ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห96 15/1 น. 26-29
  • ความสว่างยุติยุคมืด

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ความสว่างยุติยุคมืด
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1996
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • ชีวิต​ชาว​ยิว​ใน​ยุค​เปอร์เซีย
  • ยุค​กรีก
  • การ​เปลี่ยน​แปลง​ทาง​ศาสนา
  • ลัทธิ​ยูดาย​รับ​เอา​กลุ่ม​นัก​คิด​ต่าง ๆ
  • คริสเตียนยุคแรกในโลกที่พูดภาษากรีก
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2008
  • คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลที่เปลี่ยนโลก
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1998
  • พวกแมกคาบีคือใคร?
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1998
  • เปอร์เซีย, ชาวเปอร์เซีย
    ส่วนอธิบายศัพท์
ดูเพิ่มเติม
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1996
ห96 15/1 น. 26-29

ความ​สว่าง​ยุติ​ยุค​มืด

โลก​ใน​สมัย​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​และ​อัครสาวก​แตกต่าง​มาก​จาก​โลก​ใน​สมัย​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู. ผู้​ที่​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​ไม่​ตระหนัก​ถึง​เรื่อง​นี้​อาจ​วาด​มโนภาพ​ว่า มี​ความ​ต่อ​เนื่อง​กัน​ด้าน​สังคม​และ​ศาสนา​จาก​สมัย​ผู้​พยากรณ์​มาลาคี​ถึง​ท่าน​มัดธาย​ผู้​เขียน​กิตติคุณ โดย​เข้าใจ​เพียง​ราง ๆ ถึง​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ช่วง 400 ปี​ระหว่าง​พระ​ธรรม​ทั้ง​สอง​นี้.

มาลาคี พระ​ธรรม​เล่ม​สุด​ท้าย​ของ​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ส่วน​ใหญ่​ใน​ปัจจุบัน จบ​ลง​ด้วย​ชน​ที่​เหลือ​แห่ง​ชาติ​ยิศราเอล​ตั้ง​รกราก​ใน​ปิตุภูมิ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​หลัง​จาก​ถูก​ปลด​ปล่อย​จาก​การ​เป็น​เชลย​ใน​บาบูโลน. (ยิระมะยา 23:3) ชาว​ยิว​ที่​เลื่อมใส​ได้​รับ​การ​หนุน​ใจ​ให้​คอย​วัน​พิพากษา​ของ​พระเจ้า​เพื่อ​ขจัด​โลก​แห่ง​ความ​ชั่ว​และ​นำ​ยุค​พระ​มาซีฮา​เข้า​มา. (มาลาคี 4:1, 2) ใน​ระหว่าง​นั้น เปอร์เซีย​ปกครอง. กอง​ทหาร​เปอร์เซีย​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ใน​ยูดา​เป็น​ผู้​รักษา​ความ​สงบ​และ​สนับสนุน​ราชกฤษฎีกา​โดย​กำลัง​ทาง​ทหาร.—เทียบ​กับ​เอษรา 4:23.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ดินแดน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ได้​อยู่​ใน​สภาพ​เดิม​ตลอด​สี่​ศตวรรษ​ต่อ​มา. ความ​มืด​และ​ความ​สับสน​ฝ่าย​วิญญาณ​เริ่ม​ย่างกราย​เข้า​มา. ตะวัน​ออก​ใกล้​สั่น​คลอน​ด้วย​ความ​รุนแรง, การ​ก่อ​การ​ร้าย, การ​กดขี่, แนว​ความ​คิด​ที่​รุนแรง​ทาง​ศาสนา, ปรัชญา​แบบ​คาด​เดา, และ​ความ​ตระหนก​ทาง​วัฒนธรรม.

มัดธาย พระ​ธรรม​เล่ม​แรก​ของ​พระ​คัมภีร์​คริสเตียน​ภาค​ภาษา​กรีก เขียน​ขึ้น​ใน​ยุค​ที่​ต่าง​ออก​ไป. กอง​ทหาร​ของ​โรม​บังคับ​ให้​มี​พักซ์ โรมานา หรือ​สันติภาพ​ใน​จักรวรรดิ​โรม. ผู้​ที่​เลื่อมใส​รอ​คอย​อย่าง​ใจ​จดจ่อ​ถึง​การ​เสด็จ​มา​ของ​พระ​มาซีฮา เพื่อ​ยุติ​ความ​ทุกข์​ยาก, การ​ปกครอง​ที่​กดขี่, และ​ความ​ยาก​จน และ​เพื่อ​ให้​ความ​สว่าง​ชี้​นำ​ชีวิต, นำ​มา​ซึ่ง​ความ​เจริญ​รุ่งเรือง, และ​ความ​สุข​สงบ. (เทียบ​กับ​ลูกา 1:67-79; 24:21; 2 ติโมเธียว 1:10.) ขอ​ให้​เรา​พิจารณา​อย่าง​ใกล้​ชิด​ถึง​พลัง​ที่​เปลี่ยน​แปลง​ลักษณะ​สังคม​ชาว​ยิว​เสีย​ใหม่​ใน​ช่วง​ศตวรรษ​ต่าง ๆ ก่อน​พระ​เยซู​คริสต์​มา​ประสูติ.

