ตัวอย่างความถ่อมใจที่พึงเลียนแบบ
“ซึ่งพระองค์น้อมพระทัยลงนั้นกระทำให้ข้าพเจ้าเป็นใหญ่ขึ้น.”—บทเพลงสรรเสริญ 18:35.
1. หลักฐานอะไรในเรื่องความถ่อมใจที่เห็นได้จากอดีตนายกสมาคมว็อชเทาเวอร์คนหนึ่ง?
โจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ดเป็นคนมีท่าทางภูมิฐาน สูงหกฟุตกว่าและหนัก 90 กว่ากิโลกรัม. นอกจากนั้น เสียงของท่านมีพลัง ท่านใช้เสียงไม่เพียงแต่ประกาศพระนามของพระยะโฮวาให้โด่งดังอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ท่านยังได้เปิดโปงการตีสองหน้าของพวกผู้นำศาสนาในคริสต์ศาสนจักรด้วย ท่านตั้งสมญาศาสนาของพวกนั้นว่า “บ่วงและกลลวง.” ถึงแม้คำบรรยายของท่านมีน้ำเสียงที่เต็มด้วยพลัง เมื่อท่านอธิษฐานกับครอบครัวเบเธลที่สำนักงานใหญ่ เสียงของท่านเหมือนเสียงลูกชายคุยกับพ่อ ฉะนั้นจึงแสดงถึงทั้งความสัมพันธ์อย่างสนิทชิดใกล้ระหว่างท่านกับพระเจ้าผู้สร้างตัวท่านและความถ่อมใจของท่าน. ใช่แล้ว ท่านถ่อมตัวเหมือนเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง.—มัดธาย 18:3, 4.
2. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาแตกต่างจากปัจเจกบุคคลชาวโลกอย่างเห็นได้ชัดในประการใดโดยเฉพาะ?
2 ไม่ต้องสงสัย ผู้รับใช้แท้ทุกคนของพระเจ้ายะโฮวาเป็นคนถ่อม. ในเรื่องนี้พวกเขาอยู่ในฐานะต่างกับชาวโลกอย่างเห็นได้ชัด. ทุกวันนี้ยิ่งกว่าแต่ก่อนโลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ทะนงตน. คนชั้นสูงและคนมีอำนาจ, คนรวย, คนมีความรู้สูง และแม้แต่คนยากจนและคนที่ด้อยโอกาสทางใดทางหนึ่งจำนวนไม่น้อยเป็นคนทะนงตน.
3. อาจกล่าวได้อย่างไรในเรื่องผลต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความทะนงตัว?
3 การทะนงตนเป็นสาเหตุของการต่อสู้และการตรมทุกข์อย่างไม่จบสิ้น. ที่จริง ความระทมทุกข์ทุกอย่างในเอกภพเริ่มขึ้นเนื่องจากทูตสวรรค์ตนหนึ่งได้ทะนงตน ต้องการได้รับการกราบไหว้บูชา ซึ่งการนมัสการนี้พึงเป็นของพระยะโฮวาพระผู้สร้างโดยเฉพาะ. (มัดธาย 4:9, 10) ยิ่งกว่านั้น ผู้นี้ ซึ่งได้ทำตัวเป็นพญามารและซาตาน ได้หลอกลวงฮาวาผู้หญิงคนแรกได้สำเร็จด้วยการชักชวนให้นางคิดทะนงตน. มันสัญญาว่า ถ้านางกินผลไม้ต้องห้ามเข้าไป นางจะเป็นเหมือนพระเจ้าเสียเอง จะรู้ดีและชั่ว. หากนางถ่อมใจ นางคงจะพูดทำนองนี้: ‘ทำไมฉันจะต้องการเป็นเหมือนพระเจ้าเล่า?’ (เยเนซิศ 3:4, 5) เมื่อเราพิจารณาสภาพอันน่าสังเวชของมนุษยชาติ ไม่ว่าด้านกายภาพ, ด้านจิตใจ, และด้านศีลธรรม มนุษย์จึงไม่มีข้อแก้ตัวในเรื่องการทะนงตน! เราไม่ประหลาดใจเลยเมื่ออ่านว่าพระยะโฮวาทรงชัง ‘ความเย่อหยิ่งและความจองหอง’! (สุภาษิต 8:23) ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากพวกที่ถือดีทั้งหลายก็คือ ตัวอย่างความถ่อมใจในคัมภีร์ไบเบิล พระวจนะของพระเจ้า.
