โลกที่ปราศจากขโมย
มันเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน. ชายแต่งกายดีคนหนึ่งจ่อปืนที่ศีรษะอันทนโยa ที่หน้าบ้านของเขาในเมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล สั่งให้เอาลูกกุญแจและทะเบียนรถยนต์ของเขา แล้วรีบขับรถหนีไป.
ในริโอ เดอ จาเนโร ชายสี่คนมีอาวุธครบมือได้บังคับควบคุมตัวชายคนหนึ่งชื่อเปาโลต่อหน้าต่อตาลูกสาววัยสิบขวบของเขา. ครั้นแล้ว หลังจากขับรถไปยังบ้านของเขา พวกโจรเข้าไปแล้วขโมยสิ่งที่พวกเขาต้องการเต็มรถสองคันของเปาโล. โดยขู่จะฆ่าภรรยาของเปาโล พวกเขาพาเธอและลูกจ้างคนหนึ่งไปด้วยเป็นตัวประกันมาถึงร้านขายเพชรพลอยของเปาโลแถบย่านธุรกิจ ซึ่งพวกเขากวาดเอาของมีค่าทุกอย่างไปจนเกลี้ยง. แต่โดยคาดไม่ถึง ขโมยได้โทรศัพท์มาภายหลัง บอกว่าเขาทิ้งรถไว้ที่ไหน.
น่าตกตะลึงสักเพียงไรที่ถูกปล้นเอาเงินและทรัพย์สินที่หามาได้ด้วยความลำบากนั้นไป! ถึงแม้ว่าทั้งอันทนโยและเปาโลไม่ได้จัดการโดยพลการก็ตาม คนอื่น ๆ ลงมือจัดการเองโดยไม่พึ่งกฎหมาย. พวกเขาอาจฆ่าหรือทำให้ขโมยได้รับบาดเจ็บหนัก หรือเขาเองอาจเสียชีวิต. ตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งฉกนาฬิกาของหญิงชาวบราซิลผู้เดือดดาลไป เธอได้ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋าถือของเธอแล้วยิงขโมยตาย. ผลล่ะ? ออ เอสทาโด ดา เซา เปาโล รายงานว่า “ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์นั้นยกย่องเจตคติของสตรีแปลกหน้าคนนั้น และไม่มีใครต้องการช่วยตำรวจในการชี้ตัวเธอ.” ถึงแม้พวกเขาใฝ่หาโลกที่ปราศจากขโมยก็ตาม คริสเตียนมิได้แก้เผ็ดเช่นเดียวกับที่สตรีคนนั้นทำ. เนื่องจากการแก้แค้นเป็นของพระเจ้า พวกเขาเอาใจใส่ฟังถ้อยคำในสุภาษิต 24:19, 20 (ฉบับแปลใหม่) ที่ว่า “เจ้าอย่ากระวนกระวายเพราะคนกระทำบาป และอย่ามีใจริษยาคนชั่วร้าย. เพราะคนชั่วไม่มีอนาคต.”
แต่ถ้าถูกจู่โจมล่ะ คุณอาจทำประการใดได้? เหตุการณ์หนึ่งในริโอ เดอ จาเนโรแสดงว่าเป็นสิ่งสำคัญเพียงไรที่จะรักษาสติไว้. คริสเตียนคนหนึ่งชื่อเอลออีซากำลังเดินทางโดยรถประจำทางเพื่อไปนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. ชายสองคนเริ่มปล้นผู้โดยสาร. เมื่อไปถึงป้ายจอดรถที่เธอต้องลง เอลออีซาบอกพวกเขาว่า เธอเป็นพยานพระยะโฮวา และเธอกำลังจะไปนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. เธอเอาคัมภีร์ไบเบิลและคู่มือการศึกษาของเธอให้ดู. พวกโจรอนุญาตให้เธอลงจากรถโดยไม่ได้ปล้นเธอ. แต่ผู้โดยสารอีกคนหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไป. ภายหลังคนขับรถกล่าวว่าเขาไม่เคยเจอแบบนั้นมาก่อน.
