โยบได้อดทน—เราก็อดทนได้เหมือนกัน!
“นี่แน่ะ! เราบอกว่า คนเหล่านั้นที่ได้อดทนก็เป็นสุข.”—ยาโกโบ 5:11, ล.ม.
1. คริสเตียนผู้สูงอายุคนหนึ่งพูดอย่างไรเกี่ยวกับการทดลองที่เกิดกับตน?
‘พญามารพยายามจะทำให้ผมแพ้! ผมรู้สึกเหมือนโยบไม่มีผิด!’ เอ. เอช. แมกมิลแลนพูดระบายความรู้สึกส่วนตัวของท่านด้วยถ้อยคำเช่นนั้นกับเพื่อนสนิท ณ สำนักงานกลางของพยานพระยะโฮวา. บราเดอร์แมกมิลแลนได้จบชีวิตทางแผ่นดินโลกนี้เมื่ออายุได้ 89 ปี ณ วันที่ 26 สิงหาคม 1966. ท่านทราบว่า สิ่งที่ตัวเองพึงได้จากการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ของคริสเตียนผู้ถูกเจิมอย่างท่านนั้น จะ “ไปกับเขาทันที.” (วิวรณ์ 14:13, ล.ม.) ที่จริง คริสเตียนผู้ถูกเจิมจะทำงานรับใช้พระยะโฮวาต่อไปอย่างไม่มีการขัดจังหวะ โดยการถูกปลุกขึ้นมาสู่อมตชีพในสวรรค์. เพื่อน ๆ ของท่านต่างก็ปลาบปลื้มดีใจที่บราเดอร์แมกมิลแลนได้รับบำเหน็จเช่นนั้น. อย่างไรก็ดี ในช่วงปีท้าย ๆ บนแผ่นดินโลกนี้ การทดลองหลายอย่างได้รุมเร้าท่าน รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพซึ่งทำให้ท่านสำนึกอย่างจริงจังถึงความพยายามของซาตานที่จะทำลายความจงรักภักดีของท่านต่อพระเจ้า.
2, 3. โยบคือใคร?
2 เมื่อบราเดอร์แมกมิลแลนบอกว่าท่านรู้สึกเหมือนโยบ ท่านพาดพิงถึงชายผู้หนึ่งที่ได้อดทนการทดลองความเชื่ออย่างหนัก. โยบอาศัยอยู่ ณ “ตำบลอูด” คงอยู่แถบคาบสมุทรอาหรับทางตอนเหนือ. ท่านเป็นเชื้อสายของเซม บุตรชายโนฮา เป็นผู้นมัสการพระยะโฮวา. การทดลองที่เกิดแก่โยบนั้นดูเหมือนอยู่ในช่วงระหว่างการสิ้นชีวิตของโยเซฟกับเวลาที่โมเซได้พิสูจน์ตนเป็นคนชอบธรรม. ระหว่างช่วงนั้นไม่มีใครบนแผ่นดินโลกเลื่อมใสพระเจ้าเท่าเทียมโยบ. พระยะโฮวาทรงถือว่าโยบเป็นคนปราศจากด่างพร้อย, ชอบธรรม, และเกรงกลัวพระเจ้า.—โยบ 1:1, 8.
3 ในฐานะเป็น “คนใหญ่คนโตกว่าเพื่อนในฝ่ายทิศตะวันออก” โยบมีบ่าวไพร่มากมาย และมีฝูงสัตว์มากถึง 11,500 ตัว. แต่ความเจริญมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณนั้นสำคัญยิ่งนักสำหรับท่าน. เช่นเดียวกับบรรดาบิดาสมัยปัจจุบันที่เกรงกลัวพระเจ้า จึงเป็นไปได้มากที่สุดที่โยบจะสั่งสอนบุตรชายเจ็ดคนและบุตรสาวสามคนเรื่องพระยะโฮวา. ถึงแม้ภายหลังบุตรเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับท่านที่บ้าน ท่านก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตของครอบครัว โดยการถวายเครื่องบูชาแทนพวกเขา เผื่อว่าเขาได้ทำบาป.—โยบ 1:2-5.
