ผู้ประกาศราชอาณาจักรที่แข็งขันทั่วแผ่นดินโลก
“เจ้าทั้งหลายจะเป็นพยานของเรา . . . จนกระทั่งถึงที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลก.”—กิจการ 1:8, ล.ม.
1. ข่าวสารอะไรที่พระเยซูตรัสว่า เหล่าสาวกของพระองค์จะประกาศในสมัยของเรานี้?
เมื่อพรรณนาถึงการงานที่พระยะโฮวาทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาทำที่แผ่นดินโลก พระเยซูตรัสว่า “เราต้องไปประกาศกิตติคุณแห่งแผ่นดินของพระเจ้า.” (ลูกา 4:43) ทำนองเดียวกัน เมื่อทรงบอกถึงการงานที่เหล่าสาวกของพระองค์จะทำบนแผ่นดินโลกในคราวที่พระองค์จะเสด็จกลับมาด้วยขัตติยอำนาจ พระเยซูตรัสว่า “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; ครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.”—มัดธาย 24:14, ล.ม.
2. (ก) ทำไมจึงสำคัญมากที่ข่าวสารราชอาณาจักรจะได้รับการโฆษณาออกไปอย่างกว้างขวาง? (ข) เราทุกคนควรถามตัวเองด้วยคำถามอะไร?
2 ทำไมข่าวเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าจึงสำคัญถึงขนาดนั้น? ทำไมราชอาณาจักรต้องมีการโฆษณาออกไปอย่างกว้างขวางเช่นนั้น? ก็เพราะว่าราชอาณาจักรมาซีฮานี้เองจะพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. (1 โกรินโธ 15:24-28) โดยราชอาณาจักรนี้ พระยะโฮวาจะทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่ระบบของซาตานในปัจจุบันนี้และทำให้คำสัญญาที่ว่าพระองค์จะทรงอวยพระพรแก่ครอบครัวทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกนั้นสำเร็จ. (เยเนซิศ 22:17, 18; ดานิเอล 2:44) โดยการให้คำพยานเกี่ยวกับราชอาณาจักร พระยะโฮวาทรงเสาะหาคนเหล่านั้นซึ่งภายหลังพระองค์ทรงเจิมให้เป็นรัชทายาทร่วมกับพระบุตรของพระองค์. โดยการประกาศราชอาณาจักร จึงทำให้งานแบ่งแยกสัมฤทธิ์ผลด้วยในทุกวันนี้. (มัดธาย 25:31-33) พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้ผู้คนจากทุกชาติได้รับการแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระองค์. พระองค์ทรงประสงค์ให้พวกเขามีโอกาสจะเลือกชีวิตในฐานะเป็นพลเมืองแห่งราชอาณาจักรของพระองค์. (โยฮัน 3:16; กิจการ 13:47) คุณกำลังมีส่วนในการประกาศราชอาณาจักรนี้อย่างเต็มที่ไหม?
ด้วยการคาดหมายเกี่ยวกับตอนสิ้นสุดแห่งเวลากำหนดของคนต่างชาติ
3. (ก) หัวเรื่องที่เหมาะสมอะไรที่ ซี. ที. รัสเซลล์บรรยายในการเดินทางช่วงต้น ๆ เพื่อจัดตั้งกลุ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล? (ข) นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรุ่นแรกเหล่านั้นตระหนักถึงอะไรอันเกี่ยวกับตำแหน่งที่ราชอาณาจักรของพระเจ้าควรมีในชีวิตของพวกเขา?
3 ย้อนไปในปี 1880 ชาร์ลส์ เทซ รัสเซลล์ บรรณาธิการคนแรกของวารสารว็อชเทาเวอร์ ได้เดินทางไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐเพื่อสนับสนุนการตั้งกลุ่มการศึกษาพระคัมภีร์. หัวเรื่องที่เขาบรรยายนั้นเหมาะสมทีเดียวคือ “สิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรของพระเจ้า.” ดังที่แสดงให้เห็นในวารสารว็อชเทาเวอร์ ฉบับต้น ๆ เหล่านักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล (ชื่อที่พยานพระยะโฮวาเป็นที่รู้จักในเวลานั้น) ตระหนักว่า หากพวกเขาจะคู่ควรแก่การมีส่วนร่วมในราชอาณาจักรของพระเจ้า เขาต้องให้ราชอาณาจักรเป็นสิ่งแรกที่เขาสนใจ, ยินดีใช้ชีวิตของเขา, ความสามารถของเขา, และโภคทรัพย์ต่าง ๆ ของเขาในงานรับใช้ราชอาณาจักร. สิ่งอื่นทุกสิ่งในชีวิตต้องอยู่ในอันดับรอง. (มัดธาย 13:44-46) ความรับผิดชอบของพวกเขารวมถึงการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าแก่คนอื่น ๆ. (ยะซายา 61:1, 2) พวกเขาได้ทำงานนั้นถึงขนาดไหนก่อนสิ้นเวลากำหนดของคนต่างชาติในปี 1914?
4. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกลุ่มเล็ก ๆ นั้นได้จำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลออกไปถึงขนาดไหนก่อนปี 1914?
4 ตั้งแต่ปี 1870 มาจนถึงปี 1914 นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลมีจำนวนค่อนข้างน้อย. ในปี 1914 มีเพียงประมาณ 5,100 คนที่เข้าส่วนอย่างขยันขันแข็งในการให้คำพยานอย่างเปิดเผย. แต่ก็เป็นการให้คำพยานที่พิเศษอะไรเช่นนั้น! ในปี 1881 เพียงสองปีหลังจากมีการพิมพ์ว็อชเทาเวอร์ เป็นครั้งแรก พวกเขาได้ดำเนินการจำหน่ายหนังสือขนาด 162 หน้าชื่ออาหารสำหรับคริสเตียนที่ชอบคิด (ภาษาอังกฤษ). ภายในไม่กี่เดือน พวกเขาได้จำหน่ายหนังสือนี้ถึง 1,200,000 เล่ม. ภายในไม่กี่ปี มีการแจกจ่ายแผ่นพับออกไปหลายสิบล้านแผ่นทุกปีในหลายภาษา.
5. เหล่าผู้เผยแพร่ข่าวดีเต็มเวลาคือใคร และพวกเขาแสดงให้เห็นน้ำใจชนิดใด?
5 เริ่มต้นในปี 1881 เช่นกัน บางคนเริ่มทำงานในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดีแบบเต็มเวลา. เขาเหล่านั้นเป็นแบบฉบับของไพโอเนียร์ (ผู้เผยแพร่ข่าวดีเต็มเวลา) ในทุกวันนี้. ผู้เผยแพร่เต็มเวลาบางคนเดินทางด้วยเท้าหรือไม่ก็โดยจักรยาน ให้คำพยานเป็นส่วนตัวในเกือบทุกส่วนของประเทศที่เขาอาศัยอยู่. คนอื่น ๆ ไปยังต่างประเทศและเป็นคนแรกที่นำข่าวดีไปถึงประเทศต่าง ๆ เช่น ฟินแลนด์, บาร์เบโดส, และพม่า. พวกเขาแสดงความกระตือรือร้นแบบมิชชันนารีเช่นเดียวกับพระเยซูและเหล่าอัครสาวกของพระองค์.—ลูกา 4:43; โรม 15:23-25.
6. (ก) บราเดอร์รัสเซลล์เดินทางกว้างขวางแค่ไหนเพื่อแพร่ความจริงในคัมภีร์ไบเบิล? (ข) ได้มีการทำอะไรอีกเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีในเขตต่างประเทศก่อนสิ้นเวลากำหนดของคนต่างชาติ?
6 บราเดอร์รัสเซลล์เองได้เดินทางมากเพื่อเผยแพร่ความจริง. ท่านไปแคนาดาหลายครั้งหลายหน; บรรยายในปานามา, จาเมกา, และคิวบา; เดินทางไปยุโรปสิบกว่าครั้ง; และเดินทางเผยแพร่ข่าวดีไปรอบโลก. นอกจากนั้น ท่านยังส่งคนอื่น ๆ ออกไปเพื่อเริ่มต้นและนำหน้าในการประกาศข่าวดีในต่างประเทศด้วย. อาดอล์ฟ เวเบอร์ ถูกส่งไปยุโรปเมื่อตอนกลางทศวรรษปี 1890 และงานรับใช้ของเขาขยายออกไปจากสวิตเซอร์แลนด์จนถึงฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมนี, และเบลเยียม. อี. เจ. โควาร์ด ถูกส่งไปยังแถบทะเลแคริบเบียน. โรเบิร์ต ฮอลลิสเตอร์ ได้รับมอบหมายให้ไปทางตะวันออกในปี 1912. ที่นั่น มีการเตรียมแผ่นพับพิเศษในสิบภาษา และแผ่นพับเหล่านี้หลายล้านแผ่นก็ถูกแจกจ่ายไปทั่วอินเดีย, จีน, ญี่ปุ่น, และเกาหลี โดยผู้แจกซึ่งเป็นคนท้องถิ่นนั้น. ถ้าคุณมีชีวิตอยู่ในเวลานั้น หัวใจของคุณคงกระตุ้นให้คุณพยายามอย่างจริงจังเพื่อนำข่าวดีไปบอกคนอื่น ๆ ในชุมชนของคุณและนอกเหนือจากนั้นอีกมิใช่หรือ?
7. (ก) มีการใช้หนังสือพิมพ์อย่างไรเพื่อเร่งทวีการให้คำพยาน? (ข) “ภาพยนตร์เรื่องการทรงสร้าง” คืออะไร และมีผู้คนมากเท่าใดได้ชมภาพยนตร์นี้ภายในเพียงปีเดียว?
