คำสอนของพระเจ้าค้านคำสอนของผีปิศาจ
“จะมีบางคนทิ้งความเชื่อเสีย, แล้วไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวงและฟังคำสอนของพวกผีปิศาจ.”—1 ติโมเธียว 4:1.
1. คริสเตียนกำลังอยู่ในท่ามกลางสงครามประเภทใด?
ลองวาดมโนภาพว่าตลอดชีวิต คุณอาศัยอยู่ในบริเวณซึ่งมีการทำสงครามกัน. สภาพการณ์จะเป็นเช่นไรถ้าเวลาเข้านอนได้ยินแต่เสียงห่ากระสุนและพอตื่นขึ้นมาก็มีเสียงปืนใหญ่? เป็นเรื่องน่าสลดใจมาก ผู้คนในบางภูมิภาคแห่งแผ่นดินโลกดำรงชีวิตภายใต้สภาพดังกล่าวจริง ๆ. แต่เมื่อพูดถึงฝ่ายวิญญาณแล้ว คริสเตียนทุกคนมีชีวิตอยู่ในสภาพนั้น. พวกเขาอยู่ท่ามกลางการสู้รบใหญ่ซึ่งขับเคี่ยวกันมานานร่วม 6,000 ปี และเวลานี้ยิ่งทวีความดุเดือดมากขึ้น. สงครามอันยาวนานเช่นนี้เป็นสงครามอะไร? เป็นสงครามระหว่างความจริงกับความเท็จ ระหว่างคำสอนของพระเจ้ากับคำสอนของผีปิศาจ. ใช่ว่าจะกล่าวเกินจริงที่จะเรียกว่านี้เป็นการปะทะกันอย่างไร้ความปรานี และถึงขั้นอันตรายต่อชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ—อย่างน้อยก็ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวการผู้หนึ่ง.
2. (ก) ตามคำกล่าวของเปาโล สองฝ่ายไหนเป็นปฏิปักษ์กัน? (ข) เปาโลหมายถึงอะไรเมื่อพูดถึง “ความเชื่อ”?
2 อัครสาวกเปาโลได้พาดพิงถึงสองฝ่ายที่ปะทะกัน เมื่อท่านเขียนถึงติโมเธียวว่า “ฝ่ายพระวิญญาณได้ตรัสไว้โดยแจ่มแจ้งว่า, ภายหลังจะมีบางคนทิ้งความเชื่อเสีย, แล้วไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวงและฟังคำสอนของพวกผีปิศาจ.” (1 ติโมเธียว 4:1) โปรดสังเกตว่า คำสอนของพวกผีปิศาจจะมีอิทธิพลครอบงำเป็นพิเศษใน “ภายหลัง.” เมื่อมองจากสมัยของเปาโล พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ว่านั้น. อนึ่ง จงสังเกตว่า เรื่องที่ขัดกับคำสอนของผีปิศาจคือ “ความเชื่อ.” ณ ที่นี้ “ความเชื่อ” หมายถึงคำสอนของพระเจ้า ซึ่งอาศัยถ้อยแถลงของพระเจ้าที่มีขึ้นโดยการดลใจเป็นหลัก ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล. ความเชื่อดังกล่าวให้ชีวิต. ความเชื่อเช่นนี้สอนคริสเตียนให้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า. ความเชื่อนี้เป็นความจริงที่นำไปสู่ชีวิตถาวร.—โยฮัน 3:16; 6:40.
3. (ก) เกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในสงครามระหว่างความจริงกับความเท็จ? (ข) ใครอยู่เบื้องหลังคำสอนของผีปิศาจ?
