จงชื่นชมยินดีในพระยะโฮวา!
“จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ. ข้าพเจ้าจะพูดอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด!”—ฟิลิปปอย 4:4, ล.ม.
1. ทำไมเราอาจสงสัยว่าเปาโลหมายความอย่างไร เมื่อท่านบอกว่า คริสเตียนควรชื่นชมยินดีเสมอ?
ทุกวันนี้ มูลเหตุที่จะชื่นชมยินดีอาจดูเหมือนมีน้อยมาก. มนุษย์ที่สร้างด้วยผงคลี ถึงแม้จะเป็นคริสเตียนแท้ ก็ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ก่อความเศร้าเสียใจ เช่น การตกงาน, การเจ็บป่วย, คนที่ตนรักเสียชีวิต, ปัญหาด้านบุคลิกภาพ, หรือการต่อต้านจากคนในบ้านซึ่งไม่เชื่อพระเจ้าหรือจากเพื่อนฝูงที่เคยคบกันมา. ดังนั้น เราจะเข้าใจคำตักเตือนของเปาโลอย่างไรที่ว่า “จงชื่นชมยินดีเสมอ”? เมื่อคำนึงถึงสภาพการณ์แวดล้อมที่ไม่น่ายินดีและน่าอิดหนาระอาใจซึ่งพวกเราต้องต่อสู้ แล้วเป็นไปได้ไหมที่เราจะชื่นชมยินดีเสมอ? การพิจารณาบริบทของถ้อยคำเหล่านี้คงจะช่วยให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้.
ชื่นชมยินดี—เพราะเหตุใดและอย่างไร?
2, 3. อะไรคือความสำคัญของความชื่นชมยินดี ดังแสดงให้เห็นในกรณีของพระเยซูและชาติยิศราเอลโบราณ?
2 “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ. ข้าพเจ้าจะพูดอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด!” ข้อนี้อาจสะกิดใจเราให้นึกถึงถ้อยคำที่กล่าวต่อชาวยิศราเอลเมื่อสองพันสี่ร้อยกว่าปีมาแล้วดังนี้: “ความชื่นชมยินดีแห่งพระยะโฮวาเป็นป้อมของพวกเจ้า” (ล.ม.) หรือตามฉบับแปลใหม่ว่า “ความชื่นบานของตนในพระเจ้าเป็นกำลังของท่าน.” (นะเฮมยา 8:10) ความชื่นชมยินดีทำให้คนเรามีกำลังและเป็นเหมือนป้อมที่แน่นหนาซึ่งคนเราสามารถเข้าไปอยู่เพื่อความสบายใจและความปลอดภัย. ความชื่นชมยินดีมีส่วนช่วยแม้แต่มนุษย์สมบูรณ์อย่างพระเยซูให้อดทนได้. “เพราะเห็นแก่ความยินดีซึ่งมีอยู่ตรงหน้า พระองค์ยอมทนหลักทรมาน ไม่คำนึงถึงความละอาย แล้วพระองค์ได้เสด็จนั่งเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า.” (เฮ็บราย 12:2, ล.ม.) เห็นได้ชัดว่า การคงไว้ซึ่งความชื่นชมยินดีภายใต้สภาวะอันยากลำบากเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความรอด.
3 ก่อนเข้าไปถึงแผ่นดินแห่งคำสัญญา ชาวยิศราเอลได้รับคำสั่งดังนี้: “เจ้าจะยินดีเพราะสิ่งสารพัตรอันดีซึ่งพระเจ้ายะโฮวาของเจ้าได้ประทานให้เจ้าและแก่ครอบครัวของเจ้า, ทั้งตัวเจ้า, และคนตระกูลเลวี, และคนต่างชาติซึ่งอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย.” ผลสืบเนื่องจากการไม่รับใช้พระยะโฮวาด้วยความยินดีนั้นจะร้ายแรง. “ความแช่งทั้งปวงนี้จะไล่ตามทันเจ้าทั้งหลาย, จนเจ้าจะฉิบหายไป . . . เพราะเจ้าทั้งหลายมิได้ปฏิบัตินับถือพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยใจโสมนัสยินดี, ด้วยมีของบริบูรณ์ทุกอย่าง.”—พระบัญญัติ 26:11; 28:45-47.
4. อะไรอาจเป็นสาเหตุหากเราไม่ชื่นชมยินดี?