7 ขณะที่เวลาของคนต่างชาติใกล้สิ้นสุด ก็ได้มีการลงพิมพ์คำบรรยายของบราเดอร์รัสเซลล์ในหนังสือพิมพ์. สิ่งที่คำบรรยายเหล่านั้นได้เน้นเป็นประการแรกนั้นไม่ใช่เรื่องปี 1914 แต่เป็นเรื่องพระประสงค์ของพระเจ้าและความแน่นอนในเรื่องความสำเร็จเป็นจริงแห่งพระประสงค์นั้น. มีการพิมพ์คำบรรยายเหล่านี้เป็นประจำโดยหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ถึง 2,000 ฉบับพร้อมกัน ซึ่งมีผู้อ่าน 15,000,000 คน. ครั้นแล้ว ในช่วงต้นปี 1914 สมาคมฯก็เริ่มการฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการทรงสร้าง” ให้สาธารณชนชม. ในการฉายสี่ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมง ภาพยนตร์นี้เสนอความจริงในคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่การสร้างโลกตลอดจนถึงรัชสมัยพันปี. ภายในเพียงปีเดียว จำนวนผู้ชมทั้งหมดรวมกันกว่าเก้าล้านคนในอเมริกาเหนือ, ยุโรป, ออสเตรเลีย, และนิวซีแลนด์ได้ดูภาพยนตร์นี้.
8. ในปี 1914 เหล่านักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลนำข่าวดีไปถึงกี่ประเทศ?
8 เท่าที่มีบันทึก ในช่วงหลังของปี 1914 คณะผู้เผยแพร่ข่าวดีที่กระตือรือร้นนี้ได้แผ่ขยายการประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าไปใน 68 ประเทศ.a แต่นั่นเป็นเพียงตอนเริ่มต้นเท่านั้น!
การประกาศราชอาณาจักรที่ถูกสถาปนาแล้วด้วยใจแรงกล้า
9. ณ การประชุมภาคที่ซีดาร์พอยต์ ได้มีการกระตุ้นเป็นพิเศษในงานให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักรอย่างไร?
9 เมื่อนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลชุมนุมกันที่ซีดาร์พอยต์ โอไฮโอ ในปี 1919 เจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด ซึ่งในตอนนั้นเป็นนายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ แถลงดังนี้: “ภาระหน้าที่ประจำของเราคือการประกาศถึงราชอาณาจักรมาซีฮาอันรุ่งโรจน์ที่กำลังมา.” ณ การประชุมภาคครั้งที่สองที่ซีดาร์พอยต์ในปี 1922 บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดเน้นข้อเท็จจริงที่ว่า ณ ตอนสิ้นสุดแห่งเวลากำหนดของคนต่างชาติในปี 1914 ‘พระมหากษัตริย์องค์ทรงสง่าราศีได้ทรงรับเอาอำนาจอันยิ่งใหญ่ไว้และเริ่มปกครองแล้ว.’ ต่อจากนั้น ท่านยกประเด็นนี้ขึ้นมาสู่ผู้ฟังอย่างตรงไปตรงมา โดยกล่าวว่า “คุณเชื่อว่าพระมหากษัตริย์องค์ทรงสง่าราศีได้เริ่มปกครองแล้วไหม? ถ้าเช่นนั้น จงกลับไปยังเขตทำงานของคุณ เหล่าบุตรทั้งหลายของพระเจ้าองค์สูงสุด! . . . จงประกาศข่าวสารนี้ออกไปให้กว้างไกล. มนุษย์โลกต้องรู้ว่า พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งเจ้านายทั้งหลาย. นี้คือวันสำคัญที่สุด. ดูเถิด พระมหากษัตริย์ทรงปกครอง! คุณคือตัวแทนโฆษณาของพระองค์.”
10, 11. ได้มีการใช้วิทยุ, รถกระจายเสียง, และแผ่นป้ายโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไปถึงผู้คนด้วยความจริงเรื่องราชอาณาจักรอย่างไร?
10 กว่า 70 ปีได้ผ่านไปนับแต่การประชุมภาคเหล่านั้นที่ซีดาร์พอยต์—เกือบ 80 ปีตั้งแต่พระยะโฮวาทรงเริ่มแสดงพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ผ่านทางการปกครองแบบมาซีฮาแห่งพระบุตรของพระองค์. จริง ๆ แล้ว พยานพระยะโฮวาได้ทำงานที่พระวจนะของพระเจ้ากำหนดไว้นั้นให้สำเร็จผลถึงขนาดไหน? คุณเองกำลังมีส่วนร่วมถึงขนาดไหนในงานนั้น?