ชีวิต​ชาว​ยิว​ใน​ยุค​เปอร์เซีย

หลัง​จาก​ไซรัส​ประกาศ​ปลด​ปล่อย​ชาว​ยิว​จาก​การ​เป็น​เชลย​ใน​บาบูโลน ชาว​ยิว​และ​ผู้​สมทบ​ที่​ไม่​ใช่​ชาว​ยิว​กลุ่ม​หนึ่ง​ก็​ออก​จาก​ดินแดน​บาบิโลเนีย​ใน​ปี 539 ก.ส.ศ. ชน​ที่​เหลือ​ที่​ตอบรับ​ฝ่าย​วิญญาณ​นี้​ได้​กลับ​ไป​ยัง​ดินแดน​ที่​เมือง​ต่าง ๆ ถูก​ทำลาย​จน​พินาศ​และ​ที่​ดิน​ร้าง​เปล่า. ชาว​อะโดม, ชาว​ฟีนิเซีย, ชาว​ซะมาเรีย, อาหรับ​เผ่า​ต่าง ๆ, และ​พวก​อื่น ๆ ได้​ยึด​เอา​ดินแดน​บาง​ส่วน​ของ​ยิศราเอล​ที่​เคย​กว้าง​ใหญ่. ดินแดน​ที่​ยัง​เหลือ​อยู่​ของ​ตระกูล​ยูดา​และ​เบนยามิน​กลาย​เป็น​มณฑล​ยูดา​ใน​เขต​ปกครอง​ของ​เปอร์เซีย ซึ่ง​มี​ชื่อ​เรียก​ว่า อา​บาร์ นา​ฮารา (เลย​แม่น้ำ​ออก​ไป).—เอษรา 1:1-4; 2:64, 65.

หนังสือ​ประวัติศาสตร์​ลัทธิ​ยูดาย​ของ​เคมบริดจ์ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​เปอร์เซีย ยูดา​เริ่ม​ประสบ​กับ “ช่วง​เวลา​ของ​การ​ขยาย​ตัว​และ​การ​เพิ่ม​ของ​ประชากร” หนังสือ​นี้​ยัง​กล่าว​ต่อ​ไป​เกี่ยว​กับ​กรุงยะรูซาเลม​ว่า “ชาว​ชนบท​และ​ผู้​แสวง​บุญ​นำ​ของ​กำนัล​มา พระ​วิหาร​และ​กรุง​นั้น​เริ่ม​ร่ำรวย และ​ความ​มั่งคั่ง​ของ​ที่​นั่น​ดึงดูด​พ่อค้า​และ​ช่าง​ฝีมือ​ชาว​ต่าง​ประเทศ.” แม้​พวก​เปอร์เซีย​โอน​อ่อน​มาก​ใน​เรื่อง​การ​ปกครอง​ท้องถิ่น​และ​ศาสนา แต่​การ​เก็บ​ภาษี​นั้น​เข้มงวด​และ​ให้​จ่าย​เป็น​โลหะ​มี​ค่า​เท่า​นั้น.—เทียบ​กับ​นะเฮมยา 5:1-5, 15; 9:36, 37; 13:15, 16, 20.

ช่วง​ปี​ท้าย ๆ ของ​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​วุ่นวาย​มาก เนื่อง​จาก​มี​การ​กบฏ​ของ​เจ้า​นครรัฐ​ต่าง ๆ. ชาว​ยิว​เป็น​จำนวน​มาก​เข้า​ไป​พัวพัน​ใน​การ​จลาจล​ตาม​ชายฝั่ง​เมดิเตอร์เรเนียน และ​ถูก​เนรเทศ​ไป​ทาง​เหนือ​ที่​ห่าง​ไกล ไป​ที่​เฮอร์เคเนีย​ใกล้​ทะเลสาบ​แคสเปียน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม มณฑล​ยูดา​ส่วน​ใหญ่​ดู​เหมือน​ไม่​ได้​รับ​ผล​กระทบ​จาก​การ​ลง​โทษ​ของ​เปอร์เซีย.