4 ด้วยเหตุนี้ จำเป็นที่ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมในเวลานี้และ “แกะอื่น” สหายของเขามีใจชื่นชมยินดี! (โยฮัน 10:16) ด้วยการพูดซ้ำคำแนะนำโดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะพูดอีกครั้ง” เปาโลได้ตอกย้ำความสำคัญของความชื่นชมยินดีสำหรับสิ่งที่ดีทุกอย่างซึ่งพระยะโฮวาทรงโปรดแก่เรา. เราชื่นชมยินดีหรือเปล่า? หรือว่าเรามัวยุ่งกับกิจวัตรในชีวิตประจำวันเกินไปไหม จนบางครั้งเราลืมมูลเหตุหลายอย่างที่ยังความชื่นชมยินดี? ปัญหาหลายอย่างทับถมจนทำให้เรามองไม่เห็นภาพราชอาณาจักรและพระพรต่าง ๆ แห่งราชอาณาจักรไหม? เราปล่อยให้สิ่งอื่น ๆ เช่น การไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า, การเพิกเฉยต่อหลักการของพระเจ้า, หรือการละเลยหน้าที่ของคริสเตียนเบียดบังเอาความชื่นชมยินดีไปเสียจากเราไหม?
5. ทำไมคนที่ไม่คำนึงถึงเหตุผลจึงประสบความชื่นชมยินดีได้ยาก?
5 “จงให้ความมีเหตุผลของท่านปรากฏแก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้.” (ฟิลิปปอย 4:5, ล.ม.) คนที่ไม่คำนึงถึงเหตุผลขาดความสมดุล. เขาอาจไม่ได้เอาใจใส่สุขภาพของตัวเองเท่าที่ควร จนตัวเองตกอยู่ในสภาพตึงเครียดหรือวิตกกังวลเกินควรโดยไม่จำเป็น. บางทีเขาไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับขีดจำกัดของตัวเองและดำรงชีวิตตามสภาพนั้น ๆ. เขาอาจตั้งเป้าหมายสูงเกินไปและพยายามบรรลุให้ได้โดยไม่คำนึงถึงผลได้ผลเสีย. หรือเขาอาจใช้ขีดจำกัดของตัวเองเป็นข้ออ้างที่ตนเฉื่อยชาหรือไม่ขยันเท่าที่ควร. เนื่องจากเขาขาดความสมดุลและไม่มีเหตุผล เขาจึงรู้สึกว่ายากที่จะชื่นชมยินดี.
6. (ก) เพื่อนคริสเตียนของเราน่าจะมองเห็นอะไรในตัวเรา และจะเห็นได้เฉพาะในกรณีไหน? (ข) คำพูดของเปาโลที่ 2 โกรินโธ 1:24 และโรม 14:4 ช่วยเราอย่างไรให้เป็นคนมีเหตุผล?
6 แม้ผู้ต่อต้านมองเราเป็นคนคลั่งลัทธิ เพื่อนคริสเตียนน่าจะสามารถมองเห็นได้เสมอว่าเราเป็นคนที่มีเหตุผล. และเขาจะมองเห็นเราอย่างนั้นถ้าเราเป็นคนสมดุลและไม่คาดหมายความสมบูรณ์พร้อมจากตัวเราเองหรือจากผู้อื่น. สำคัญที่สุด เราต้องละเว้นจากการยัดเยียดภาระหนักให้คนอื่น ๆ ซึ่งพระวจนะของพระเจ้าไม่เรียกร้อง. อัครสาวกเปาโลกล่าวดังนี้: “มิใช่ที่ว่าเราเป็นนายเหนือความเชื่อของท่าน แต่เราเป็นเพื่อนร่วมทำงานเพื่อความยินดีของท่าน.” (2 โกรินโธ 1:24, ล.ม.) เนื่องจากเคยเป็นฟาริซายมาก่อน เปาโลทราบดีว่า การวางและยัดเยียดกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวดโดยผู้มีอำนาจจะระงับความยินดี. ในขณะที่คำแนะนำอันเป็นประโยชน์ที่มาจากเพื่อนร่วมงานย่อมเพิ่มพูนความชื่นชมยินดี. ข้อเท็จจริงที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้” น่าจะเตือนคนมีเหตุผลให้ระลึกว่า เราไม่ควร “ปรับโทษบ่าวของคนอื่น บ่าวคนนั้นจะได้ดีหรือจะล่มจมก็สุดแล้วแต่นายของตัว.”—โรม 14:4.