11 พอต้นทศวรรษปี 1920 ก็มีวิทยุเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้เพื่อโฆษณาข่าวสารราชอาณาจักรออกไปอย่างกว้างขวาง. ระหว่างทศวรรษปี 1930 คำบรรยายต่าง ๆ ซึ่งเน้นเรื่องราชอาณาจักรว่าเป็นความหวังของโลกถูกกระจายเสียงออกไปโดยเครือข่ายสถานีวิทยุหรือการเชื่อมโยงเครือข่ายสถานีวิทยุ และโดยทางสายโทรศัพท์ที่มีอยู่รอบโลก. รถติดตั้งเครื่องขยายเสียงก็ถูกใช้ด้วยเพื่อเปิดคำบรรยายเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลที่บันทึกไว้ให้ฟังกันในที่สาธารณะ. ต่อมาในปี 1936 ในกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ พี่น้องของเราได้เริ่มห้อยแผ่นป้ายโฆษณาเมื่อเขาเดินเป็นขบวนผ่านเขตธุรกิจเพื่อโฆษณาคำบรรยายสาธารณะ. ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิธีที่บังเกิดผลในการให้คำพยานแก่ผู้คนมากมายในเมื่อพวกเรามีจำนวนน้อย.
12. ดังที่พระคัมภีร์แสดงให้เห็น อะไรคือวิธีที่บังเกิดผลที่สุดวิธีหนึ่งสำหรับเราแต่ละคนในการให้คำพยาน?
12 ถูกแล้ว พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า ในฐานะเป็นคริสเตียน เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบจะให้คำพยาน. เราไม่อาจปล่อยให้มีแต่บทความในหนังสือพิมพ์หรือการกระจายเสียงทางวิทยุทำงานนี้. คริสเตียนที่ภักดีหลายพันคน—ทั้งชาย, หญิง, และเยาวชน—ต่างรับเอาหน้าที่รับผิดชอบนี้. ผลก็คือ การประกาศตามบ้านได้กลายเป็นเครื่องหมายระบุตัวของพยานพระยะโฮวา.—กิจการ 5:42; 20:20.
การขยายออกไปทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่
13, 14. (ก) ทำไมพยานบางคนจึงย้ายไปเมืองอื่น กระทั่งถึงกับย้ายไปประเทศอื่น ๆ เพื่อทำงานรับใช้ของเขาต่อไป? (ข) ความรักห่วงใยต่อผู้คนในประเทศบ้านเกิดของคนเราได้ช่วยเผยแพร่ข่าวดีอย่างไร?
13 โดยรู้อยู่ว่าข่าวสารราชอาณาจักรจะต้องได้รับการประกาศทั่วแผ่นดินโลกที่มีผู้คนอาศัยอยู่ พยานพระยะโฮวาบางคนได้คำนึงถึงอย่างเอาจริงเอาจังในสิ่งที่พวกเขาเองอาจทำได้เพื่อขยายงานไปยังเขตที่อยู่นอกเหนือชุมชนที่เขาอยู่.
14 หลายคนได้เรียนรู้ความจริงหลังจากย้ายจากประเทศบ้านเกิด. แม้ว่าพวกเขาโยกย้ายไปเพื่อผลประโยชน์ด้านวัตถุ เขาก็ได้พบบางสิ่งบางอย่างที่มีค่ามากกว่า และบางคนรู้สึกถูกกระตุ้นให้กลับประเทศหรือชุมชนบ้านเกิดเพื่อไปแบ่งปันความจริง. ด้วยวิธีนี้ ในตอนต้นศตวรรษนี้ การประกาศข่าวดีจึงแผ่ไปในสแกนดิเนเวีย, กรีซ, อิตาลี, ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปตะวันออก, และในบริเวณอื่น ๆ อีกมากมาย. แม้กระทั่งบัดนี้ ในทศวรรษปี 1990 ข่าวสารราชอาณาจักรกำลังแพร่ไปในลักษณะเดียวกัน.
15. ระหว่างทศวรรษปี 1920 และ 1930 บางคนซึ่งมีเจตคติเช่นเดียวกับที่มีกล่าวไว้ในยะซายา 6:8 ได้ทำให้อะไรสำเร็จ?
15 โดยการนำคำแนะนำจากพระวจนะของพระเจ้าไปใช้ในชีวิต บางคนสามารถเสนอตัวเพื่องานรับใช้ในดินแดนต่าง ๆ ซึ่งเขาไม่เคยอยู่มาก่อนเลย. ดับเบิลยู. อาร์. บราวน์ (มักถูกเรียกว่า “ไบเบิลบราวน์”) เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น. ในปี 1923 เพื่อขยายงานเผยแพร่ข่าวดี เขาย้ายจากทรินิแดดไปยังแอฟริกาตะวันตก. ระหว่างทศวรรษปี 1930 แฟรงก์และเกรย์ สมิท, โรเบิร์ต นิสเบ็ต, และเดวิด นอร์แมน อยู่ในหมู่คนเหล่านั้นที่นำข่าวสารราชอาณาจักรไปตามชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกา. คนอื่น ๆ ช่วยหว่านข่าวสารในเขตอเมริกาใต้. ในตอนต้นทศวรรษปี 1920 จอร์จ ยัง ชาวแคนาดา ได้ร่วมทำงานนี้ในอาร์เจนตินา, บราซิล, โบลิเวีย, ชิลี, และเปรู. ฮวน มูนีซ ซึ่งเคยรับใช้ในสเปน ได้ทำต่อไปในอาร์เจนตินา, ชิลี, ปารากวัย, และอุรุกวัย. คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างแสดงให้เห็นน้ำใจดังที่มีกล่าวไว้ในยะซายา 6:8 ที่ว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ทรงใช้ข้าพเจ้าเถิด.”