3 ผู้ที่ละความเชื่อจะไม่ได้ชีวิตนิรันดร์. เขาเป็นเหยื่อสงคราม. ช่างเป็นผลอันน่าเศร้าอะไรเช่นนั้นจากการปล่อยให้คำสอนของผีปิศาจชักจูงตัวไปในทางผิด! (มัดธาย 24:24) พวกเราแต่ละคนจะเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อโดยวิธีใด? โดยการปฏิเสธคำสอนเท็จอย่างเด็ดขาด ซึ่งมีแต่ส่งเสริมจุดมุ่งหมายของซาตานพญามาร “นายผีทั้งหลาย.” (มัดธาย 12:24) พูดได้เลยว่า คำสอนของซาตานนั้นเป็นคำเท็จ เนื่องจากซาตานเป็น “พ่อของการมุสา.” (โยฮัน 8:44) จงพิจารณาวิธีที่มันใช้คำมุสาอย่างชำนาญชักจูงบิดามารดาคู่แรกให้หลงผิดไป.
คำสอนของผีปิศาจถูกเปิดโปง
4, 5. ซาตานบอกคำโกหกอะไรแก่ฮาวา และทำไมการบอกเช่นนั้นเป็นความชั่วร้ายนัก?
4 เหตุการณ์สำคัญครั้งนั้นถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลที่เยเนซิศ 3:1-5. โดยการใช้งู ซาตานเข้าหาฮาวาและถามนางว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าเจ้าอย่ากินผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้?” คำถามนี้ดูเหมือนไม่เป็นภัย แต่พิจารณาคำถามนั้นอีกที. “จริงหรือ?” ซาตานทำเสียงแสดงความประหลาดใจ คล้ายจะพูดว่า ‘ทำไมพระเจ้าตรัสสั่งอย่างนั้น?’
5 ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฮาวาได้บอกว่าเป็นอย่างนั้นจริง. นางรู้คำสอนของพระเจ้าเกี่ยวด้วยเรื่องนี้แล้วที่พระเจ้าทรงบอกอาดามว่า เขาทั้งสองจะตายหากกินผลจากต้นที่ให้รู้ความดีและความชั่ว. (เยเนซิศ 2:16, 17) ดูเหมือนคำถามของซาตานเร้าความสนใจของนาง ฉะนั้น นางรับฟังเมื่อซาตานเข้าถึงจุดสำคัญ: “งูบอกหญิงนั้นว่า ‘เจ้าจะไม่ตายจริงดอก.’” ช่างเป็นคำพูดที่ชั่วร้ายเพียงไร! ซาตานได้กล่าวหาพระยะโฮวาพระเจ้าองค์สัตย์จริง, พระเจ้าแห่งความรัก, พระเจ้าผู้สร้างโลกว่า พระองค์โกหกบุตรของพระองค์ทางแผ่นดินโลก.—บทเพลงสรรเสริญ 31:5; 1 โยฮัน 4:16; วิวรณ์ 4:11.
6. โดยวิธีใดซาตานได้ชวนให้สงสัยคุณความดีและพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา?
6 แต่ซาตานพูดมากกว่านั้น. มันพูดต่อดังนี้: “เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นเข้าไปวันใด, ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระ จะรู้จักความดีและชั่ว.” ตามที่ซาตานพูด พระเจ้ายะโฮวา—ผู้ซึ่งได้จัดเตรียมให้บิดามารดาคู่แรกอย่างอุดมล้นเหลือ—ยังอยากกีดกันสิ่งดีวิเศษไว้จากเขา. พระองค์ประสงค์จะขัดขวางเขาไว้ไม่ให้เป็นเหมือนพระเจ้า. ด้วยเหตุนี้ ซาตานจึงชวนให้สงสัยคุณความดีของพระเจ้า. นอกจากนั้น มันยังได้ส่งเสริมการทำตามใจตนเองและการจงใจละเลยกฎหมายของพระเจ้า โดยพูดว่า การทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์. ที่แท้แล้ว ซาตานท้าทายพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งที่พระองค์ได้สร้างขึ้น ด้วยอ้างว่า พระเจ้าไม่มีสิทธิจะจำกัดการกระทำของมนุษย์.
