ยืนหยัดในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์
พยานพระยะโฮวากว่า 4,500,000 คนกำลังประกาศข่าวดีไปทั่วโลก. ในจำนวนนั้นมีมากกว่า 600,000 คนเป็นไพโอเนียร์หรือผู้ประกาศราชอาณาจักรเต็มเวลา. ผู้คนในกองทัพไพโอเนียร์นี้มีอายุตั้งแต่ก่อนวัยรุ่นไปจนถึงปลดเกษียณในวัย 90 กว่าปี. พวกเขามาจากทุกพื้นเพและทุกฐานะ.
ไม่ต้องสงสัย ผู้ประกาศเต็มเวลาเหล่านี้ทุกคนต้องการประสบความสำเร็จในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์. หลายคนปรารถนาที่จะทำให้งานนี้เป็นงานประจำชีพของตนไปตลอดชีวิต. บางคนไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง. กระนั้น คนอื่น ๆ สามารถเป็นไพโอเนียร์เรื่อยมาแม้มีปัญหาทางการเงิน, สุขภาพไม่ดี, ท้อแท้ใจ, และปัญหาอื่น ๆ. ดังนั้น ผู้ประกาศเต็มเวลาจะรับมือกับปัญหาเช่นนั้นและยังคงยืนหยัดในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์ได้อย่างไร?
การรับมือกับความจำเป็นทางการเงิน
โดยทั่วไป ไพโอเนียร์ทำงานฝ่ายโลกเพื่อให้มีเงินพอกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังที่อัครสาวกเปาโลกระทำ. (1 เธซะโลนิเก 2:9) ในส่วนใหญ่ของโลก พวกเขาต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วสำหรับอาหาร, เสื้อผ้า, ที่พัก, และการเดินทาง. บ่อยครั้งเป็นการยากที่จะได้งานฝ่ายโลกที่ทำบางเวลาตามที่ต้องการ. หากมี งานเช่นนั้นมักให้เพียงค่าจ้างขั้นต่ำ และไม่มีเงินประกันสุขภาพ.
หากเรา ‘แสวงหาราชอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป’ เราจะมีความเชื่อที่ว่าพระยะโฮวาจะจัดสิ่งจำเป็นฝ่ายวัตถุให้เรา. ดังนั้น เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันทางการเงิน ไพโอเนียร์ไม่จำเป็นต้อง ‘กระวนกระวายถึงพรุ่งนี้.’ (มัดธาย 6:25-34) ขณะที่พวกเขาพยายามจะแก้ปัญหาเช่นนั้นอย่างจริงจัง ความเชื่อมั่นในพระยะโฮวาจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากความกระวนกระวายเกินควร.
เมื่อบุคคลหนึ่งเผชิญกับความยุ่งยากทางการเงิน บางทีอาจลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้. โดยเปลี่ยนแปลงงบประมาณบ้าง อาจเป็นไปได้ที่จะได้สิ่งที่จำเป็นจริง ๆ แม้ไม่ได้สิ่งฝ่ายวัตถุที่เราเพียงแต่อยากได้เท่านั้น. เพื่อลดค่าใช้จ่าย ไพโอเนียร์บางคนเช่าห้องชุดรวมกับพี่น้องคริสเตียนคนอื่น ๆ. ในการช่วยบุตรให้เป็นไพโอเนียร์ บางครั้งบิดามารดาให้ที่พักฟรีหรือในราคาต่ำ. คนอื่น ๆ อาจช่วยไพโอเนียร์ในเรื่องค่าอาหารและค่าเดินทาง. แต่ไพโอเนียร์ไม่ต้องการเป็นภาระแก่ผู้อื่น เนื่องจากตนมีหน้าที่ตามหลักการในพระคัมภีร์ที่จะเลี้ยงดูตนเอง.—2 เธซะโลนิเก 3:10-12.
ค่าเดินทางอาจลดลงโดยแบ่งค่าใช้จ่ายกับไพโอเนียร์อื่น ๆ. หากไพโอเนียร์สองคนต่างมีรถยนต์ พวกเขาอาจทำงานประกาศในเขตเดียวกัน โดยใช้รถยนต์คันเดียวและลดค่าใช้จ่ายในการขับรถยนต์สองคัน. ไพโอเนียร์ที่ไม่มีรถยนต์อาจทำงานร่วมกับไพโอเนียร์ที่มีรถยนต์ แล้วช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจลดลงไปได้อีกโดยทำงานในเขตใกล้ ๆ ด้วยการเดินเป็นส่วนใหญ่. ในหลายประเทศ ไพโอเนียร์ใช้รถโดยสารสาธารณะราคาประหยัด.
