จงประกาศพระนามของพระยะโฮวาอย่างเปิดเผย
“จงให้เราถวายคำสรรเสริญแด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาเสมอ กล่าวคือผลแห่งริมฝีปากที่ประกาศพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผย.”—เฮ็บราย 13:15, ล.ม.
1. ผู้พยากรณ์โฮเซอาได้เตือนชาวยิศราเอลเพื่อนร่วมชาติให้ทำอะไร?
โฮเซอาผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวามีข่าวสารสำคัญสำหรับชาวยิศราเอลเพื่อนร่วมชาติของท่าน. ในศตวรรษที่แปดก่อนสากลศักราช ท่านได้ตักเตือนคนร่วมยุคซึ่งดื้อรั้นให้กลับใจ. ท่านพูดเร้าใจดังนี้: “เมื่อท่านหันกลับมาหาพระยะโฮวาจงนำคำวิงวอนมาด้วย: คือจงทูลพระองค์ว่า, ‘ขอโปรดทรงยกความผิดของข้าพเจ้าทั้งหมด, และโปรดทรงรับพวกข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยพระกรุณา; ข้าพเจ้าทั้งหลายจะนำผลแห่งริมฝีปากของข้าพเจ้ามาเป็นสักการบูชาต่างโค.’” (โฮเซอา 14:2) ด้วยการปลุกเร้าประชาชนให้ถวาย ‘ผลแห่งริมฝีปากเป็นเครื่องบูชาต่างโค’ แด่พระยะโฮวา คำพยากรณ์ของโฮเซอาจึงเร้าใจพวกยิศราเอลให้กลับใจและถวายเครื่องบูชาอันประกอบด้วยการสรรเสริญอย่างจริงใจแด่พระเจ้า.
2. อัครสาวกเปาโลได้สนับสนุนคริสเตียนให้ถวายเครื่องบูชาชนิดใด?
2 ทุกวันนี้ เหล่าพยานของพระยะโฮวาถวาย ‘ผลแห่งริมฝีปากเป็นเครื่องบูชาต่างโค.’ นอกจากนั้น พวกเขาเชื่อฟังคำกระตุ้นเตือนของอัครสาวกเปาโลที่พาดพิงถึงถ้อยคำเหล่านั้นในคำพยากรณ์ของโฮเซอาเมื่อท่านเขียนว่า “โดยพระองค์นั้น [พระเยซูคริสต์] จงให้เราถวายคำสรรเสริญแด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาเสมอ กล่าวคือผลแห่งริมฝีปากที่ประกาศพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผย.” (เฮ็บราย 13:15, ล.ม.) ฉะนั้น ผู้รับใช้ของพระเจ้าจึงสรรเสริญพระยะโฮวาด้วยความเบิกบานยินดี เช่นในกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับงานประกาศราชอาณาจักรของเขานั้นเอง.—มัดธาย 24:14.
3. พวกเราจะถวาย “คำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชา” โดยวิธีใด และตอนนี้เราจะตรวจสอบการงานของผู้ใด?
3 การประกาศพระนามของพระยะโฮวาอย่างเปิดเผยนั้นถือว่าเป็นสิทธิพิเศษซึ่งมนุษย์ที่ผิดบาปไม่พึงได้รับ. เราสุขใจเพียงไรที่เราจะบอกผู้คนเกี่ยวกับพระเจ้าของเรา โดยวิธีนี้ เราถวาย “คำสรรเสริญ . . . เป็นเครื่องบูชา” แด่พระยะโฮวา คือ “ผลแห่งริมฝีปากเป็นสักการบูชาต่างโค”! เพื่อเป็นการหนุนใจพวกเราสมัยปัจจุบันให้ประกาศข่าวดีอย่างเปิดเผยเรื่องราชอาณาจักร ขอให้เราตรวจสอบสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลแจ้งแก่เราเกี่ยวกับผู้พยากรณ์ของพระเจ้าและผู้รับใช้อื่น ๆ ของพระยะโฮวา. จากการดำเนินชีวิตของคนเหล่านั้น เราสามารถเรียนรู้ได้มากซึ่งจะช่วยให้เราชื่นชมกับกิจกรรมการประกาศของเรา.—โรม 15:4.