4. (ก) เหตุใดคริสเตียนที่ถูกข่มเหงควรพิจารณาบุรุษชื่อโยบ? (ข) เกี่ยวกับโยบ เราจะพิจารณาคำถามอะไรบ้าง?
4 โยบเป็นบุคคลซึ่งคริสเตียนที่ถูกข่มเหงควรพิจารณา เพื่อตัวเขาเองจะได้กำลังเสริมให้มีความพากเพียรอดทน. สาวกยาโกโบเขียนอย่างนี้: “นี่แน่ะ! เราบอกว่า คนเหล่านั้นที่ได้อดทนก็เป็นสุข. ท่านทั้งหลายเคยได้ยินถึงความอดทนของโยบและได้เห็นผลที่พระยะโฮวาทรงประทานแล้วว่า พระยะโฮวาทรงเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่อันอ่อนละมุนและเมตตา.” (ยาโกโบ 5:11, ล.ม.) เช่นเดียวกับโยบ สาวกผู้ถูกเจิมของพระเยซูและ “ชนฝูงใหญ่” สมัยปัจจุบันจำต้องมีความอดทนเพื่อจะรับมือได้กับการทดลองความเชื่อ. (วิวรณ์ 7:1-9) ฉะนั้น โยบได้ทนการทดลองอะไรบ้าง? เหตุใดจึงเกิดการทดลองเช่นนั้น? และเราจะได้ประโยชน์อย่างไรจากประสบการณ์ของท่าน?
ประเด็นที่สำคัญยิ่ง
5. โดยที่โยบไม่รู้ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในสวรรค์?
5 โยบไม่รู้ว่า กำลังจะมีประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งถูกยกขึ้นมาในสวรรค์. วันหนึ่ง “เหล่าเทพบดีได้มาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวา.” (โยบ 1:6) พระวาทะ พระบุตรที่รับกำเนิดองค์เดียวของพระเจ้าได้อยู่ที่นั่น. (โยฮัน 1:1-3) เหล่าทูตสวรรค์ที่ดีและ ‘บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า’ ซึ่งเป็นทูตสวรรค์ที่ขัดขืนได้อยู่ที่นั่นด้วย. (เยเนซิศ 6:1-3) ซาตานก็อยู่ที่นั่น เพราะยังไม่ถูกขับออกจากสวรรค์กระทั่งภายหลังการสถาปนาราชอาณาจักรในปีสากลศักราช 1914. (วิวรณ์ 12:1-12) ในสมัยโยบนั้นเองที่ซาตานจะยกประเด็นสำคัญขึ้นมา. มันตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิอันชอบธรรมแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาเหนือสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา.
6. ซาตานพยายามทำอะไร และซาตานพูดใส่ร้ายพระยะโฮวาอย่างไร?
