ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห93 15/11 น. 8-11
  • ไม่คิดที่จะอะลุ้มอล่วย!

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ไม่คิดที่จะอะลุ้มอล่วย!
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1993
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • ถูก​เกลียด​ชัง​โดย​ไม่​มี​เหตุ
  • โรม​ข่มเหง​รุนแรง​ขึ้น
  • แตกต่าง​อย่าง​เด่น​ชัด
  • ผล​ตอบ​แทน​ของ​การ​ให้​คำ​พยาน
  • การ​เพิ่ม​พูน​ทำ​ให้​การ​กดขี่​ข่มเหง​หนัก​ข้อ​ขึ้น
  • บำเหน็จ
  • ศาสนาคริสเตียนในยุคเริ่มแรกกับรัฐ
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1996
  • ชนคริสเตียนรุ่นแรกและโลก
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1993
  • ถูกเกลียดชังเพราะความเชื่อของพวกเขา
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1998
  • คัมภีร์ไบเบิล—แม่นยำทุกคำพยากรณ์ ตอน 5
    ตื่นเถิด! 2012
ดูเพิ่มเติม
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1993
ห93 15/11 น. 8-11

ไม่​คิด​ที่​จะ​อะลุ้มอล่วย!

พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยะโฮวา​อยู่​กับ​สาวก​รุ่น​แรก​ของ​พระ​เยซู​คริสต์. (กิจการ 11:21) ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​พระเจ้า พวก​เขา​ติด​ตาม​แนว​ทาง​อัน​ซื่อ​ตรง​โดย​ไม่​ยอม​อะลุ้มอล่วย. ที่​พวก​เขา​ประสบ​กับ​การ​ต่อ​ต้าน​และ​แม้​กระทั่ง​การ​กดขี่​ข่มเหง​อย่าง​รุนแรง​ด้วย​นั้น​ก็​เป็น​ข้อ​เท็จ​จริง​ทาง​ประวัติศาสตร์​ซึ่ง​เป็น​ที่​ทราบ​กัน​ดี.

ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​สาวก​ที่​ซื่อ​สัตย์​รุ่น​แรก​ของ​พระ​คริสต์​กลาย​เป็น​ที่​กล่าวขวัญ​กัน. แม้​ต้อง​เอา​ชีวิต​เข้า​แลก พวก​เขา​ก็​ไม่​ยอม​อะลุ้มอล่วย​ความ​เชื่อ​ของ​ตน. แต่​เหตุ​ใด​พวก​เขา​จึง​ได้​รับ​การ​ปฏิบัติ​อย่าง​โหด​ร้าย?

ถูก​เกลียด​ชัง​โดย​ไม่​มี​เหตุ

เช่น​เดียว​กับ​พระ​เยซู คริสเตียน​แท้​ไม่​มี​ส่วน​ใน​ความ​ทะเยอทะยาน​และ​ความ​เชื่อ​ของ​โลก​นี้. (1 โยฮัน 4:4-6) ยิ่ง​กว่า​นั้น นัก​ประวัติศาสตร์​เอ็ดมองด์ เดอ เพรซังเซ​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า การ​เจริญ​เติบโต​ของ​ศาสนา​คริสต์ “เป็น​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว​มาก และ​การ​ประสบ​ความ​สำเร็จ​เห็น​เด่น​ชัด จน​ถึง​ขนาด​ว่า​การ​ปะทะ​อย่าง​รุนแรง [กับ​อำนาจ​จักรวรรดิ​ของ​โรม] ไม่​อาจ​หลีก​เลี่ยง​ได้.”