ยุค​กรีก

อะเล็กซานเดอร์​มหาราช​ผงาด​ขึ้น​ดุจ​เสือ​ดาว​ทาง​ตะวัน​ออก​กลาง​ปี 332 ก.ส.ศ. แต่​ความ​นิยม​สินค้า​เข้า​ของ​กรีก​มี​มา​ตั้ง​แต่​ก่อน​หน้า​นี้​แล้ว. (ดานิเอล 7:6) ด้วย​ตระหนัก​ว่า​วัฒนธรรม​กรีก​มี​คุณค่า​ทาง​การ​เมือง เขา​จึง​เริ่ม​วาง​แผน​อย่าง​รอบคอบ​ที่​จะ​ทำ​ให้​จักรวรรดิ​ที่​เขา​แผ่​ขยาย​ออก​ไป​มี​วัฒนธรรม​แบบ​กรีก. ภาษา​กรีก​กลาย​เป็น​ภาษา​สากล. การ​ปกครอง​ช่วง​สั้น ๆ ของ​อะเล็กซานเดอร์​ส่ง​เสริม​ให้​ชอบ​การ​โต้​วาที​ด้วย​การ​หา​เหตุ​ผล​แบบ​หลอก​ลวง, คลั่งไคล้​กีฬา, และ​ชื่น​ชอบ​สุนทรียภาพ. ที​ละ​เล็ก​ที​ละ​น้อย แม้​แต่​ประเพณี​ที่​สืบ​ต่อ​กัน​มา​ของ​ชาว​ยิว​ยัง​เปิด​ทาง​ให้​คติ​นิยม​กรีก.

ภาย​หลัง​การ​เสีย​ชีวิต​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ใน​ปี 323 ก.ส.ศ. ผู้​สืบ​ตำแหน่ง​ต่อ​จาก​เขา​ใน​ซีเรีย​และ​อียิปต์​เป็น​ผู้​แรก​ที่​รับ​บทบาท​ที่​ผู้​พยากรณ์​ดานิเอล​เรียก​ว่า “กษัตริย์​ทิศ​อุดร” และ “กษัตริย์​ทิศ​ทักษิณ.” (ดานิเอล 11:1-19) ระหว่าง​การ​ปกครอง​ของ ปโตเลมี​ที่​สอง ฟิลาเดลฟุส (285-246 ก.ส.ศ.) “กษัตริย์​ทิศ​ทักษิณ” ของ​อียิปต์ เริ่ม​มี​การ​แปล​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​เป็น​ภาษา​คอยเน​คือ ภาษา​กรีก​ที่​ใช้​กัน​ทั่ว​ไป. ต่อ​มา​มี​การ​เรียก​ฉบับ​แปล​นี้​ว่า​เซปตัวจินต์. มี​การ​ยก​ข้อ​พระ​คัมภีร์​หลาย​ข้อ​ใน​ผล​งาน​ชิ้น​นี้​มา​กล่าว​ใน​พระ​คัมภีร์​คริสเตียน​ภาค​ภาษา​กรีก. ภาษา​กรีก​ปรากฏ​ว่า​เป็น​ภาษา​ที่​ดี​ยิ่ง​ใน​การ​ถ่ายทอด​ระดับ​ของ​ความ​หมาย​ที่​ให้​ความ​สว่าง​แก่​โลก​ที่​สับสน​และ​มืดมน​ฝ่าย​วิญญาณ.

