัดให้มีเสบียงอาหารและน้ำเพียงพอ. ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ผู้เลี้ยงแกะจะนอนค้างคืนข้างนอกที่ทุ่งนาเพื่อจะทำให้แน่ใจในความปลอดภัยของฝูงแกะ. เนื่องจากเหตุนี้ การเลี้ยงแกะเป็นชีวิตที่เข้มงวดซึ่งเรียกร้องการรับใช้จากคนที่กล้าหาญ, ขยัน, และมีปฏิภาณดี. ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เขาต้องมีความสามารถที่จะแสดงความห่วงใยอันแท้จริงต่อฝูงแกะที่มอบไว้ในความดูแลของเขา.
การบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้า
คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาถึงไพร่พลของพระเจ้าเป็นเหมือนแกะที่เชื่อง และคนเหล่านั้นที่ดูแลพวกเขาเป็นเหมือนผู้เลี้ยงแกะ. พระยะโฮวาเองทรงเป็น ‘ผู้บำรุงเลี้ยงและผู้ดูแลแห่งจิตวิญญาณของเรา.’ (1 เปโตร 2:25, ล.ม.) พระเยซูคริสต์ “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” ได้แสดงความประสงค์ของพระองค์ที่ว่าแกะจะได้รับการเอาใจใส่ดูแลด้วยความเห็นอกเห็นใจเมื่อพระองค์รับสั่งแก่อัครสาวกเปโตรว่า ‘จงเลี้ยงลูกแกะของเรา, จงเลี้ยงแกะเล็ก ๆ ของเรา, จงเลี้ยงดูแกะเล็ก ๆ ของเราเถิด.’ (โยฮัน 10:11; 21:15-17, ล.ม.) ผู้ดูแลคริสเตียนได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการให้ ‘บำรุงเลี้ยงประชาคมของพระเจ้า.’ (กิจการ 20:28, ล.ม.) และงานของพวกเขาฐานะเป็นผู้บำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณเรียกร้องคุณลักษณะของผู้เลี้ยงแกะที่ดีตามตัวอักษร—ความกล้าหาญ, ความขยัน, การมีปฏิภาณดี, และที่สำคัญ ความห่วงใยด้วยน้ำใสใจจริงต่อสวัสดิภาพของฝูงแกะ.
ในสมัยของยะเอศเคลผู้พยากรณ์ของพระเจ้า ผู้บำรุงเลี้ยงส่วนใหญ่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เอาใจใส่ต่อความจำเป็นแห่งไพร่พลของพระยะโฮวาในยิศราเอลนั้นไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จ. ฝูงแกะของพระเจ้าได้รับผลเสียอย่างสุดแสน โดยที่คนส่วนใหญ่ละทิ้งการนมัสการแท้. (ยะเอศเคล 34:1-10) ทุกวันนี้ นักเทศน์แห่งคริสต์ศาสนจักรแสดงตัวเป็นผู้บำรุงเลี้ยงของประชาคมที่สมมุติกันว่าเป็นคริสเตียน แต่สภาพเจ็บป่วยทางฝ่ายวิญญาณของประชาคมนั้นพิสูจน์ว่านักเทศน์เป็นเหมือนผู้หลอกลวงที่ชั่วช้าซึ่งละเลยและเหยียดหยามประชาชนสมัยเมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก. ผู้นำทางศาสนาแห่งคริสต์ศาสนจักรเป็นเหมือน “คนรับจ้าง” ผู้ซึ่ง “ไม่เอาใจใส่แกะ.” (โยฮัน 10:12, 13, ล.ม.) พวกเขาไม่เต็มใจ, ไม่สามารถ, หรือไม่มีคุณวุฒิที่จะบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าแม้แต่น้อย.