พระเจ้ายะโฮวาทรงถ่อมพระทัย
4. คัมภีร์ข้อไหนแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงถ่อมพระทัย?
4 พระเจ้ายะโฮวา—ผู้สูงสุด, องค์บรมมหิศร, พระมหากษัตริย์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิตย์—ทรงถ่อมพระทัย. (เยเนซิศ 14:22) เป็นไปได้หรือ? ใช่แล้ว เป็นไปได้! กษัตริย์ดาวิดได้ตรัส ดังบันทึกในบทเพลงสรรเสริญ 18:35ว่า “พระองค์ได้ทรงประทานความรอดของพระองค์ให้เป็นโล่แก่ข้าพเจ้าด้วย; พระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ทรงประคองข้าพเจ้าไว้, และซึ่งพระองค์ทรงน้อมพระทัยลงนั้นกระทำให้ข้าพเจ้าเป็นใหญ่ขึ้น.” เห็นได้ว่ากษัตริย์ดาวิดถือว่า ความถ่อมพระทัยของพระยะโฮวาทำให้ท่านได้เป็นใหญ่. และอีกครั้งหนึ่งเราอ่านที่บทเพลงสรรเสริญ 113:6 ว่าพระยะโฮวา “ทรงถ่อมพระทัยทอดพระเนตรลงมาพิจารณาดูฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก.” ฉบับแปลอื่นอ่านว่า “ทอดพระเนตรลงมาที่ต่ำ,” (ฉบับแปลใหม่) “ยอมถ่อมพระองค์ทอดพระเนตรมองเบื้องล่าง.”—นิวอิงลิชไบเบิล.
5. เหตุการณ์อะไรบ้างเป็นพยานหลักฐานเรื่องความถ่อมพระทัยของพระยะโฮวา?
5 พระเจ้ายะโฮวาทรงถ่อมพระองค์อย่างแน่นอนในวิธีที่พระองค์ปฏิบัติกับอับราฮาม โดยทรงยอมให้อับราฮามซักไซ้พระองค์เกี่ยวด้วยความชอบธรรมเมื่อทรงมุ่งหมายจะทำลายเมืองโซโดมกับกะโมราห์อันชั่วร้ายนั้น. (เยเนซิศ 18:23-32) และเมื่อพระยะโฮวาแสดงเจตจำนงของพระองค์จะทำลายชนชาติยิศราเอลให้หมดสิ้น—คราวหนึ่งเพราะการบูชารูปเคารพ อีกคราวหนึ่งเพราะการเป็นกบฏ—ทุกครั้งโมเซได้หาเหตุผลกับพระยะโฮวาประหนึ่งท่านสนทนากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน. แต่ละครั้งพระยะโฮวาได้ตอบรับด้วยความพอพระทัย. ทั้งนี้แสดงว่าพระองค์มีพระทัยถ่อมโดยทรงยอมให้เป็นไปตามคำวิงวอนขอของโมเซเพื่อชาวยิศราเอลไพร่พลของพระองค์. (เอ็กโซโด 32:9-14; อาฤธโม 14:11-20) ตัวอย่างอื่น ๆ ที่แสดงถึงความถ่อมพระทัยของพระยะโฮวา ถึงกับพูดได้ว่า ทรงเกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นส่วนตัวทีเดียว เห็นได้จากความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับฆิดโอนและโยนา ตามบันทึกในวินิจฉัย 6:36-40 และโยนา 4:9-11.
6. ลักษณะพิเศษอะไรของพระยะโฮวาเผยให้เห็นต่อไปอีกถึงความถ่อมพระทัยของพระองค์?