ในท่ามกลางคนเหล่านั้นที่เอาชนะปัญหาทางการเงินและยืนหยัดในงานรับใช้เต็มเวลาก็คือนิวตัน คานต์เวลล์และภรรยา. เขาทั้งสองขายฟาร์มและเริ่มเป็นไพโอเนียร์พร้อมกับลูกหกคนในจำนวนเจ็ดคนในปี 1932 ระหว่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่. “ไม่นานเราก็ใช้เงินทั้งหมดที่เราได้รับจากการขายฟาร์ม—ส่วนใหญ่เสียไปกับค่ารักษาพยาบาล” บราเดอร์คานต์เวลล์เขียน. “เราจำได้ว่าตอนที่เราย้ายไปยังเขตมอบหมายที่สองของเรา เรามีเงินแค่พอจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสองอาทิตย์เท่านั้น โดยมีเงินเหลือห้าเหรียญ. กระนั้น เรารู้ว่าพระยะโฮวาจะทรงจัดเตรียมให้ตราบใดที่เราปฏิบัติงานรับใช้ของเราอย่างขยันขันแข็ง . . . . เราเรียนรู้ที่จะประหยัดในหลายทาง. ตอนที่ย้ายเข้าไปในเขตใหม่ ผมจะพูดกับเจ้าของสถานีเติมน้ำมันบางคนและอธิบายว่าเราขับรถยนต์สามคันทุกวันเพื่อทำงานฝ่ายคริสเตียนของเรา. สิ่งนี้มักทำให้เราได้รับส่วนลดค่าน้ำมัน. ไม่ช้า ลูกชายของเราก็เรียนรู้ที่จะดูแลในเรื่องการซ่อมแซมรถยนต์ ทำให้ประหยัดค่าซ่อมไปได้มาก.” ดังนั้น ครอบครัวคานต์เวลล์จึงรับมือกับข้อท้าทายต่าง ๆ ทางการเงินได้อย่างสำเร็จผล และยืนหยัดในงานรับใช้เต็มเวลาได้. บราเดอร์คานต์เวลล์ยังคงอยู่ในรายชื่อไพโอเนียร์ตอนเขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 103 ปี.
รับงานที่ทำบางเวลา
ไพโอเนียร์เป็นจำนวนมากหาเลี้ยงตัวเองโดยทำงานบางเวลา. เพื่อค้ำจุนตนเองในงานรับใช้ที่เมืองโกรินโธ เปาโลทำงานเป็นช่างเย็บกระโจมกับเพื่อนร่วมความเชื่อ คืออะกุลาและปริศกิลา. (กิจการ 18:1-11) ทุกวันนี้ พี่น้องฝ่ายวิญญาณมักยินดีที่จะเสนองานฝ่ายโลกที่ทำบางเวลาให้กับพวกไพโอเนียร์. ไพโอเนียร์อื่น ๆ รับงานดังกล่าวผ่านทางหน่วยจัดหางานซึ่งเสนองานชั่วคราวให้. ความเชื่อในพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับการอธิษฐานด้วยใจจริงขอการทรงนำจากพระองค์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องงาน.—สุภาษิต 15:29.
“หลังจากรวบรวมกำลังมากมายจากการไตร่ตรองด้วยการอธิษฐาน” ไพโอเนียร์คนหนึ่งกล่าว “ผมแจ้งต่อผู้ควบคุมดูแลว่า งานเผยแพร่ของผมเป็นหน้าที่รับผิดชอบสำคัญส่วนตัว และผมไม่สามารถรับตำแหน่งงานซึ่งทำเต็มเวลา. วันพุธถัดมา เขาถามผมว่าจะคิดดูใหม่อีกทีไหมเรื่องงานแต่คราวนี้เป็นงานที่ทำบางเวลา. ผมรับด้วยความยินดี.” อย่าดูเบาพลังของคำอธิษฐาน แล้วลงมือกระทำให้สอดคล้องกับคำอธิษฐานของคุณ.
ไพโอเนียร์อาจพบว่าควรบอกผู้ที่คาดว่าจะเป็นนายจ้างว่าจุดประสงค์ในการหางานที่ทำบางเวลาก็เพื่อค้ำจุนตัวเองได้ในงานเผยแพร่. พวกเขาอาจบอกถึงวันที่พวกเขาจะทำได้และจำนวนชั่วโมงต่อสัปดาห์ที่พวกเขาจะอุทิศให้กับงานได้. พี่น้องฝ่ายเนื้อหนังสองคนสามารถแบ่งงานเต็มเวลาในบริษัททนายความแห่งหนึ่ง ทำให้ต่างฝ่ายทำงานสัปดาห์ละสองวันครึ่ง. สิ่งนี้ค้ำจุนพวกเขาให้เป็นไพโอเนียร์จนกระทั่งได้เข้าโรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียด และได้รับงานมอบหมายเป็นมิชชันนารี.
งานประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักการในพระคัมภีร์อาจหาได้ด้วยการพูดคุยกับเพื่อนร่วมความเชื่อและคนอื่น ๆ หรือโดยดูจากโฆษณาหางานในหนังสือพิมพ์. ความถ่อมก็ช่วยได้ เพราะจะทำให้ไพโอเนียร์ไม่เลือกมากเกินไปในประเภทของงานที่จะทำ. (เทียบกับยาโกโบ 4:10.) เพื่อจะคงเป็นไพโอเนียร์ต่อไปได้ พวกเขาอาจต้องทำงานฝ่ายโลกที่บางคนถือว่าเป็นงานต่ำ. หากยอมรับเอางานแบบนั้น แต่อยากจะได้งานอย่างอื่น อาจเป็นไปได้ที่ค่อยเปลี่ยนงานทีหลัง.
สุขภาพไม่ดีและความท้อใจ
บางคนจำต้องเลิกงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์เพราะปัญหาร้ายแรงทางสุขภาพ. อย่างไรก็ตาม หากไพโอเนียร์ไม่รีบร้อนในเรื่องนี้ พวกเขาอาจพบว่าโรคภัยไข้เจ็บอาจรักษาได้ หรือสุขภาพอาจดีขึ้นพอที่จะเป็นไพโอเนียร์ต่อไปได้. หลายคนอาจเป็นไพโอเนียร์แม้มีปัญหาทางสุขภาพเนื่องจากได้รับการรักษาจากแพทย์, รับประทานอาหารที่เหมาะสมกับตนอย่างเคร่งครัด, และพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกาย. ผู้ดูแลเดินทางสังเกตเห็นพี่น้องหญิงไพโอเนียร์คนหนึ่งป่วยด้วยโรคไขข้ออักเสบจนต้องมีคนช่วยเวลาเดินไปตามบ้านในงานเผยแพร่. (กิจการ 20:20) กระนั้น เธอและสามีนำการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้าน 33 รายและได้ช่วย 83 คนเข้ามารับความจริง. สุขภาพของเธอดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และเธอเข้าโรงเรียนไพโอเนียร์ 11 ปีต่อมา.
ความท้อใจอาจเป็นสาเหตุให้บางคนออกจากงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์. (สุภาษิต 24:10) ไพโอเนียร์คนหนึ่งบอกผู้ดูแลเดินทางว่า “ผมจะหยุดงานไพโอเนียร์ . . . ผมมีใบเสร็จเก็บเงินหลายใบที่ต้องจ่าย.” เขาต้องการแว่นตาราคา 20 เหรียญ. “คุณจะออกจากงานไพโอเนียร์เพราะต้องการเงิน 20 เหรียญอย่างนั้นหรือ?” ผู้ดูแลถาม. มีการแนะนำให้ไพโอเนียร์คนนั้นทำงานในไร่กาแฟของท้องถิ่นหนึ่งวัน, ได้เงิน 20 เหรียญ, ซื้อแว่นตา, และเป็นไพโอเนียร์ต่อ. การสนทนาต่อไปเผยให้เห็นว่าปัญหาพื้นฐานก็คือความท้อใจในเรื่องค่าซ่อมรถซึ่งมีราคาสูง. มีการแนะนำให้ไพโอเนียร์ลดค่าใช้จ่ายโดยขับรถแต่ละวันภายในรัศมีไม่กี่กิโลเมตร แทนที่จะขับในบริเวณกว้าง. เขายังได้รับคำแนะนำให้รักษาสภาพฝ่ายวิญญาณไว้. ไพโอเนียร์คนนั้นเอาคำแนะนำไปใช้ และหกเดือนต่อมาก็ได้รับการเรียกให้เข้าโรงเรียนกิเลียด. หลังจากที่เรียนสำเร็จแล้ว เขาได้รับมอบหมายให้ไปต่างประเทศและรับใช้ที่นั่นอย่างซื่อสัตย์หลายปีจนกระทั่งเสียชีวิต. ใช่แล้ว มักมีพระพรอย่างใหญ่หลวงหากเราไม่ยอมจำนนต่อความท้อใจ แต่พึงระลึกเสมอว่าพระยะโฮวาทรงสถิตอยู่กับเรา.