เรจีนาก็เช่นกันได้รักษาสติไว้เมื่อชายพกอาวุธสองคนสั่งเธอให้เข้าไปในรถยนต์ของเธอ. เรจีนาได้เอาวารสารตื่นเถิด! ฉบับส่วนตัวของเธอให้ดู และให้คำพยาน. เนื่องจากพวกโจรกระสับกระส่าย เธอได้ขอเขาให้เปิดช่องเก็บของเล็ก ๆ ที่หน้ารถที่ซึ่งเธอเก็บลูกกวาดไว้บ้าง. แต่เมื่อเห็นตลับเทปดนตรีราชอาณาจักร พวกเขาก็เปิดดนตรีนั้นฟัง. บรรยากาศค่อยเป็นมิตรขึ้นมาหน่อย พวกโจรตัดสินใจที่จะปล่อยเรจีนาบนทางหลวงโดยไม่ได้รับความเสียหาย โดยบอกให้เธอแน่ใจว่าเธอคงจะพบคนใจดีที่จะช่วยเหลือเธอ. หลังจากเดินไปสิบนาที เธอพบบ้านหลังหนึ่ง แต่เจ้าของบ้านไม่เชื่อเรื่องของเธอ โดยพูดว่า “ดูคุณไม่เหมือนถูกจู่โจมเลย ท่าทางคุณสงบดี.”
ถึงแม้ผู้ตกเป็นเหยื่ออาจไม่ได้รับความเสียหายด้านร่างกายก็ตาม ประสบการณ์ที่ทำให้ประสาทเครียดเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงภายหลังได้. ออ เอสทาโด ดา เซา เปาโล รายงานว่า ‘ผู้ตกเป็นเหยื่ออาจรู้สึกไม่ปลอดภัย, เกลียดชังสมาชิกของครอบครัวหรือคนเหล่านั้นซึ่งพยายามช่วยเหลือเขา, ไม่สามารถไว้ใจคนอื่นได้, เอาใจใส่กับเรื่องหยุมหยิมมากเกินไป, รู้สึกว่าโลกไม่ยุติธรรม.’ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ตกเป็นเหยื่อที่ไว้วางใจในพระเจ้ายะโฮวามีโอกาสมากกว่าที่จะผ่านประสบการณ์เช่นนั้นโดยไม่ได้รับความเสียหายด้านร่างกายและด้านความรู้สึก. ถึงอย่างไรก็ดี คุณจะไม่เห็นพ้องด้วยหรอกหรือว่า คงจะเป็นพระพรถ้าหากไม่มีอาชญากรรมหรือสิ่งใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวอีกต่อไป?
“ฝ่ายคนที่เคยลักขโมยก็อย่าให้ลักขโมยอีกต่อไป”
ถึงแม้หลายคนชอบวิถีชีวิตที่โลภโมโทสันมากกว่าก็ตาม พระวจนะของพระเจ้าได้ช่วยขโมยหลายคนให้เปลี่ยนความปรารถนาและบุคลิกภาพของเขา. (เอเฟโซ 4:23) เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างแท้จริงซึ่งอาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก พวกเขาเอาใจใส่ฟังถ้อยคำที่ว่า “มีทรัพย์เพียงเล็กน้อยแต่มีความชอบธรรมก็ดีกว่ามีรายได้มากแต่ประกอบด้วยอยุติธรรม.” (สุภาษิต 16:8) คลอเดียวเล่าว่า “แทบทุกคนในครอบครัวผมเป็นพยานฯ แต่ผมไม่เคยฟังเรื่องที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระประสงค์ของพระองค์. เมื่อกลับจากการเดินทางเกือบ 2,000 กิโลเมตรในรถปิกอัพที่ขโมยมา ผมต้องผ่านจุดตรวจรถหลายแห่ง. ในระหว่างนั้นผมได้สำนึกว่าผมต้องเปลี่ยนชีวิตของผม. ผมเคยพยายามทำเช่นนั้นมาก่อนแต่ไม่สำเร็จ. ตอนนี้ผมเริ่มคิดถึงญาติ ๆ ที่เป็นพยานพระยะโฮวาและพวกเขาแตกต่างจากเรามาก เขามีความยินดี, ความสุข, และสันติสุข.” ผลก็คือ คลอเดียวเริ่มศึกษาพระวจนะของพระเจ้า เลิกใช้ยาเสพย์ติดและเลิกคบเพื่อนเก่า ๆ ของเขา แล้วเข้ามาเป็นผู้รับใช้คริสเตียน.
ปัจจุบันยังมีคนอื่น ๆ อีกด้วยที่ได้เอาใจใส่ฟังถ้อยคำที่ว่า “อย่าวางใจในการข่มเหง, อย่ากลายไปเป็นคนอวดดีในการปล้นสดมภ์.” (บทเพลงสรรเสริญ 62:10) หลังจากถูกจำคุกเนื่องจากพยายามฆ่าคนระหว่างการปล้น โฮเซ คนติดยาและเป็นพ่อค้ายาเสพย์ติดได้รับประโยชน์จากการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับน้องเขยของเขา. เขาเลิกใช้และเลิกขายยาเสพย์ติด และปัจจุบันเป็นพยานฯที่กระตือรือร้น.
