การประชุมภาคที่น่าตื่นเต้นส่งเสริมการสอนจากพระเจ้า
ทุกวันนี้ โลกกำลังประสบกับการพลั่งพรูของข่าวสาร. โดยทางโทรทัศน์และวิทยุ, หนังสือต่าง ๆ หรือโดยทางคอมพิวเตอร์ มีการจัดเตรียมความรู้ที่เกือบจะไม่มีขีดจำกัด ในแทบทุกเรื่องเท่าที่จะคิดออกได้. กระนั้น ผู้คนก็ยังเจ็บป่วยและตาย. อาชญากรรม, ความหิวโหย, และความยากจนมีอยู่ทั่วโลก และความปั่นป่วนทางอารมณ์ก่อผลกระทบต่อผู้คนมากกว่าที่เคยเป็นมา. ความรู้ที่มีอยู่ทั้งหมดไม่สามารถแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้. เพราะเหตุใด? เพราะมนุษยชาติหันหลังให้กับพระสติปัญญาของพระเจ้า.
ดังนั้น ช่างเหมาะสมสักเพียงไรที่ “การสอนจากพระเจ้า” เป็นอรรถบทที่เลือกไว้สำหรับการประชุมภาคของพยานพระยะโฮวาเมื่อไม่นานมานี้! ระเบียบวาระเตือนใจผู้ที่อยู่ ณ การประชุมว่า คำสอนที่พบในคัมภีร์ไบเบิลพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่มีคุณค่าแท้ในการช่วยชีวิต.
การประชุมภาคแห่งแรกเริ่มในวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายนที่ยูเนียนเดล รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา. จากนั้น การประชุมก็มีขึ้นในเมืองต่าง ๆ ในประเทศแล้วประเทศเล่า โดยสิ้นสุดลงที่ทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้.
บ่ายวันแรก
แต่ละวันมีอรรถบทที่เน้นแง่มุมหนึ่งของการสอนจากพระเจ้า. ตัวอย่างเช่น ระเบียบวาระสำหรับวันแรกยึดอรรถบท “การรู้จักคำสอนซึ่งมาจากพระเจ้า” เป็นหลัก. (โยฮัน 7:17) แนวคิดนี้เด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อวันนั้นดำเนินไป.
หลังจากที่ร้องเพลงและอธิษฐาน ประธานการประชุมภาคเริ่มระเบียบวาระการประชุมด้วยคำบรรยายเรื่อง “การสอนจากพระเจ้านำเรามาพร้อมเพรียงกัน.” ประธานแสดงให้เห็นว่า ไพร่พลของพระยะโฮวาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยการเรียนรู้วิถีทางของพระองค์และดำเนินในทางของพระองค์. (มีคา 4:1-5) การสอนจากพระเจ้าทำให้เอกภาพของพวกเขาแน่นแฟ้นขึ้น. ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับการหนุนใจให้ปีติยินดีในความเป็นพี่น้องที่เป็นเอกภาพของพวกเขา.—บทเพลงสรรเสริญ 133:1-3.
ไม่นานต่อมาในตอนบ่าย มีการพิจารณาถึงการประชุมประจำประชาคม ในคำบรรยายชุดที่มีชื่อว่า “การประชุมต่าง ๆ ที่สั่งสอนเราเกี่ยวกับวิถีทางของพระยะโฮวา.” ผู้บรรยายคนแรกเตือนผู้เข้าร่วมประชุมให้ระลึกว่า เมื่อเราประชุมกัน เราถวายเกียรติแด่พระยะโฮวา และโดยวิธีนี้ เราได้รับพระพรจากพระองค์. ผู้บรรยายคนถัดไปเน้นถึงความจำเป็นที่จะมีส่วนในการประชุม. โดยการทำเช่นนั้น เราสรรเสริญพระยะโฮวาอย่างเปิดเผย, สำแดงความเชื่อของเรา, และเสริมความเชื่อของผู้อื่นให้เข้มแข็ง. ผู้บรรยายคนที่สามในคำบรรยายชุดนี้แสดงถึงความจำเป็นที่จะนำสิ่งที่เราเรียนรู้ ณ การประชุมต่าง ๆ ไปปฏิบัติ. เราต้องเป็น “คนประพฤติตามคำนั้น, ไม่ใช่เป็นแต่ผู้ฟังเท่านั้น.”—ยาโกโบ 1:22.