ภารกิจของพวกผู้พยากรณ์
4, 5. (ก) ในภาษาเดิมของคัมภีร์ไบเบิล อะไรคือความหมายพื้นฐานของคำที่ได้รับการแปลว่า “ผู้พยากรณ์”? (ข) อะไรบ่งชี้ว่า ผู้พยากรณ์มีภารกิจโดดเด่นในการจัดเตรียมของพระเจ้า?
4 ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวามีสิทธิพิเศษจะประกาศข่าวสารของพระองค์อย่างเปิดเผย. คำภาษาฮีบรูสำหรับ “ผู้พยากรณ์” (นาวิʹ) มีรากศัพท์ไม่แน่นอน แต่การใช้คำนี้ในคัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่า ผู้พยากรณ์แท้เป็นโฆษกของพระยะโฮวา เป็นคนของพระเจ้าที่มีข่าวสารซึ่งได้รับโดยการดลใจ. คำภาษากรีก (โพรเฟตʹเทส) ที่ได้รับการแปลเป็น “ผู้พยากรณ์” มีความหมายตามตัวอักษรคือ “ผู้พูดออกไป” พูดบางสิ่ง “ต่อหน้า” หรือ “อยู่ต่อหน้า” บางคน. ผู้พยากรณ์คือคนป่าวประกาศข่าวที่เชื่อว่ามาจากพระเจ้า. บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เสมอไป ผู้พยากรณ์แท้ของพระเจ้าได้ทำนายเหตุการณ์อันจะเกิดขึ้นในอนาคต.
5 เกี่ยวกับภารกิจที่น่าตื่นเต้นของพวกผู้พยากรณ์ภายใต้การจัดเตรียมของพระเจ้า สารานุกรม (ภาษาอังกฤษ) ของแมคลินทอกและสตรองก์ชี้แจงดังนี้: “บางครั้งได้มีการขอคำแนะนำจากพวกเขา . . . แต่มีบ่อยครั้งที่เขาเกิดแรงกระตุ้นจากภายในที่จะแถลงต่อประชาชนโดยไม่มีการร้องขอ และพวกเขาไม่ครั่นคร้ามที่จะป่าวประกาศ ณ ที่ต่าง ๆ ซึ่งบางทีการปรากฏตัวของเขาอาจก่อความโกรธแค้นและความสยดสยอง.” (เล่มที่แปด หน้า 640) จงพิจารณาบางตัวอย่างเกี่ยวด้วยสิ่งซึ่งได้กระตุ้นผู้พยากรณ์ให้ยืนหยัดอย่างกล้าหาญ.
ความรู้สึกและพลังกระตุ้น
6, 7. พระยะโฮวาทรงบัญชาผู้พยากรณ์ยะเอศเคลให้กินอะไร และการทำเช่นนั้นมีผลประการใด?
6 ก่อนการกวาดล้างทำลายกรุงยะรูซาเลมในปี 607 ก่อนสากลศักราช พระยะโฮวาได้ตรัสผ่านยะเอศเคลผู้พยากรณ์ของพระองค์ถึงชาวยิวพลัดถิ่นในบาบูโลน. พระยะโฮวารับสั่งแก่ท่านว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย, ที่ท่านพบนั้น, ท่านจงกินเสีย, จงกินหนังสือม้วนนี้, แล้วจงไปว่ากล่าวแก่เรือนยิศราเอลเถิด.” ยะเอศเคลก็กระทำตามคำสั่ง. ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าอ้าปาก, และพระองค์ให้ข้าพเจ้ากินหนังสือม้วนนั้น. พระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า, ‘บุตรมนุษย์เอ๋ย, จงให้ท้องของท่านกิน, และให้ท้องของท่านเต็มด้วยหนังสือม้วนนี้ที่เราให้แก่ท่าน’, ข้าพเจ้าจึงได้กิน, และหนังสือนั้นหวานดังน้ำผึ้งอยู่ในปากข้าพเจ้า.”—ยะเอศเคล 3:1-3.
