คุณต้านทานวิญญาณของโลกไหม?
“เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก, แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า.”—1 โกรินโธ 2:12
1, 2. มหันตภัยอะไรเกี่ยวข้องกับแก๊สพิษซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองโพปาล ประเทศอินเดีย แต่คนทั่วโลกกำลังสูดเอา “แก๊ส” อะไรที่ทำให้ถึงตายซึ่งรุนแรงยิ่งกว่า?
คืนวันหนึ่งที่เย็นสบายในเดือนธันวาคมปี 1984 บางสิ่งที่ก่อความตระหนกตกใจเกิดขึ้นที่เมืองโพปาล ประเทศอินเดีย. มีโรงงานเคมีตั้งอยู่ในเมืองนั้น และคืนนั้นของเดือนธันวาคม วาล์วปิดถังบรรจุแก๊สเกิดขัดข้อง. ทันใดนั้นเอง แก๊สเมทิลไอโซไซยาเนตเป็นตัน ๆ ก็พวยพุ่งกระจายไปในอากาศ. แล้วแก๊สมหาภัยนี้ก็ถูกลมพัดพาเข้าไปตามบ้านเรือนขณะที่ราษฎรกำลังหลับสนิท. จำนวนผู้เสียชีวิตคราวนั้นนับหลายพันคน และมากกว่านั้นกลายเป็นคนทุพพลภาพ. ถือได้ว่า อุบัติเหตุทางด้านอุตสาหกรรมครั้งนั้นร้ายแรงที่สุดเท่าที่ผ่านมา.
2 ผู้คนโศกเศร้าเมื่อได้ข่าวเกี่ยวกับเมืองโพปาล. แต่ถึงแม้เป็นอันตรายถึงชีวิต แก๊สที่รั่วออกมานั้นคร่าชีวิตผู้คนจำนวนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับผู้คนทั่วโลกซึ่งเสียชีวิตทางด้านวิญญาณเพราะหายใจเอา “แก๊ส” ชนิดหนึ่งซึ่งผู้คนหายใจเข้าไปทุกวัน. คัมภีร์ไบเบิลเรียกแก๊สนี้ว่า “วิญญาณของโลก.” มันเป็นบรรยากาศที่มีพิษภัยซึ่งอัครสาวกเปาโลเปรียบเทียบกับวิญญาณที่มาจากพระเจ้า เมื่อท่านกล่าวว่า “เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก, แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า, เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา.”—1 โกรินโธ 2:12.
3. “วิญญาณของโลก” คืออะไร?
3 จริง ๆ แล้ว “วิญญาณของโลก” คืออะไร? ตามพจนานุกรมใหม่ภาษากรีกอังกฤษของเทเยอร์เกี่ยวกับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ความหมายกว้าง ๆ ของคำว่า “วิญญาณ” (ภาษากรีกพนูʹมา) คือ “แนวโน้มหรือแรงจูงใจซึ่งมีอยู่ในและควบคุมชีวิตจิตใจของผู้คน.” คนเราจะมีวิญญาณหรือแนวโน้มที่ดีหรือชั่วก็ได้. (บทเพลงสรรเสริญ 51:10; 2 ติโมเธียว 4:22) กลุ่มชนก็เช่นกันอาจมีวิญญาณ หรือแนวโน้มที่ครอบงำอยู่. อัครสาวกเปาโลเคยเขียนถึงฟิเลโมนสหายของท่านดังนี้: “ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราดำรงอยู่กับวิญญาณจิตต์ของท่านทั้งหลายเถิด.” (ฟิเลโมน 25) ทำนองเดียวกัน—แต่ในขอบข่ายที่กว้างกว่ามาก—โลกโดยทั่วไปมีแนวโน้มอย่างหนึ่งที่ครอบงำอยู่ นี้แหละคือ “วิญญาณของโลก” ตามที่เปาโลกล่าวถึง. ตามหนังสือชื่อการศึกษาคำในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ของวินเซนต์ “วลีนี้หมายถึงหลักเกณฑ์แห่งการชั่วที่กระตุ้นโลกซึ่งไม่สำนึกผิด.” วิญญาณนี้คือแนวโน้มที่ชั่วที่ซึมซาบความคิดของโลกนี้ และเป็นแรงจูงใจที่มีพลังครอบงำแนวทางการกระทำของผู้คน.