7. คำสอนของผีปิศาจได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อไร และมีคำสอนที่คล้ายคลึงกันอย่างไรในทุกวันนี้?
7 ด้วยถ้อยคำเหล่านั้นของซาตาน คำสอนของผีปิศาจก็เริ่มต้นขึ้น. คำสอนอันเลวร้ายเหล่านี้ยังคงส่งเสริมหลักการชั่วที่คล้ายคลึงกัน. เช่นเดียวกับที่มันเคยทำมาแล้วในสวนเอเดน ซาตาน ซึ่งตอนนี้มีกายวิญญาณอื่น ๆ เข้าร่วมสมทบเป็นกบฏด้วย ยังคงท้าทายสิทธิของพระเจ้าที่จะกำหนดมาตรฐานในการกระทำสิ่งต่าง ๆ. ซาตานยังประณามพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา และพยายามโน้มน้าวมนุษย์ไม่ให้เชื่อฟังพระบิดาของเขาทางภาคสวรรค์.—1 โยฮัน 3:8, 10.
8. อาดามกับฮาวาครั้งอยู่ในสวนเอเดนได้สูญเสียสิ่งใด แต่พระยะโฮวาได้รับการพิสูจน์อย่างไรว่าเป็นองค์สัตย์จริง?
8 เมื่อมีการปะทะครั้งแรกในสงครามระหว่างคำสอนของพระเจ้ากับคำสอนของผีปิศาจนั้น อาดามกับฮาวาได้ตัดสินใจผิดพลาดและเขาจึงสูญเสียความหวังที่จะมีชีวิตนิรันดร. (เยเนซิศ 3:19) ขณะเวลาล่วงเลยไป และร่างกายของเขาเริ่มเสื่อมทรุดลงเรื่อย ๆ จึงเป็นการยืนยันให้เขารับรู้อย่างแน่ชัดว่า ใครโกหกและใครพูดความจริงในสวนเอเดนครั้งกระโน้น. อย่างไรก็ตาม หลายร้อยปีก่อนที่เขาจะตายทางกายภาพ เขาจึงเป็นเหยื่อรายแรกในสงครามระหว่างความจริงกับความเท็จ เมื่อพระผู้สร้าง ผู้เป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตตัดสินว่าไม่คู่ควรกับชีวิต. ตอนนั้นแหละ เขาตายในความหมายฝ่ายวิญญาณ.—บทเพลงสรรเสริญ 36:9; เทียบกับเอเฟโซ 2:1.
คำสอนของผีปิศาจสมัยปัจจุบัน
9. คำสอนของผีปิศาจมีประสิทธิผลเพียงไรตลอดศตวรรษต่าง ๆ?
9 ดังที่มีบันทึกไว้ในพระธรรมวิวรณ์ โดยการดลใจ อัครสาวกโยฮัน ถูกนำมาอยู่ “ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ซึ่งเริ่มต้นปี 1914. (วิวรณ์ 1:10, ล.ม.) ในเวลานั้น ซาตานกับผีปิศาจพรรคพวกของมันถูกไล่ออกจากสวรรค์ลงมาอยู่บริเวณแผ่นดินโลก—ถือว่าเป็นความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวงสำหรับปรปักษ์ของพระผู้สร้างองค์ใหญ่ยิ่งของเรา. ในสวรรค์ไม่ได้ยินเสียงซาตานกล่าวโทษผู้รับใช้ของพระยะโฮวาอย่างไม่หยุดหย่อนอีกต่อไป. (วิวรณ์ 12:10) กระนั้น คำสอนของผีปิศาจได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางเพียงใดตั้งแต่ครั้งสวนเอเดนเป็นต้นมา? บันทึกแจ้งดังนี้: “แล้วพญานาคใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงลง งูตัวแรกเดิมนั้น ผู้ถูกเรียกว่าพญามารและซาตาน ผู้ชักนำแผ่นดินโลกทั้งสิ้นที่มีคนอาศัยอยู่ให้หลง.” (วิวรณ์ 12:9, ล.ม.) โลกทั้งสิ้นถูกโน้มน้าวให้เชื่อฟังคำโกหกของซาตาน! ไม่ประหลาดใจที่ซาตานมีสมญานามว่า “ผู้ครองโลกนี้.”—โยฮัน 12:31; 16:11, ล.ม.