7, 8. ทำไมคริสเตียนต้องคาดหมายว่าจะประสบปัญหา กระนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขายังจะชื่นชมยินดีต่อไป?
7 “อย่ากระวนกระวายด้วยสิ่งใด แต่ในทุกสิ่งจงทูลขอต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐานและการวิงวอนพร้อมด้วยการขอบพระคุณ.” (ฟิลิปปอย 4:6, ล.ม.) ทุกวันนี้ พวกเรากำลังประสบ “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้” ซึ่งเปาโลเขียนไว้. (2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.) ดังนั้น คริสเตียนต้องคาดหมายว่าจะเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ. ถ้อยคำของเปาโลที่ว่า “จงชื่นชมยินดีเสมอ” ก็หาได้หมายความว่า เป็นไปไม่ได้ที่คริสเตียนอาจรู้สึกหดหู่หรือเกิดความท้อแท้บ้างเป็นครั้งคราว. ในกรณีของเปาโล ท่านยอมรับตามสภาพที่เป็นจริงดังนี้: “เราถูกขนาบรอบข้าง, แต่ก็ยังไม่ถึงกะดิกไม่ไหว. เราจนปัญญา, แต่ก็ยังไม่ถึงกับหมดมานะ เราถูกเขารุกไล่, แต่ก็ยังไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือเขา เราถูกตีลงแล้ว, แต่ก็ยังไม่ตาย.” (2 โกรินโธ 4:8, 9) อย่างไรก็ตาม ความชื่นชมยินดีของคริสเตียนจะช่วยบรรเทา และในที่สุดจะลบล้างความวิตกกังวลและความเศร้าโศกชั่วระยะหนึ่งให้หมดไป. ความชื่นชมยินดีย่อมเสริมกำลังตามความจำเป็นเพื่อจะรุดหน้าต่อไป ไม่ลืมเหตุผลหลายประการที่ก่อความชื่นชมยินดี.
8 เมื่อเกิดปัญหา ไม่ว่าเป็นลักษณะใด คริสเตียนที่มีความชื่นชมยินดีจะถ่อมใจอธิษฐานขอการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา. เขาจะไม่ปล่อยตัวคิดวิตกกังวลมากเกินไป. หลังจากกระทำสิ่งที่เขาเองทำได้อย่างมีเหตุผลเพื่อแก้ปัญหา เขาจะฝากผลที่จะตามมานั้นไว้ในพระหัตถ์พระยะโฮวาซึ่งประสานกับคำเชิญที่ว่า “จงมอบภาระของท่านไว้กับพระยะโฮวา และพระองค์เองจะทรงค้ำจุนท่าน.” ในระหว่างนั้น คริสเตียนก็ยังคงขอบพระคุณพระยะโฮวาไม่ได้ขาด เพราะคุณความดีทุกอย่างของพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 55:22, ล.ม.; ดูมัดธาย 6:25-34 ด้วย.
9. ความรู้เกี่ยวด้วยความจริงเสริมความสงบสุขภายในจิตใจอย่างไร และนั่นมีผลกระทบอันดีอะไรต่อคริสเตียน?
9 “สันติสุขแห่งพระเจ้าที่เหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะป้องกันรักษาหัวใจและความสามารถในการคิดของท่านไว้โดยพระเยซูคริสต์.” (ฟิลิปปอย 4:7, ล.ม.) ความรู้เกี่ยวกับความจริงในคัมภีร์ไบเบิลปลดเปลื้องความคิดของคริสเตียนให้พ้นจากความเท็จ และช่วยเขาพัฒนาแบบแผนการคิดอันเป็นประโยชน์. (2 ติโมเธียว 1:13) ด้วยเหตุนั้น เขาจึงได้รับการช่วยให้หลีกเลี่ยงการประพฤติผิดหรือการประพฤติอย่างไม่สุขุมอันอาจเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์อันสงบสุขกับคนอื่นต้องตกอยู่ในอันตราย. แทนที่จะรู้สึกคับข้องใจเนื่องจากความไม่เป็นธรรมและความชั่วร้าย เขาจะมอบความวางใจไว้กับพระยะโฮวาที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของมนุษยชาติโดยทางราชอาณาจักร. ใจสงบดังกล่าวคุ้มครองหัวใจของเขา, รักษาเจตนารมณ์ของเขาให้ผ่องแผ้วอยู่เสมอ, และชักนำความคิดของเขาไปในทางชอบธรรม. เจตนารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขา และการคิดอย่างถูกต้องย่อมทำให้เขามีเหตุผลมากมายสุดคณนาที่จะชื่นชมยินดี แม้ปัญหาและความกดดันซึ่งมาจากโลกที่สับสนวุ่นวายนี้.