ผู้บำรุงเลี้ยงที่เอาใจใส่อย่างแท้จริง
พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบไว้สำหรับทุกคนผู้ซึ่งจะบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระยะโฮวา. พระองค์ทรงรัก, กรุณา, เห็นอกเห็นใจ, และช่วยเหลือเหล่าสาวกของพระองค์ในทุกวิถีทาง. พระองค์ทรงริเริ่มในการเสาะหาคนเหล่านั้นที่มีความต้องการ. ถึงแม้พระเยซูมีธุระและมักจะเหนื่อยล้าอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม พระองค์ทรงใช้เวลารับฟังปัญหาของพวกเขา และให้การหนุนกำลังใจอยู่เสมอ. ความเต็มพระทัยของพระองค์ที่จะสละจิตวิญญาณของพระองค์เพื่อพวกเขานั้นเป็นการแสดงออกซึ่งความรักในระดับสูงสุด.—โยฮัน 15:13.
ในทุกวันนี้ ผู้ปกครองในประชาคมที่ได้รับการแต่งตั้งทุกคน อีกทั้งผู้รับใช้ด้วยมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบนี้ต่อฝูงแกะ. ด้วยเหตุนี้ แม้กระทั่งผลประโยชน์ทางด้านวัตถุที่พวกเขาอาจมีทางที่จะได้รับในอีกประเทศหนึ่งก็มิได้ชักจูงชายที่มีความรับผิดชอบเหล่านี้ส่วนใหญ่ให้ย้ายไปประเทศอื่น และโดยวิธีนี้ จึงทิ้งประชาคมไว้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือและการดูแลเพียงพอ. เนื่องจากดำรงชีวิตอยู่ใน “วิกฤตกาลซึ่งยากจะรับมือได้” ฝูงแกะจึงมีความจำเป็นต้องได้รับการหนุนกำลังใจและการนำทาง. (2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.) มีอันตรายอยู่เสมอมาที่บางคนจะตกเป็นเหยื่อของซาตาน ซึ่งเป็น “เหมือนสิงโต แผดเสียงร้อง เสาะหาคนหนึ่งคนใดที่มันจะขย้ำกลืนเสีย.” (1 เปโตร 5:8, ล.ม.) บัดนี้นับว่าสำคัญยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อนที่ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนจะ “ตักเตือนคนเกะกะ พูดปลอบโยนผู้ที่หดหู่ใจ เกื้อหนุนคนที่อ่อนแอ.” (1 เธซะโลนิเก 5:14, ล.ม.) การระวังระไวอยู่เสมอเป็นสิ่งจำเป็นหากพวกเขาจะป้องกันคนที่ไม่มั่นคงไว้จากการพลัดไปจากฝูง.—1 ติโมเธียว 4:1.
ผู้บำรุงเลี้ยงจะตัดสินได้อย่างไรว่าเมื่อไรแกะจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ? อาการบางอย่างที่เห็นชัดคือการไม่ได้เข้าร่วมการประชุมคริสเตียน, การมีส่วนอย่างไม่สม่ำเสมอในงานรับใช้ตามบ้าน, และแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการคบหาสมาคมอย่างใกล้ชิดกับคนอื่น. ความอ่อนแออาจสังเกตได้ด้วยโดยการสังเกตอย่างถี่ถ้วนถึงเจตคติของแกะและแนวโน้มแห่งการสนทนาของเขา. เขาอาจมีแนวโน้มที่จะวิจารณ์คนอื่น ๆ บางทีแสดงความรู้สึกที่ขุ่นเคืองใจ. การสนทนาของเขาอาจอยู่ในเรื่องการติดตามทางด้านวัตถุมากเกินไปแทนที่จะเป็นในเรื่องเป้าหมายฝ่ายวิญญาณ. การขาดความกระตือรือร้น, ขาดการมองในแง่ดี, และขาดความยินดีโดยทั่วไปอาจหมายความว่าความเชื่อของเขาได้อ่อนลง. สีหน้าท้อแท้อาจเป็นการส่อเค้าว่าเขาได้รับความกดดันจากญาติที่ต่อต้านหรือเพื่อนชาวโลก. โดยสังเกตอาการเหล่านี้ ผู้บำรุงเลี้ยงอาจตัดสินว่าความช่วยเหลือชนิดใดเป็นสิ่งจำเป็น.