4. ใครเป็นแหล่งกำเนิดวิญญาณของโลกนี้ และวิญญาณนี้ส่งผลกระทบเช่นไรต่อมนุษย์?
4 วิญญาณนี้เป็นพิษ. เพราะเหตุใด? เพราะมันมาจากซาตาน “ผู้ครอบครองโลกนี้.” ตามจริงแล้ว ซาตานได้ฉายาเป็น “ผู้ครอบครองอำนาจแห่งอากาศ, คือวิญญาณซึ่งบัดนี้ปฏิบัติการในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง.” (โยฮัน 12:31; เอเฟโซ 2:2, ล.ม.) ยากจะหลีกพ้น “อากาศ” หรือ “วิญญาณซึ่งบัดนี้ปฏิบัติการในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง.” วิญญาณนี้แทรกซึมอยู่ทุกหนทุกแห่งในสังคมมนุษย์. หากเราสูดวิญญาณนี้เข้าไป เราเริ่มรับเอาทัศนคติและเป้าหมายของมัน. วิญญาณของโลกส่งเสริมให้ ‘ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง’ คือตามความไม่สมบูรณ์ของตัวเราซึ่งเป็นบาป. วิญญาณของโลกนำไปสู่ความตาย “เพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามเนื้อหนังนั้นจะต้องถึงซึ่งความตาย.”—โรม 8:13.
หลีกเลี่ยงวิญญาณของโลกนี้
5. พยานฯคนหนึ่งได้ลงมือปฏิบัติอย่างสุขุมอย่างไรขณะที่เกิดเหตุร้ายแรงที่เมืองโพปาล?
5 ในช่วงที่เกิดพิบัติภัยในเมืองโพปาล เสียงสัญญาณเตือนภัยและกลิ่นฉุนของแก๊สพิษได้ปลุกพยานพระยะโฮวาคนหนึ่งให้ตื่นขึ้นมา. โดยไม่รอช้า เขาได้ปลุกคนในครอบครัวและรีบพาทุกคนออกไปที่ถนน. เขาหยุดชั่วขณะหนึ่งเพื่อจับทิศทางลม แล้วเขาก็พาครอบครัวฝ่ากลุ่มคนที่วิ่งกันอุตลุดขึ้นไปถึงยอดเนินเขานอกเมือง. เมื่อถึงที่นั่น ทุกคนสามารถหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์สดชื่นซึ่งพัดมาจากทะเลสาบใกล้ ๆ ได้เต็มปอด.
6. เราจะหนีไปที่ไหนให้พ้นวิญญาณของโลก?
6 มีสถานที่สูงซึ่งจะเป็นที่คุ้มภัยแก่เราให้พ้นจาก “อากาศ” ซึ่งเป็นพิษของโลกนี้ไหม? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามี. ด้วยการรอท่าจะเห็นสมัยของเรา ผู้พยากรณ์ยะซายาได้เขียนว่า “เมื่อถึงสมัยสุดท้ายนั้น, ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งพระยะโฮวาจะถูกสถาปนาขึ้นให้เท่าเทียมกับขุนเขาสูงทั้งหลาย, และจะถูกยกชูขึ้นให้สูงเยี่ยมเหนือภูเขาทั้งมวล; และประชาชนจะหลั่งไหลไปถึงที่นั่น. และประชาชาติเป็นอันมากจะพากันกล่าวว่า, ‘มาเถิดพวกเรา, ให้เราขึ้นไปยังภูเขาแห่งพระยะโฮวา, และยังโบสถ์ของพระเจ้าแห่งยาโคบ. พระองค์จะได้ทรงสอนเราให้รู้จักวิถีทางของพระองค์, และเราจะได้เดินไปตามทางของพระองค์นั้น.’ ด้วยว่า พระบัญญัติจะออกไปจากท้องถิ่นซีโอน, และพระคำของพระยะโฮวาจะออกไปจากกรุงยะรูซาเลม.” (ยะซายา 2:2, 3) สถานที่อันสูงส่งแห่งการนมัสการ อันบริสุทธิ์ “ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งพระยะโฮวา” ที่ได้รับการเทิดทูนนั้นเป็นแห่งเดียวเท่านั้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้ที่ปลอดวิญญาณของโลกที่เป็นมลพิษอันทำให้อึดอัดหายใจไม่ออก. ณ ที่นั่น พระวิญญาณของพระยะโฮวาหลั่งไหลมาสู่คริสเตียนผู้ซื่อสัตย์ไม่ขาดสาย.