ถัดจากนั้น มีการพิจารณาอย่างน่าเพลิดเพลินถึงการร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา. เพลงที่ร้องด้วยความจริงใจเป็นส่วนสำคัญของการนมัสการของเรา. คำบรรยายนี้ติดตามด้วยคำปราศรัยสำคัญเรื่อง “คำสอนของพระเจ้ามีชัย.” ช่างเป็นหัวเรื่องที่เยี่ยมจริง ๆ! ผู้บรรยายกล่าวว่า “พระยะโฮวาเป็นแหล่งแห่งคำสอนที่ดีที่สุด ที่ใคร ๆ ก็รับได้.” จากนั้น หลังจากที่พิจารณาสั้น ๆ ถึงความมหัศจรรย์ของสมองมนุษย์ เขากล่าวว่า “เราควรใช้ความสามารถในการคิดของเราเพื่อรับคำสอนจากพระเจ้าเป็นอันดับแรก. คำสอนจากพระเจ้าเท่านั้นนำมาซึ่งสติปัญญาแท้.” ช่างเป็นจริงสักเพียงไร!
เช้าวันที่สอง
“ประดับโอวาทของพระเจ้าผู้เป็นที่รอดของเราต่อ ๆ ไป” เป็นอรรถบทในวันที่สองของการประชุมภาค. (ติโต 2:10) หลักการนี้เด่นขึ้นมาในคำบรรยายเรื่อง “คำสอนของพระเจ้าต่อคำสอนของผีปิศาจ.” ใช่แล้ว พวกผีปิศาจก็มีคำสอนของมัน. (1 ติโมเธียว 4:1) ตามที่ผู้บรรยายอธิบาย คำสอนของพระเจ้ามีชัยเหนือ “สติปัญญา” ของซาตาน โดยการเปิดโปงคำสอนเท็จและอุบายอันแยบยลของพญามาร. ด้วยเหตุนี้ คริสเตียนที่มีหัวใจที่ถูกต้องประมาณ 4,500,000 คนจึงไม่เป็นทาสอยู่ในความมืดของซาตานอีกต่อไป.—โยฮัน 8:32.
กระนั้น เรายังต้องต่อต้านซาตานต่อ ๆ ไป. มีการเน้นถึงสิ่งนี้ในคำบรรยายเรื่อง “คุณต้านทานน้ำใจของโลกไหม?” น้ำใจของโลกนี้ทำให้ถึงตายได้. น้ำใจของโลกส่งเสริมศีลธรรมที่เสื่อมทราม, ทัศนะที่ต่อต้านผู้มีอำนาจ, และความอยากได้ใคร่มีในสิ่งฝ่ายวัตถุ. คริสเตียนจำต้องตรวจสอบตนเองอยู่เสมอ. ตนยังคงมีมาตรฐานสูงในสิ่งที่ชม, ฟัง, หรืออ่านไหม? ผู้บรรยายกล่าวอย่างที่หนุนใจว่า “เราขอชมเชยคุณ พี่น้องชายหญิงและเยาวชน ที่คุณพยายามอย่างจริงจังอยู่แล้วในเรื่องนี้.”—1 โยฮัน 2:15-17.
มีปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เป็นการยากที่จะต้านทานน้ำใจของโลก. สิ่งนั้นคืออะไร? เราทุกคนไม่สมบูรณ์. จริงอยู่ พระเยซูทรงวายพระชนม์เพื่อความผิดบาปของเรา แต่เรายังคงต้องต่อสู้กับแนวโน้มที่จะกระทำบาป. มีการพิจารณาเรื่องนี้ในคำบรรยาย “การต่อสู้กับอำนาจของบาปที่ครอบงำเนื้อหนัง.” สิ่งหนึ่งที่ผู้บรรยายกล่าวก็คือ เราเอาชนะการต่อสู้กับบาปได้หากเราสวมใส่บุคลิกใหม่และหลีกเลี่ยงสิ่งใดก็ตามที่ส่งเสริมแนวโน้มที่จะทำบาป.