7 อาหารที่เรากินเข้าไปย่อมบำรุงร่างกายของเรา, และในแง่หนึ่งแล้ว อาหารนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา. คล้ายคลึงกัน “ม้วนหนังสือ” ที่ยะเอศเคลกินเข้าไป—ข่าวสารของพระยะโฮวาซึ่งผู้พยากรณ์ต้องแถลง—จึงต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของท่าน มีผลกระทบอารมณ์ความรู้สึกของท่าน. พระคำของพระเจ้าปลุกเร้าความรู้สึกของยะเอศเคลที่เร้นลึกอยู่ภายในถึงขนาดที่การประกาศถ้อยคำเหล่านั้นอย่างเปิดเผยทำให้ท่านมีความสุข. หากคุณเป็นพยานของพระยะโฮวา คุณถือเอาการประกาศข่าวสารของพระเจ้าอย่างเปิดเผยเป็นความสุขไหม?
8, 9. อะไรกระตุ้นให้อาโมศกล่าวพยากรณ์?
8 ให้เราพิจารณาผู้พยากรณ์อาโมศด้วย. ท่านอยู่ในช่วงศตวรรษที่เก้าก่อนสากลศักราช ท่านเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้พยากรณ์ชาวฮีบรูรุ่นแรกที่เขียนคัมภีร์ตามชื่อตัวเอง. เช่นเดียวกับยะเอศเคล อาโมศเป็นผู้ประกาศพระคำของพระยะโฮวาอย่างตรงไปตรงมา. วลี “พระยะโฮวาตรัสว่า” ปรากฏถึง 11 ครั้งตลอดพระธรรมที่เป็นชื่อของท่าน! (อาโมศ 1:3, 6, 9, 11, 13; 2:1, 4, 6; 3:12; 5:4; 7:17) อาโมศสำนึกถึงความจำเป็นที่จะประกาศพระคำของพระเจ้าอย่างเปิดเผย.
9 ในฐานะที่เป็นผู้พยากรณ์ของพระเจ้า อาโมศตอบสนองการประกาศเรื่องราวที่มาจากพระเจ้าด้วยการลงมือปฏิบัติทันที. พระเจ้าตรัสผ่านอาโมศดังนี้: “สิงโตแผดเสียงแล้ว จะมีผู้ใดไม่กลัวหรือ? พระยะโฮวาเจ้าได้ตรัส จะมีผู้ใดที่จะไม่พยากรณ์หรือ?” (อาโมศ 3:8) ผู้พยากรณ์คนนี้เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่อาจทัดทานได้ให้ประกาศข่าวสารของพระยะโฮวา.
10. ผู้รับใช้สมัยนี้ของพระยะโฮวามีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อมีการต่อต้านขัดขวางงานประกาศของเขา?
10 เหมือนกับเสียงคำรนของสิงโต พระยะโฮวาทรงทำให้ข่าวการพิพากษาระบบโลกชั่วสมัยปัจจุบันบันลือไปไกล. เช่นเดียวกับอาโมศ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสมัยปัจจุบันเกิดแรงกระตุ้นให้ประกาศพระคำของพระเจ้าอย่างเปิดเผย. แม้ในยามที่ถูกข่มขู่จากศัตรู พวกเขายังคงปฏิบัติตามตัวอย่างอัครสาวกเปโตรและโยฮัน ซึ่งได้แถลงอย่างหนักแน่นว่า “แต่ฝ่ายพวกเรา เราจะหยุดพูดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ได้เห็น และได้ยินนั้นไม่ได้.” พวกอัครสาวกอื่น ๆ ต่างยืนยันอีกด้วยว่า “พวกข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้าในฐานะเป็นผู้ครอบครองยิ่งกว่ามนุษย์.” (กิจการ 4:20; 5:29, ล.ม.) แล้วพวกเราล่ะ? นับว่าดีที่เราพึงตรวจสอบความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อการประกาศพระนามของพระยะโฮวาอย่างเปิดเผย.