หลัง​จาก​แอนติโอคุส​ที่​สี่ เอพิฟาเนส​ได้​เป็น​กษัตริย์​แห่ง​ซีเรีย​และ​ผู้​ปกครอง​ปาเลสไตน์ (175-164 ก.ส.ศ.) ลัทธิ​ยูดาย​เกือบ​จะ​ถูก​ทำลาย​ล้าง​โดย​การ​กดขี่​ข่มเหง​ซึ่ง​มี​รัฐบาล​สนับสนุน. โดย​การ​ขู่​จะ​ฆ่า ชาว​ยิว​ถูก​บังคับ​ให้​ละ​ทิ้ง​พระเจ้า​ยะโฮวา และ​ให้​บูชา​เทพเจ้า​ของ​กรีก​เท่า​นั้น. เดือน​ธันวาคม ปี 168 ก.ส.ศ. แท่น​บูชา​นอก​รีต​ถูก​สร้าง​ขึ้น​คร่อม​แท่น​บูชา​ใหญ่​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​พระ​วิหาร​ใน​กรุง​ยะรูซาเลม และ​มี​การ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​บน​แท่น​นั้น​แก่​พระ​เซอุส​แห่ง​ภูเขา​โอลิมปุส. พวก​ผู้​ชาย​ที่​ตกตะลึง​แต่​ก็​กล้า​หาญ​แถบ​นอก​เมือง​รวม​กำลัง​กัน​ภาย​ใต้​การ​นำ​ของ​ยูดัส แมกคาเบอุส และ​ก่อ​สงคราม​ร้ายแรง​จน​กระทั่ง​พวก​เขา​ได้​ยึด​ครอง​กรุง​ยะรูซาเลม. มี​การ​อุทิศ​พระ​วิหาร​แด่​พระเจ้า​อีก​ครั้ง​หนึ่ง และ​สาม​ปี​พอ​ดี​หลัง​จาก​ที่​พระ​วิหาร​ถูก​เหยียบ​ย่ำ การ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ประจำ​วัน​จึง​มี​ขึ้น​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

ใน​ช่วง​ที่​เหลือ​อยู่​ของ​ยุค​กรีก ผู้​ที่​อยู่​ใน​ชุมชน​แถบ​แคว้น​ยูเดีย​พยายาม​ขยาย​ดินแดน​ของ​ตน​ให้​เท่า​กับ​อาณา​เขต​โบราณ​โดย​การ​รุกราน. มี​การ​ใช้​อำนาจ​ทาง​ทหาร​ที่​เพิ่ง​มี​ไป​ใน​วิธี​ที่​ขัด​กับ​แนว​ทาง​ของ​พระเจ้า ใช้​ดาบ​ขู่​บังคับ​ให้​เพื่อน​บ้าน​นอก​รีต​เปลี่ยน​ศาสนา. ถึง​กระนั้น ทฤษฎี​ทาง​การ​เมือง​ของ​กรีก​ยัง​คง​ครอบ​งำ​เมือง​ใหญ่​น้อย​อยู่.

ใน​ช่วง​นี้ ผู้​ที่​ช่วง​ชิง​ตำแหน่ง​มหา​ปุโรหิต​มัก​จะ​ไร้​ศีลธรรม. แผนการ​ร้าย, การ​ลอบ​สังหาร, และ​การ​ใช้​เล่ห์​เหลี่ยม​ทาง​การ​เมือง​ทำ​ให้​ตำแหน่ง​ของ​พวก​เขา​ด่าง​พร้อย. ยิ่ง​มี​น้ำใจ​ขัด​กับ​แนว​ทาง​ของ​พระเจ้า​ท่ามกลาง​พวก​ยิว​มาก​เท่า​ใด กีฬา​ของ​กรีก​ก็​ยิ่ง​กลาย​เป็น​ที่​นิยม​มาก​เท่า​นั้น. น่า​ตกตะลึง​เพียง​ใด​ที่​เห็น​ปุโรหิต​หนุ่ม ๆ ละเลย​หน้า​ที่​เพื่อ​จะ​เข้า​ร่วม​ใน​การ​เล่น​กีฬา! นัก​กีฬา​ชาว​ยิว​ถึง​กับ​ยอม​รับ​การ​ผ่าตัด​ที่​เจ็บ​ปวด​เพื่อ​จะ ‘กลับ​เป็น​เหมือน​คน​ที่​ไม่​ได้​รับ​สุหนัต’ เพื่อ​หลีก​เลี่ยง​ความ​อับอาย​เมื่อ​ลง​แข่งขัน​แบบ​เปลือย​เปล่า​กับ​คน​ต่าง​ชาติ.—เทียบ​กับ 1 โกรินโธ 7:18.

การ​เปลี่ยน​แปลง​ทาง​ศาสนา

ใน​ช่วง​ต้น ๆ หลัง​จาก​การ​เป็น​เชลย​ใน​บาบูโลน ชาว​ยิว​ที่​ซื่อ​สัตย์​ต้านทาน​การ​ผสมผสาน​แนว​คิด​และ​ปรัชญานอก​รีต​เข้า​กับ​ศาสนา​แท้​ที่​มี​เผย​อยู่​ใน​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู. พระ​ธรรม​เอศเธระ​ซึ่ง​เขียน​ขึ้น 60 กว่า​ปี​หลัง​จาก​ที่​มี​ความ​สัมพันธ์​ใกล้​ชิด​กับ​เปอร์เซีย​ไม่​มี​ร่องรอย​ของ​ศาสนา​โซโรแอสเตอร์​เลย. ยิ่ง​กว่า​นั้น ไม่​พบ​อิทธิพล​ของ​ศาสนา​เปอร์เซีย​นี้​ใน​พระ​ธรรม​เอษรา, นะเฮมยา, หรือ​มาลาคี​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล ซึ่ง​ทั้ง​หมด​นี้​เขียน​ใน​ช่วง​ต้น ๆ ของ​ยุค​เปอร์เซีย (537-443 ก.ส.ศ.).