“จงทำให้คำสอนที่เสริมสร้างเป็นวิถีชีวิตของคุณ” เป็นชื่อเรื่องของคำบรรยายถัดไป. บางคนพะวงกับสุขภาพทางกายจนเกินไป. กระนั้น โดยแท้แล้ว สุขภาพฝ่ายวิญญาณมีความสำคัญกว่ามาก. ผู้บรรยายเน้นถึงความจำเป็นที่เราจะต้องรับเอาหน้าที่รับผิดชอบอย่างจริงจังในเรื่องนี้ และผู้บรรยายมีคำหนุนใจเป็นพิเศษสำหรับสตรีคริสเตียน. เขากล่าวว่า “เราหยั่งรู้ค่ายิ่งในพี่น้องหญิงทั้งที่สูงอายุและอ่อนวัย ซึ่งมีความสมดุลในความกระตือรือร้นในงานเผยแพร่และในการเอาใจใส่ความรับผิดชอบส่วนตัว.” ใช่แล้ว และเราทุกคนขอบคุณพระยะโฮวาสำหรับคำสอนที่ก่อให้เกิดปกติสุขซึ่งแยกเราจากโลก.
ระเบียบวาระในภาคเช้าสิ้นสุดลงด้วยคำบรรยายเรื่อง “การสอนจากพระเจ้าเผยให้เห็นจุดมุ่งหมายของชีวิต.” ผู้บรรยายกล่าวว่า “ไม่ช้าก็เร็ว แทบทุกคนจะสงสัยว่า ‘จุดมุ่งหมายของชีวิตคืออะไร?’” ด้วยเหตุผลที่หนักแน่น เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า คัมภีร์ไบเบิลเท่านั้นให้คำตอบที่แท้จริงสำหรับคำถามนั้น. ครั้นแล้ว ผู้บรรยายแสดงให้เห็นว่า โดยแท้แล้ว คำสัญญาต่าง ๆ อันยอดเยี่ยมของพระเจ้าทำให้เรามีจุดมุ่งหมายในชีวิต. หลายคนในหมู่ผู้ฟังคงกำลังคิดว่า ‘นี่คือสิ่งที่ผู้คนในเขตทำงานของฉันควรได้ยินทีเดียว.’ คณะกรรมการปกครองก็เห็นด้วย. มีการออกจุลสารใหม่ที่ชื่อว่าจุดมุ่งหมายของชีวิตคืออะไร? ในตอนท้ายของคำบรรยายนี้. ทุกคนมีความปีติยินดีสักเพียงไร! ช่วงพักเที่ยงเปิดโอกาสให้มีเวลาพินิจพิจารณาสิ่งพิมพ์ที่ออกใหม่เล่มนี้ได้.
บ่ายวันที่สอง
คำบรรยายแรกในภาคบ่ายมีชื่อเรื่องที่ปลอบประโลมใจว่า “ฝากความกระวนกระวายทั้งหมดของคุณไว้กับพระยะโฮวา.” มีหลายสิ่งที่ก่อให้เกิดความกระวนกระวาย กระนั้น พระวจนะของพระเจ้าบอกว่า เราควรฝากความกระวนกระวายของเราทั้งหมด ไว้กับพระองค์. (1 เปโตร 5:6, 7) จริงอยู่ บางปัญหาก็ยืดเยื้อ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้บรรยายกระตุ้นดังนี้: ‘จงอดทน. จงคอยท่าพระยะโฮวา. จงเชื่อมั่นว่า การปฏิบัติตามคัมภีร์ไบเบิลนั้นดีที่สุดเสมอ. หากเรารักษาหัวใจของเราให้ยึดมั่นอยู่กับพระยะโฮวา เราจะมี “สันติสุขแห่งพระเจ้า” ที่เหนือกว่าความคิดทุกอย่าง.’—ฟิลิปปอย 4:6, 7.