6 พระยะโฮวาตรัสถามซาตานว่า “เจ้ามาจากไหน?” ซาตานตอบว่า “จากไป ๆ มา ๆ อยู่บนแผ่นดินโลก และจากเดินขึ้นเดินลงบนนั้น.” (โยบ 1:7, ฉบับแปลใหม่) มันเสาะหาจะขย้ำกลืนบางคน. (1 เปโตร 5:8, 9, ล.ม.) โดยการทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของปัจเจกบุคคลที่รับใช้พระยะโฮวา ซาตานคงจะพยายามพิสูจน์ว่า ไม่มีใครเชื่อฟังพระเจ้าอย่างครบถ้วนจากแรงกระตุ้นของความรัก. พระยะโฮวาทรงรับพิจารณาประเด็นนี้ โดยตรัสถามซาตานดังนี้: “เจ้าได้ไตร่ตรองดูโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่ ว่าในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา เป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย.” (โยบ 1:8, ฉบับแปลใหม่) โยบปฏิบัติตามมาตรฐานของพระเจ้าซึ่งคำนึงถึงความไม่สมบูรณ์ของท่าน. (บทเพลงสรรเสริญ 103:10-14) แต่ซาตานโต้กลับว่า “โยบยำเกรงพระเจ้าเปล่า ๆ หรือ พระองค์มิได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา และครัวเรือนของเขา และทุกสิ่งที่เขามีอยู่เสียทุกด้านหรือ พระองค์ได้ทรงอำนวยพระพรงานน้ำมือของเขา และฝูงสัตว์ของเขาได้ทวีขึ้นในแผ่นดิน.” (โยบ 1:9, 10, ฉบับแปลใหม่) ดังนั้น พญามารได้พูดใส่ร้ายพระยะโฮวาโดยบอกเป็นนัยว่า ไม่มีใครรักและนมัสการพระองค์เพราะหยั่งรู้ค่าฐานะและคุณลักษณะของพระองค์แต่พระองค์ติดสินบนมนุษย์ให้รับใช้พระองค์ต่างหาก. ซาตานได้อ้างว่าโยบปฏิบัติพระเจ้าเพื่อประโยชน์อันเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ด้วยความรัก.
ซาตานโจมตี!
7. พญามารได้ท้าทายพระเจ้าโดยวิธีใด และพระยะโฮวาทรงโต้ตอบอย่างไร?
7 ซาตานพูดว่า “แต่ขอยื่นพระหัตถ์เถิด และแตะต้องสิ่งของทั้งสิ้นที่เขามีอยู่ และเขาจะแช่งพระองค์ต่อพระพักตร์พระองค์.” พระเจ้าจะตอบคำท้าทายที่สบประมาทพระองค์อย่างไร? พระยะโฮวาตรัสดังนี้ “ดูเถิด บรรดาสิ่งที่เขามีอยู่ก็อยู่ในอำนาจของเจ้า เพียงแต่อย่ายื่นมือแตะต้องตัวเขาเท่านั้น!” พญามารได้พูดว่าสิ่งของทั้งสิ้นที่โยบมีนั้นเพราะพระเจ้าได้อวยพร, เพิ่มพูนให้, และปกป้อง. พระเจ้าทรงปล่อยโยบทนทุกข์ แต่ไม่ให้แตะต้องร่างกายของท่าน. ซาตานจึงละจากที่ประชุมไป ด้วยความตั้งใจแน่วแน่จะทำการร้าย.—โยบ 1:11, 12, ฉบับแปลใหม่.
8. (ก) โยบประสบการสูญเสียทรัพย์สินอะไรบ้าง? (ข) ความจริงเกี่ยวกับ “เพลิงของพระเจ้า” คืออย่างไร?
8 หลังจากนั้นไม่นาน การจู่โจมอันร้ายกาจของซาตานก็เริ่มขึ้น. คนใช้คนหนึ่งของโยบได้รายงานข่าวร้ายต่อท่านดังนี้: “วัวกำลังไถนาอยู่ และลากำลังกินหญ้าในที่ข้าง ๆ และคนเสบา [ชาวซะบา] มาโจมตีเอามันไป และฆ่าคนใช้เสียด้วยคมดาบ.” (โยบ 1:13-15, ฉบับแปลใหม่) การปกป้องทรัพย์สินของโยบถูกถอนไปแล้ว. เกือบทันทีทันใด ผีปิศาจก็สำแดงฤทธิ์โดยตรง เพราะคนใช้อีกคนหนึ่งได้แจ้งข่าวดังนี้: “เพลิงของพระเจ้าตกลงมาจากฟ้าสวรรค์ไหม้แกะและคนใช้และเผาผลาญเสียหมด.” (โยบ 1:16, ฉบับแปลใหม่) ช่างชั่วร้ายเพียงไรที่มันทำให้ดูประหนึ่งว่า พระเจ้าเป็นต้นเหตุแห่งภัยพิบัตินั้น ซึ่งถึงกับให้เกิดแก่ผู้รับใช้ของพระองค์เองด้วยซ้ำ! เนื่องจากสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า จึงไม่ยากที่จะโยนความผิดให้พระองค์ แต่ที่แท้ไฟนั้นมาจากผีปิศาจ.
9. ความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินมีผลกระทบอย่างไรต่อสัมพันธภาพของโยบกับพระเจ้า?
9 ขณะที่ซาตานยังโจมตีไม่ลดละ คนใช้อีกคนหนึ่งรายงานว่า ชาวแคลเดียได้ปล้นเอาฝูงอูฐไปและได้ฆ่าคนเลี้ยงสัตว์ตายหมด. (โยบ 1:17) แม้ว่าโยบประสบความหายนะด้านทรัพย์สิน แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตัวท่านกับพระเจ้า. คุณจะอดทนต่อการสูญเสียทรัพย์สินมากมายได้ไหมโดยไม่เสียความจงรักภักดีที่คุณมีต่อพระยะโฮวา?
ถูกกระหน่ำจากภัยพิบัติที่รุนแรงยิ่งขึ้น
10, 11. (ก) เกิดอะไรขึ้นกับบุตรทั้งสิบคนของโยบ? (ข) ภายหลังการตายอย่างน่าเศร้าสลดของบุตรเหล่านั้น โยบมีทัศนะเช่นไรต่อพระยะโฮวา?
10 พญามารหาได้หยุดยั้งการโจมตีโยบไม่. มีคนใช้เข้ามารายงานอีกว่า “บุตรชายหญิงของท่านกำลังรับประทานอาหารและดื่มเหล้าองุ่นอยู่ในเรือนของพี่ชายหัวปีของเขา. และดูเถิด มีพายุใหญ่ข้ามถิ่นทุรกันดารมากระทบเรือนทั้งสี่มุม และเรือนนั้นพังทับคนหนุ่มสาว และเขาก็ตาย. และข้าพเจ้าผู้เดียวได้หนีรอดมาเรียนท่าน.” (โยบ 1:18, 19, ฉบับแปลใหม่) ผู้รับฟังข่าวมาอย่างผิด ๆ อาจบอกว่าความเสียหายจากพายุ ‘เป็นปฏิบัติการของพระเจ้า.’ อย่างไรก็ตาม อิทธิฤทธิ์ของผีปิศาจได้จู่โจมโยบตรงจุดที่เปราะบางเป็นพิเศษ.
11 เนื่องด้วยความเศร้าโศก โยบ ‘ได้ฉีกเสื้อไม่มีแขนจนขาด, โกนศีรษะ, หมอบลงถึงดินและกราบ.’ แต่ขอให้เราฟังคำพูดของท่าน “พระยะโฮวาได้ทรงประทานให้, และพระยะโฮวาได้ทรงเรียกกลับคืนไปอีก. จงสรรเสริญพระนามของพระยะโฮวาเถิด.” เรื่องราวกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ ท่านโยบหาได้กระทำผิดสิ่งใดไม่, และมิได้กล่าวโทษอันใดต่อพระเจ้าเลย.” (โยบ 1:20-22) ซาตานแพ้อีกครั้งหนึ่ง. จะเป็นอย่างไรถ้าเราสูญเสียผู้เป็นที่รักและประสบความโศกเศร้าฐานะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า? ความเลื่อมใสในพระยะโฮวาอย่างไม่เห็นแก่ตัวและการไว้วางใจพระองค์ย่อมช่วยให้เราอดทนได้ ในฐานะผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงเหมือนโยบ. ชนจำพวกผู้ถูกเจิมกับสหายของเขาซึ่งมีความหวังฝ่ายแผ่นดินโลกสามารถหาคำปลอบประโลมและความเข้มแข็งได้แน่นอนจากบันทึกเรื่องความอดทนของโยบ.
ประเด็นนั้นทวีความรุนแรงขึ้น
12, 13. ณ การประชุมอีกคราวหนึ่งในสวรรค์ ซาตานได้เรียกร้องสิ่งใด และพระเจ้าได้โต้ตอบอย่างไร?