6 ที่จริง การกล่าวถึงพระยะโฮวาว่าทรง “พิโรธช้า” อย่างน้อยมีเก้าครั้ง.a การที่พระยะโฮวามีพระทัยอดกลั้นทนนาน พิโรธช้า เมื่อทรงปฏิบัติกับมนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์ตลอดมานับหลายพันปีเป็นข้อพิสูจน์ที่หนักแน่นมากขึ้นว่าพระองค์ทรงมีพระทัยถ่อม. คนหยิ่งทะนงเป็นคนหุนหัน, บันดาลโทสะง่าย, ต่างกันมากกับการอดกลั้นทนนาน. ความถ่อมพระทัยของพระยะโฮวาทำให้ความหยิ่งทะนงของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์กลายเป็นความโง่อย่างน่าขัน! เนื่องจากเราได้รับคำเตือนให้ ‘เลียนแบบพระเจ้าดังบุตรที่รัก,’ เราจึงต้องถ่อมใจเหมือนพระองค์ทรงถ่อมพระทัย.—เอเฟโซ 5:1.
แบบอย่างการถ่อมพระทัยของพระคริสต์
7, 8. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างไรเกี่ยวด้วยความถ่อมของพระเยซูคริสต์?
7 ตัวอย่างเด่นที่สุดอันดับสองเกี่ยวกับความถ่อมใจซึ่งพวกเราจะเลียนแบบได้มีกล่าวใน 1 เปโตร 2:21, (ล.ม.) ดังนี้: “ที่จริง ท่านทั้งหลายถูกเรียกไว้สำหรับแนวทางนี้ เพราะแม้แต่พระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ทรงวางแบบอย่างไว้ให้ท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์อย่างใกล้ชิด.” นานมากก่อนพระองค์กำเนิดเป็นมนุษย์อยู่ในโลก ได้มีคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระองค์ที่ซะคาระยา 9:9 ว่า “โอ้บุตรีแห่งซีโอน จงยินดีเป็นอันมาก, โอ้บุตรีแห่งยะรูซาเลม จงโห่ร้องด้วยชื่นชม. นี่แน่ะ, กษัตริย์ของท่านเสด็จมาหาท่าน, มีความชอบธรรมแลประกอบด้วยฤทธิ์ช่วยให้รอด, แลมีพระทัยอันสุภาพ, แลเสด็จนั่งบนลาและลูกลา.” หากพระเยซูคริสต์ทะนงตน พระองค์คงยอมรับข้อเสนอของพญามารที่ว่าจะมอบอาณาจักรทั้งสิ้นบนแผ่นดินโลกแก่พระองค์แลกกับการบูชานมัสการเพียงครั้งเดียว. (มัดธาย 4:9, 10) อนึ่ง พระองค์แสดงความถ่อมพระทัยโดยการยกย่องให้เกียรติทั้งสิ้นตกอยู่กับพระยะโฮวาสำหรับการสั่งสอนของพระองค์ โดยตรัสดังนี้: “ครั้นท่านทั้งหลายได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะรู้ว่าเราเป็นผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดจากความริเริ่มของเราเอง; แต่เราพูดสิ่งเหล่านี้ตามที่พระบิดาได้ทรงสอนเรา.”—โยฮัน 8:28, ล.ม.
8 พระองค์สามารถตรัสกับผู้ฟังได้อย่างเหมาะสมว่า “จงรับแอกของเราไว้บนเจ้าทั้งหลายและเรียนจากเรา เพราะเรามีจิตใจอ่อนโยนและหัวใจถ่อม และเจ้าจะได้ความสดชื่นสำหรับจิตวิญญาณของเจ้า.” (มัดธาย 11:29, ล.ม.) ช่างเป็นการวางตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับการถ่อมพระทัยโดยที่พระองค์ได้ล้างเท้าพวกอัครสาวกในคืนสุดท้ายที่อยู่กับพวกเขาขณะยังเป็นมนุษย์! (โยฮัน 13:3-15) ในฟิลิปปอย 2:3-8, (ล.ม.) อัครสาวกเปาโลได้แนะนำคริสเตียนไว้อย่างเหมาะเจาะให้เป็นคน “ใจถ่อม” โดยยกพระเยซูคริสต์เป็นตัวอย่างดังนี้: “จงรักษาน้ำใจอย่างนี้ไว้ในตัวท่านซึ่งน้ำใจอย่างนี้ก็มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ด้วย ผู้ซึ่ง ถึงแม้พระองค์จะดำรงอยู่ในลักษณะของพระเจ้าก็ตาม มิได้ทรงคำนึงถึงการที่จะแย่งชิง กล่าวคือการที่พระองค์จะได้เท่าเทียมกับพระเจ้า. เปล่าเลย แต่พระองค์ได้ยอมสละพระองค์เองแล้วก็รับเอาสภาพแห่งทาสและมารับเอารูปลักษณะเป็นมนุษย์. ยิ่งกว่านั้น เมื่อแลเห็นว่า พระองค์เองอยู่ในลักษณะมนุษย์แล้ว พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ และยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา คือความมรณาบนหลักทรมาน.” เมื่อเผชิญวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่สุดในชีวิตของพระองค์ พระองค์ก็ได้อธิษฐานต่อพระบิดาด้วยพระทัยถ่อมว่า “อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพเจ้า, แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์.” (มัดธาย 26:39) ที่เราจะเป็นผู้เลียนแบบพระเยซูคริสต์ เดินตามรอยพระองค์อย่างใกล้ชิด แน่นอน เราจะต้องเป็นคนถ่อมใจ.