คำบรรยายสี่เรื่องถัดไปแสดงให้เห็นว่า คำสอนของพระเจ้านำมาใช้ได้กับชีวิตครอบครัว. คำบรรยายแรก “การรักษาสายสมรสให้ยืนนาน” เตือนใจผู้เข้าร่วมประชุมว่า ในสายพระเนตรของพระยะโฮวา การสมรสไม่ใช่สิ่งที่จะเลิกได้เมื่อไม่พอใจ ดังทัศนะของผู้คนเป็นจำนวนมากในโลก. อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะให้การสมรสประสบความสำเร็จ เราต้องติดตามคำชี้นำของพระยะโฮวา. พระองค์ทรงสร้างเรามา. ฉะนั้น พระวจนะที่ได้รับการดลบันดาลของพระองค์จึงบรรจุคำแนะนำที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการสมรสเอาไว้.
คำบรรยายเรื่อง “บากบั่นเพื่อความรอดของครอบครัว” พิจารณาข้อท้าทายของการดูแลเอาใจใส่ครอบครัวในยุควิกฤตนี้. (2 ติโมเธียว 3:1, ล.ม.) บิดามารดาสอนบุตรในเรื่องสุขอนามัย, มารยาท, วิธีทำงาน, และการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น. ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น บิดามารดาต้องสอนบุตรให้เป็นผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา.—สุภาษิต 22:6.
ในการพิจารณาถัดไปเรื่อง “บิดามารดาทั้งหลาย บุตรของคุณต้องการความเอาใจใส่เป็นพิเศษ” ผู้บรรยายเตือนใจผู้เข้าร่วมประชุมถึงความจำเป็นที่จะชมเชยบุตร ในขณะที่ไม่ปิดหูปิดตาของตนต่อข้ออ่อนแอของบุตร. บิดามารดาต้องตื่นตัวเป็นพิเศษต่อแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความไม่ซื่อสัตย์, วัตถุนิยม, หรือความเห็นแก่ตัว.
ผู้เข้าร่วมการประชุมที่เป็นเยาวชนตั้งใจฟังเป็นพิเศษในคำบรรยายเรื่อง “เยาวชน—คุณใส่ใจคำสอนของผู้ใด?” สิ่งต่าง ๆ ยากลำบากสำหรับเยาวชนคริสเตียนในทุกวันนี้. การเดินไปกับโลกนั้นง่าย แต่สิ่งนี้นำไปสู่ความตาย. แม้การเลือกที่จะยึดมั่นกับคำสอนของพระเจ้าต้องอาศัยความกล้าสำหรับเยาวชน แต่การทำเช่นนี้นำมาซึ่งพระพรอันใหญ่หลวงในเวลานี้และชีวิตนิรันดร์ในอนาคต.—1 ติโมเธียว 4:8.
วันที่สองสิ้นสุดลงด้วยละครที่ทำให้อบอุ่นใจเรื่อง “คนหนุ่มสาวผู้ระลึกถึงพระผู้สร้างของตนในขณะนี้.” ในคำนำ ผู้กำกับการแสดงเรียกคนหนุ่มสาวในองค์การของพระเจ้าว่า “กองทัพตามระบอบของพระเจ้า ซึ่งร่วมในงานรับใช้อย่างซื่อสัตย์ อุทิศแด่พระเจ้ายะโฮวาและพระคริสต์เยซู กษัตริย์ฝ่ายสวรรค์ที่ได้รับการแต่งตั้งของพระองค์.” เขากล่าวเสริมว่า “โดยแท้แล้ว คนหนุ่มสาวของเรากำลังสัมฤทธิ์ผลในบางสิ่งที่ดี!” ละครเรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หากบิดาหรือมารดาฝึกอบรมบุตรเป็นอย่างดี สิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อบุตรเมื่อเขาเติบโตขึ้นและรับใช้พระยะโฮวา.