เมื่อไปเยี่ยมเพื่อนร่วมความเชื่อ ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนจำเป็นต้องคำนึงถึงเป้าประสงค์อันดับแรกของเขา. นั่นไม่ใช่เป็นเพียงการเยี่ยมเพราะรู้จักมักคุ้นกันพร้อมด้วยการสนทนาเรื่องทั่ว ๆ ไป. เป้าหมายของอัครสาวกเปาโลในการไปเยี่ยมพวกพี่น้องก็เพื่อ ‘ให้ของประทานฝ่ายวิญญาณแก่เขาทั้งหลายบ้าง เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ดำรงมั่นคงอยู่ คือเพื่อจะได้หนุนใจซึ่งกันและกัน.’ (โรม 1:11, 12) เพื่อสัมฤทธิ์ผลในเรื่องนี้ การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น.
ก่อนอื่น จงวิเคราะห์ปัจเจกบุคคล และพยายามตรวจดูว่าสภาพฝ่ายวิญญาณของเขาเป็นอย่างไร. โดยทราบเรื่องนั้นแน่ชัดแล้ว จงพิจารณาดูบ้างว่าการชี้นำ, การหนุนกำลังใจ, หรือคำแนะนำชนิดใดจะเป็นประโยชน์มากที่สุด. คัมภีร์ไบเบิลพระวจนะของพระเจ้าควรเป็นแหล่งอันดับแรกของข้อมูลเพราะ “ประกอบด้วยฤทธิ์เดช.” (เฮ็บราย 4:12) อาจตรวจดูวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! เพื่อได้บทความที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็นเฉพาะอย่างของแกะที่เผชิญกับปัญหาหนักเป็นพิเศษ. อาจพบประสบการณ์ที่ทำให้ปีติยินดีและสดชื่นได้ในหนังสือประจำปีแห่งพยานพระยะโฮวา. เป้าหมายคือที่จะถ่ายทอดสิ่งฝ่ายวิญญาณซึ่งจะเป็น ‘ประโยชน์เพื่อการเสริมสร้างคนนั้นขึ้น.’—โรม 15:2, ล.ม.
การบำรุงเลี้ยงที่เสริมสร้างขึ้น
ผู้เลี้ยงแกะจริง ๆ ตามตัวอักษรทราบว่าฝูงแกะอาศัยเขาเพื่อการปกป้องคุ้มครองและการเอาใจใส่ดูแล. อันตรายธรรมดาที่สุดมาจากการหลงหายไป, ความเจ็บป่วย, ความอ่อนเปลี้ย, การบาดเจ็บ, และสัตว์ที่ล่าเหยื่อ. ในทำนองเดียวกัน ผู้บำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณต้องสังเกตและจัดการกับอันตรายอย่างเดียวกันที่คุกคามสวัสดิภาพของฝูงแกะ. ต่อไปนี้เป็นปัญหาบางอย่างที่มักเกิดขึ้นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสิ่งที่อาจพูดได้เพื่อให้ข้อแนะที่เสริมสร้างขึ้นทางฝ่ายวิญญาณ.
(1) เช่นเดียวกับแกะที่เลินเล่อ คริสเตียนบางคนหลงไปจากฝูงของพระเจ้า เพราะเขาอาจถูกล่อจากสิ่งดึงดูดใจที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยและน่าเพลิดเพลิน. เขาอาจถูกทำให้เขวไปและถึงกับลอยห่างออกไปเนื่องจากการติดตามเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับลัทธิวัตถุนิยม, นันทนาการ, หรือความบันเทิง. (เฮ็บราย 2:1) ปัจเจกบุคคลดังกล่าวอาจได้รับการเตือนให้นึกถึงความเร่งด่วนของเวลา, ความจำเป็นที่จะใกล้ชิดกับองค์การของพระยะโฮวาเสมอ, และความสำคัญของการจัดเอาผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรไว้เป็นอันดับแรกในชีวิต. (มัดธาย 6:25-33; ลูกา 21:34-36; 1 ติโมเธียว 6:8-10) คำแนะนำที่เป็นประโยชน์พบได้ในบทความเรื่อง “จงเป็นคนสมดุลเสมอ—โดยวิธีใด?” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 1 พฤศจิกายน 1984, หน้า 9-13.