10. อาจจะได้รับความชื่นชมยินดีแท้ได้เฉพาะโดยการพูดหรือคิดเกี่ยวกับสิ่งใดเท่านั้น?
10 “ที่สุดนี้ พี่น้องทั้งหลาย สิ่งใดที่จริง, สิ่งใดที่น่าเอาใจใส่อย่างจริงจัง, สิ่งใดที่ชอบธรรม, สิ่งใดที่บริสุทธิ์, สิ่งใดที่น่ารัก, สิ่งใดที่กล่าวถึงในทางดี, สิ่งใดที่มีคุณความดีและสิ่งใดที่น่าสรรเสริญ ก็จงใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้ต่อ ๆ ไป.” (ฟิลิปปอย 4:8, ล.ม.) คริสเตียนไม่รู้สึกเพลิดเพลินด้วยการพูดหรือการคิดเกี่ยวกับสิ่งเลวร้าย. นั่นโดยอัตโนมัติแล้วเป็นการป้องกันตัวไว้จากการบันเทิงหลายอย่างที่โลกนำเสนอ. ไม่มีผู้ใดจะคงความยินดีแบบคริสเตียนไว้ได้ถ้าเขาบรรจุจิตใจและหัวใจของเขาด้วยการมุสา การพูดโลนลามก, และเรื่องที่ไม่มีคุณธรรม, ผิดศีลธรรม, ปราศจากซึ่งคุณความดี, น่าเกลียด, และน่าสะอิดสะเอียน. พูดง่าย ๆ ไม่มีผู้ใดจะประสบความยินดีแท้ด้วยการอัดสิ่งมลทินเข้าไว้ในจิตใจและหัวใจของตน. ในโลกที่เสื่อมทรามของซาตานนี้ ช่างเป็นการเสริมสร้างมากเพียงใดที่รู้ว่า คริสเตียนมีอะไรดี ๆ มากมายที่จะคิดและสนทนา!
มีเหตุผลมากมายสำหรับความชื่นชมยินดี
11. (ก) อะไรที่เราไม่ควรถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเพราะเหตุใด? (ข) การเข้าร่วมการประชุมนานาชาติมีผลกระทบอย่างไรต่อตัวแทนคนหนึ่งและภรรยาของเขา?
11 เมื่อพูดถึงเหตุผลที่จะชื่นชมยินดี อย่าให้พวกเราลืมภราดรภาพของเราระดับนานาชาติ. (1 เปโตร 2:17) ในขณะที่ชนชาติต่าง ๆ และชนกลุ่มน้อยในโลกแสดงความเกลียดชังกันอย่างรุนแรง ส่วนไพร่พลของพระเจ้าสมัครสมานกันด้วยความรัก. เอกภาพของพวกเขาประจักษ์ชัดเป็นพิเศษ ณ การประชุมนานาชาติ. การประชุมคราวหนึ่งซึ่งจัดขึ้นในปี 1993 ที่เมืองเคียฟ สาธารณรัฐยูเครน ผู้เข้าร่วมคนหนึ่งจากสหรัฐเขียนว่า “ความดีใจจนน้ำตาไหล, ดวงตาส่อประกายความยินดี, การสวมกอดอย่างไม่ขาดสายเสมือนคนในครอบครัวกระทำต่อกัน, และการทักทายข้ามสนามกีฬาโดยการกวัดแกว่งร่มและผ้าเช็ดหน้าหลากสีล้วนเป็นหลักฐานแสดงถึงเอกภาพแห่งระบอบของพระเจ้าอย่างชัดแจ้ง. หัวใจของเราพองโตด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่พระยะโฮวาทรงกระทำภายในภราดรภาพทั่วโลกได้สำเร็จอย่างน่ามหัศจรรย์. ทั้งหมดนี้ประทับใจผมกับภรรยาอย่างล้ำลึก และเพิ่มมิติใหม่ให้กับความเชื่อของเรา.”
12. ยะซายา 60:22 ได้สำเร็จเป็นจริงอย่างไรต่อหน้าต่อตาของเรา?