เช้าวันที่สาม
อรรถบทของวันที่สามคือ “จงไปสอนชนจากทุกชาติต่อไป.” (มัดธาย 28:19, 20) ไม่ต้องสงสัย ผู้เข้าร่วมการประชุมคาดหมายคำแนะนำที่เหมาะกับเวลาเกี่ยวกับงานประกาศ และพวกเขาไม่ผิดหวัง. คำบรรยายชุดเรื่อง “ทำหน้าที่มอบหมายของเราในการประกาศสั่งสอนให้ลุล่วงด้วยความยินดี” เสริมความตั้งใจของพวกเขาให้แน่วแน่ที่จะมีส่วนในงานให้คำพยานต่อ ๆ ไป. คำบรรยายแรกพิจารณาการพบครั้งแรก, คำบรรยายที่สองพิจารณาการกลับเยี่ยมเยียน, และคำบรรยายที่สามพิจารณาการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. มิชชันนารีทั่วโลกได้รับเชิญให้กลับบ้านเกิด และเข้าร่วมการประชุมภาคกับครอบครัวและมิตรสหายของตน. ในบางแห่ง มิชชันนารีมีส่วนในระเบียบวาระนี้. น่ายินดีที่ได้เห็นถึงความสำเร็จที่พวกเขามีในงานมอบหมายของตน. คำบรรยายถัดไปเรื่อง “เข้าถึงทุกคนด้วยข่าวดี” พิจารณาผลกระทบของการให้คำพยานเมื่อสบโอกาส.
ภาคเช้าจบลงด้วยคำบรรยายเกี่ยวกับการรับบัพติสมา ซึ่งเป็นส่วนเด่นเสมอในการชุมนุมใหญ่ของพยานพระยะโฮวา. ในการประชุมใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ที่เพิ่งอุทิศตัวกลุ่มใหญ่ยืนหน้าฝูงชนที่มาชุมนุมกัน ตอบรับอย่างแน่วแน่ต่อคำถามสองข้อที่ถามพวกเขา. จากนั้น พวกเขาก็รับบัพติสมาต่อหน้าฝูงชน. ช่างเป็นหลักฐานที่แน่นหนาของผลกระทบอันยิ่งใหญ่จากการสอนของพระเจ้า!
บ่ายวันที่สาม
ระเบียบวาระของภาคบ่ายเริ่มด้วยการพิจารณาพระคัมภีร์อย่างลึกซึ้ง. พยานพระยะโฮวาคุ้นเคยกับถ้อยคำในพระธรรมมัดธายบท 24 และพระธรรมลูกาบท 21. บางคนคิดว่า ไม่มีอะไรใหม่ที่จะนำมาพูดได้เกี่ยวกับพระธรรมสองบทนี้กระนั้นหรือ? พวกเขาคิดผิดถนัด! คำบรรยายเรื่อง “จะมีอะไรเป็นสัญลักษณ์แห่งการเสด็จประทับของพระองค์?” และ “ขอโปรดบอกข้าพเจ้าทั้งหลายเถิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร?” นั้นนำผู้เข้าร่วมการประชุมเข้าสู่การพิจารณาที่น่าตื่นตะลึงเกี่ยวกับตอนต่าง ๆ ในพระธรรมสองบทนั้น และปรับการอธิบายข้อคัมภีร์บางข้อ. มีการถกกันอย่างคึกคักหลังจากการประชุม เมื่อผู้เข้าร่วมประชุมเปรียบเทียบข้อความที่จดไว้ เพื่อดูว่าพวกเขาเข้าใจจุดต่าง ๆ หรือไม่. ไม่ต้องสงสัย คำถามมากมายจะได้รับคำตอบเมื่อมีการพิมพ์เรื่องนี้ลงในวารสารหอสังเกตการณ์.