อัครสาวกเปาโลแบบอย่างอันดีในด้านการถ่อมใจ
9-12. อัครสาวกเปาโลได้วางตัวอย่างที่ดีด้านความถ่อมใจในทางใด?
9 อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “จงประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า, เหมือนข้าพเจ้าประพฤติตามอย่างพระคริสต์.” (1 โกรินโธ 11:1) อัครสาวกเปาโลเลียนแบบพระเยซูคริสต์โดยเป็นคนใจถ่อมไหม และจึงเป็นแบบอย่างแห่งการถ่อมใจให้เราประพฤติตาม? มั่นใจอย่างยิ่งว่าท่านทำเช่นนั้น. แรกทีเดียว ท่านยอมรับด้วยใจถ่อมว่าท่านเป็นทาสของพระเยซูคริสต์. (ฟิลิปปอย 1:1) ท่านได้บอกผู้ปกครองที่เมืองเอเฟโซว่าท่าน ‘ได้ปฏิบัติพระเจ้าด้วยความถ่อม, ด้วยน้ำตาไหล, ด้วยการถูกทดลองที่มีมาถึงท่านเพราะการคิดร้ายของพวกยูดาย.’ (กิจการ 20:17-19) หากอัครสาวกเปาโลไม่ใช่คนถ่อม ท่านคงจะไม่เขียนถ้อยคำดังปรากฏในโรม 7:18, 19 ที่ว่า “ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้า ไม่มีความดีประการใดเลย . . . ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ, แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำข้าพเจ้ายังทำอยู่.”
10 ข้อบ่งชี้อีกอย่างหนึ่งเกี่ยวด้วยการถ่อมใจของเปาโลคือสิ่งซึ่งท่านเขียนถึงคริสเตียนที่โกรินโธ ดังบันทึกใน 1 โกรินโธ 2:3 ที่ว่า “ขณะเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านทั้งหลาย, ข้าพเจ้าก็อ่อนกำลัง, มีความกลัวและหวั่นหวาดมาก.” ในการอ้างถึงการกระทำในอดีตก่อนเข้ามาเป็นคริสเตียนด้วยความถ่อม ท่านเขียนดังนี้: “เมื่อก่อนนั้นข้าพเจ้าเป็นคนหลู่เกียรติยศพระเจ้าและเป็นคนข่มเหง และเป็นคนหมิ่นประมาทพระเจ้า . . . . พระเยซูคริสต์ได้เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด. และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอ้.”—1 ติโมเธียว 1:13, 15.
11 การถ่อมใจของท่านปรากฏให้เห็นอีกโดยที่ท่านกล่าวยกย่องพระเจ้ายะโฮวาเมื่อความพยายามทุกอย่างของท่านสำเร็จผล. ท่านเขียนเรื่องการทำงานเผยแพร่ของท่านว่า “ข้าพเจ้าได้ปลูกไว้, อะโปโลได้รดน้ำ แต่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้เกิดผล.” (1 โกรินโธ 3:6, 7) ท่านยังได้ขอร้องพวกพี่น้องให้อธิษฐานเผื่อท่าน เพื่อว่าท่านจะสามารถให้คำพยานที่ดีได้ อย่างที่เราอ่านที่เอเฟโซ 6:18-20 ดังนี้ “และอธิษฐาน . . . เพื่อข้าพเจ้าด้วย . . . ให้ข้าพเจ้ามีคำพูดและเกิดใจกล้าออกปากสำแดงข้อลับลึกแห่งกิตติคุณ.”