7. หลายคนได้รับการช่วยให้พ้นวิญญาณของโลกโดยวิธีใด?
7 หลายคนซึ่งแต่ก่อนเคยสูดวิญญาณของโลกเข้าไปต่างก็ได้รับการบรรเทาทำนองเดียวกันกับพยานฯที่โพปาลได้ประสบ. หลังจากได้พูดถึง “บุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง” ซึ่งหายใจเอาอากาศ หรือวิญญาณ ของโลกนี้ อัครสาวกเปาโลบอกว่า “ท่ามกลางพวกเขาครั้งหนึ่งเราทุกคนได้ประพฤติตัวสอดคล้องกับความปรารถนาแห่งเนื้อหนังของเรา โดยกระทำสิ่งที่เนื้อหนังและความคิดปรารถนา และเราจึงเป็นลูกแห่งความพิโรธตามธรรมดาเหมือนคนอื่น. แต่พระเจ้าผู้ประกอบด้วยพระเมตตาอันอุดม เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวงซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ทรงบันดาลให้เรามีชีวิตเป็นขึ้นมากับพระคริสต์.” (เอเฟโซ 2:3-5, ล.ม.) คนเหล่านั้นที่สูดเอาอากาศพิษแห่งระบบนี้เป็นคนตายในแง่ฝ่ายวิญญาณ. อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยพระยะโฮวา เวลานี้หลายล้านคนพากันหนีมายังที่สูงฝ่ายวิญญาณ และรอดพ้นจากสภาพการณ์ที่ทำให้ถึงตายนั้น.
ปรากฏการณ์แห่ง“วิญญาณของโลก”
8, 9. (ก) อะไรแสดงให้เห็นว่าเราต้องคอยระมัดระวังวิญญาณของโลกอยู่เรื่อยไป? (ข) วิญญาณของซาตานอาจทำให้เราเสื่อมเสียได้อย่างไร?
8 อากาศซึ่งเป็นพิษถึงตายที่มาจากซาตานยังคงหมุนวนอยู่รอบตัวเรา. เราต้องระวังตัวเสมอ และอย่าได้ลอยห่างลงไปหาโลกอีก บางทีอาจถึงกับหายใจไม่ออกในแง่วิญญาณ. ทั้งนี้จะต้องคอยระวังอยู่ทุกเวลา. (ลูกา 21:36; 1 โกรินโธ 16:13) เพื่อเป็นตัวอย่าง โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงนี้. คริสเตียนทุกคนรู้จักมาตรฐานทางศีลธรรมเป็นอย่างดีตามที่พระยะโฮวาทรงกำหนดไว้ และคงไม่เห็นพ้องกับข้อที่ว่ากิจปฏิบัติที่ไม่สะอาด เช่น การล่วงประเวณี, การผิดศีลธรรมทางเพศ, และการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ยอมรับได้. กระนั้น ทุกปี มีประมาณ 40,000 คนถูกตัดสัมพันธ์จากองค์การของพระยะโฮวา. เพราะเหตุใด? หลายกรณีเป็นเพราะกิจปฏิบัติที่ไม่สะอาดเหล่านี้. เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?