16. นอกจากตามเมืองใหญ่ที่มีผู้คนหนาแน่นแล้ว ได้มีการให้คำพยานในที่ใดอีกในช่วงหลายปีก่อนสงคราม?
16 การประกาศข่าวดีเข้าไปถึงแม้แต่บริเวณที่อยู่แสนไกล. เรือต่าง ๆ ที่ควบคุมโดยพยานฯทำการเยี่ยมตามหมู่บ้านชาวประมงของนิวฟันด์แลนด์, ตามชายฝั่งนอร์เวย์ไปจนถึงมหาสมุทรอาร์กติก, หมู่เกาะต่าง ๆ ในแปซิฟิก, และตามท่าเรือต่าง ๆ ในเอเชียอาคเนย์.
17. (ก) ในปี 1935 พยานได้ไปถึงกี่ประเทศแล้ว? (ข) ทำไมงานนี้ยังไม่เสร็จเมื่อถึงเวลานั้น?
17 เป็นที่น่าทึ่ง ในปี 1935 พยานพระยะโฮวาประกาศอย่างเอาการเอางานใน 115 ประเทศ และพวกเขายังไปถึงอีก 34 ประเทศไม่ว่าโดยคณะผู้เดินทางให้คำพยานหรือโดยส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์. กระนั้น งานนี้ยังไม่เสร็จ. ปีนั้นพระยะโฮวาทรงเปิดตาพวกเขาให้มองเห็นพระประสงค์ของพระองค์ในการรวบรวม “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งจะรอดผ่านเข้าสู่โลกใหม่ของพระองค์. (วิวรณ์ 7:9, 10, 14) ยังมีงานให้คำพยานอีกมากที่ต้องทำให้เสร็จ!
18. โรงเรียนกิเลียดและโรงเรียนฝึกอบรมเพื่อการรับใช้ได้ทำบทบาทอะไรในงานประกาศราชอาณาจักร?
18 แม้ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่สองแผ่คลุมทั่วแผ่นดินโลกและมีการสั่งห้ามหนังสือ หรือไม่ก็สั่งห้ามกิจกรรมของพยานพระยะโฮวาในหลายประเทศ โรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียดได้เปิดดำเนินการเพื่อฝึกอบรมผู้ที่จะเป็นมิชชันนารีเพื่อทำให้งานประกาศราชอาณาจักรไปยังนานาชาติที่ยังมีอีกมากบรรลุผลสำเร็จ. ถึงบัดนี้ ผู้สำเร็จการศึกษาจากกิเลียดได้รับใช้ในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 200 ประเทศ. พวกเขาไม่เพียงจำหน่ายสรรพหนังสือไว้ แล้วก็ย้ายไปที่อื่น. พวกเขานำการศึกษาพระคัมภีร์, จัดตั้งประชาคม, และฝึกอบรมผู้คนให้แบกความรับผิดชอบตามระบอบของพระเจ้า. เมื่อไม่นานมานี้ พวกผู้ปกครองและผู้รับใช้ซึ่งสำเร็จจากโรงเรียนฝึกอบรมเพื่อการรับใช้ ก็ได้ช่วยด้วยเช่นกันเพื่อสนองความต้องการอันสำคัญยิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับงานนี้ในหกทวีป. รากฐานอันมั่นคงถูกวางไว้เพื่อการเจริญเติบโตต่อ ๆ ไป.—เทียบกับ 2 ติโมเธียว 2:2.
19. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้ตอบรับคำเชิญที่ให้รับใช้ในที่ซึ่งมีความต้องการมากกว่าถึงขีดไหน?
19 คนอื่น ๆ อาจช่วยเอาใจใส่เขตงานที่ยังไม่ได้ทำได้ไหม? ในปี 1957 ณ การประชุมภาคทั่วโลก พยานของพระยะโฮวาที่อาวุโส—เป็นรายบุคคลและเป็นครอบครัว—ได้รับการสนับสนุนให้คำนึงถึงการย้ายไปอยู่ในที่ซึ่งมีความต้องการมากกว่าเพื่อตั้งถิ่นฐานและทำงานรับใช้ที่นั่น. คำเชิญนั้นคล้ายกับคำเชิญที่พระเจ้าเสนอแก่อัครสาวกเปาโลมากทีเดียว ผู้ซึ่งเห็นในนิมิตว่ามีคนหนึ่งวิงวอนท่านดังนี้: “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในเมืองมากะโดเนียเถิด.” (กิจการ 16:9, 10) บางคนย้ายในช่วงทศวรรษปี 1950 ส่วนคนอื่นย้ายทีหลัง. มีถึงหนึ่งพันคนย้ายไปไอร์แลนด์และโคลัมเบีย หลายร้อยคนไปที่อื่น ๆ หลายแห่ง. อีกหลายหมื่นคนย้ายไปยังเขตที่มีความต้องการมากกว่าภายในประเทศของเขาเอง.—บทเพลงสรรเสริญ 110:3.