คราว​หนึ่ง พระ​เยซู​ได้​ใช้​เพลง​สรรเสริญ​บท​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​คำ​พยากรณ์​กับ​พระองค์​เอง โดย​ตรัส​ว่า “เขา​ได้​ชัง​เรา​โดย​ไม่​มี​เหตุ.” (โยฮัน 15:25; บทเพลง​สรรเสริญ 69:4) ก่อน​ที่​จะ​ตรัส​สิ่ง​นี้​แก่​เหล่า​สาวก พระองค์​ได้​เตือน​ว่า “บ่าว​จะ​เป็น​ใหญ่​กว่า​นาย​หา​มิ​ได้ ถ้า​เขา​ข่มเหง​เรา​แล้ว, เขา​คง​จะ​ข่มเหง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ด้วย.” (โยฮัน 15:20) จะ​ไม่​เป็น​การ​ง่าย​ที่​จะ​ติด​ตาม​รอย​พระ​บาท​ของ​พระองค์. ประการ​หนึ่ง​ก็​คือ ผู้​นำ​ทาง​ศาสนา​ท่ามกลาง​พวก​ยิว​จะ​ปฏิบัติ​ต่อ​สาวก​ชาว​ยิว​ของ​พระ​เยซู​ใน​ฐานะ​ผู้​ออก​หาก​จาก​ลัทธิ​ยูดาย. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​มี​การ​สั่ง​ห้าม​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ไม่​ให้​พูด​ถึง​พระองค์​อีก​ต่อ​ไป พวก​เขา​ไม่​ยอม​ทำ​ตาม​คำ​สั่ง​นั้น​อัน​จะ​เป็น​การ​อะลุ้มอล่วย​ความ​เชื่อ​ของ​ตน.—กิจการ 4:17-20; 5:27-32.

ใน​พยาน​หลักฐาน​ที่​นำ​เสนอ​ต่อ​ศาล​ซันเฮดริน​ของ​ชาว​ยิว​ไม่​นาน​หลัง​จาก​วัน​เพนเตคอสเต ปี​สากล​ศักราช 33 นั้น สาวก​ซะเตฟาโน​ถูก​กล่าวหา​ว่า “พูด​หมิ่น​ประมาท​ต่อ​โมเซ​และ​ต่อ​พระเจ้า.” แม้​ว่า​ข้อ​กล่าวหา​นั้น​จะ​ไม่​ถูก​ต้อง แต่​เขา​ก็​ถูก​หิน​ขว้าง​ตาย. ผล​ก็​คือ “คราว​นั้น​บังเกิด​การ​ข่มเหง​คริสต์​จักร [ประชาคม, ล.ม.] ใน​กรุง​ยะรูซาเลม​มาก​ขึ้น” และ “สานุศิษย์​ทั้ง​ปวง​นอก​จาก​อัครสาวก​ได้​กระจัด​กระจาย​ไป​ทั่ว​แว่นแคว้น​มณฑล​ยูดาย​กับ​มณฑล​ซะมาเรีย.” (กิจการ 6:11, 13; 8:1) หลาย​คน​ถูก​จำ​คุก.

หนังสือ​หลักการ​คริสเตียน​และ​จักรวรรดิ​โรมัน (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า​พวก​ยิว​ไล่​ตาม​โจมตี​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ด้วย​ความ​เกลียด​ชัง​อย่าง​ไม่​ปรานี. บ่อย​ครั้ง รัฐบาล​ของ​โรม​ต้อง​ลง​มือ​ปก​ป้อง​คริสเตียน! ยก​ตัว​อย่าง ทหาร​โรมัน​ช่วย​ชีวิต​อัครสาวก​เปาโล​จาก​พวก​ยิว​ที่​หมาย​จะ​สังหาร​ท่าน. (กิจการ 21:26-36) ถึง​กระนั้น สัมพันธภาพ​ระหว่าง​คริสเตียน​กับ​ชาว​โรมัน​ยัง​คง​ไม่​มั่นคง.