(2) ผู้บำรุงเลี้ยงจำเป็นต้องให้การเยียวยารักษาแกะที่เจ็บป่วย. ในทำนองเดียวกัน ผู้บำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณต้องช่วยเหลือคริสเตียนผู้ซึ่งป่วยฝ่ายวิญญาณเนื่องจากปัจจัยในแง่ลบในชีวิตของเขา. (ยาโกโบ 5:14, 15) เขาอาจว่างงาน, อาจมีปัญหาร้ายแรงด้านสุขภาพ, หรืออาจประสบความยุ่งยากในชีวิตครอบครัวของเขา. บุคคลดังกล่าวอาจมีความอยากอาหารฝ่ายวิญญาณหรือการคบหากับไพร่พลของพระเจ้าไม่มากนัก. นี้อาจยังผลกลับกลายเป็นการแยกตัวโดดเดี่ยวและความท้อใจ. จำเป็นต้องทำให้พวกเขามั่นใจว่าพระยะโฮวาทรงใฝ่พระทัยในเขาและจะค้ำจุนเขาให้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบาก. (บทเพลงสรรเสริญ 55:22; มัดธาย 18:12-14; 2 โกรินโธ 4:16-18; 1 เปโตร 1:6, 7; 5:6, 7) อาจเป็นประโยชน์ด้วยที่จะทบทวนบทความเรื่อง “จงมองตรงไปข้างหน้าฐานะคริสเตียน” พบได้ใน เดอะ ว็อชเทาเวอร์ วันที่ 1 มิถุนายน 1980, หน้า 12-15.
(3) ผู้บำรุงเลี้ยงต้องเฝ้าระวังดูแกะที่รู้สึกเหนื่อยล้า. บางคนได้อดทนอย่างซื่อสัตย์ในการรับใช้พระยะโฮวาตลอดระยะเวลาหลายปี. พวกเขาได้ต่อสู้ดิ้นรนผ่านการพิสูจน์ทดลองหลายอย่าง. ตอนนี้พวกเขาแสดงอาการเหนื่อยล้าในการทำดีและอาจถึงกับแสดงความสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นในเรื่องกิจการงานประกาศอย่างจริงจัง. จำเป็นที่จะฟื้นฟูน้ำใจของเขาใหม่ ทำให้ความหยั่งรู้ค่าของเขาต่อความยินดีและพระพรที่มาจากการรับใช้พระเจ้าแบบสุดหัวใจอันเป็นการเลียนแบบพระเยซูคริสต์นั้นกลับคืนมา. (ฆะลาเตีย 6:9, 10; เฮ็บราย 12:1-3) บางทีเขาอาจได้รับการช่วยให้เข้าใจว่าพระยะโฮวาทรงหยั่งรู้ค่าการรับใช้ด้วยความภักดีของเขาและอาจเสริมกำลังเขาเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคตเพื่อการสรรเสริญพระองค์. (ยะซายา 40:29, 30; เฮ็บราย 6:10-12) อาจเป็นประโยชน์ที่จะแบ่งปันข้อคิดจากบทความเรื่อง “อย่าให้เราเลื่อยล้าในการกระทำดี” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 15 กรกฎาคม 1988 หน้า 12-19.
(4) เช่นเดียวกับแกะที่ได้รับบาดเจ็บ คริสเตียนบางคนได้รับความเจ็บปวดเนื่องจากสิ่งที่เขาเข้าใจว่าเป็นความประพฤติที่ทำให้ขุ่นเคือง. กระนั้น หากเราให้อภัยคนอื่น พระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราก็จะประทานการให้อภัยที่จำเป็นแก่เรา. (โกโลซาย 3:12-14; 1 เปโตร 4:8) พี่น้องชายหรือพี่น้องหญิงบางคนอาจได้รับคำแนะนำหรือการตีสอนที่เขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม. อย่างไรก็ดี เราทุกคนอาจได้รับประโยชน์จากคำแนะนำและการตีสอนฝ่ายวิญญาณ และเป็นการปลอบประโลมใจที่ทราบว่าพระยะโฮวาทรงตีสอนคนเหล่านั้นซึ่งพระองค์ทรงรัก. (เฮ็บราย 12:4-11) เพราะเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษแห่งงานรับใช้ซึ่งเขารู้สึกว่าตนมีคุณวุฒิ บางคนได้ปล่อยให้ความขุ่นเคืองใจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างเขากับประชาคม. แต่ถ้าเราทำตัวให้ห่างเหินจากองค์การของพระยะโฮวา ก็คงจะไม่มีสถานที่อื่นใดที่จะไปเพื่อได้ความรอดและความยินดีแท้. (เทียบกับโยฮัน 6:66-69.) อาจพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตามแนวเหล่านี้ได้ในบทความเรื่อง “การรักษาไว้ซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 15 สิงหาคม 1988, หน้า 9, 29-32.