10, 11. เวลานี้ ซาตานพร้อมกับพวกผีปิศาจต่างก็แข็งขันในทางใด?
10 ซาตานยอมรับความพ่ายแพ้ไหมหลังจากถูกเหวี่ยงจากสวรรค์? เปล่าเลย! มันมุ่งหน้าต่อต้านคำสอนของพระเจ้าและต่อสู้บรรดาผู้ที่ยึดคำสอนของพระองค์อย่างไม่ลดละ. ภายหลังซาตานถูกเหวี่ยงจากสวรรค์ “พญานาค [ซาตาน] ได้โกรธแค้นผู้หญิง และออกไปทำสงครามกับผู้ที่เหลืออยู่แห่งพงศ์พันธุ์ของนาง ซึ่งปฏิบัติตามข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระเจ้าและมีงานเป็นพยานถึงพระเยซู.”—วิวรณ์ 12:17, ล.ม.
11 นอกเหนือจากการสู้รบกับผู้รับใช้ของพระเจ้า ซาตานยังทำให้โลกเต็มไปด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อของมัน พยายามให้มนุษยชาติอยู่ในการครอบงำของมันต่อไป. หนึ่งในนิมิตหลาย ๆ เรื่องซึ่งได้เปิดเผยแก่อัครสาวกโยฮันเกี่ยวด้วยวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น ท่านได้เห็นสัตว์ร้ายสามตัวซึ่งโดยนัยชี้ถึงซาตาน, องค์การฝ่ายการเมืองทางโลกนี้ของมัน, และอภิมหาอำนาจโลกในสมัยของเรา. มีกบออกมาจากปากสัตว์ร้ายทั้งสามตัวนั้น. กบเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ถึงอะไร? โยฮันเขียนว่า “คำกล่าวเหล่านั้น ที่จริงแล้ว เป็นคำกล่าวที่ได้รับการดลใจโดยพวกปีศาจและแสดงหมายสำคัญต่าง ๆ และมันออกไปยังกษัตริย์ทั้งหลายทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อรวบรวมกษัตริย์เหล่านั้นสู่สงครามแห่งวันใหญ่ของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.” (วิวรณ์ 16:14, ล.ม.) เห็นได้ชัดทีเดียวว่า คำสอนของผีปิศาจมีพลังมากในโลกนี้. ซาตานพร้อมกับพวกผีปิศาจยังคงต่อสู้คำสอนของพระเจ้าอยู่ และมันจะทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าพระเยซูคริสต์ กษัตริย์มาซีฮา จะทรงใช้อำนาจระงับกิจการของมัน.—วิวรณ์ 20:2.
การชันสูตรคำสอนของผีปิศาจ
12. (ก) เหตุใดจึงเป็นไปได้ที่จะต้านทานคำสอนของผีปิศาจ? (ข) ซาตานพยายามทำอย่างไรเพื่อบรรลุเป้าหมายของมันกับผู้รับใช้ของพระเจ้า?