“ใจเต็มบริบูรณ์อย่างไร ปากก็พูดอย่างนั้น”
11. อะไรน่าจะกระตุ้นพวกเราให้ยืนหยัดประกาศพระนามของพระยะโฮวาอย่างเปิดเผย?
11 ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาย่อมขอบพระคุณที่เขาได้รับสิทธิพิเศษ. ความสำนึกบุญคุณของพระยะโฮวาในทำนองเดียวกัน น่าจะกระตุ้นเราให้ประกาศพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผย. บทเพลงสรรเสริญ 145:1, 2 (ล.ม.) แถลงดังนี้: “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ และข้าพเจ้าจะถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์ไม่มีเวลากำหนด แม้กระทั่งตลอดกาล. ข้าพเจ้าจะถวายพระเกียรติพระองค์ตลอดวัน และข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามของพระองค์ไม่มีเวลากำหนด แม้กระทั่งตลอดกาล.” ถ้อยคำเหล่านี้สะท้อนทัศนะของคุณไหม? การศึกษาพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอทำให้เราเกิดความหยั่งรู้ค่าลึกซึ้งมากขึ้นต่อสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำไปแล้ว ที่ทรงกระทำอยู่ และที่ยังจะทรงกระทำต่อไปเพื่อเรา. และเมื่อเราร่วมศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกันเป็นครอบครัว เราได้ประสบมิใช่หรือว่า พระวจนะของพระเจ้าทรงพลัง กระตุ้นเราให้อยากพูดถึงพระองค์และพระประสงค์ต่าง ๆ ของพระองค์? (เฮ็บราย 4:12) ที่จะมีประสิทธิภาพในการประกาศพระนามของพระยะโฮวาอย่างเปิดเผยนั้น เราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์เต็มที่จากสรรพหนังสือฝ่ายคริสเตียน ซึ่งพระเจ้ายะโฮวาได้จัดเตรียมให้โดยทาง “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ผู้ถูกเจิม.—มัดธาย 24:45-47, ล.ม.
12. การประชุมของคริสเตียนและการคิดรำพึงทั้งสองอย่างนี้ช่วยเราประกาศอย่างเปิดเผยได้อย่างไร?
12 ถ้าเราจะสรรเสริญพระยะโฮวาด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยการขอบคุณ เราจำต้องร่วมการประชุมคริสเตียนเป็นประจำ. ไพร่พลทุกคนของพระยะโฮวาควรใส่ใจคำเตือนสติของอัครสาวกเปาโลที่ว่า “ให้เราพิจารณาดูกันและกัน เพื่อเร้าใจให้เกิดความรักและการงานที่ดี ไม่ละการประชุมร่วมกันเหมือนบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงชูใจซึ่งกันและกัน และให้มากขึ้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันนั้นใกล้เข้ามา.” (เฮ็บราย 10:24, 25, ล.ม.) คุณเข้าร่วมการประชุมคริสเตียนเป็นประจำไหม? คุณพูดคุยบ่อย ๆ เรื่องความจริงต่าง ๆ จากคัมภีร์ไบเบิล, ประสบการณ์ดี ๆ, และข่าวอันน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับการขยายตัวแห่งระบอบของพระเจ้าที่ได้ยิน ณ การประชุมของเหล่าไพร่พลพระเจ้าไหม? ถ้าคุณยังอิดเอื้อนที่จะพูดเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระประสงค์ของพระองค์ ขอคุณจัดเวลาคิดรำพึงถึงพระวจนะของพระองค์ เพื่อว่าพระดำริของพระองค์จะซึมซาบลึกลงไปในหัวใจของคุณ. (บทเพลงสรรเสริญ 77:12; 143:5) ใช่แล้ว ทั้งการประชุมฝ่ายคริสเตียนและการตริตรองพระคำของพระเจ้าเป็นประจำน่าจะช่วยคุณหยั่งรู้ค่าสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยมเกี่ยวด้วยการประกาศพระนามของพระยะโฮวาอย่างเปิดเผย.