(5) แกะต้องได้รับการปกป้องไว้จากสัตว์ที่ล่าเหยื่อ. เทียบกันแล้ว บางคนอาจได้รับการต่อต้านและการข่มขู่จากญาติหรือเพื่อนร่วมงานที่ไม่มีความเชื่อ. ความซื่อสัตย์มั่นคงของเขาอาจถูกโจมตีเมื่อมีการใช้ความกดดันเพื่อทำให้เขาลดงานรับใช้พระเจ้าลง หรือหยุดจากการมีส่วนในงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียน. อย่างไรก็ดี พวกเขาได้รับการเสริมกำลัง เมื่อมีการช่วยเขาให้สำนึกว่าพึงคาดหมายการต่อต้าน และที่จริงนั้นเป็นข้อพิสูจน์ประการหนึ่งว่าเราเป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์. (มัดธาย 5:11, 12; 10:32-39; 24:9; 2 ติโมเธียว 3:12) อาจเป็นประโยชน์ที่จะชี้แจงว่าหากเขาซื่อสัตย์ พระยะโฮวาจะไม่ละทิ้งเขาและจะประทานบำเหน็จสำหรับความอดทนของเขา. (2 โกรินโธ 4:7-9; ยาโกโบ 1:2-4, 12; 1 เปโตร 5:8-10) บทความที่มีชื่อว่า “การทนทานด้วยความชื่นชมแม้มีการข่มเหง” ในหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 15 ตุลาคม 1982, หน้า 19-28 ให้การหนุนกำลังใจเพิ่มเติม.
ผู้บำรุงเลี้ยงทั้งหลาย—จงทำให้ความรับผิดชอบของคุณสำเร็จ
ความจำเป็นของฝูงแกะของพระเจ้ามีหลายประการ และการเฝ้าระวังที่สมควรเป็นงานหนัก. เพราะฉะนั้น ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนต้องเห็นอกเห็นใจ, เป็นห่วงด้วยน้ำใสใจจริง, และสนใจในการให้ความช่วยเหลือ. ความอดทนและความสังเกตเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ. ขณะที่ปัจเจกบุคคลบางคนจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและคำตักเตือน คนอื่นได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการหนุนกำลังใจ. การไปเยี่ยมเป็นส่วนตัวสองสามครั้งอาจพอเพียงในบางกรณี ขณะที่ในกรณีอื่นนั้นการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอาจจำเป็น. ในทุกกรณี เป้าหมายประการแรกคือเพื่อให้การชี้นำที่เสริมสร้างขึ้นทางฝ่ายวิญญาณหรือคำแนะนำด้วยความรักซึ่งจะกระตุ้นบุคคลนั้นให้ริเริ่มนิสัยการศึกษาที่ดี เป็นคนสม่ำเสมอหรือดำเนินต่อไปในการเข้าร่วมการประชุมของประชาคมอย่างสม่ำเสมอ และเพลิดเพลินกับการมีส่วนอย่างแข็งขันในงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียน. เหล่านี้เป็นวิธีหลักเพื่อช่วยเพื่อนร่วมความเชื่อและช่วยเขาให้เปิดทางไว้สำหรับการหลั่งไหลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาโดยสะดวก.