9 เนื่องจากพวกเราทุกคนเป็นคนไม่สมบูรณ์. เนื้อหนังของเราอ่อนแอ และเราต้องต่อสู้ความโน้มเอียงในทางผิดซึ่งผุดขึ้นในหัวใจของเราเป็นประจำ. (ท่านผู้ประกาศ 7:20; ยิระมะยา 17:9) อย่างไรก็ดี ความโน้มเอียงในทางผิดเหล่านั้นได้รับการสนับสนุนจากวิญญาณของโลก. หลายคนในโลกมองการประพฤติผิดศีลธรรมเป็นเรื่องไม่เสียหายแต่อย่างใด และความคิดที่ว่าสิ่งไหน ๆ ก็ยอมกันได้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของความเอนเอียงของจิตใจแห่งระบบของซาตาน. หากเราเปิดรับเอาความคิดเช่นนั้น ก็เป็นไปได้มากทีเดียวที่เราจะเริ่มคิดอย่างโลก. จากนั้นไม่นาน ความคิดที่เป็นมลทินดังกล่าวอาจก่อความปรารถนาอย่างผิด ๆ ซึ่งลงท้ายด้วยการทำบาปร้ายแรง. (ยาโกโบ 1:14, 15) แล้วเราก็ได้หลงไปจากภูเขาแห่งการนมัสการของพระยะโฮวา ลงไปสู่ที่ต่ำอันเต็มไปด้วยมลพิษแห่งโลกของซาตาน. คนที่สมัครใจอยู่ที่นั่นจะไม่มีแม้แต่คนเดียวได้รับชีวิตนิรันดร.—เอเฟโซ 5:3-5, 7.
10. ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเกี่ยวด้วยอากาศของซาตานได้แก่อะไร และทำไมคริสเตียนควรหลีกเลี่ยงสิ่งนี้?
10 วิญญาณของโลกนี้ปรากฏชัดแจ้งอยู่รอบตัวเรา. อาทิ หลายคนดำเนินชีวิตด้วยการขาดความนับถือและพูดเยาะเย้ยถากถาง. เพราะความผิดหวังเนื่องจากนักการเมืองเหลวไหลหรือไม่มีความสามารถ และพวกผู้นำศาสนาประพฤติผิดศีลธรรมและละโมบ พวกเขาจึงพูดโดยไม่แสดงความนับถือ แม้กระทั่งเรื่องสำคัญเสียด้วยซ้ำ. คริสเตียนต้านทานแนวโน้มแบบนี้. ถึงแม้เราอาจมีอารมณ์ขันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพก็ตาม แต่เราหลีกเลี่ยงการนำเอาความไม่เคารพนับถือด้วยคำพูดเยาะเย้ยถากถางเข้ามาในประชาคม. การพูดของคริสเตียนสะท้อนความเกรงกลัวพระยะโฮวาและความบริสุทธิ์ของหัวใจ. (ยาโกโบ 3:10, 11; เทียบกับสุภาษิต 6:14.) ไม่ว่าเราเป็นหนุ่มสาวหรือมีอายุมาก การพูดของเราควร “ประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ, ปรุงด้วยเกลือให้มีรส, เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคนอย่างไร.”—โกโลซาย 4:6.
11. (ก) ปรากฏการณ์ที่สองเกี่ยวด้วยวิญญาณของโลกได้แก่อะไร? (ข) เหตุใดคริสเตียนจึงต่างไปจากคนเหล่านั้นที่สะท้อนท่าทีเช่นนี้?
11 ความโน้มเอียงที่ถือเป็นเรื่องธรรมดาอีกอย่างหนึ่งซึ่งสะท้อนวิญญาณของโลกนี้ได้แก่การเกลียดชัง. โลกถูกแบ่งแยกจากกันโดยการเกลียดชังและการอาฆาตพยาบาทเนื่องด้วยความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์, ชาติ, เชื้อชาติ, กระทั่งระหว่างบุคคลด้วยซ้ำ. เมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าดำเนินกิจอยู่ ณ ที่ใด สิ่งต่าง ๆ ย่อมดีกว่ามากสักเพียงใด! อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย. ‘จงประพฤติตามความชอบธรรมอันเป็นที่นิยมแก่คนทั้งปวง.’ เหตุการณ์ซึ่งเกี่ยวกับท่านทั้งหลาย, หากท่านจัดได้จงกระทำตนให้เป็นที่สงบสุขแก่คนทั้งปวง. ดูก่อนท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า, อย่าทำการแก้แค้น, แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะลงพระอาชญา ด้วยมีคำเขียนไว้แล้วว่า, ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า, “การแก้แค้นนั้นเป็นพนักงานของเรา, เราเองจะตอบแทน.”’ อย่าเลย, แต่ ‘ถ้าศัตรูของท่านอยากอาหาร จงให้เขากิน ถ้ากระหายน้ำจงให้เขาดื่ม ด้วยว่าถ้าทำอย่างนั้นจะกองถ่านเพลิงไว้ที่ศีรษะของเขา.’ อย่าให้ความชั่วมีชัยแก่ตัว, แต่จงระงับความชั่วด้วยความดี.”—โรม 12:17-21.