12 นอกจากนั้น เปาโลแสดงการถ่อมใจของตนเองโดยการร่วมมือกับอัครสาวกอื่น ๆ: “ยาโกโบกับเกฟาและโยฮัน . . . ได้ยื่นมือขวาให้ข้าพเจ้ากับบาระนาบาจับเป็นเครื่องหมายว่ามีความสามัคคีต่อกัน. เพื่อเราจะได้ไปหาชนต่างชาติและท่านเหล่านั้นจะได้ไปหาพวกที่ถือพิธีสุหนัต.” (ฆะลาเตีย 2:9) ท่านยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่าท่านเต็มใจร่วมมือกับบรรดาผู้ปกครองที่ประชาคมยะรูซาเลมโดยไปด้วยกันกับชายหนุ่มสี่คนยังพระวิหารและออกค่าใช้จ่ายของพวกเขาขณะพวกเขาทำตามการปฏิญาณของตน.—กิจการ 21:23-26.
13. อะไรทำให้ความถ่อมใจของเปาโลเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก?
13 ความถ่อมใจของเปาโลยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเราสังเกตวิธีที่พระเจ้ายะโฮวาได้ทรงใช้ท่านทำการอิทธิฤทธิ์. อย่างเช่น เราอ่านว่า “พระเจ้าทรงกระทำการอิทธิฤทธิ์อันแปลกประหลาดด้วยมือของเปาโล.” (กิจการ 19:11, 12) ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าได้โปรดให้ท่านเห็นนิมิตและการเปิดเผยที่เหนือธรรมชาติ. (2 โกรินโธ 12:1-7) นอกจากนั้น เราไม่ควรมองข้ามที่ท่านได้รับการดลบันดาลให้เขียนหนังสือ 14 ใน 27 เล่ม (อันที่จริงเป็นจดหมาย) ในคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก. ทุกอย่างที่ท่านได้รับนั้นหาได้ทำให้ท่านทะนงตนแต่อย่างใด. ท่านถ่อมตัวอยู่เสมอ.
ตัวอย่างสมัยปัจจุบัน
14-16. (ก) นายกสมาคมคนแรกเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องความถ่อมใจอย่างไร? (ข) ตัวอย่างของท่านต่างกันอย่างชัดแจ้งกับตัวอย่างของใคร?
14 ที่เฮ็บราย 13:7 เราอ่านคำแนะนำของอัครสาวกเปาโลว่า “ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคนเหล่านั้นที่ได้เคยปกครองท่าน คือคนที่ได้ประกาศพระคำของพระเจ้าแก่ท่าน. และจงพิจารณาดูผลแห่งปลายทางแห่งประวัติของเขา, แล้วจงเอาอย่างความเชื่อของเขา.” เพื่อเป็นไปตามหลักการนี้ เราสามารถยกเอา ชาร์ลส์ เทซ รัสเซลล์ นายกคนแรกของสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็กต์เป็นตัวอย่างสมัยปัจจุบัน ซึ่งเราอาจเลียนแบบความเชื่อของท่าน. ท่านเป็นคนถ่อมไหม? แน่นอน! ตามการสังเกตอย่างถี่ถ้วน ข้อความในหนังสือชุดหกเล่มชื่อ การค้นคว้าพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) มีความยาวกว่า 3,000 หน้านั้น ท่านไม่ได้อ้างถึงตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว. สรรพหนังสือที่ผลิตโดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็กต์ก็ได้ปฏิบัติตามหลักนี้คือไม่ดึงความสนใจไปยังมนุษย์คนใด โดยไม่ได้ระบุชื่อผู้เขียนบทความต่าง ๆ.