20. (ก) ตั้งแต่ปี 1935 ได้มีการทำสิ่งใดให้สัมฤทธิ์ผลในความสำเร็จเป็นจริงแห่งคำพยากรณ์ของพระเยซูที่มัดธาย 24:14? (ข) ระหว่างไม่กี่ปีที่ผ่านไป มีการเร่งงานนี้อย่างไร?
20 ด้วยพระพรที่พระยะโฮวาหลั่งลงเหนือไพร่พลของพระองค์ งานประกาศราชอาณาจักรจึงรุดหน้าต่อไปด้วยฝีก้าวที่น่าทึ่ง. ตั้งแต่ปี 1935 จำนวนผู้ประกาศได้เพิ่มขึ้นเกือบแปดเท่า และอัตราการเพิ่มในด้านจำนวนไพโอเนียร์ก็มีมากกว่าอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ประกาศถึง 60 เปอร์เซ็นต์. ได้มีการเริ่มจัดการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้านในช่วงทศวรรษปี 1930. เดี๋ยวนี้มีเฉลี่ยการนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้านถึงกว่าสี่ล้านห้าแสนรายทุกเดือน. นับแต่ปี 1935 เป็นต้นมา เวลากว่า 15,000 ล้านชั่วโมงถูกอุทิศแก่งานประกาศราชอาณาจักร. บัดนี้ มีการประกาศข่าวดีเป็นประจำใน 231 ดินแดน. เมื่อเขตงานในยุโรปตะวันออกและแอฟริกาเปิดให้มีการประกาศข่าวดีอย่างอิสระมากขึ้น ก็ได้มีการใช้การประชุมนานาชาติอย่างบังเกิดผลเพื่อแสดงข่าวสารราชอาณาจักรอย่างโดดเด่นต่อสาธารณชน. ดังที่พระยะโฮวาทรงสัญญาไว้นานมาแล้ว ที่ยะซายา 60:22 พระองค์ทรง ‘เร่งกระทำการนี้ในเวลาอันควร.’ ช่างเป็นสิทธิพิเศษเสียจริง ๆ ที่เรามีส่วนในงานนี้!
การทำให้ข่าวดีไปถึงทุกคนเท่าที่เป็นไปได้
21, 22. เราเองอาจทำอะไรได้เพื่อจะเป็นพยานที่บังเกิดผลมากขึ้นไม่ว่าเราจะรับใช้ที่ไหนก็ตาม?
21 องค์พระผู้เป็นเจ้ายังไม่ได้ตรัสว่า งานนี้เสร็จแล้ว. หลายพันคนยังคงรับเอาการนมัสการแท้. ฉะนั้น จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า เรากำลังทำทุกสิ่งเท่าที่ทำได้ไหมเพื่อใช้เวลาที่ความอดกลั้นของพระยะโฮวาเปิดโอกาสให้มีสำหรับงานนี้ให้เป็นประโยชน์?—2 เปโตร 3:15.
22 ไม่ใช่ทุกคนสามารถจะย้ายไปยังเขตงานที่ไม่ค่อยได้ทำกัน. แต่คุณกำลังใช้ประโยชน์เต็มที่จากโอกาสที่เปิดแก่คุณไหม? คุณให้คำพยานแก่เพื่อนร่วมงาน, ครู, และเพื่อนนักเรียนไหม? คุณปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปในเขตทำงานของคุณไหม? ถ้าหากเนื่องจากรูปแบบการงานที่เปลี่ยนไป จึงมีน้อยคนอยู่บ้านในตอนกลางวัน คุณได้เปลี่ยนตารางเวลาของคุณเพื่อไปเยี่ยมพวกเขาในตอนเย็นไหม? ถ้าอาคารต่าง ๆ ห้ามผู้ที่ไม่ได้รับเชิญเข้า คุณกำลังให้คำพยานโดยทางโทรศัพท์หรือโดยทางจดหมายไหม? คุณกำลังติดตามผู้ที่แสดงความสนใจและเสนอการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้านไหม? คุณสัมฤทธิ์ผลเต็มที่ในงานรับใช้ของคุณไหม?—เทียบกับกิจการ 20:21; 2 ติโมเธียว 4:5.
23. ขณะที่พระยะโฮวาทรงสังเกตสิ่งที่เรากำลังทำในราชกิจของพระองค์ อะไรควรเป็นที่เห็นได้ชัดในกรณีของเรา?
23 ขอให้เราทุกคนทำงานรับใช้ของเราให้สำเร็จในลักษณะที่แสดงให้เห็นชัดเจนต่อพระยะโฮวาว่า เราหยั่งรู้ค่าสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่แห่งการเป็นพยานของพระองค์ในสมัยอันสำคัญนี้อย่างแท้จริง. ขอให้เป็นสิทธิพิเศษของเราที่จะเป็นประจักษ์พยานในขณะที่พระยะโฮวาทรงลงโทษแก่ระบบเก่าอันเสื่อมทรามนี้และนำรัชสมัยพันปีอันรุ่งโรจน์ของพระเยซูคริสต์เข้ามา!