ผู้บำรุงเลี้ยงซึ่งจัดเตรียมการสนับสนุนชนิดนั้นกระทำการรับใช้ที่มีคุณประโยชน์มากเพื่อฝูงแกะของพระเจ้า. (โปรดดูหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 15 พฤศจิกายน 1985, หน้า 23-29.) สิ่งที่ผู้บำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณทำนั้นได้รับการหยั่งรู้ค่ามากทีเดียวจากฝูงแกะ. หลังจากได้รับการช่วยเหลือเช่นนั้น หัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งกล่าวว่า ‘หลังจากเราได้อยู่ในความจริงมาเป็นเวลา 22 ปีแล้ว เราถูกชักจูงเข้าสู่โลกเนื่องจากลัทธิวัตถุนิยม. บ่อยครั้งเราต้องการเข้าร่วมการประชุม แต่ดูเหมือนว่าเราไม่สามารถไปยังการประชุมต่าง ๆ ได้. เราเข้ากันไม่ได้จริง ๆ กับระบบของซาตาน ดังนั้น เราจึงถูกตัดขาด อยู่โดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง. ทั้งนี้ทำให้เราอยู่ในสภาพคับข้องใจและหดหู่. เราต้องการคำพูดหนุนกำลังใจ. เมื่อผู้ปกครองมาเยี่ยมเรา เรายินดีรับเอาการจัดเตรียมเกี่ยวกับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลในบ้านของเรา. บัดนี้เราทุกคนกลับมาอยู่ในองค์การที่ปลอดภัยของพระยะโฮวา. ผมไม่อาจบรรยายได้ถึงความสุขที่ผมมี!’
มีสาเหตุสำหรับความยินดีมากมายเมื่อพี่น้องชายและหญิงของเราที่หลงหายไปหรือท้อใจนั้นได้รับการฟื้นฟูทางฝ่ายวิญญาณและปฏิบัติราชกิจอีก. (ลูกา 15:4-7) พระประสงค์ของพระยะโฮวาต่อไพร่พลของพระองค์สำเร็จเป็นจริงเมื่อพวกเขารวมกัน “ดุจฝูงแกะเข้าอยู่ในคอก.” (มีคา 2:12) ในสถานที่หลบภัยนี้ พวกเขา ‘พบความสดชื่นสำหรับจิตวิญญาณของเขา’ ด้วยความช่วยเหลือของพระเยซูคริสต์ ผู้บำรุงเลี้ยงที่ดี. (มัดธาย 11:28-30, ล.ม.) ฝูงแกะที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั่วโลกได้รับการนำทาง, การปลอบโยน, และการปกป้องคุ้มครองพร้อมกับอาหารฝ่ายวิญญาณที่อุดมบริบูรณ์.
ทุกวันนี้ โดยทางกิจการบำรุงเลี้ยงนี้ พระยะโฮวากำลังทำให้การงานที่เต็มด้วยความรักนี้สำเร็จซึ่งประสานกับคำสัญญาของพระองค์ในครั้งโบราณที่ว่า “เราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเที่ยวหามัน . . . . เราจะช่วยเขาให้พ้นจากสถานที่ทั้งหลายซึ่งเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่ . . . เราจะเลี้ยงเขาในลานหญ้าอย่างดี . . . เราจะเที่ยวหาแกะที่หาย . . . และเราจะพันผ้าให้แกะที่กระดูกหักและเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย.” (ยะเอศเคล 34:11-16, ฉบับแปลใหม่) ช่างเป็นการปลอบประโลมใจอะไรเช่นนี้ที่ทราบว่าพระยะโฮวาเป็นผู้บำรุงเลี้ยงของเรา!—บทเพลงสรรเสริญ 23:1-4.
เนื่องจากการจัดเตรียมของพระเจ้าเพื่อบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์ ในฐานะผู้รับใช้ของพระยะโฮวา เราอาจร่วมในความรู้สึกของดาวิดได้ ผู้ซึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะทอดกายลงนอนหลับในความสงบสุข. โอ้พระยะโฮวา พระองค์เท่านั้นที่ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าอยู่ในความปลอดภัย.” (บทเพลงสรรเสริญ 4:8) ถูกแล้ว ไพร่พลของพระยะโฮวารู้สึกปลอดภัยในการเอาพระทัยใส่ด้วยความรักของพระองค์และรู้สึกขอบคุณที่ผู้ปกครองคริสเตียนบำรุงเลี้ยงแกะเล็ก ๆ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ.
[ที่มาของภาพหน้า 20, 21]
Potter’s Complete Bible Encyclopedia