15 คราวหนึ่ง รัสเซลล์ได้เขียนลงในวารสารหอสังเกตการณ์ ว่า ท่านไม่เคยรู้จัก “ลัทธิรัสเซลล์” หรือ “รัสเซลไลต์” สมญานามซึ่งพวกต่อต้านใช้กัน ซึ่งท่านปฏิเสธโดยเด็ดขาด. ท่านเขียนอย่างนี้: “งานของเรา . . . ที่ได้ทำไปก็เป็นการรวบรวมเอาส่วนต่าง ๆ ของความจริงซึ่งกระจัดกระจายอยู่นานและเสนอต่อชนที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า—ไม่ใช่ฐานะเป็นสิ่งใหม่, ไม่ใช่เป็นของเราเอง, แต่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า. . . . งานซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าชอบพระทัยจะใช้ความสามารถอันต่ำต้อยของเรา, ไม่ใช่การริเริ่มแต่เป็นงานฟื้นฟู, การปรับปรุง, การทำให้ประสานกลมกลืนกัน. จริงทีเดียว ท่านกล่าวตามความรู้สึกของอัครสาวกเปาโล ดังที่ปรากฏใน 1 โกรินโธ 3:5-7.
16 ทัศนะของท่านต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับทัศนะของชาร์ลส์ ดาร์วิน. ในหนังสือต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับแรกที่พิมพ์เมื่อปี 1859 ดาร์วินได้อ้างอิงถึงทฤษฏี “ของข้าพเจ้า” ครั้งแล้วครั้งเล่า มองข้ามสิ่งที่คนอื่นพูดเรื่องวิวัฒนาการไว้ก่อนแล้ว. แซมมวล บัตเลอร์นักเขียนชื่อดังคนหนึ่งแห่งศตวรรษนั้น ได้ตำหนิดาร์วินอย่างรุนแรง โดยชี้แจงว่าหลายคนได้เสนอสมมุติฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการก่อนหน้านั้นแล้ว ดาร์วินไม่ใช่ผู้ริเริ่มตั้งทฤษฏีนี้ขึ้นมาเลย.
17. ตัวอย่างอะไรอีกที่แสดงว่าบราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดเป็นคนถ่อมใจ?
17 ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์อีกคนหนึ่งซึ่งพระเจ้ายะโฮวาทรงใช้ให้ทำงานอย่างเต็มกำลังได้แก่โจเซฟ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด ซึ่งได้กล่าวถึงในตอนต้น. ท่านเป็นผู้สนับสนุนความจริงในพระคัมภีร์ และโดยเฉพาะเรื่องพระนามพระยะโฮวาอย่างกล้าหาญ. แม้รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะผู้พิพากษารัทเทอร์ฟอร์ด แต่จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนถ่อม. อย่างเช่น ครั้งหนึ่งท่านได้พูดบางอย่างโดยความคิดเห็นส่วนตัวว่าคริสเตียนย่อมคาดหมายอะไรในปี 1925. ครั้นไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามการคาดหมาย ท่านได้บอกแก่ครอบครัวเบเธลด้วยความถ่อมว่าท่านลงความเห็นผิดพลาด. คริสเตียนผู้ถูกเจิมคนหนึ่งซึ่งใกล้ชิดกับท่านได้ให้การว่า หลายครั้งเขาได้ยินบราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดกล่าวคำขอโทษด้วยเจตนารมณ์เหมือนที่กล่าวในมัดธาย 5:23, 24 ทั้งในที่แจ้งและในทางส่วนตัว เนื่องจากท่านได้ทำให้เพื่อนคริสเตียนรู้สึกเจ็บใจด้วยคำพูดที่ผิดพลาดไป. จำต้องมีความถ่อมใจสำหรับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่จะขอโทษคนเหล่านนั้นที่อยู่ใต้อำนาจ. บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดได้วางแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ดูแลทุกคน ไม่ว่าในประชาคม, ในงานเดินหมวด, หรือในสำนักงานสาขาสมาคมที่ใดที่หนึ่ง.
18. นายกสมาคมคนที่สามได้พูดอะไรซึ่งแสดงให้เห็นความถ่อมใจ?