12 ช่างเป็นการเสริมความเชื่อให้เข้มแข็งจริง ๆ สำหรับคริสเตียนสมัยนี้ที่ได้เห็นคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลสำเร็จสมจริงต่อหน้าต่อตาของเขาทีเดียว! ยกตัวอย่าง จงพิจารณาคำพูดในยะซายา 60:22 (ล.ม.) ที่ว่า “คนจิ๋วจะเพิ่มเป็นจำนวนพัน และคนตัวเล็กจะเพิ่มเป็นชนชาติใหญ่. เราเอง ยะโฮวา จะเร่งกระทำการนี้ในเวลาอันควร.” คราวการกำเนิดราชอาณาจักรในปี 1914 มีแค่ 5,100 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นเหมือนคนจิ๋ว, ที่ขันแข็งทำการประกาศ. แต่ช่วงห้าปีที่ผ่านมา ภราดรภาพทั่วโลกได้ขยายตัวเพิ่มทวีขึ้น เฉลี่ยแล้วมีจำนวนพยานฯใหม่ที่รับบัพติสมา 5,628 คนทุกสัปดาห์! ปี 1993 ยอดจำนวนผู้ประกาศซึ่งทำงานอย่างจริงจังมีถึง 4,709,889 คน. นึกภาพดูก็แล้วกัน! ทั้งนี้หมายความว่า “คนจิ๋ว” แห่งปี 1914 ตามตัวอักษรแล้วเกือบจะเพิ่มเป็นจำนวน “พัน”!
13. (ก) เกิดอะไรขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1914? (ข) พยานพระยะโฮวาปฏิบัติตามหลักการซึ่งเปาโลกล่าวไว้ที่ 2 โกรินโธ 9:7 โดยวิธีใด?
13 ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา กษัตริย์มาซีฮาทรงปกครองท่ามกลางศัตรูของพระองค์. การปกครองของพระองค์ได้รับการสนับสนุนจากมนุษย์ที่เต็มใจติดตาม ซึ่งเสียสละเวลา, กำลังวังชา, และเงินทองเพื่อดำเนินงานประกาศทั่วโลกรวมทั้งโครงการก่อสร้างนานาชาติด้วย. (บทเพลงสรรเสริญ 110:2, 3) พยานพระยะโฮวาชื่นชมเมื่อเห็นว่า มีการบริจาคเงินทองเพื่อทำให้กิจกรรมเหล่านี้สำเร็จลุล่วง แม้ว่าแทบจะไม่ได้พูดเรื่องเงิน ณ การประชุมต่าง ๆ ของพวกเขา.a (เทียบกับ 1 โครนิกา 29:9.) คริสเตียนแท้ไม่จำเป็นต้องมีคนกระตุ้นเตือนให้เขาบริจาค เขาถือว่าเป็นสิทธิพิเศษที่จะสนับสนุนพระมหากษัตริย์ของตนเท่าที่สภาพการณ์ของเขาอำนวยให้ ตามซึ่งแต่ละคน “ได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ด้วยนึกเสียดาย, มิใช่ด้วยขืนใจให้.”—2 โกรินโธ 9:7.
14. สภาพการณ์เช่นไรปรากฏเด่นชัดท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้าตั้งแต่ปี 1919 ซึ่งทำให้เขามีเหตุผลอะไรที่จะชื่นชมยินดี?
14 การฟื้นฟูการนมัสการแท้ท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้าตามที่บอกไว้ล่วงหน้ายังผลให้มีการสร้างอุทยานฝ่ายวิญญาณ. ตั้งแต่ปี 1919 อุทยานฝ่ายวิญญาณนั้นได้ขยายขอบเขตกว้างออกไปเรื่อย ๆ. (บทเพลงสรรเสริญ 14:7; ยะซายา 52:9, 10) ผลเป็นอย่างไร? คริสเตียนแท้ “มีความชื่นบานสำราญใจ.” (ยะซายา 51:11) ผลดีที่เกิดขึ้นเป็นพยานหลักฐานแสดงถึงสิ่งซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าสามารถดำเนินงานได้ผ่านมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์. พระยะโฮวาสมควรได้รับเกียรติยศทุกประการ กระนั้น จะมีสิทธิพิเศษอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการมาเป็นเพื่อนร่วมทำงานของพระเจ้า? (1 โกรินโธ 3:9) ถ้าจำเป็น พระยะโฮวาทรงมีฤทธิ์เดชมากพอจะบันดาลให้ก้อนหินส่งเสียงประกาศข่าวความจริงก็ได้. กระนั้น พระองค์ทรงเห็นสมควรไม่ใช้วิธีดังกล่าว แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงกระตุ้นมนุษย์ที่ถูกสร้างด้วยผงธุลีซึ่งมีความเต็มใจให้ทำงานตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.—ลูกา 19:40.