12 หลังจากนั้นไม่นาน พระยะโฮวาทรงเรียกเหล่าทูตสวรรค์ประชุมกันที่สวรรค์อีก. โยบกลายเป็นคนไร้บุตรธิดา, เป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว ประหนึ่งถูกพระเจ้าลงโทษ, แต่ท่านยังคงรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงไว้. แน่ละ ซาตานคงไม่ยอมรับว่า ข้อกล่าวหาของตนต่อพระเจ้าและต่อโยบนั้นเป็นความเท็จ. บัดนี้ ‘บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า’ จวนจะได้ฟังการโต้แย้งและการโต้กลับขณะที่พระยะโฮวาจัดการกับพญามาร เพื่อให้ประเด็นนี้กระจ่างชัด.
13 เมื่อได้เรียกซาตานมาให้การ พระยะโฮวาได้ตรัสถามว่า “เจ้ามาจากไหน?” คำตอบเป็นอย่างไร? “จากไป ๆ มา ๆ บนแผ่นดินโลกและจากการเดินขึ้นเดินลงบนนั้น.” อีกครั้งหนึ่ง พระยะโฮวาทรงชี้ไปที่โยบ ผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งปราศจากตำหนิ, เที่ยงธรรม, เกรงกลัวพระเจ้า, ซึ่งยังคงรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงของตน. พญามารตอบว่า “หนังแทนหนัง คนย่อมให้ทุกอย่างที่เขามีอยู่แทนชีวิตของเขา. แต่บัดนี้ขอพระองค์เหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ และแตะต้องกระดูกและเนื้อของเขา และเขาจะแช่งพระองค์ต่อพระพักตร์ของพระองค์.” ดังนั้น พระเจ้าตรัสกับซาตานว่า “ดูเถิด เขาอยู่ในอำนาจของเจ้า จงไว้ชีวิตของเขาเท่านั้น!” (โยบ 2:2-6, ฉบับแปลใหม่) โดยพูดเป็นนัยว่าพระยะโฮวายังไม่ได้ถอนการปกป้องทั้งหมด ซาตานจึงเรียกร้องจะแตะต้องกระดูกและเนื้อของโยบ. พญามารไม่ได้รับอนุญาตให้ทำลายชีวิตโยบ แต่ซาตานรู้ว่า โรคร้ายที่เกิดแก่ร่างกายของท่านจะทำให้ท่านเจ็บปวดและทำให้เห็นประหนึ่งว่าท่านถูกพระเจ้าลงโทษเพราะลักลอบกระทำบาป.
14. ซาตานใช้วิธีการอะไรโจมตีโยบ และทำไมจึงไม่มีมนุษย์คนใดสามารถให้การบรรเทาแก่โยบ?
14 เมื่อออกไปจากที่ประชุมแล้ว ซาตานก็ดำเนินการต่อไปด้วยความกระหยิ่มใจ. มันทำให้โยบ “เกิดเป็นฝีร้ายลามทั่วไปทั้งตัว, ตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อมศีรษะ.” โยบทนทุกขเวทนาสักแค่ไหนขณะที่ท่านนั่งจมกองขี้เถ้าและใช้เศษกระเบื้องดินเผาขูดตัว! (โยบ 2:7, 8) ไม่มีหมอคนไหนสามารถเยียวยาให้ท่านบรรเทาโรคที่แสนจะเจ็บปวด, น่ารังเกียจ, และน่าอับอาย เพราะโรคนั้นเป็นมาจากอำนาจซาตาน. พระยะโฮวาผู้เดียวเท่านั้นสามารถรักษาโยบให้หายได้. ถ้าคุณเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เมื่อป่วยไข้ อย่าลืมว่าพระเจ้าจะทรงช่วยคุณให้อดทนและจะประทานชีวิตให้คุณในโลกใหม่ที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ.—บทเพลงสรรเสริญ 41:1-3; ยะซายา 33:24.