12 มนุษย์ที่เกรงกลัวพระเจ้าสามารถต้านทานคำสอนของผีปิศาจได้ไหม? เขาต้านทานได้แน่นอน โดยอาศัยเหตุผลสองประการ. ประการแรก เพราะคำสอนของพระเจ้ามีพลังเหนือกว่า; ประการที่สอง เพราะพระยะโฮวาทรงเปิดโปงยุทธอุบายของซาตานเพื่อว่าพวกเราจะต้านทานคำสอนเหล่านั้นได้. ดังอัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ว่า “ด้วยเรารู้อุบายของมันแล้ว.” (2 โกรินโธ 2:11) เรารู้ว่า ซาตานใช้การกดขี่ข่มเหงเป็นวิธีหนึ่งเพื่อให้ความมุ่งหมายของมันสำเร็จ. (2 ติโมเธียว 3:12) แต่ที่แยบยลยิ่งกว่านั้น มันพยายามครอบงำความคิดจิตใจคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติพระเจ้า. มันได้ชักพาฮาวาให้หลงผิดและใส่ความปรารถนาที่ผิดไว้ในหัวใจของนาง. ทุกวันนี้ มันพยายามทำแบบเดียวกัน. เปาโลได้เขียนไปถึงคริสเตียนชาวโกรินโธดังนี้: “ข้าพเจ้าเกรงว่า, งูนั้นได้ล่อลวงนางฮาวาด้วยอุบายของมันฉันใด, จะมีเหตุอันหนึ่งอันใดล่อลวงจิตต์ใจของท่านทั้งหลายให้หลงจากความสัตย์ซื่อและความบริสุทธิ์ต่อพระคริสต์ฉันนั้น.” (2 โกรินโธ 11:3) จงพิจารณาวิธีที่ซาตานได้ทำให้ความคิดของมนุษย์ทั่วไปเสื่อมทรามลง.
13. นับตั้งแต่สวนเอเดน ซาตานได้โกหกมนุษยชาติด้วยเรื่องอะไรบ้าง?
13 ซาตานพูดกับฮาวาโดยกล่าวหาว่าพระยะโฮวาตรัสมุสา แถมบอกว่า มนุษย์อาจเป็นเหมือนพระเจ้าได้ ถ้าเขาละเมิดคำสั่งของพระผู้สร้างเขา. สภาพเสื่อมถอยของมนุษย์ขณะนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า ซาตานพูดมุสา ไม่ใช่พระยะโฮวา. มนุษย์สมัยนี้หาได้เป็นพระเจ้าไม่! อย่างไรก็ตาม ซาตานเพิ่มการโกหกอื่น ๆ เข้ากับคำโกหกแรก. มันปลูกฝังความคิดที่ว่า จิตวิญญาณเป็นอมตะ ไม่รู้จักตาย. ด้วยเหตุนั้น มันใช้อีกวิธีหนึ่งล่อมนุษย์ให้หลงเชื่อว่ามีทางเป็นไปได้ที่มนุษย์จะเป็นเหมือนพระเจ้า. ครั้นแล้ว โดยอาศัยหลักคำสอนเท็จข้อนั้น มันจึงส่งเสริมคำสอนเรื่องนรก, สถานที่ชำระบาปด้วยไฟ, การติดต่อวิญญาณชั่ว, และการนมัสการบรรพบุรุษ. ผู้คนหลายร้อยล้านยังคงเป็นทาสคำสอนเท็จเหล่านี้.—พระบัญญัติ 18:9-13.
14, 15. อะไรคือความจริงเกี่ยวด้วยความตายและความหวังในอนาคตของคนเรา?