โรม​ข่มเหง​รุนแรง​ขึ้น

ประมาณ​เก้า​ปี​หลัง​จาก​ที่​ซะเตฟาโน​เสีย​ชีวิต เฮโรด อะฆะริปา​ที่​หนึ่ง​ผู้​ครอบครอง​ของ​โรม​ให้​สังหาร​อัครสาวก​ยาโกโบ​เพื่อ​เอา​ใจ​พวก​ยิว. (กิจการ 12:1-3) ใน​เวลา​นั้น ความ​เชื่อ​ใน​พระ​คริสต์​ได้​แพร่​ไป​ถึง​กรุง​โรม. (กิจการ 2:10) ใน​ปี​สากล​ศักราช 64 ส่วน​ใหญ่​ของ​กรุง​นั้น​ถูก​เพลิง​เผา​ผลาญ. การ​กดขี่​ข่มเหง​คริสเตียน​อย่าง​น่า​กลัว​ติด​ตาม​มา​หลัง​จาก​ที่​เนโร​กล่าวหา​พวก​เขา​ว่า​ก่อ​ความ​หายนะ เพื่อ​กลบเกลื่อน​ข่าว​ลือ​ที่​ว่า​เขา​เป็น​ต้น​เหตุ​ของ​เพลิง​ไหม้​ใหญ่​ครั้ง​นั้น. เขา​วาง​เพลิง​กรุง​นั้น​เพื่อ​จะ​ได้​สร้าง​กรุง​ขึ้น​ใหม่​ให้​โอ่อ่า​กว่า​เดิม​และ​ตั้ง​ชื่อ​ใหม่​เป็น​เนโรโปลิส​ตาม​อย่าง​ชื่อ​ของ​เขา​ไหม? หรือ​จักรพรรดิ​นีพ็อปแพอา​ซึ่ง​เปลี่ยน​มา​นับถือ​ศาสนา​ยิว และ​เป็น​ที่​ทราบ​กัน​ว่า​เกลียด​ชัง​คริสเตียน​นั้น​มี​อิทธิพล​ต่อ​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ให้​กล่าวหา​พวก​เขา​ไหม? นัก​วิจัย​ไม่​ทราบ​แน่ชัด แต่​ผล​กระทบ​นั้น​น่า​กลัว.

ทาซิตุส​นัก​ประวัติศาสตร์​ชาว​โรมัน​กล่าว​ว่า “นอก​จาก​ต้อง​เสีย​ชีวิต​แล้ว ยัง​ถูก​เยาะเย้ย; ถูก​ห่อ​หุ้ม​ตัว​ด้วย​หนัง​สัตว์, [คริสเตียน] ถูก​สุนัข​ฉีก​เป็น​ชิ้น ๆ; ถูก​ตอก​ติด​อยู่​บน​กางเขน; พวก​เขา​ถูก​ใช้​เป็น​เชื้อเพลิง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​สิ้น​แสง​ตะวัน​แล้ว จะ​ได้​ใช้​พวก​เขา​เป็น​แสง​ไฟ” หรือ​คบเพลิง​มนุษย์​เพื่อ​ส่อง​สว่าง​ใน​สวน​ของ​จักรพรรดิ. ทาซิตุส​ซึ่ง​ไม่​เป็น​มิตร​กับ​คริสเตียน​เสริม​ว่า “แม้​ว่า​พวก​เขา​จะ​มี​ความ​ผิด​และ​สม​ควร​ได้​รับ​การ​ลง​โทษ​ตักเตือน แต่​พวก​เขา​ก็​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ เนื่อง​จาก​พวก​เขา​ถูก​ล้าง​ผลาญ ไม่​ใช่​เพื่อ​สวัสดิภาพ​ของ​สาธารณชน แต่​เนื่อง​จาก​ความ​เหี้ยม​โหด​ของ​คน ๆ หนึ่ง” คือ​เนโร.