15. ภรรยาของโยบได้เร่งเร้าท่านทำสิ่งใด และท่านมีปฏิกิริยาอย่างไร?
15 ในที่สุด ภรรยาของโยบกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านยังจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หรือ? จงแช่งด่าพระเจ้า; ถึงจะตายก็ตายเถิด!” “จงรักภักดี” มีความหมายว่าเลื่อมใสอย่างไม่มีที่ติ และนางอาจพูดประชดเพื่อโยบจะได้แช่งพระเจ้า. แต่ท่านตอบดังนี้: “เจ้าพูดอย่างหญิงที่โฉดชั่ว. อะไรนะ, เราก็เคยได้รับสิ่งที่ดีจากพระหัตถ์พระเจ้า; แล้วสิ่งที่ไม่ดีจะไม่ยอมรับบ้างเจียวหรือ?” แม้แต่อุบายนี้ของซาตานก็ยังไม่สำเร็จ เพราะเรารู้จากพระคัมภีร์ว่า “ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ท่านโยบหาได้กระทำผิดด้วยริมฝีปากของท่านไม่.” (โยบ 2:9, 10) สมมุติสมาชิกในครอบครัวที่ต่อต้านอาจจะพูดว่าเรากำลังเหนื่อยเปล่าที่มุ่งติดตามแนวทางคริสเตียน แล้วแนะเราให้เลิกนับถือพระเจ้ายะโฮวา. เช่นเดียวกับโยบ เราจะทนการทดลองเช่นนั้นได้ เพราะเรารักพระยะโฮวาและต้องการยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 145:1, 2; เฮ็บราย 13:15.
สหายจอมปลอมที่ยโสสามคน
16. ใครมาโดยอ้างว่าจะปลอบโยนโยบ ทว่าซาตานใช้พวกเขาอย่างไร?
16 แผนชั่วอีกอย่างหนึ่งของซาตานคือ “มิตรสหาย” สามคนมาโดยอ้างว่าเพื่อปลอบโยนโยบ. คนหนึ่งได้แก่อะลีฟาศ คงเป็นเชื้อสายของอับราฮามทางเอซาว. เนื่องจากอะลีฟาศมีโอกาสพูดก่อน คงเป็นไปได้ว่าเขามีอายุมากกว่าเพื่อน. บิลดัดชาวซูฮา ลูกชายของอับราฮามซึ่งเกิดแต่นางคะตูราก็อยู่ที่นั่นด้วย. คนที่สามคือโซฟาร์ ถูกเรียกว่าเป็นชาวนาอามานตามชื่อครอบครัวหรือถิ่นที่อาศัยของเขา ซึ่งอาจอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอาหรับก็ได้. (โยบ 2:11; เยเนซิศ 25:1, 2; 36:4, 11) เหมือนกับคนเหล่านั้นซึ่งเวลานี้พยายามทำให้พยานพระยะโฮวาเลิกนับถือพระเจ้า ซาตานใช้สามคนนี้ด้วยความพยายามทำให้โยบยอมรับผิดตามข้อกล่าวหาและทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของท่าน.
17. สหายสามคนที่มาเยี่ยมได้ทำอะไร และพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน?
17 คนทั้งสามทำท่าแสดงความเห็นอกเห็นใจโดยพากันร้องไห้เสียยกใหญ่ ฉีกเสื้อคลุมของตน และซัดผงคลีขึ้นบนศีรษะตัวเอง. แต่แล้วเขาได้นั่งกับโยบเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดประเล้าประโลมใจท่านเลย! (โยบ 2:12, 13; ลูกา 18:10-14) สหายจอมปลอมที่ยโสสามคนนี้ได้สูญสิ้นสภาพฝ่ายวิญญาณถึงขนาดไม่มีคำปลอบโยนใด ๆ ที่จะบอกได้ถึงเรื่องพระยะโฮวาและคำสัญญาต่าง ๆ ของพระองค์. กระนั้น พวกเขาได้งัดเอาข้อสรุปอย่างผิด ๆ ออกมาและพร้อมจะใช้ข้อสรุปนั้นกับโยบทันทีที่พวกเขาได้แสดงความเศร้าเสียใจตามธรรมเนียมเมื่อประชาชนประสบพิบัติภัย. น่าสนใจ ก่อนช่วง 7 วันที่เงียบงันจะสิ้นสุด ชายหนุ่มอะลีฮูนั่งในระยะใกล้พอจะได้ยินการสนทนา.