14 แน่นอน ถ้อยแถลงของพระยะโฮวาต่ออาดามเป็นความจริง. อาดามตายจริงเมื่อเขาได้กระทำผิดต่อพระเจ้า. (เยเนซิศ 5:5) ครั้นอาดามและลูกหลานของเขาตาย พวกเขากลายเป็นจิตวิญญาณไร้ชีวิต, ไม่รู้สึกตัว, และไม่ไหวติง. (เยเนซิศ 2:7; ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10; ยะเอศเคล 18:4) เพราะเหตุที่ได้สืบทอดบาปจากอาดาม จิตวิญญาณมนุษย์ทั้งปวงจึงตาย. (โรม 5:12) อย่างไรก็ตาม ย้อนไปที่สวนเอเดน พระยะโฮวาได้ทรงสัญญาการมาปรากฏของพงศ์พันธุ์ผู้ซึ่งจะต่อต้านกิจการของพญามาร. (เยเนซิศ 3:15) พงศ์พันธุ์นั้นได้แก่พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวที่พระเจ้าให้กำเนิด. พระเยซูสิ้นพระชนม์โดยปราศจากบาป และชีวิตของพระองค์ที่สละเป็นเครื่องบูชาจึงกลายเป็นค่าไถ่ เพื่อซื้อมนุษย์ให้หลุดพ้นสภาพที่ต้องตาย. บรรดาคนว่าง่ายที่แสดงความเชื่อในพระเยซูมีโอกาสได้รับชีวิตนิรันดรซึ่งอาดามทำให้สูญเสียไปนั้น.—โยฮัน 3:36; โรม 6:23; 1 ติโมเธียว 2:5, 6.
15 ค่าไถ่คือความหวังแท้สำหรับมนุษยชาติ ไม่ใช่ความคิดเห็นอย่างเลื่อนลอยที่ว่าจิตวิญญาณยังเหลือรอดอยู่หลังจากคนเราตาย. เรื่องค่าไถ่เป็นคำสอนที่มาจากพระเจ้า เป็นเรื่องจริง. นอกจากนั้น ยังเป็นการแสดงถึงความรักและพระสติปัญญาอย่างน่าอัศจรรย์ของพระยะโฮวา. (โยฮัน 3:16) พวกเราสมควรจะขอบคุณพระเจ้ามากเพียงใดที่ได้เรียนรู้ความจริงเรื่องนี้ และได้รับการปลดปล่อยพ้นจากคำสอนของผีปิศาจในเรื่องเหล่านี้!—โยฮัน 8:32.
16. อะไรเป็นผลสืบเนื่องระยะยาวเมื่อคนเราทำตามสติปัญญาของตัวเอง?
16 โดยการโกหกของมันในสวนเอเดนนั้นเอง ซาตานจึงกระตุ้นอาดามกับฮาวาให้เกิดความปรารถนาอยากเป็นเอกเทศ ไม่หมายพึ่งพระเจ้า และวางใจสติปัญญาของตัวเอง. ทุกวันนี้ เราเห็นผลระยะยาวของเรื่องนี้จากอาชญากรรม, ความข้นแค้นด้านการครองชีพ, สงครามต่าง ๆ, และความไม่เสมอภาคอย่างรุนแรงที่มีอยู่ในโลกทุกวันนี้. ไม่แปลกที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า “ปัญญาของโลกนี้เป็นอปัญญาเฉพาะพระเจ้า”! (1 โกรินโธ 3:19) กระนั้นก็ดี ผู้คนส่วนใหญ่พอใจทนทุกข์อย่างโง่เขลาแทนที่จะใส่ใจกับคำสอนของพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 14:1-3; 107:17) คริสเตียนทั้งหลายผู้ซึ่งรับรองคำสอนของพระเจ้าจึงเลี่ยงพ้นการตกหลุมพรางนั้น.
17. ซาตานได้ส่งเสริมอะไร “ที่เขาเรียกผิดไปว่าเป็นความรู้” และผลของมันคืออะไร?