ทะนุถนอมสิทธิพิเศษแห่งงานรับใช้ของคุณ
แม้จะมีการทดลองต่าง ๆ เช่น สภาพที่ขัดสนและช่วงเวลาที่อดอยาก แต่เปาโลมองดูงานรับใช้ของท่านว่าเป็นทรัพย์ประเสริฐ. (2 โกรินโธ 4:7; 6:3-6) เมื่อเผชิญความยากลำบากและการกดขี่ข่มเหงในทุกวันนี้ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาเป็นจำนวนมากในแอฟริกา, เอเชีย, ยุโรปตะวันออก, และที่อื่น ๆ ได้ยึดมั่นกับสิทธิพิเศษที่ได้เป็นไพโอเนียร์. ฉะนั้น เมื่อเผชิญการทดลองต่าง ๆ จงพยายามทุกวิถีทางที่จะยืนหยัดในงานรับใช้อันเป็นสิทธิพิเศษนี้ เพื่อนำคำสรรเสริญมาสู่พระยะโฮวา.
ไพโอเนียร์ส่วนใหญ่สามารถเข้าสู่งานประกาศเต็มเวลาก็เพราะพวกเขาจัดรูปแบบชีวิตของตนให้เรียบง่าย. เช่นเดียวกับเปาโล พวกเขาต้านทานการล่อใจฝ่ายวัตถุและพัฒนาความอิ่มใจกับ “เครื่องอุปโภคบริโภค.” เพื่อยืนหยัดในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์ พวกเขาจำต้องรักษาความอิ่มใจพอใจกับสิ่งจำเป็นต่าง ๆ. (1 ติโมเธียว 6:8) ความยินดีเกิดจากการทะนุถนอมสิทธิพิเศษที่พระเจ้าทรงประทาน โดยให้สิทธิพิเศษนั้นอยู่เหนือทรัพย์สมบัติฝ่ายวัตถุ.
เพื่อให้เห็นเป็นตัวอย่าง: แอนตัน เคอร์เบอร์ได้รับสิทธิพิเศษที่จะติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร. เขารับใช้ในฐานะไพโอเนียร์เป็นเวลานานและเป็นผู้ดูแลหมวดในช่วงทศวรรษของปี 1950. มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนที่เคยร่วมธุรกิจบางคนเข้ามาหาเขาพร้อมด้วยข้อเสนอซึ่งจะทำให้เขาสามารถทำกำไรได้ถึงหนึ่งล้านเหรียญสำหรับตนเอง. อย่างไรก็ตาม ในการทำเช่นนั้น เขาจำต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อธุรกิจเป็นเวลาประมาณหนึ่งปี. หลังจากที่อธิษฐานขอการทรงนำและขอให้ตัดสินใจได้ถูกต้อง เขากล่าวว่า “ไม่อาจเป็นไปได้ที่จะให้ผมสละสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยมในการรับใช้พระยะโฮวา ณ ที่นี่แม้เพียงปีเดียว ไม่มีทาง ไม่ว่าจะได้เงินทั้งโลกก็ตาม. การรับใช้พี่น้องของผมในกรุงวอชิงตันนี้เป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าสำหรับผม และที่นี่ผมทราบว่าผมได้พระพรจากพระยะโฮวา. แน่นอน ผมอาจทำเงินได้หนึ่งล้านเหรียญ แต่ในตอนปลายปีที่มีชีวิตแบบนั้น ผมจะมีสภาพฝ่ายวิญญาณเป็นเช่นไรหรือแม้กระทั่งฝ่ายร่างกาย?” ฉะนั้น เขาปฏิเสธข้อเสนอนั้น. การทะนุถนอมสิทธิพิเศษของตนไว้ในลักษณะที่คล้ายคลึงกันช่วยให้หลายคนยืนหยัดในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์.
ช่างเป็นพระพรอย่างใหญ่หลวงสักเพียงไรที่ไพโอเนียร์ได้รับ! นับว่าเป็นพระพรที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงพูดถึงฐานะกษัตริย์อันรุ่งโรจน์ของพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 145:11-13) เนื่องจากได้อุทิศเวลามากมายให้กับงานเผยแพร่ ไพโอเนียร์ได้รับพระพรในการนำคำปลอบประโลมฝ่ายวิญญาณมายังคนยากไร้และคนที่ถูกกดขี่, คนป่วยหรือคนที่ถูกพลัดพราก, และคนอื่น ๆ ที่เป็นทุกข์หนักและต้องการความหวังที่แน่นอน. ดังนั้น หากสภาพการณ์อำนวยให้เราเข้าร่วมในงานประกาศเต็มเวลา เราจะได้รับพระพรมากมายอย่างแท้จริง. นั่นคือ ‘พระพรของพระยะโฮวาที่กระทำให้เกิดความมั่งคั่ง.’ (สุภาษิต 10:22) และด้วยความช่วยเหลือและพระพรจากพระองค์นี่เองที่ผู้ประกาศราชอาณาจักรมากมายยืนหยัดอยู่ในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์ด้วยความชื่นชมยินดี.