เรื่องเกี่ยวกับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลยังคงดำเนินต่อไปในคำบรรยายเรื่อง “คำตอบที่ให้ความรู้สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับพระคัมภีร์.” จากนั้น ระเบียบวาระก็เบนความสนใจไปเรื่องอื่น. ปี 1993 เป็นปีที่ครบรอบ 50 ปีของโรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียด. คำบรรยายเรื่อง “ห้าสิบปีแห่งการอบรมและกิจกรรมของโรงเรียนกิเลียดมิชชันนารี” แสดงให้ผู้เข้าร่วมการประชุมเห็นถึงความสัมฤทธิ์ผลในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา. หากมีมิชชันนารีอยู่ในระหว่างคำบรรยายเรื่อง “ผลสำเร็จของการเผยแพร่กิตติคุณทั่วโลก” พวกเขาได้รับเชิญให้เล่าประสบการณ์บางอย่างที่พวกเขาได้รับกับผู้ฟัง. การฟังเรื่องราวของพวกมิชชันนารีนั้นช่างน่าตื่นเต้น!
คำบรรยายถัดมาเรื่อง “เหตุผลที่พยานพระยะโฮวาเฝ้าระวังอยู่เสมอ” เป็นบทเรียนอีกอย่างหนึ่งทางประวัติศาสตร์. คำบรรยายนี้แสดงให้เห็นว่า คริสเตียนเฝ้าระวังตั้งแต่ศตวรรษแรกจนถึงปัจจุบัน. นั่นยังความประหลาดใจอีกอย่างหนึ่ง. ในตอนต้น ๆ ของคำบรรยายถัดไป ซึ่งมีชื่อว่า “ผู้ประกาศราชอาณาจักรที่แข็งขันทั่วแผ่นดินโลก” ผู้บรรยายชูหนังสือเล่มใหญ่ (ภาษาอังกฤษ) และกล่าวว่า “เป็นความยินดีที่จะประกาศ ณ ที่นี้ในวันนี้ถึงการออกหนังสือใหม่เล่มนี้ ซึ่งมีชื่อว่าพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า.” หนังสือเล่มนี้บรรจุรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปัจจุบันของพยานพระยะโฮวา. มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับความอดทน, ความตั้งใจแน่วแน่, และความสำเร็จ ซึ่งเป็นการให้หลักฐานอย่างแน่นหนาว่า พระวิญญาณของพระยะโฮวากำลังปฏิบัติการเหนือผู้รับใช้ของพระองค์.
เช้าวันที่สี่
แล้ววันสุดท้ายของการประชุมภาคก็มาถึง. อรรถบทประจำวันคือ “ได้รับประโยชน์โดยการสั่งสอนจากพระเจ้า” ชวนให้คาดหมายจุดสุดยอดอันดีของระเบียบวาระ (ยะซายา 48:17). ในภาคเช้า ความสนใจของผู้เข้าร่วมการประชุมจดจ่ออยู่กับคำบรรยายชุดที่แบ่งเป็นสามส่วนอันมีพลัง. คำบรรยายชุดที่มีชื่อว่า “คำเตือนของยิระมะยาที่ได้รับการดลใจ—สำหรับอดีตและปัจจุบัน” เป็นการพิจารณาพระธรรมยิระมะยาบท 23, 24, และ 25 ทีละข้อ. บทเหล่านี้ช่างมีข่าวสารที่รุนแรงอะไรเช่นนี้! ยิศราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ในสมัยของยิระมะยาคงต้องกลัวจนตัวสั่นเนื่องด้วยคำเตือนอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งได้รับการดลบันดาลจากพระเจ้า. ทั้งโลกจะกลัวจนตัวสั่นยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อคำเตือนเหล่านั้นสำเร็จเป็นจริง. สิ่งต่าง ๆ ต่างไปในทุกวันนี้ไหม? ไม่เลย. พยานพระยะโฮวาประกาศข่าวสารแห่งการพิพากษาของพระเจ้าอย่างกล้าหาญ. ในที่สุด ระบบสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จะต้องเผชิญการพิพากษาของพระยะโฮวา. นั่นจะหมายถึงความพินาศโดยสิ้นเชิงสำหรับโลกของซาตาน.