แตกต่าง​อย่าง​เด่น​ชัด

แม้​ว่า​จะ​เป็น​ไป​ตาม​เป้า​ประสงค์​ของ​เนโร​ที่​กล่าวหา​คริสเตียน​ใน​เรื่อง​การ​เผา​ผลาญ​กรุง​โรม แต่​เขา​ไม่​เคย​สั่ง​ห้าม​พวก​เขา​หรือ​ศาสนา​คริสต์​ใน​ฐานะ​ศาสนา​หนึ่ง​ใน​ประเทศ. ถ้า​อย่าง​นั้น เหตุ​ใด​ชาว​โรมัน​จึง​สนับสนุน​การ​กดขี่​ข่มเหง? นัก​ประวัติศาสตร์​วิลล์ ดูแรนต์​กล่าว​ว่า เนื่อง​จาก “ชุมชน​เล็ก ๆ ของ​คริสเตียน​กำลัง​ทำ​ให้​โลก​นอก​รีต​ที่​แสวง​หา​ความ​เพลิดเพลิน​นั้น​เป็น​ทุกข์​ด้วย​ความ​เลื่อมใส​ใน​ศาสนา​และ​การ​ประพฤติ​ดี​ของ​พวก​เขา.” ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​หลักการ​คริสเตียน​กับ​การ​ทำ​ให้​โลหิต​ตก​ใน​การ​ประลอง​ฝีมือ​ต่อ​สู้​ของ​ชาว​โรมัน​มาก​กว่า​นี้​ไม่​มี​แล้ว. เป็น​โอกาส​ดี​เกิน​กว่า​จะ​พลาด​ได้​ที่​ชาว​โรมัน​จะ​ขจัด​คริสเตียน​และ​ทำ​ให้​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​ตน​รบกวน​น้อย​ลง.

ใน​ฐานะ​มหาอำนาจ​โลก ดู​เหมือน​ว่า​โรม​รบ​ชนะ​อยู่​ตลอด​กาล. ชาว​โรมัน​เชื่อ​ว่า เหตุ​ผล​หนึ่ง​ที่​พวก​เขา​มี​ความ​องอาจ​ทาง​ทหาร​ก็​คือ​การ​ที่​พวก​เขา​นมัสการ​พระเจ้า​ทุก​องค์. ฉะนั้น พวก​เขา​พบ​ว่า​เป็น​การ​ยาก​ที่​จะ​เข้าใจ​การ​นับถือ​พระเจ้า​องค์​เดียว​โดย​เฉพาะ​ของ​คริสเตียน​และ​ปฏิเสธ​พระเจ้า​องค์​อื่น ๆ ทั้ง​หมด รวม​ทั้ง​การ​นมัสการ​จักรพรรดิ. ไม่​น่า​ประหลาด​ใจ​ที่​โรม​มอง​ดู​ศาสนา​คริสต์​ว่า​บ่อน​ทำลาย​รากฐาน​ของ​จักรวรรดิ.

ผล​ตอบ​แทน​ของ​การ​ให้​คำ​พยาน

ใน​ตอน​ปลาย​ของ​ศตวรรษ​แรก​สากล​ศักราช อัครสาวก​โยฮัน​ถูก​เนรเทศ​ไป​ที่​เกาะ​ปัตโมส “เนื่อง​ด้วย​ได้​กล่าว​ถึง​พระเจ้า​และ​ให้​คำ​พยาน​ถึง​พระ​เยซู.” (วิวรณ์ 1:9, ล.ม.) เชื่อ​กัน​ว่า จักรพรรดิ​โดมิเทียน​ของ​โรม​เป็น​ตัวการ​ใน​เรื่อง​นี้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ทั้ง ๆ ที่​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ได้​รับ​ความ​กดดัน เมื่อ​ศตวรรษ​แรก​สิ้น​สุด​ลง ศาสนา​คริสต์​ก็​ได้​แผ่​ไป​ทั่ว​จักรวรรดิ​โรมัน. เป็น​ไป​ได้​อย่าง​ไร? หนังสือ​ประวัติศาสตร์​ของ​คริสต์​จักร​สมัย​แรก (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า​ศาสนา​คริสต์ “เป็น​อัน​หนึ่ง​อัน​เดียว​กัน​เนื่อง​จาก​งาน​เผยแพร่​ศาสนา.” เช่น​เดียว​กับ​โยฮัน คริสเตียน​สมัย​แรก​ที่​ถูก​กดขี่​ข่มเหง​จะ​ไม่​อะลุ้มอล่วย​ความ​เชื่อ แต่​ยืนหยัด​อย่าง​กระตือรือร้น​ใน​การ​พูด​ถึง​พระเจ้า​และ​ให้​คำ​พยาน​ถึง​พระ​เยซู.—กิจการ 20:20, 21; 2 ติโมเธียว 4:2.