12. เหตุใดคริสเตียนพึงหลีกเลี่ยงลัทธิวัตถุนิยม?
12 อนึ่ง วิญญาณของโลกส่งเสริมลัทธิวัตถุนิยม. คนเป็นอันมากถูกการค้าของโลกเร่งเร้าให้หลงกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ, แฟชั่นล่าสุด, รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด. พวกเขาตกเป็นทาส “ความใคร่ของตา.” (1 โยฮัน 2:16) ผู้คนส่วนใหญ่มักจะวัดความสำเร็จในชีวิตด้วยขนาดบ้านของเขาหรือด้วยจำนวนเงินฝากในธนาคาร. ด้วยการหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ฝ่ายวิญญาณบนภูเขาแห่งการนมัสการของพระยะโฮวาที่ถูกตั้งไว้สูงแล้ว คริสเตียนต้านทานความโน้มเอียงด้านนี้. พวกเขารู้ว่าการมุ่งหาสิ่งฝ่ายวัตถุอย่างไม่ละลดนั้นอาจนำไปสู่ความหายนะได้. (1 ติโมเธียว 6:9, 10) พระเยซูทรงเตือนสาวกของพระองค์ดังนี้: “จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทั่วไป เพราะว่าชีวิตของบุคคลใด ๆ มิได้อยู่ในของบริบูรณ์ซึ่งเขามีอยู่นั้น.”—ลูกา 12:15.
13. มีปรากฏการณ์บางประการอะไรอีกเกี่ยวกับวิญญาณของโลกนี้?
13 มีปรากฏการณ์อื่น ๆ อีกที่แสดงถึง “อากาศ” ของโลกนี้ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ. สิ่งหนึ่งคือวิญญาณแห่งการขัดขืน. (2 ติโมเธียว 3:1-3) คุณสังเกตไหมว่า ผู้คนจำนวนมากไม่ร่วมมือกับผู้มีอำนาจ? คุณสังเกตเห็นไหมว่าผู้คนไม่ทำงานนอกจากมีคนคอยดูอยู่ซึ่งเป็นกิจปฏิบัติที่แพร่หลายในที่ทำงาน? คุณรู้จักกี่คนที่ละเมิดกฎหมาย เป็นต้นว่า เขาไม่เสียภาษีตามพิกัดหรือขโมยสิ่งของจากที่ทำงาน? ถ้าคุณยังเรียนในโรงเรียน คุณรู้สึกท้อใจไหมที่พยายามทำสุดความสามารถ แต่เพื่อนนักเรียนในชั้นของคุณดูถูกบุคคลที่มีผลการเรียนดี? สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นปรากฏการณ์เกี่ยวด้วยวิญญาณของโลกนี้ซึ่งคริสเตียนต้องต้านทาน.
วิธีต้านทานวิญญาณของโลกนี้
14. คริสเตียนต่างไปจากคนที่ไม่ใช่คริสเตียนในทางใดบ้าง?
14 แต่เราจะต้านทานวิญญาณของโลกนี้อย่างไรในเมื่อเราเองก็อยู่ในโลก? เราพึงจำไว้ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่แถบถิ่นไหนก็ตามในโลก แต่สำหรับฝ่ายวิญญาณ เราไม่เป็นส่วนของโลก. (โยฮัน 17:15, 16) เป้าหมายของโลกหาได้เป็นเป้าหมายของเราไม่. แง่คิดของเราต่อสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกัน. เราเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ เราคิดและ “กล่าวด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้, แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน, สมกับสิ่งซึ่งเป็นของวิญญาณ.”—1 โกรินโธ 2:13.
15. เราจะต้านทานวิญญาณของโลกได้โดยวิธีใด?