17 เปาโลเขียนถึงติโมเธียวดังนี้: “ติโมเธียวเอ๋ย, ซึ่งเราฝากไว้กับท่านนั้นจงเฝ้ารักษา, และจงหลีกไปเสียจากการเถียงกันนอกคอกนอกทาง, และจากความรู้อันเท็จซึ่งมีข้อแย้งกันอยู่เสมอที่เขาเรียกผิดไปว่าเป็น ‘ความรู้’ ซึ่งบางคนได้รับเอาไว้แล้วเลยหลงไปจากความเชื่อนั้น.” (1 ติโมเธียว 6:20, 21) “ความรู้” นั้นหมายถึงคำสอนของผีปิศาจด้วย. สมัยของเปาโล ความรู้นั้นคงจะพาดพิงถึงความคิดแบบออกหากซึ่งบางคนในประชาคมต่าง ๆ สนับสนุน. (2 ติโมเธียว 2:16-18) ต่อมา สิ่งที่เขาเรียกผิดไปว่าเป็นความรู้ เช่น ลัทธินิยมความรู้และปรัชญากรีก ได้ยังความเสื่อมเสียแก่ประชาคม. ในโลกปัจจุบัน ลัทธิอเทวนิยม, อไญยนิยม, ทฤษฎีวิวัฒนาการ, และการวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ไบเบิลเป็นตัวอย่างของสิ่งที่เขาเรียกผิดไปว่าเป็นความรู้ เช่นเดียวกับความคิดเห็นที่ไม่เป็นไปตามหลักคัมภีร์ไบเบิลซึ่งพวกออกหากสมัยใหม่ส่งเสริม. ผลของสิ่งที่เขาเรียกผิดไปว่าเป็นความรู้เหล่านี้ จะเห็นได้จากการเสื่อมทางศีลธรรม, การไม่เคารพผู้มีอำนาจหน้าที่ซึ่งมีอย่างดาษดื่น, การทุจริต, และการเห็นแก่ตัวซึ่งล้วนแต่ส่อลักษณะระบบของซาตาน.
ยึดคำสอนของพระเจ้า
18. เวลานี้ ใครแสวงหาการสอนของพระเจ้า?
18 แม้นว่าซาตานได้แพร่คำสอนของผีปิศาจออกไปทั่วโลกตั้งแต่สมัยสวนเอเดนเป็นต้นมา แต่ก็มีบางคนเสมอที่ได้สืบค้นหาคำสอนของพระเจ้า. บุคคลประเภทนี้มีจำนวนหลายล้านในปัจจุบัน. ทั้งนี้นับรวมคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่เหลืออยู่ซึ่งมีความหวังแน่นอนจะร่วมปกครองกับพระเยซูในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ และชนฝูงใหญ่จำพวก “แกะอื่น” ซึ่งมีความหวังจะอยู่บนแผ่นดินโลกภายใต้ราชอาณาจักรนั้น. (มัดธาย 25:34; โยฮัน 10:16; วิวรณ์ 7:3, 9) ทุกวันนี้ คนเหล่านี้ถูกรวบรวมเข้ามาในองค์การหนึ่งที่ครอบคลุมไปทั่วโลก ซึ่งเป็นไปตามถ้อยคำของยะซายาที่ว่า “บุตรทั้งสิ้นของเจ้าจะเป็นบุคคลที่ได้รับการสั่งสอนจากพระยะโฮวา และสันติสุขแห่งเหล่าบุตรของเจ้าจะมีบริบูรณ์.”—ยะซายา 54:13, ล.ม.
19. ที่ว่าได้รับการสั่งสอนจากพระยะโฮวานั้นหมายรวมถึงสิ่งใด?
19 ที่ได้รับการสั่งสอนจากพระยะโฮวาหมายความมากยิ่งกว่าการรู้คำสอนที่เป็นความจริง—แม้ว่าจะสำคัญก็ตาม. พระยะโฮวาทรงสอนเราให้รู้วิธีดำเนินชีวิต วิธีใช้คำสอนของพระเจ้าในชีวิตส่วนตัวของเรา. อาทิ เราต้านทานการเห็นแก่ตัว, การประพฤติผิดศีลธรรม, และน้ำใจเอกราชซึ่งมีดาษดื่นในโลกรอบตัวเราทีเดียว. เรารู้ดีว่า การแสวงความร่ำรวยอย่างไร้ความปรานีนำไปสู่ความตาย. (ยาโกโบ 5:1-3) พวกเราจะไม่ลืมคำสอนของพระเจ้า ดังที่อัครสาวกโยฮันกล่าวไว้: “อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก. ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดามิได้อยู่ในผู้นั้นเลย.”—1 โยฮัน 2:15, ล.ม.