[เชิงอรรถ]
a นับตามที่โลกถูกแบ่งในตอนต้นทศวรรษปี 1990.
การทบทวน
▫ ทำไมการประกาศข่าวสารราชอาณาจักรจึงสำคัญมาก?
▫ ข่าวดีได้รับการประกาศไปถึงขีดไหนจนถึงปี 1914?
▫ มีการให้คำพยานอย่างแข็งขันเพียงไรตั้งแต่ราชอาณาจักรได้รับการสถาปนา?
▫ อะไรอาจจะทำให้ส่วนของเราในงานรับใช้นั้นบังเกิดผลมากขึ้น?
[กรอบหน้า 16, 17]
พยานพระยะโฮวาผู้ประกาศราชอาณาจักร
ณ การประชุมภาคหลายร้อยแห่งทั่วโลกในระหว่างปี 1993-1994 ได้มีการประกาศการออกหนังสือใหม่ชื่อพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า. นี่คือประวัติของพยานพระยะโฮวาที่ให้ความรู้ ครอบคลุมเนื้อหากว้างที่สุด. เป็นหนังสือขนาด 752 หน้า มีภาพประกอบสวยงาม ด้วยรูปภาพกว่าหนึ่งพันภาพซึ่งรวบรวมจาก 96 ประเทศ. ในตอนปลายปี 1993 มีการพิมพ์ออกแล้ว 25 ภาษาและกำลังแปลเป็นภาษาอื่นเพิ่มอีก.
อะไรทำให้หนังสือนี้เหมาะกับเวลา? ในไม่กี่ปีมานี้มีผู้คนหลายล้านทั่วโลกได้เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา. เขาเหล่านั้นทุกคนควรได้รับความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับประวัติขององค์การที่เขาเข้าสมทบ. ยิ่งกว่านั้น การประกาศและวิธีนมัสการของพวกเขาได้แผ่กระจายในกลุ่มชาติและเชื้อชาติต่าง ๆ ทั่วโลกและเป็นที่ยอมรับโดยผู้คนทั้งที่เยาว์วัยและสูงอายุ ในทุกระดับเศรษฐกิจและการศึกษา. ผลก็คือ ผู้ที่สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีคำถามเกี่ยวกับพวกพยานฯ—ไม่เพียงเกี่ยวกับความเชื่อของเขาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับต้นกำเนิดของพวกเขา, ประวัติของเขา, องค์การของเขา, เป้าหมายของเขา. คนอื่น ๆ ได้เขียนเกี่ยวกับพวกเขา แม้จะไม่ใช่โดยปราศจากอคติเสมอไปก็ตาม. อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้จักประวัติสมัยปัจจุบันของพยานพระยะโฮวาดีไปกว่าพวกพยานฯเอง. คณะเรียบเรียงหนังสือนี้ได้พยายามเสนอประวัตินั้นในลักษณะที่เป็นจริงและเปิดเผย. ในการทำเช่นนั้น พวกเขายังได้เสนอบัน-ทึกหลักฐานพิสูจน์ความสำเร็จเป็นจริงจนถึงเวลานี้ของแง่มุมที่สำคัญมากของสัญลักษณ์แห่งการเสด็จประทับของพระคริสต์ซึ่งมีบันทึกไว้ที่มัดธาย 24:14 อีกด้วย และพวกเขาทำสิ่งนี้ด้วยรายละเอียดที่อาจให้ได้ก็เฉพาะแต่โดยเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในการงานที่มีบอกล่วงหน้าไว้ในข้อพระคัมภีร์นี้เท่านั้น.
หนังสือนี้แบ่งออกเป็นเจ็ดตอนใหญ่ ๆ ดังนี้:
ตอน 1: ส่วนนี้เป็นการสืบค้นต้นตอทางประวัติศาสตร์ของพยานพระยะโฮวา. ตอนนี้ให้ข้อมูลที่ให้ความรู้รวบรัดเกี่ยวกับประวัติของพวกเขาตั้งแต่ปี 1870 จนถึงปี 1992.
ตอน 2: เป็นการทบทวนเกี่ยวกับพัฒนาการเป็นขั้น ๆ ในด้านความเชื่อซึ่งทำให้พยานพระยะโฮวาแตกต่างจากกลุ่มศาสนาอื่น ๆ.
ตอน 3: ส่วนนี้ของหนังสือพิจารณาการพัฒนาโครงสร้างขององค์การของพวกเขา. ตอนนี้กล่าวถึงข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประชุมประจำประชาคมและการประชุมใหญ่ของพวกเขา อีกทั้งวิธีที่พวกเขาสร้างหอประชุม, หอประชุมใหญ่, และอาคารโรงงานพิมพ์สรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล. ทั้งยังแสดงถึงความกระตือรือร้นที่พยานพระยะโฮวาประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้าและความรักที่พวกเขาแสดงออกขณะที่เขาเอาใจใส่กันในยามวิกฤต.