15 คนเราจะทำประการใดได้หากเขาอยู่ในบริเวณที่มีแก๊สพิษกระจายไปทั่ว? เขาอาจสวมหน้ากากติดท่อเข้ากับถังอากาศบริสุทธิ์ หรือเขาอาจเคลื่อนย้ายออกไปให้พ้นบริเวณนั้น. การเลี่ยงพ้นอากาศของซาตานก็ประกอบด้วยวิธีการเหล่านี้. เราพยายามเคลื่อนย้ายออกไปให้ไกลเท่าที่เป็นไปได้จากอะไรก็ตามซึ่งอาจจะทำให้วิญญาณของโลกมีผลกระทบความคิดของเรา. ดังนั้น เราหลีกเลี่ยงการคบหาที่ไม่ดี และเราไม่ปล่อยตัวไปกับการบันเทิงประเภทที่ส่งเสริมความรุนแรง, การประพฤติผิดทางศีลธรรม, การติดต่อวิญญาณชั่ว, การขัดขืน, หรือการอื่น ๆ ของเนื้อหนังอย่างใดอย่างหนึ่ง. (ฆะลาเตีย 5:19-21) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราอยู่ในโลก เราไม่สามารถเลี่ยงพ้นการเผชิญสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้โดยสิ้นเชิง. ฉะนั้น จึงเป็นการกระทำอย่างสุขุมหากเราเชื่อมตัวเองเข้ากับแหล่งอากาศฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์. อาจพูดได้ว่า เราหายใจได้เต็มปอด โดยการเข้าร่วมประชุมสม่ำเสมอ, มีการศึกษาส่วนตัว, มีกิจกรรมและการสมาคมคบหาฝ่ายคริสเตียน, และการอธิษฐาน. ด้วยการทำเช่นนี้ หากอากาศของซาตานรั่วซึมเข้าปอดของเรา พระวิญญาณของพระเจ้าจะเสริมพลังให้เราขจัดมันออกไป.—บทเพลงสรรเสริญ 17:1-3; สุภาษิต 9:9; 13:20; 19:20; 22:17.
16. โดยวิธีใดเราให้หลักฐานว่า เรามีพระวิญญาณของพระเจ้า?
16 พระวิญญาณของพระเจ้าทำคริสเตียนให้เป็นบุคคลที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากคนเหล่านั้นที่เป็นส่วนของโลก. (โรม 12:1, 2) เปาโลกล่าวว่า “ผลแห่งพระวิญญาณคือ ความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดกลั้นทนนาน, ความกรุณา, ความดี, ความเชื่อ, ความอ่อนโยน, การรู้จักบังคับตน. สิ่งเหล่านี้ไม่มีกฎหมายห้ามเลย.” (ฆะลาเตีย 5:22, 23, ล.ม.) อีกประการหนึ่ง พระวิญญาณของพระเจ้าประทานความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเรื่องต่าง ๆ แก่คริสเตียนด้วย. เปาโลกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดมารู้เรื่องของพระเจ้าได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าเท่านั้น.” (1 โกรินโธ 2:11, ล.ม.) กล่าวโดยทั่วไป “เรื่องของพระเจ้า” หมายรวมถึงความจริงต่าง ๆ เป็นต้นว่า เครื่องบูชาไถ่, ราชอาณาจักรของพระเจ้าที่ปกครองโดยพระเยซูคริสต์, ความหวังเรื่องชีวิตนิรันดร์, และการกำจัดโลกชั่วช้าในเร็ววัน. ด้วยการช่วยเหลือจากพระวิญญาณของพระเจ้า คริสเตียนรู้และยอมรับว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นความจริง เหตุนี้เองทำให้ทัศนะของเขาเกี่ยวกับชีวิตต่างจากทัศนะของชาวโลกทั่วไป. คริสเตียนพึงพอใจที่เขาประสบความชื่นชมยินดีในการรับใช้พระยะโฮวาเวลานี้ พร้อมกับมีความหวังจะรับใช้พระองค์ตลอดไปในภายหน้า.
17. ใครได้วางตัวอย่างที่ดีเลิศในด้านการต้านทานวิญญาณของโลก และโดยวิธีใด?