13. พวกเรา ‘เอาของดี’ ออกมาจากหัวใจโดยวิธีใด?
13 ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยความขอบคุณพระยะโฮวา พวกเรานำของดีออกมา. พระเยซูทรงให้เหตุผลดังนี้: “คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน, และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วออกจากคลังชั่วแห่งใจของตน เพราะว่าใจเต็มบริบูรณ์อย่างไรปากก็พูดออกอย่างนั้น.” (ลูกา 6:45) มีแนวทางอะไรที่จะ ‘เอาของดีออกมา’ ซึ่งดีไปกว่าการประกาศพระนามของพระยะโฮวาและบอกเล่าพระประสงค์ของพระองค์แก่เพื่อนบ้าน แก่ญาติมิตร—ตามจริงแล้ว แก่ทุกคนที่เราพบ?
ผลสืบเนื่องจากการประกาศอย่างเปิดเผย
14. (ก) ทั้งผู้ประกาศและผู้ได้ยินข่าวราชอาณาจักรสามารถประสบสิ่งใด? (ข) อะไรกำลังสำเร็จลุล่วงไปโดยงานประกาศราชอาณาจักร?
14 ผู้พยากรณ์ของพระเจ้าประสบความชื่นชมยินดีในงานรับใช้ของเขา และสิ่งที่เขาบอกกล่าวก็เป็นประโยชน์ต่อผู้รับฟัง. เช่นเดียวกัน การประกาศข่าวราชอาณาจักรอย่างเปิดเผยทำให้ผู้ประกาศเองได้รับความชื่นชม. (กิจการ 20:35) และการประกาศข่าวดีก่อประโยชน์เพียงไรแก่ผู้ฟังที่เห็นคุณค่า! การตอบรับข่าวดีช่วยผู้คนให้เอาชนะความรู้สึกท้อแท้หรือรับมือกับเรื่องนี้ได้. คนเศร้าโศกรู้สึกยินดีในความหวังที่จะมีการกลับเป็นขึ้นจากตาย. คนติดสิ่งเสพย์ติดหลุดพ้นการเป็นทาสนิโคติน, เฮโรอีน, และสารเสพย์ติดอื่น ๆ. หลายคนได้รับการยกระดับทางด้านศีลธรรม และบรรดาผู้ที่รับรองความจริงของคัมภีร์ไบเบิลต่างก็ได้รับเสรีภาพฝ่ายวิญญาณ. (โยฮัน 5:28, 29; 8:32) อนึ่ง การประกาศเรื่องราชอาณาจักรฐานะเป็นความหวังอย่างเดียวของมนุษยชาติก็ยังเป็นการเตือนคนชั่วด้วย ในขณะเดียวกันงานนี้ก่อให้มีการตอบรับที่น่ายินดีสำหรับผู้ที่สุจริตใจ. โดยวิธีนี้ ผู้คนจึงถูกแยก ถ้าไม่เป็นฝ่าย “รับโทษเป็นนิตย์” ก็เพื่อจะ “เข้าในชีวิตนิรันดร์” เมื่อพระเจ้าลงโทษโลกชั่วช้านี้ตามการพิพากษาตัดสิน. (มัดธาย 24:14; 25:31-46; ยะเอศเคล 33:1-9; 1 ติโมเธียว 2:3, 4) งานประกาศของเราเป็นปฏิบัติการช่วยชีวิตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นการประกาศโฆษณาที่ขยายออกไปกว้างไกลมากที่สุดเท่าที่ได้ทำกันมาบนแผ่นดินโลก!