20, 21. (ก) ซาตานใช้สิ่งใดโดยตั้งใจจะให้จิตใจของมนุษย์มืดไป? (ข) พระพรอะไรจะมีแก่คนเหล่านั้นที่ยึดคำสอนของพระเจ้า?
20 ผลกระทบจากคำสอนของผีปิศาจที่มีต่อเหยื่อของมันจะเห็นได้จากคำพูดของเปาโลที่มีไปถึงชาวโกรินโธว่า “[ซาตาน] ได้ทำให้จิตใจของคนที่ไม่เชื่อให้มืดไป เพื่อแสงสว่างแห่งข่าวดีอันรุ่งโรจน์เรื่องพระคริสต์ ผู้เป็นพระฉายของพระเจ้า จะไม่ส่องทะลุ.” (2 โกรินโธ 4:4, ล.ม.) ซาตานอยากจะใช้วิธีนี้เช่นกันเพื่อทำให้จิตใจคริสเตียนแท้มืดไป. ย้อนไปที่สวนเอเดน มันใช้งูชักพาผู้รับใช้คนหนึ่งของพระเจ้าให้หลงผิด. สมัยนี้ มันใช้ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่แฝงความรุนแรงและการผิดศีลธรรม. มันใช้รายการวิทยุ, สิ่งพิมพ์, และดนตรีให้เป็นประโยชน์. อาวุธที่ทรงพลังของซาตานได้แก่การคบหาสมาคมที่ไม่ดี. (สุภาษิต 4:14; 28:7; 29:3) จงตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอะไร—เป็นแผนการและเป็นคำสอนของผีปิศาจ.
21 จงจำไว้ว่า คำพูดของซาตานในสวนเอเดนนั้นเป็นความเท็จ คำตรัสของพระยะโฮวาพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง. ตั้งแต่สมัยแรก เป็นอย่างเดียวกันมาโดยตลอด. ซาตานพิสูจน์ตัวเป็นผู้พูดมุสาเสมอ และคำสอนของพระเจ้าเป็นความจริงตลอดมา. (โรม 3:4) หากเรายึดอยู่กับพระวจนะของพระเจ้า เราจะอยู่ฝ่ายที่มีชัยเสมอในสงครามระหว่างความจริงกับการโกหก. (2 โกรินโธ 10:4, 5) เมื่อเป็นเช่นนั้น ให้พวกเราตั้งใจปฏิเสธคำสอนทุกอย่างของผีปิศาจ. โดยวิธีนี้ เราจะอดทนจนกระทั่งสงครามระหว่างความจริงกับความเท็จสิ้นสุดลง. ความจริงจะได้ชนะ. ซาตานจะพ่ายแพ้ ครั้นแล้ว บนแผ่นดินโลกจะได้ยินเฉพาะคำสอนของพระเจ้าเท่านั้น.—ยะซายา 11:9.
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ คำสอนแบบผีปิศาจได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อไร?
▫ ซาตานพร้อมกับพวกผีปิศาจได้ส่งเสริมคำโกหกอะไรบ้าง?
▫ ทุกวันนี้ ซาตานขันแข็งสุดเหวี่ยงในทางใด?
▫ ซาตานใช้อะไรส่งเสริมคำสอนของผีปิศาจ?
▫ พระพรอะไรจะมีแก่คนเหล่านั้นที่ยึดคำสอนของพระเจ้า?
[รูปภาพหน้า 9]
คำสอนแบบผีปิศาจได้ยินเป็นครั้งแรกในสวนเอเดน
[รูปภาพหน้า 10]
การสอนของพระเจ้าเกี่ยวด้วยค่าไถ่และราชอาณาจักรเสนอความหวังอย่างเดียวสำหรับมนุษยชาติ