18. ทำไมโยบอยากตายให้พ้นทุกข์?
18 ในที่สุด โยบเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ. เนื่องจากไม่ได้คำปลอบโยนจากสามคนที่มาเยี่ยม ท่านจึงออกปากแช่งวันที่ท่านเกิด และประหลาดใจว่าทำไมชีวิตอันน่าเวทนาของท่านจึงยืดเยื้อนานถึงเพียงนี้. ท่านอยากตายให้พ้นทุกข์เสียที ไม่นึกแม้กระทั่งว่าท่านอาจจะชื่นชมยินดีอย่างแท้จริงอีกสักครั้งก่อนตาย เนื่องจากท่านสิ้นเนื้อประดาตัว, สูญเสียผู้เป็นที่รัก, และป่วยหนัก. แต่พระเจ้าไม่ปล่อยให้โยบรับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต.—โยบ 3:1-26.
ผู้ใส่ร้ายโยบเริ่มโจมตี
19. อะลีฟาศได้กล่าวหาโยบโดยไม่มีมูลความจริงในแง่ไหนบ้าง?
19 อะลีฟาศพูดเป็นคนแรกในการโต้คารมคนละสามรอบซึ่งจะเป็นการทดสอบความซื่อสัตย์มั่นคงของโยบขั้นต่อไป. ในการพูดครั้งแรก อะลีฟาศถามขึ้นว่า “ใครที่ไม่มีผิดและได้พินาศไปหรือ?” เขาลงความเห็นว่าโยบคงได้ทำชั่วบางอย่างจึงถูกพระเจ้าลงโทษ. (โยบบท 4, 5) ครั้นถึงรอบที่สอง อะลีฟาศพูดเยาะเย้ยสติปัญญาของโยบและถามว่า “ท่านนะรู้อะไรที่เราไม่รู้?” อะลีฟาศพูดเป็นนัยว่าโยบพยายามแสดงตัวเป็นใหญ่กว่าพระเจ้าองค์ทรงฤทธิ์ทุกประการ. เมื่อสิ้นสุดการโจมตีหนที่สองแล้ว เขาใส่ร้ายป้ายสีโยบเป็นคนผิดฐานออกหาก, ติดสินบน, หลอกลวง. (โยบบท 15) เมื่อเขาพูดรอบสุดท้าย อะลีฟาศกล่าวหาโยบว่ากระทำความผิดหลายอย่าง เช่น กรรโชกทรัพย์, ไม่แบ่งปันขนมปังและน้ำดื่มให้คนขัดสน, และกดขี่หญิงม่ายและลูกกำพร้า.—โยบบท 22.
20. บิลดัดโจมตีโยบในลักษณะไหน?
20 บิลดัดเป็นคนที่สองที่โต้คารมแต่ละรอบ ปกติแล้วเขาจะพูดตามหัวข้อที่อะลีฟาศกำหนดไว้. การพูดของบิลดัดสั้นกว่าแต่เชือดเฉือนมากกว่า. เขาได้กล่าวหาแม้กระทั่งลูก ๆ ของโยบว่ากระทำความผิดและสมควรตาย. เขาให้อุทาหรณ์ประกอบการหาเหตุผลอย่างผิด ๆ ดังนี้: เฉกเช่นต้นพาไพรัสและต้นกกแห้งเหี่ยวตายเพราะไม่มีน้ำ ก็เป็นเช่นนั้นกับ “คนที่ลืมพระเจ้า.” คำกล่าวนั้นเป็นความจริง แต่ใช้ไม่ได้กับโยบ. (โยบบท 8) บิลดัดจำแนกการทุกข์ทรมานของโยบเสมือนเรื่องร้ายแรงซึ่งเกิดขึ้นกับคนชั่วช้าอธรรม. (โยบบท 18) ในการพูดสั้น ๆ รอบที่สามนั้น บิลดัดหาเหตุผลว่ามนุษย์เป็นเหมือน “ตัวดักแด้” และ “ตัวหนอน” ด้วยเหตุนั้น จึงไม่สะอาดจำเพาะพระเจ้า.—โยบบท 25.