15. อาจทำประการใดเพื่อช่วยบุคคลในเขตที่เราให้คำพยานซึ่งดูท่าว่าคู่ควรกับข่าวดี?
15 ฐานะที่เป็นพยานพระยะโฮวาสมัยปัจจุบัน พวกเรายอมตัวเป็นทาสรับใช้พระบิดาของเราทางภาคสวรรค์ ด้วยความยินดีและเชื่อฟัง. (โรม 12:11) ด้วยเหตุนี้ เรามีความยินดีที่จะจัดเวลาไว้ต่างหากเป็นประจำเพื่อร่วมงานประกาศข่าวดีอย่างเปิดเผยและตามบ้านเรือน. (กิจการ 5:42; 20:20) รายงานจากทั่วโลกบ่งชี้ว่ายังมีผู้คนที่คู่ควรกับข่าวดีจำนวนไม่น้อยอยู่ในเขตทำงานของเรา. ขณะที่สภาพการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลง ผู้คนได้รับผลกระทบในหลายทาง. หลายคนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยโดยไม่คาดคิด เป็นคนพลัดถิ่นอยู่ต่างประเทศ. บางทีอาจจะมีคนจำพวกนี้อยู่ในเขตที่เราให้คำพยาน. ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้เราทำเท่าที่สามารถเพื่อช่วยพวกเขาทางด้านวิญญาณขณะที่เราบากบั่นพยายามใน “งานบริสุทธิ์แห่งข่าวดี.” (โรม 15:16, ล.ม.) คริสเตียนบางคนได้เรียนอีกภาษาหนึ่ง เพื่อประกาศข่าวดีเกี่ยวกับราชอาณาจักรแก่ผู้คนดังกล่าว.
16. อะไรจะช่วยเราให้ยืนหยัดอยู่ได้ในงานประกาศพระนามของพระยะโฮวา?
16 ผู้พยากรณ์หลายคนของพระเจ้าได้รับงานมอบหมายที่ยากมาก. ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะประกาศข่าวสารของพระเจ้าแก่ผู้คนซึ่งไม่ต้อนรับ. ในทำนองคล้ายกัน ไม่ใช่ทุกคนที่อุทิศตนแด่พระยะโฮวาแล้วเห็นว่า การประกาศพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผยเป็นงานง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีการตอบรับ. อย่างไรก็ดี โดยมีความมั่นใจว่า ผลสืบเนื่องจากการศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างจริงจัง พร้อมด้วยกำลังที่พระยะโฮวาประทาน เราจะยืนหยัดอยู่ได้ในการประกาศข่าวราชอาณาจักร. (ฟิลิปปอย 4:13; วิวรณ์ 14:6) ในเรื่องนี้ เราจะเรียนรู้อะไรได้อีกจากผู้พยากรณ์และบรรดาผู้รับใช้อื่น ๆ ของพระยะโฮวาในโบราณกาล?
การมีเพื่อนเมื่อปฏิบัติงานในเขตประกาศ
17. มีตัวอย่างอะไรบ้างในพระคัมภีร์ว่าด้วยผลประโยชน์ของการมีเพื่อนไปด้วยกันในงานรับใช้พระเจ้า?