การ​กดขี่​ข่มเหง​คริสเตียน​มี​การ​เปลี่ยน​โฉม​หน้า​ใหม่​เมื่อ​มา​ถึง​ปี​สากล​ศักราช 112 สอง​ปี​หลัง​จาก​ที่​จักรพรรดิ​ทรายาน​แต่ง​ตั้ง​พลินี​เป็น​ผู้​ว่า​ราชการ​บี​ทีเนีย (ปัจจุบัน​คือ​ตุรกี​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ). ผู้​บริหาร​งาน​คน​ก่อน ๆ ที่​นั่น​ทำ​งาน​หย่อน​ยาน ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ไม่​เป็น​ระเบียบ. วิหาร​เกือบ​จะ​ถูก​ทิ้ง​ร้าง และ​การ​ขาย​ฟาง​สำหรับ​สัตว์​ที่​เอา​ไว้​บูชา​ก็​ซบเซา​ไป​มาก. พ่อค้า​โทษ​ความ​เรียบ​ง่าย​ของ​การ​นมัสการ​แบบ​คริสเตียน เนื่อง​จาก​ไม่​ต้อง​ใช้​สัตว์​ถวาย​บูชา​และ​รูป​เคารพ.

พลินี​พยายาม​อย่าง​หนัก​เพื่อ​ฟื้นฟู​การ​นมัสการ​นอก​รีต ใน​ขณะ​ที่​คริสเตียน​ต้อง​สละ​ชีวิต​เนื่อง​จาก​ไม่​ยอม​ถวาย​เหล้า​องุ่น​และ​เครื่อง​หอม​ต่อ​หน้า​รูป​ปั้น​ของ​จักรพรรดิ. ใน​ที่​สุด เจ้าหน้าที่​ของ​โรม​ยอม​รับ​ว่า​คริสเตียน “เป็น​ประชาชน​ที่​มี​คุณธรรม แต่​ก็​ไม่​อาจ​เข้าใจ​ได้​ว่า​เหตุ​ใด​จึง​ต่อ​ต้าน​ประเพณี​เก่า​แก่​ทาง​ศาสนา” ตาม​คำ​กล่าว​ของ​ศาสตราจารย์​เฮนรี แชดวิก. แม้​ว่า​การ​เป็น​คริสเตียน​มี​ความ​ผิด​ถึง​ขั้น​ประหาร​ชีวิต สาวก​แท้​ของ​พระ​เยซู​ก็​ไม่​คิด​อะลุ้มอล่วย.

ความ​เกลียด​ชัง​ยัง​เป็น​ผล​จาก “ความ​ขุ่นเคือง​ซึ่ง​เกิด​จาก​การ​ที่​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​นอก​รีต​เปลี่ยน​ศาสนา” ตาม​คำ​กล่าว​ของ​ศาสตราจารย์​ดับเบิลยู. เอ็ม. แรมเซย์. ดร. เจ. ดับเบิลยู. ซี. แวนด์ กล่าว​ว่า “ชีวิต​ใน​สังคม​ดำเนิน​ไป​ได้​ยาก​มาก​เมื่อ​เพื่อน​บ้าน​ของ​ตน​ไม่​อาจ​ปฏิบัติ​ตาม​ประเพณี​นิยม​ที่​ธรรมดา​ที่​สุด ด้วย​เหตุ​ผล​ที่​ว่า​สิ่ง​นั้น​ส่อ​ถึง​การ​ยอม​รับ​พระเจ้า​ของ​พวก​นอก​รีต” ไม่​แปลก​ที่​หลาย​คน​มอง​ดู​คริสเตียน​สมัย​แรก​ว่า​เป็น​ผู้​เกลียด​ชัง​มนุษยชาติ หรือ​ถือ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​นัก​อเทวนิยม.