เช้าวันอาทิตย์สิ้นสุดลงด้วยละครเรื่องที่สอง “อย่าถูกชักนำให้หลงหรือหลอกพระเจ้าเล่น.” มีการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คำสอนของพระเจ้าป้องกันเราอย่างไรจากอิทธิพลของวิดีโอและดนตรีที่เสื่อมทราม และจากแนวโน้มที่จะหว่านความไม่ปรองดองในท่ามกลางเพื่อนคริสเตียน. ในตอนท้ายของละคร ประธานยกคำพูดที่ชวนคิดของตัวละครหนึ่ง ซึ่งกล่าวว่า “เราไม่มีภูมิต้านทานอิทธิพลของโลก. ถ้าเราไม่ต้านทาน โลกจะทำให้ความคิดของเราเสื่อมทรามลงได้อย่างแยบยล. และเราจะรักษาความซื่อสัตย์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราได้หว่าน.” ช่างเป็นจริงสักเพียงไร!
บ่ายวันสุดท้าย
ตอนสิ้นสุดของการประชุมภาคกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้บรรยายขึ้นเวที เพื่อให้คำบรรยายสาธารณะเรื่อง “การสอนที่ช่วยได้มากสำหรับสมัยอันวิกฤตของเรา.” อย่างชัดเจนและมีเหตุผล ผู้บรรยายระบุปัญหาหลัก ๆ ที่มีผลกระทบต่อเราในทุกวันนี้ และชี้ถึงแนวทางบางอย่างที่การสอนจากพระเจ้าช่วยเราให้มีชีวิตที่ดีกว่าได้. ผู้บรรยายกล่าวว่า หากเราปฏิบัติตามคำสอนในพระคัมภีร์เวลานี้ เราจะสามารถปฏิบัติตามคำสอนนั้นตลอดไปในโลกใหม่ของพระยะโฮวา.
หลังจากการสรุปบทเรียนประจำสัปดาห์ในวารสารหอสังเกตการณ์ เวลาสำหรับคำบรรยายสุดท้ายก็มาถึง. ผู้บรรยายทบทวนจุดเด่นของเนื้อหาในการประชุมทั้งสี่วันอย่างรวดเร็ว และเตือนผู้เข้าร่วมประชุมให้คิดถึงสรรพหนังสือใหม่. นอกจากนี้ ผู้บรรยายยังประกาศว่า จะมีการออกม้วนวิดีโอม้วนที่สองของชุดคัมภีร์ไบเบิล—หนังสือแห่งข้อเท็จจริงและคำพยากรณ์ ในเร็ว ๆ นี้. ที่จริง ม้วนวิดีโอที่มีชื่อว่า “คัมภีร์ไบเบิล—หนังสือทันสมัยที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษยชาติ” มีแล้วเป็นภาษาอังกฤษ. มีการอ่านรายงานที่กินใจ จากที่ต่าง ๆ ซึ่งมีวิกฤตการณ์ร้ายแรง เช่น บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา. ในตอนสรุป ผู้บรรยายอ่านพระธรรมท่านผู้ประกาศ 12:13 ที่ว่า “ให้เราฟังคำสรุปของเรื่องทั้งหมด: จงเกรงกลัวพระเจ้า, จงถือรักษาบัญญัติทั้งปวงของพระองค์; เพราะว่าการนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน.”
ช่างเป็นข้อเตือนใจที่ดีสักเพียงไร! ขอให้เราดำเนินชีวิตเพื่อวันนั้นเมื่อมนุษยชาติทั้งสิ้นจะสรรเสริญพระยะโฮวา บรมครูของเรา และใส่ใจคำสอนของพระองค์.
[รูปภาพหน้า 24, 25]
การประชุมภาค “การสอนจากพระเจ้า” ในกรุงมอสโกและเมืองคีฟยังผลเป็นความปีติยินดียิ่ง
[รูปภาพหน้า 26, 27]
1. โดยการรับบัพติสมา คนจำนวนมากแสดงสัญลักษณ์ของการอุทิศตัวแด่พระเจ้า
2. ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งอายุ 100 ปีตื่นเต้นที่ได้รับหนังสือใหม่
3, 4. ละครชวนคิดสองเรื่องเป็นที่หยั่งรู้ค่ามาก
5. การสัมภาษณ์มิชชันนารี ณ การประชุมภาคทำให้ผลประโยชน์ของการสอนจากพระเจ้าโดดเด่น