17 ขณะที่ต้องเอาใจใส่งานที่ได้รับมอบหมาย ตอนแรกโมเซผู้พยากรณ์ของพระเจ้าได้อาโรนพี่ชายช่วยงาน. พระยะโฮวาทรงรับสั่งแก่โมเซดังนี้: “[อาโรน] จะเป็นผู้พูดแก่พลไพร่แทนเจ้า: เขาจะเป็นผู้แทนปากเจ้า.” (เอ็กโซโด 4:16) ขอให้พิจารณาสมัยผู้พยากรณ์เอลียาและอะลีซาด้วย เมื่อ “เหล่าศิษย์แห่งผู้พยากรณ์” เฟื่องฟู. คนเหล่านี้ดูเหมือนเป็นกลุ่มผู้รับใช้ของพระเจ้าซึ่งทำงานด้วยกัน โดยไม่สงสัย เขาเป็นเพื่อนร่วมทำงานที่ยังความเพลิดเพลินแก่กันและกัน. (2 กษัตริย์ 2:3-5; 4:38; เทียบกับ 1 ซามูเอล 10:5, 10.) จริงอยู่ โมเซกับอาโรน และ “เหล่าศิษย์แห่งผู้พยากรณ์” ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร. กระนั้นก็ดี การมีส่วนร่วมกันของพวกเขาเป็นประโยชน์แก่พวกเขาทุกคน. หลายร้อยปีต่อมา พระเยซูคริสต์ได้ทรงส่งสาวก 70 คนออกไปเทศนาประกาศ “ทีละสองคน” และไม่มีข้อสงสัย สาวกเหล่านี้ย่อมได้รับประโยชน์จากการมีเพื่อนโดยการจัดเตรียมวิธีนี้.—ลูกา 10:1-16; เทียบกับกิจการ 17:10, 11; 20:20.
18. การมีเพื่อนร่วมทำงานรับใช้มีจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์อย่างไรในปัจจุบัน?
18 ปี 1953 พยานพระยะโฮวาเริ่มโครงการหนึ่งซึ่งทำให้ผู้ประกาศราชอาณาจักรได้ทำงานด้วยกันเมื่อปฏิบัติงานตามบ้าน. จริงอยู่ การทำอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อการเป็นเพื่อนกันแค่นั้น. โครงการฝึกอบรมนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าเป็นผู้สอนและเป็นผู้ประกาศข่าวดีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น. ด้วยการคำนึงถึงเป้าหมายนั้น ผู้ประกาศราชอาณาจักรซึ่งมีประสบการณ์มากกว่ามีส่วนร่วมในงานรับใช้กับผู้ประกาศใหม่. โครงการฝึกอบรมขณะไปตามบ้านนี้เป็นประโยชน์มาก และได้ช่วยไพร่พลของพระยะโฮวาให้ปรับปรุงการประกาศพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผยให้ดีขึ้น. (1 ติโมเธียว 4:16) ทุกวันนี้ ความปลอดภัยเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คริสเตียนพึงออกประกาศด้วยกัน “ทีละสองคน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางท้องที่.
19. ควรจดจำสิ่งใดอยู่เสมอเกี่ยวกับเป้าหมายส่วนตัวในงานรับใช้?
19 ไม่ว่าคุณทำงานรับใช้กับเพื่อนร่วมความเชื่อ หรือคุณประกาศตามบ้านโดยลำพังก็ตาม จงบากบั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่างที่ตั้งไว้เฉพาะ. เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นต้องเป็นชนิดที่บรรลุได้ ไม่ตั้งเป้าสูงเกินไป. คุณต้องการความช่วยเหลือในอันที่จะปรับเปลี่ยนคำนำเพื่อเร้าความสนใจของผู้คนในเขตทำงานของคุณไหม? ถ้าเช่นนั้น คุณก็อาจจะไปกับไพโอเนียร์, ผู้ประกาศราชอาณาจักรประเภทเต็มเวลา หรือกับผู้ประกาศซึ่งอาจมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการใช้คำนำที่ดี. เพื่อนที่ไปด้วยกันอาจจะช่วยคุณเตรียมและใช้คำนำที่วางเค้าโครงไว้ในพระราชกิจของเรา หรือหนังสือเล่มเล็กวิธีเริ่มและสานต่อการสนทนาเรื่องพระคัมภีร์. ขณะที่คุณไปประกาศตามบ้านด้วยกัน คุณควรตั้งใจฟังวิธีการเสนอของเพื่อนให้ดี. แล้วคุณเองก็พยายามเสนอทำนองคล้าย ๆ กัน จนกว่าคุณจะชำนาญด้านนี้ในงานรับใช้.