17 พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างอันเลิศแก่บรรดาผู้ที่ต้านทานวิญญาณของโลกนี้. ไม่นานภายหลังพระเยซูได้รับบัพติสมาแล้ว ซาตานก็ได้พยายามจะชักพาพระองค์ให้เลิกรับใช้พระยะโฮวา โดยเสนอการล่อใจสามอย่างด้วยกัน. (มัดธาย 4:1-11) การล่อใจสุดท้ายเกี่ยวข้องกับความเป็นได้ที่พระเยซูจะขึ้นครองโลกทั้งสิ้นหากพระองค์จะกราบไหว้นมัสการซาตานเพียงครั้งเดียว. พระเยซูอาจหาเหตุผลทำนองนี้ก็คงได้: ‘เอาละ เราจะยอมกราบไหว้นมัสการ และหลังจากเราเป็นผู้ครองโลกแล้ว เราจะกลับใจกลับไปนมัสการพระยะโฮวาเหมือนเดิม. ในฐานะที่เราครองโลก เราจะอยู่ในฐานะที่จะอำนวยประโยชน์แก่มนุษยชาติได้ดีกว่าตอนนี้ ขณะที่เราเป็นช่างไม้จากเมืองนาซาเร็ธ.’ พระเยซูหาได้ชักเหตุผลเช่นนั้นไม่. พระองค์เต็มพระทัยคอยจนกว่าพระยะโฮวาประทานตำแหน่งครอบครองโลกแก่พระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 2:8) ในครั้งนั้นและโอกาสอื่นทุกครั้งในชีวิตของพระองค์ พระองค์ได้ต้านทานอากาศของซาตานซึ่งกระจายอิทธิพลอันเป็นพิษภัย. ดังนั้น พระองค์ชนะโลกที่เป็นมลพิษด้านวิญญาณนี้ได้.—โยฮัน 16:33.
18. การที่เราต้านทานวิญญาณของโลกยังผลเป็นคำสรรเสริญแด่พระเจ้าอย่างไร?
18 อัครสาวกเปโตรบอกว่า เราควรเจริญรอยตามพระเยซูอย่างใกล้ชิด. (1 เปโตร 2:21) พวกเราจะหาแบบอย่างอะไรที่ดีกว่านี้? ในสมัยสุดท้าย ภายใต้การชักนำแห่งวิญญาณของโลก มนุษย์ยิ่งจมลึกลงไปทุกทีในความเสื่อมทราม. นับว่าเป็นสิ่งดีวิเศษเสียจริง ๆ ที่ท่ามกลางโลกในสภาพดังกล่าวมีสถานอันสูงส่งแห่งการนมัสการพระยะโฮวาโดดเด่นทางด้านความบริสุทธิ์สะอาด! (มีคา 4:1, 2) แน่นอน ฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณของพระเจ้าเป็นที่สังเกตได้ในการที่มีผู้คนหลายล้านพากันหลั่งไหลเข้ามายังสถานแห่งการนมัสการพระเจ้า, ต้านทานวิญญาณของโลกที่แผ่ซ่านอยู่ทั่วไป และนำเกียรติยศและคำสรรเสริญมาสู่พระยะโฮวา! (1 เปโตร 2:11, 12) ขอให้เราทุกคนแน่วแน่รักษาตัวอยู่ในสถานที่นั้นซึ่งถูกยกขึ้นสูงแล้ว จนกว่ากษัตริย์องค์ที่พระยะโฮวาทรงเจิมไว้จะกำจัดโลกชั่วนี้และจับซาตานพญามารกับผีปิศาจบริวารของมันขังในเหวลึก. (วิวรณ์ 19:19–20:3) เมื่อถึงเวลานั้น วิญญาณของโลกนี้จะไม่เหลืออีกต่อไป. ช่างเป็นวาระที่เต็มไปด้วยพระพรเสียจริง ๆ!
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ วิญญาณของโลกคืออะไร?
▫ วิญญาณของโลกนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อปัจเจกบุคคล?
▫ ปรากฏการณ์แห่งวิญญาณของโลกนี้มีอะไรบ้าง และเราจะหลีกเลี่ยงอย่างไร?
▫ เราแสดงโดยวิธีใดว่าเรามีพระวิญญาณของพระเจ้า?
▫ พระพรอะไรจะมีแก่บรรดาผู้ที่ต้านทานวิญญาณของโลก?
[รูปภาพหน้า 16, 17]
วิญญาณของโลกมาจากซาตาน
เพื่อหลีกเลี่ยงวิญญาณของโลก จงหนีไปยังสถานนมัสการพระยะโฮวาที่สูงส่ง