21. โซฟาร์กล่าวหาโยบด้วยเรื่องใด?
21 โซฟาร์เป็นคนที่สามในการโต้คารม. แนวคิดของเขาโดยทั่วไปก็คล้ายคลึงกันกับของอะลีฟาศและบิลดัด. โซฟาร์กล่าวหาโยบว่าเป็นคนชั่วช้าอธรรมและเร่งเร้าท่านให้เลิกกิจปฏิบัติชั่วต่าง ๆ เสีย. (โยบบท 11, 20) พอเสร็จรอบที่สองแล้ว โซฟาร์ก็หยุดพูด. เขาไม่มีอะไรจะกล่าวเพิ่มเติมในรอบที่สาม. อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงโต้คารมทั้งหมดนั้น โยบตอบโต้ผู้พูดใส่ร้ายอย่างกล้าหาญ. อย่างเช่น ณ จุดหนึ่งท่านพูดดังนี้: “ท่านทั้งหลายเป็นผู้เล้าโลมอันร้ายกาจ! คำกล่าวอย่างลม ๆ แล้ง ๆ นั้นจะจบสิ้นกันเมื่อใดหนอ?”—โยบ 16:2, 3.
พวกเราจะอดทนได้
22, 23. (ก) อย่างกรณีของโยบ พญามารอาจพยายามทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของเราต่อพระเจ้ายะโฮวาโดยวิธีใด? (ข) แม้ว่าโยบได้ทนการทดลองหลาย ๆ อย่าง เราอาจจะถามอะไรเกี่ยวด้วยทัศนะของท่าน?
22 เช่นเดียวกับโยบ เราอาจประสบการทดลองแต่ละครั้งมากกว่าหนึ่งอย่าง และซาตานอาจใช้ความท้อแท้หรือปัจจัยอย่างอื่นในการพยายามที่จะทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของเรา. มันอาจพยายามทำให้เราหันมาต่อต้านพระยะโฮวาถ้าเรามีปัญหายุ่งยากด้านการเงิน. หากคนที่เรารักเสียชีวิตไป หรือเราเจ็บป่วย ซาตานอาจหาทางชักนำเราให้ตำหนิพระเจ้า. เหมือนบรรดาสหายของโยบบางคนอาจถึงกับใส่ความเราอย่างผิด ๆ. ดังบราเดอร์แมกมิลแลนได้กล่าวไว้ ซาตานอาจ ‘พยายามจะทำให้เราแพ้’ แต่เราจะอดทนได้!
23 ดังที่เราได้สังเกตมาจนถึงตอนนี้ โยบอดทนการทดลองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับท่าน. อย่างไรก็ตาม ท่านแทบจะอดทนไม่ได้กระนั้นไหม? ที่แท้แล้วท่านชอกช้ำใจไหม? ให้เรามาดูกันว่าจริง ๆ แล้วโยบได้สูญสิ้นความหวังทุกอย่างไหม?
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ซาตานได้ยกประเด็นสำคัญอะไรขึ้นมาในสมัยโยบ?
▫ ในทางใดบ้างที่โยบถูกทดลองจนถึงขีดสุด?
▫ “สหาย” สามคนของโยบได้กล่าวหาท่านด้วยเรื่องอะไร?
▫ ดังกรณีของโยบ ซาตานอาจพยายามทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของเราต่อพระยะโฮวาโดยวิธีใด?
[รูปภาพหน้า 10]
เอ. เอช. แมกมิลแลน