ตอน 4: ในตอนนี้คุณจะพบรายละเอียดที่น่าดึงดูดใจเกี่ยวกับวิธีที่การประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้าได้ไปถึงประเทศใหญ่ ๆ และหมู่เกาะอันห่างไกลตลอดทั่วโลก. ลองนึกภาพดูสิ มีการประกาศใน 43 ดินแดนในปี 1914 แต่พอถึงปี 1992 มีถึง 229 ดินแดน! ประสบการณ์ของเหล่าผู้ที่ได้มีส่วนในการแผ่ขยายทั่วโลกนั้นทำให้หัวใจอบอุ่นจริง ๆ.
ตอน 5: การทำให้งานประกาศราชอาณาจักรลุล่วงนั้นต้องมีการพัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระดับนานาชาติเพื่อการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลและหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลในกว่าสองร้อยภาษา. ในตอนนี้ คุณจะเรียนรู้เกี่ยวกับแง่มุมนี้ของการงานของพวกเขา.
ตอน 6: เหล่าพยานฯเผชิญความยากลำบากด้วยเช่นกัน บางครั้งเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์เรา, ส่วนคราวอื่น ๆ ก็เนื่องจากพี่น้องเท็จ, และยิ่งกว่านั้น ก็เนื่องจากการกดขี่ข่มเหงโดยตรง. พระวจนะของพระเจ้าเตือนว่าจะเป็นเช่นนั้น. (ลูกา 17:1; 2 ติโมเธียว 3:12; 1 เปโตร 4:12; 2 เปโตร 2:1, 2) ตอนนี้ของหนังสือเล่าอย่างชัดแจ้งถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงและวิธีที่ความเชื่อของพยานพระยะโฮวาทำให้พวกเขาสามารถประสบชัยชนะ.
ตอน 7: ในตอนสุดท้าย หนังสือนี้พิจารณาเหตุผลที่พยานพระยะโฮวาเชื่อมั่นคงว่า องค์การที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งอยู่นั้นได้รับการทรงนำจากพระเจ้า. นอกจากนี้ ตอนนี้ยังอธิบายถึงเหตุผลที่พวกเขารู้สึกถึงความจำเป็นจะต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ ทั้งในฐานะองค์การและเป็นรายบุคคล.
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว หนังสือที่ถูกออกแบบอย่างน่าดึงดูดใจนี้ยังรวมไว้ด้วยส่วนที่เป็นภาพสีสวยงามและให้ความรู้ถึง 50 หน้าซึ่งแสดงถึงอาคารสำนักงานกลางและสำนักงานสาขาที่พยานพระยะโฮวาใช้อยู่ทั่วโลกด้วย.
หากคุณยังไม่ได้อ่านหนังสือนี้ คุณจะได้รับประโยชน์เป็นแน่จากการรับและอ่านหนังสือที่น่าดึงดูดใจนี้.
ความคิดเห็นจากบางคนที่อ่านหนังสือนี้แล้ว
ปฏิกิริยาของผู้ที่ได้อ่านหนังสือนี้แล้วเป็นอย่างไร? นี่คือความคิดเห็นบางส่วน:
“ผมเพิ่งจบการอ่านหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า ที่น่าดึงดูดใจและมีชีวิตชีวา. เฉพาะแต่องค์การที่อุทิศแก่ความจริงอย่างภักดีและถ่อมใจเท่านั้นที่สามารถเขียนอย่างเปิดเผย, กล้าหาญ, และคำนึงถึงความรู้สึกเช่นนี้.”
“หนังสือนี้อ่านแล้วเหมือนพระธรรมกิจการ มีทั้งความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา.”
“ช่างเป็นหนังสือใหม่ที่น่าสนใจจริง ๆ! . . . หนังสือนี้เป็นผลงานชิ้นยอดเยี่ยมทางประวัติ-ศาสตร์.”
หลังจากอ่านหนังสือนี้ไปประมาณครึ่งเล่ม ชายคนหนึ่งเขียนว่า “ผมรู้สึกยำเกรง, ตกตะลึง, และเกือบน้ำตาไหล. . . . ตลอดหลายปี ไม่มีหนังสือเล่มใดที่มีพลังกระตุ้นทางอารมณ์ถึงขนาดนี้.”
“หัวใจดิฉันเต็มไปด้วยความยินดีทุกครั้งที่ดิฉันคิดถึงวิธีที่หนังสือนี้จะเสริมความเชื่อของคนหนุ่มสาวและคนใหม่ที่เข้ามาสู่องค์การในทุกวันนี้ให้เข้มแข็ง.”
“ดิฉันหยั่งรู้คุณค่าความจริงเสมอมา แต่การอ่านหนังสือนี้เปิดตาดิฉันและช่วยดิฉันให้ตระหนักยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาอยู่เบื้องหลังความจริงและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง.”
[รูปภาพหน้า 18]
ข่าวสารราชอาณาจักรได้ไปถึงผู้คนมากมายแม้แต่ในคราวที่พยานฯมีจำนวนน้อย