15. (ก) เราสนใจติดตามเหตุการณ์อะไรในปัจจุบัน? (ข) พวกเราตั้งตาคอยดูเหตุการณ์อะไรด้วยความชื่นชมยินดี?
15 ด้วยความรู้สึกครั่นคร้าม ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาทุกวันนี้จับตาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ขณะที่เหตุการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์ที่โดดเด่นแห่งคัมภีร์ไบเบิล. นานาชาติพยายามมากเพื่อจะบรรลุสันติภาพที่มั่นคง แต่ก็ไร้ประโยชน์. เหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้พวกเขาต้องร้องขอองค์การสหประชาชาติให้ลงมือปฏิบัติในที่ต่าง ๆ ในโลกที่มีความยุ่งยาก. (วิวรณ์ 13:15-17) ในเวลาเดียวกัน ไพร่พลของพระเจ้ามองไกลล่วงหน้าด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับเหตุการณ์อย่างหนึ่งที่ยังความชื่นชมยินดีมากที่สุดเท่าที่เคยมี ซึ่งเหตุการณ์นั้นคืบใกล้เข้ามาทุกที. “ขอให้เราทั้งหลายชื่นชมยินดีและปลื้มปีติ และให้เราถวายสง่าราศีแด่พระองค์ เพราะการอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้วและมเหสีของพระองค์เตรียมตัวแล้ว.”—วิวรณ์ 19:7, ล.ม.
งานประกาศ—เป็นภาระหนัก หรือเป็นความยินดี?
16. จงให้ตัวอย่างประกอบว่า การไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ตนได้เรียนรู้มานั้นอาจทำให้ความชื่นชมยินดีของคริสเตียนหมดไปอย่างไร?
16 “สิ่งสารพัดที่ท่านได้เรียนและได้รับไว้และได้ยินและได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว, จงกระทำสิ่งเหล่านั้น และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะสถิตอยู่กับท่านทั้งหลาย.” (ฟิลิปปอย 4:9) โดยปฏิบัติสิ่งที่ตนได้เรียนรู้ คริสเตียนย่อมคาดหมายได้ว่าจะรับพระพรจากพระเจ้า. สิ่งสำคัญยิ่งประการหนึ่งซึ่งพวกเขาได้เรียนรู้คือความจำเป็นที่ต้องประกาศข่าวดีแก่คนอื่น. ตามความเป็นจริงแล้ว ใครหรือจะทำใจให้สงบสุขหรือรู้สึกชื่นชมอยู่ได้หากไม่ให้ความรู้แก่สุจริตชนซึ่งชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับการได้ยินได้ฟังข่าวสารนี้?—ยะเอศเคล 3:17-21; 1 โกรินโธ 9:16; 1 ติโมเธียว 4:16.
17. เหตุใดกิจกรรมของเราเกี่ยวกับงานประกาศจึงน่าจะเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดีเสมอ?
17 ช่างเป็นความชื่นชมยินดีเสียจริง ๆ เมื่อพบบุคคลนิสัยเยี่ยงแกะที่เต็มใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา! ที่จริง คนเหล่านั้นที่ทำงานด้วยเจตนารมณ์อันถูกต้องย่อมประสบเสมอว่า งานรับใช้ราชอาณาจักรเป็นที่มาแห่งความยินดี. ทั้งนี้เพราะเหตุผลสำคัญสำหรับการเป็นพยานของพระยะโฮวาก็เพื่อสรรเสริญพระนามของพระองค์ และเทิดทูนพระองค์ในฐานะเป็นองค์บรมมหิศร. (1 โครนิกา 16:31) คนที่ตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้จะชื่นชมยินดี แม้ผู้คนปฏิเสธอย่างโง่เขลาไม่รับฟังข่าวดีที่เขานำไปบอกก็ตาม. เขารู้ว่า การประกาศข่าวดีแก่คนไม่เชื่อพระเจ้าจะต้องยุติลงสักวันหนึ่ง แต่การสรรเสริญพระนามของพระยะโฮวาจะมีต่อไปชั่วกาลนาน.