18 นาธาน เอช. นอรร์ นายกคนที่สามแห่งสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็กต์ แม้ท่านเป็นบุคคลมีตำแหน่งสำคัญท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวาก็หาได้แสดงตัวเป็นใหญ่เป็นโตเพราะตำแหน่งหน้าที่ไม่. ถึงแม้ท่านมีความสามารถเป็นเลิศในการจัดระเบียบและเมื่อบรรยายต่อสาธารณชน แต่ท่านก็คำนึงถึงด้วยความเคารพอย่างมากต่อสิ่งที่คนอื่นได้กระทำ. ด้วยเหตุนี้ คราวหนึ่งท่านได้เยี่ยมสมาชิกฝ่ายการเขียนคนหนึ่งในห้องทำงานแล้วพูดว่า “แผนกนี้ทำงานซึ่งมีความสำคัญที่สุดและยากที่สุดด้วย. เพราะเหตุนี้ ผมจึงทำงานด้านนี้น้อยมาก.” ใช่แล้ว ท่านถ่อมตัวปฏิบัติตามคำแนะนำในฟิลิปปอย 2:3 ที่ว่า ‘มีใจถ่อมถือว่าผู้อื่นดีกว่าตน.’ ท่านหยั่งรู้ว่า แม้ว่าตำแหน่งนายกสมาคมมีความสำคัญ แต่ภารกิจด้านอื่นสำคัญเหมือนกัน. ที่จะมีความรู้สึกแบบนั้นและแสดงความรู้สึกด้วยการกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำเช่นนั้น ท่านคงต้องมีความถ่อมใจอย่างแท้จริง. ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีอีกรายหนึ่งซึ่งทุกคนจะเอาอย่างได้ โดยเฉพาะบุคคลที่อาจจะมีตำแหน่งเด่นในด้านการดูแล.
19, 20. (ก) นายกสมาคมคนที่สี่ได้วางตัวอย่างอะไรเกี่ยวกับความถ่อมใจ? (ข) บทความต่อจากนี้จะให้ความช่วยเหลืออะไรแก่เราเกี่ยวเนื่องกับการสำแดงความถ่อมใจ?
19 เฟร็ด ดับเบิลยู. แฟรนซ์ นายกสมาคมคนที่สี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีด้านความถ่อมใจเช่นกัน. ในฐานะรองนายกของสมาคมนานกว่า 32 ปี ท่านได้เขียนบทความลงวารสาร และสำหรับระเบียบวาระของการประชุมใหญ่เป็นส่วนมาก กระนั้น ในเรื่องนี้ท่านอยู่เบื้องหลังเสมอ ไม่เคยพยายามที่จะเป็นคนเด่น. อาจยกตัวอย่างสมัยโบราณซึ่งพอเทียบกันได้ขึ้นมากล่าว. เมื่อโยอาบได้ปราบพวกอำโมนที่กรุงราบาได้แล้ว เขาทำให้แน่ใจว่ากษัตริย์ดาวิดจะเป็นผู้รับเกียรติยศสำหรับชัยชนะครั้งนี้.—2 ซามูเอล 12:26-28.
20 จริงทีเดียว มีตัวอย่างที่ดีมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ให้เหตุผลอันหนักแน่นแก่เราที่จะเป็นคนถ่อมใจ. อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลอีกหลายประการที่เราจะมีความถ่อมใจ และเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้รวมทั้งสิ่งที่จะช่วยเราให้เป็นคนถ่อมใจนั้นจะได้นำขึ้นมาพิจารณาในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a เอ็กโซโด 34:6; อาฤธโม 14:18; นะเฮมยา 9:17; บทเพลงสรรเสริญ 86:15; 103:8; 145:8; โยเอล 2:13; โยนา 4:2; นาฮูม 1:3.
คุณจำได้ไหม?
▫ ผลสืบเนื่องจากความทะนงตัวเป็นอย่างไร?
▫ ใครได้วางตัวอย่างอันดียิ่งด้านความถ่อมใจ?
▫ อะไรแสดงว่าใครคือบุคคลตัวอย่างที่ดีเลิศอันดับรองเกี่ยวกับความถ่อมใจ?
▫ อัครสาวกเปาโลได้วางแบบอย่างอันดีอะไรเกี่ยวกับความถ่อมใจ?
▫ พวกเรามีตัวอย่างที่เด่นอะไรในปัจจุบันเกี่ยวกับความถ่อมใจ?
[รูปภาพหน้า 15]
พระเยซูทรงแสดงแบบอย่างอันดีในเรื่องความถ่อมใจ
[รูปภาพหน้า 16]
เปาโลได้วางตัวอย่างที่ดีด้านความถ่อมใจ
[รูปภาพหน้า 17]
บราเดอร์รัสเซลล์ไม่แสวงหาเกียรติสำหรับตัวเองในการเขียนบทความต่าง ๆ