การ​เพิ่ม​พูน​ทำ​ให้​การ​กดขี่​ข่มเหง​หนัก​ข้อ​ขึ้น

โพลีคาร์ป​ซึ่ง​กล่าว​กัน​ว่า​เป็น​ลูก​ศิษย์​ของ​อัครสาวก​โยฮัน ได้​มา​เป็น​ผู้​ปกครอง​ซึ่ง​เป็น​ที่​นับถือ​ใน​เมือง​ซมือร์นา (อิซเมียร์​ปัจจุบัน). เนื่อง​จาก​ความ​เชื่อ เขา​ถูก​เผา​บน​หลัก​ทรมาน​ใน​ปี​สากล​ศักราช 155. ผู้​ว่า​ราชการ​ของ​โรม สตาติอุส ควาดราตุส​เรียก​ประชุม​ฝูง​ชน. สนาม​กีฬา​เนืองแน่น​ไป​ด้วย​พวก​นอก​รีต​ที่​เป็น​ปรปักษ์​ซึ่ง​เหยียด​หยาม​โพลีคาร์ป​วัย 86 ปี​เนื่อง​จาก​พยายาม​ชักชวน​ให้​พวก​เขา​เลิก​นมัสการ​เทพเจ้า​ต่าง ๆ และ​ชาว​ยิว​ที่​บ้า​คลั่ง​เต็ม​ใจ​นำ​ฟืน​เข้า​มา แม้​ว่า​พวก​เขา​ต้อง​ทำ​ใน​วัน​ซะบาโต​สำคัญ​ก็​ตาม.

จาก​นั้น คลื่น​ของ​การ​กดขี่​ข่มเหง​จู่​โจม​คริสเตียน​ทั่ว​จักรวรรดิ​ของ​โรม. ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​จักรพรรดิ​มาร์คุส ออเรลิอุส โลหิต​ของ​พวก​เขา​ต้อง​หลั่ง​ออก​มาก​ยิ่ง​กว่า​เดิม. หาก​พวก​เขา​เป็น​พลเมือง​ของ​โรม พวก​เขา​จะ​ตาย​ด้วย​ดาบ หาก​ไม่​ใช่ พวก​เขา​จะ​ถูก​สัตว์​ร้าย​ฆ่า​ใน​สนาม​กีฬา. ความ​ผิด​ของ​พวก​เขา​นะ​หรือ? เพียง​แต่​เป็น​คริสเตียน​ซึ่ง​ไม่​ยอม​อะลุ้มอล่วย​หรือ​ละ​ทิ้ง​ความ​เชื่อ​ของ​ตน​เท่า​นั้น.