อย่างไรก็ดี บุคลิกภาพใหม่มิได้เกิดขึ้นโดยฉับพลันหรืออย่างอัศจรรย์. ออสคาร์ ผู้ซึ่งได้เข้าไปพัวพันอย่างถลำลึกกับยาเสพย์ติดและการขโมยเล่าว่า “ผมได้อธิษฐานอย่างเร่าร้อนจริง ๆ ถึงพระยะโฮวาจนดูเหมือนบ่อยครั้งน้ำตาจะไหลนองพื้นห้อง.” ถูกแล้ว นอกจากการศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างขยันแล้ว การอธิษฐานอย่างต่อเนื่องด้วยน้ำใสใจจริงเป็นสิ่งจำเป็น. โปรดสังเกตสติปัญญาในทัศนะของคำอธิษฐานนี้: “ขออย่าให้ข้าพเจ้ายากจนหรือมั่งมี: โปรดเลี้ยงข้าพเจ้าด้วยอาหารพอดีกับความต้องการของข้าพเจ้า: เกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าอิ่มหนำข้าพเจ้าจะปฏิเสธพระองค์, และกล่าวว่า, ‘พระยะโฮวาเป็นใครหนอ?’ หรือเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้ายากจนข้าพเจ้าจะลักของ ๆ เขา, และจะทำให้พระนามพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นที่เสื่อมเสีย.”—สุภาษิต 30:8, 9.
ความรักแท้ต้องเข้ามาแทนที่การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว: “ฝ่ายคนที่เคยลักขโมยก็อย่าให้ลักขโมยอีกต่อไป แต่ให้ใช้มือกระทำการงานที่ดีดีกว่า, เพื่อจะได้มีอะไร ๆ แจกให้แก่คนเหล่านั้นที่ขัดสน.” (เอเฟโซ 4:28) เช่นเดียวกับในกรณีของคริสเตียนบางคนในศตวรรษแรกซึ่งแต่ก่อนเคยเป็น “ขโมย, หรือคนโลภ” พระยะโฮวาทรงให้อภัยคนเหล่านั้นที่กลับใจด้วยความเมตตาโดยอาศัยค่าไถ่ของพระเยซูคริสต์. (1 โกรินโธ 6:9-11, ล.ม.) เป็นการปลอบประโลมใจจริง ๆ ที่ไม่ว่าอดีตของเราเป็นเช่นไรก็ตาม เราสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราและได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้าได้!—โยฮัน 3:16.
ความปลอดภัยในโลกใหม่ของพระเจ้า
ขอให้นึกภาพแผ่นดินโลกที่ปราศจากขโมย. คุณไม่จำเป็นจะต้องมีระบบที่สิ้นเปลืองในด้านการรักษากฎหมายซึ่งต้องมีผู้พิพากษา, ทนายความ, ตำรวจ, และคุก! นั่นจะเป็นโลกที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งแต่ละคนในโลกนั้นจะนับถือคนอื่นและทรัพย์สินของเขา! นั่นดูเหมือนเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อไหม? พระเจ้าจะทรงแทรกแซงในกิจธุระของมนุษย์แล้วทำให้การละเลยกฎหมายสิ้นสุดลงอย่างแท้จริงไหม? เราเชิญคุณที่จะตรวจสอบดูหลักฐานที่ว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระวจนะของพระเจ้าและที่ว่าคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์นั้นเชื่อถือได้. คุณจะพบรากฐานมั่นคงสำหรับความมั่นใจที่ว่าการเปลี่ยนแปลงมีอยู่ข้างหน้า. ไม่มีใครสามารถขัดขวางพระเจ้าไว้จากการนำการปลดเปลื้องที่ทรงสัญญาไว้นั้นมาสู่คนทั้งปวงที่รักความชอบธรรม. “อย่าให้ใจเดือดร้อนเพราะคนที่กระทำชั่ว, หรืออิจฉาคนที่กระทำการอธรรม. เพราะไม่ช้าเขาจะต้องถูกหวดลงเหมือนต้นหญ้า, และเขาจะต้องเหี่ยวแห้งไปดุจต้นผักที่เขียวสด.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:1, 2) ถ้อยคำเหล่านั้นที่ได้จารึกไว้นานมาแล้วจะสมจริงอย่างครบถ้วนในไม่ช้า.
ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำให้ความทุกขเวทนาและความไม่ชอบธรรมสิ้นสุดลง ซึ่งก่อให้เกิดความสิ้นหวังและความไม่แน่นอนมากเหลือเกิน. จะไม่มีใครขัดสน, รู้สึกถูกกดดันให้ขโมย. มีการรับรองกับเราในคำพยากรณ์ที่ว่า “จะมีธัญญาหารบริบูรณ์บนพื้นแผ่นดินบนยอดภูเขา; ผลไม้จะดกจนต้นโอนเอนไปมาเหมือนต้นไม้ที่ภูเขาละบาโนน [ในสมัยโบราณ] และชาวเมืองจะชื่นบานเหมือนต้นหญ้าที่งอกจากแผ่นดิน.” (บทเพลงสรรเสริญ 72:16) ที่จริง ในอุทยานที่ได้รับการฟื้นฟูใหม่นั้น จะไม่มีสิ่งใดรบกวนสันติสุขของมนุษย์ซึ่งรู้จักและนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้.—ยะซายา 32:18.
นับว่าเป็นบำเหน็จเสียนี่กระไรสำหรับการที่ได้ต้านทานแนวทางของโลกที่ละโมบนี้! สุภาษิต 11:19 กล่าวว่า “บุคคลผู้แน่วแน่ในความชอบธรรมจะได้ชีวิต; และบุคคลผู้ติดตามความชั่วย่อมทำให้เกิดความตายแก่ตนเอง.” ถูกแล้ว หลังจากคนชั่วถูกตัดขาด จะไม่มีใครมีสาเหตุที่จะกลัวว่าชีวิตและทรัพย์สินของเขาจะถูกทำลาย. บทเพลงสรรเสริญ 37:11 ให้คำสัญญานี้แก่เราว่า “คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมรดก, และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.”
[เชิงอรรถ]
a ชื่อบางคนเป็นชื่อสมมุติ
[กรอบหน้า 5]
การรับมือกับความเป็นจริงเรื่องการขโมย
ที่บ้าน—เนื่องจากขโมยอาจบุกเข้ามาในบ้านของคุณไม่ว่าคุณอยู่หรือไม่ ปิดประตูและใส่กุญแจไว้เสมอ. ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะให้มีสัญญาณกันขโมยหรือสุนัขเฝ้าบ้าน. แจ้งให้เพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ทราบเมื่อคุณจะไปพักร้อน. รักษาสติไว้—พวกโจรปฏิบัติการเร็ว และอย่างไม่คาดคิด, และอาจเปลี่ยนแผนทันทีหากพวกเขาหัวเสีย. หากคุณเป็นพยานพระยะโฮวา ให้แสดงตัวว่าคุณเป็น แล้วพยายามให้คำพยาน. คุณอาจสามารถก่อให้เกิดมิตรภาพหรือความเห็นอกเห็นใจได้. อย่าขัดขืนนอกจากเห็นว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย.
ในที่สาธารณะ—จงตื่นตัวที่จะสังเกตหากมีคนเดินตามหลังคุณ. เดินตรงกลางของทางเท้า. หลีกเลี่ยงถนนที่มืดและเปลี่ยว. เก็บกระเป๋าเงินหรือของมีค่าของคุณให้มิดชิด. เดินอย่างกระฉับกระเฉงประหนึ่งว่าคุณกำลังไปที่ไหนสักแห่ง. หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหราหรือเพชรพลอยแพรวพราว. ไปซื้อของกับเพื่อนเมื่อเห็นว่ามีความจำเป็น. เอาเงินติดตัวไปเฉพาะแต่ที่ต้องการใช้ แบ่งไว้ในกระเป๋าหลายใบหรือหลายที่.
ในรถยนต์—หาก “การจี้รถยนต์” เกิดขึ้นบ่อยในท้องถิ่นของคุณ อย่านั่งคอยในรถของคุณที่จอดอยู่. เปลี่ยนเส้นทางบ่อย ๆ ในการไปและกลับจากที่ทำงาน. เลือกเอาทางที่ปลอดภัยกว่า ถึงแม้ทางนั้นอาจค่อนข้างจะไกลกว่า. ก่อนจอดรถ มองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีอะไรที่น่าสงสัยหรือไม่. หลีกเลี่ยงการเปิดกระโปรงรถในบริเวณที่เปลี่ยว. อย่าทิ้งของมีค่าที่มองเห็นได้ไว้ในรถ. โซ่ที่ใส่กุญแจหรืออุปกรณ์กันขโมยอื่น ๆ ซึ่งเห็นได้ง่ายอาจขัดขวางพวกขโมยที่ไม่ใช่มืออาชีพ.
[กรอบหน้า 6]
“อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก, ที่ตัวหนอนและสนิมอาจทำลายเสียได้, และที่ขโมยอาจขุดช่องล้วงลักเอาไปได้. แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์, ที่หนอนหรือสนิมทำลายเสียไม่ได้, และที่ไม่มีขโมยขุดช่องล้วงลักเอาไปได้.”—มัดธาย 6:19, 20