20, 21. อะไรที่สามารถทำให้การมีเพื่อนขณะที่ออกไปประกาศตามบ้านมีประโยชน์เป็นพิเศษ?
20 หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพื่อการกลับเยี่ยมเยียนอย่างบังเกิดผล พร้อมกับมีเป้าหมายจะเริ่มนำการศึกษาพระคัมภีร์ล่ะจะว่าอย่างไร? บางที ผู้นำกลุ่มการศึกษาพระคัมภีร์อาจจัดเตรียมให้คุณออกประกาศในเขตทำงานร่วมกับผู้ประกาศราชอาณาจักรที่มีประสิทธิภาพด้านการเริ่มนำการศึกษาพระคัมภีร์อย่างได้ผลจริง. อย่าเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ออกเสียงขณะไปเยี่ยมเยียนด้วยกัน. ถ้าจะให้ดี หลังจากคนที่ไปกับคุณแสดงให้เห็นว่าเขาดำเนินเรื่องอย่างไรระหว่างการเยี่ยมรายหนึ่งแล้ว คุณอาจเห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะใช้วิธีการคล้าย ๆ กันเมื่อเยี่ยมรายถัดไป. คนที่ไปกับคุณอยู่ที่นั่นพร้อมจะช่วยและให้คำแนะนำในภายหลัง.—เทียบกับฆะลาเตีย 6:6.
21 การช่วยเหลือด้วยความรักจากเพื่อนที่ไปด้วยกันในงานรับใช้เช่นนั้นสามารถทำให้คุณบรรลุเป้าหมายของการรับใช้ได้. การช่วยเหลือเช่นนี้และการหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งในความกรุณารักใคร่ของพระยะโฮวาที่ทรงอนุญาตให้คุณทำงานอันถือว่าเป็นสิทธิพิเศษเช่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถบังเกิดผลยิ่ง ๆ ขึ้นในงานประกาศราชอาณาจักร. และขอให้คุณถนอมสิทธิพิเศษที่คุณได้ประกาศพระเกียรติพระยะโฮวา โดยการพูดถึงพระองค์ในทางดีเสมอ และโดยการประกาศพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผยและสม่ำเสมอ.—บทเพลงสรรเสริญ 145:1, 2, 9-13.
22. การศึกษาครั้งต่อไปจะช่วยเราตอบคำถามอะไรบ้าง?
22 ในฐานะที่เป็นพยานพระยะโฮวา เราทำการประกาศตามบ้านเรือนซ้ำหลายครั้ง. หลายคนรับฟังข่าวดีด้วยความหยั่งรู้ค่ามาก. แต่บางคนอาจลังเลใจที่จะฟังข่าวราชอาณาจักร. ภายใต้สภาพการณ์เช่นนั้น เราควรทำอย่างไร? เราจะสามารถยืนหยัดอยู่ในงานที่พระยะโฮวาทรงมอบหมายแก่ไพร่พลของพระองค์ได้อย่างไร? ตัวอย่างอะไรในพระคัมภีร์สามารถช่วยหรือชี้นำเราได้? บทความต่อไปจะตอบคำถามเหล่านี้.
คุณได้จับจุดสำคัญเหล่านี้ไหม?
▫ ทั้งโฮเซอาและอัครสาวกเปาโลได้พูดอย่างไรถึงเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้า?
▫ อะไรกระตุ้นยะเอศเคลและอาโมศให้กล่าวพยากรณ์?
▫ เราควรมีทัศนะเช่นไรต่องานประกาศราชอาณาจักร?
▫ อาจได้รับประโยชน์อะไรจากการมีเพื่อนออกไปประกาศตามบ้านด้วยกัน?
[รูปภาพหน้า 13]
การมีเพื่อนอย่างที่มีจุดมุ่งหมายย่อมช่วยเราปรับปรุงการรับใช้ให้ดีขึ้น