18. อะไรกระตุ้นคริสเตียนให้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า?
18 ศาสนาแท้กระตุ้นคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติศาสนานั้นให้ทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้อง ไม่ใช่เพราะเขาจำต้องทำ แต่เพราะเขาต้องการจะทำต่างหาก. (บทเพลงสรรเสริญ 40:8; โยฮัน 4:34) ผู้คนไม่น้อยคิดว่าเรื่องนี้เข้าใจยาก. สตรีคนหนึ่งเคยพูดกับพยานฯที่ไปเยี่ยมว่า “ดิฉันขอชมเชยคุณ. ดิฉันคงจะไม่ไปตามบ้านประกาศศาสนาของดิฉันอย่างที่คุณทำอยู่ขณะนี้แน่ ๆ.” พยานฯตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ. ก่อนดิฉันเข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา คุณก็ไม่สามารถทำให้ดิฉันออกไปพูดคุยเรื่องศาสนากับคนอื่นได้. แต่ตอนนี้ดิฉันต้องการจะทำ.” สตรีผู้นั้นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วสรุปว่า “เห็นได้ชัดว่าศาสนาของคุณมีสิ่งเสนอ ซึ่งศาสนาของดิฉันไม่มี. บางทีดิฉันควรตรวจสอบดูบ้าง.”
19. ทำไมขณะนี้จึงเป็นเวลาที่จะชื่นชมยินดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน?
19 ข้อคัมภีร์ประจำปี 1994 ซึ่งจัดไว้ตรงที่มองเห็นได้ชัดภายในหอประชุมราชอาณาจักรของเรา เตือนใจพวกเราเป็นประจำว่า “จงวางใจในพระยะโฮวาด้วยสุดหัวใจของเจ้า.” (สุภาษิต 3:5, ล.ม.) จะมีเหตุผลซึ่งก่อความชื่นชมยินดีไหมที่ดีกว่าการที่เราสามารถวางใจในพระยะโฮวา ป้อมของเราซึ่งเราถือเป็นที่คุ้มภัย? บทเพลงสรรเสริญ 64:10 ชี้แจงดังนี้: “คนสัตย์ธรรมจะชื่นชมในพระยะโฮวา, และพึ่งพำนักในพระองค์.” บัดนี้ไม่ใช่สมัยที่จะลังเลหรือยอมจำนน. แต่ละเดือนที่ผ่านไป เรายิ่งเข้าไปใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวานับตั้งแต่เฮเบลเรื่อยมาได้ตั้งตาคอย. เวลานี้แหละที่เราพึงวางใจในพระยะโฮวาด้วยสุดหัวใจทีเดียว โดยรู้ว่า เรามีเหตุผลหลายประการซึ่งจะยังความชื่นชมยินดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
[เชิงอรรถ]
a ณ การประชุมใหญ่และเดือนละครั้งที่ประชาคมทุกแห่ง มีการอ่านคำแถลงสั้น ๆ ระบุจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคด้วยความสมัครใจ และแจ้งบัญชีรายจ่าย. บางครั้งมีจดหมายส่งออกซึ่งชี้แจงวิธีที่เงินบริจาคนั้นถูกใช้ไป. ฉะนั้น ทุกคนได้รับทราบสภาพการเงินของกิจการทั่วโลกของพยานพระยะโฮวา.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ตามที่กล่าวในนะเฮมยา 8:10 ทำไมเราควรชื่นชมยินดี?
▫ พระบัญญัติ 26:11 และ 28:45-47 ชี้ให้เห็นความสำคัญของความชื่นชมยินดีอย่างไร?
▫ ฟิลิปปอย 4:4-9 สามารถช่วยเราให้ชื่นชมยินดีเสมอได้อย่างไร?
▫ ข้อคัมภีร์ประจำปี 1994 ให้เหตุผลอะไรเพื่อเราจะชื่นชมยินดี?
[รูปภาพหน้า 16]
พยานฯชาวรัสเซียและชาวเยอรมันชื่นชมยินดีที่ได้เป็นส่วนแห่งภราดรภาพนานาชาติ
[รูปภาพหน้า 17]
การบอกความจริงแก่คนอื่นเป็นเหตุให้มีความชื่นชมยินดี