เมือง​ลิอองส์​สมัย​ปัจจุบัน​ของ​ฝรั่งเศส​เจริญ​เติบโต​จาก​อาณานิคม​ลุกดูนุม​ของ​โรม ศูนย์กลาง​สำคัญ​ใน​การ​บริหาร​งาน​และ​ฐาน​ทัพ​แห่ง​เดียว​ของ​โรม​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ระหว่าง​โรม​กับ​แม่น้ำ​ไรน์. พอ​ถึง​ปี​สากล​ศักราช 177 อาณานิคม​นี้​มี​ชุมชน​คริสเตียน​ที่​เข้มแข็ง​แห่ง​หนึ่ง ที่​ชน​นอก​รีต​ลุก​ฮือ​ขึ้น​ต่อ​ต้าน. สิ่ง​นี้​เริ่ม​ขึ้น​เมื่อ​คริสเตียน​ถูก​กีด​กัน​จาก​สถาน​ที่​สาธารณะ. ฝูง​ชน​วุ่นวาย​ก่อ​การ​จลาจล และ​ติด​ตาม​มา​ด้วย​การ​กดขี่​ข่มเหง​อย่าง​รุนแรง​จน​ไม่​มี​คริสเตียน​คน​ใด​กล้า​เสี่ยง​ที่​จะ​ออก​จาก​บ้าน. ผู้​ว่า​ราชการ​ของ​โรม​สั่ง​ให้​ค้น​หา​คริสเตียน​และ​ประหาร​ชีวิต.

บำเหน็จ

เมื่อ​อัครสาวก​ของ​พระ​เยซู​เสีย​ชีวิต​และ​ไม่​อาจ​สะ​กัด​กั้น​อีก​ต่อ​ไป การ​ออก​หาก​จึง​เริ่ม​ก่อ​ตัว​ขึ้น​ท่ามกลาง​ผู้​ที่​ประกาศ​ตัว​เป็น​คริสเตียน. (2 เธซะโลนิเก 2:7) พอ​ถึง​ปี​สากล​ศักราช 325 จักรพรรดิ​คอนสแตนติน​พยายาม​รวม​ศาสนา​คริสต์​เข้า​มา​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ศาสนา​ประจำ​ชาติ. ใน​เวลา​นั้น เป็น​ศาสนา​คริสต์​ที่​ออก​หาก​แล้ว​พร้อม​จะ​อะลุ้มอล่วย​และ​มา​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​นี้—ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​และ​สาวก​รุ่น​แรก​ของ​พระองค์​ไม่​เคย​ทำ. (โยฮัน 17:16) อย่าง​ไร​ก็​ตาม ก่อน​หน้า​นั้น​เป็น​เวลา​นาน พระ​ธรรม​ทุก​เล่ม​ใน​พระ​คัมภีร์​นั้น​ได้​รับ​การ​เขียน​เสร็จ​สมบูรณ์ พร้อม​ด้วย​บันทึก​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​คริสเตียน.

การ​ทน​ทุกข์​และ​ความ​ตาย​ของ​คริสเตียน​สมัย​แรก​นับ​พัน​นั้น​ไร้​ประโยชน์​ไหม? ไม่​เป็น​เช่น​นั้น​แน่! โดย​ไม่​คิด​อะลุ้มอล่วย​ความ​เชื่อ​ของ​ตน ‘พวก​เขา​สัตย์​ซื่อ​ตราบ​เท่า​วัน​ตาย, และ​ได้​มงกุฎ​แห่ง​ชีวิต.’ (วิวรณ์ 2:10) ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​ยัง​คง​รู้สึก​ถึง​ความ​ร้อน​แรง​ของ​การ​กดขี่​ข่มเหง แต่​ความ​เชื่อ​และ​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​สมัย​แรก​ยัง​คง​เป็น​แหล่ง​แห่ง​การ​หนุน​ใจ​ยิ่ง​แก่​พวก​เขา. ดัง​นั้น คริสเตียน​ใน​ปัจจุบัน​ก็​ไม่​คิด​อะลุ้มอล่วย​เช่น​กัน.

[รูปภาพ​หน้า 8, 9]

เนโร

แบบ​จำลอง​ของ​โรม​สมัย​จักรวรรดิ

แท่น​ที่​อุทิศ​สำหรับ​การ​นมัสการ​ซีซาร์

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Nero: Courtesy of The British Museum

Museo della Civilta Romana, Roma

[รูปภาพ​หน้า 10]

มาร์คุส ออเรลิอุส

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

The Bettmann Archive

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์