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผู้​คง​แก่​เรียน​เชื่อ​ว่า​ใน​ช่วง​หลัง​ของ​ยุค​เปอร์เซีย ชาว​ยิว​เป็น​จำนวน​มาก​เริ่ม​รับ​เอา​ทัศนะ​บาง​อย่าง​ของ​ผู้​นมัสการ​อะฮูรา มาสดา เทพ​บดี​ของ​ชาว​เปอร์เซีย. สิ่ง​นี้​ปรากฏ​ให้​เห็น​ใน​การ​เชื่อ​โชค​ลาง​ต่าง ๆ ที่​นิยม​กัน​และ​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เอสซีน. ใน​จิตใจ​ของ​ชาว​ยิว คำ​สามัญ​ภาษา​ฮีบรู​ที่​ใช้​เรียก​หมา​ไน, สัตว์​อื่น ๆ ใน​ทะเล​ทราย, และ​นก​ที่​ออก​หา​กิน​ตอน​กลางคืน กลาย​เป็น​คำ​ที่​เกี่ยว​พัน​กับ​วิญญาณ​ชั่ว​และ​ผี​ปิศาจ​ตาม​นิยาย​ของ​บาบูโลน​และ​เปอร์เซีย.

ชาว​ยิว​เริ่ม​มอง​ความ​คิด​แบบ​นอก​รีต​ใน​แง่​มุม​ที่​ต่าง​ออก​ไป. แนว​คิด​เรื่อง​สวรรค์, นรก, จิตวิญญาณ, พระ​วาทะ (ลอกอส), และ​สติ​ปัญญา​ล้วน​มี​ความ​หมาย​อย่าง​ใหม่. และ​ตาม​ที่​สอน​กัน​ใน​เวลา​นั้น หาก​พระเจ้า​ทรง​อยู่​ห่าง​ไกล​จน​พระองค์​ไม่​ติด​ต่อ​กับ​มนุษย์​อีก​ต่อ​ไป พระองค์​จำ​ต้อง​มี​ผู้​กลาง. ชาว​กรีก​เรียก​วิญญาณ​ที่​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​กลาง​และ​เทพารักษ์​เหล่า​นี้​ว่า ไดโมน. เนื่อง​จาก​รับ​เอา​ความ​คิด​ที่​ว่า ไดโมน​อาจ​ดี​หรือ​ชั่ว​ก็​ได้ ชาว​ยิว​จึง​กลาย​เป็น​เหยื่อ​อย่าง​ง่าย​ดาย​ต่อ​การ​ควบคุม​ของ​พวก​ผี​ปิศาจ.

การ​เปลี่ยน​แปลง​ใน​เชิง​ก่อ​มี​อยู่​ใน​การ​นมัสการ​ท้องถิ่น. ธรรมศาลา​ผุด​ขึ้น​เป็น​สถาน​ที่​ที่​กลุ่ม​ชาว​ยิว​ซึ่ง​อยู่​ใน​ละแวก​นั้น​พบ​ปะ​กัน​เพื่อ​ศึกษา​และ​ทำ​พิธี​ทาง​ศาสนา. ธรรมศาลา​ของ​ชาว​ยิว​เริ่ม​มี​ขึ้น​เมื่อ​ไร, ที่​ไหน, และ​อย่าง​ไร​นั้น​ไม่​ทราบ​แน่ชัด. เนื่อง​จาก​สถาน​ที่​ดัง​กล่าว​สนอง​ความ​ต้องการ​ของ​ชาว​ยิว​ใน​ดินแดน​ที่​ห่าง​ไกล​ใน​เรื่อง​การ​นมัสการ​เมื่อ​พวก​เขา​ไม่​สามารถ​ไป​ที่​พระ​วิหาร จึง​เชื่อ​กัน​โดย​ทั่ว​ไป​ว่า ธรรมศาลา​ถูก​ก่อ​ตั้ง​ขึ้น​ใน​สมัย​ที่​ชาว​ยิว​เป็น​เชลย​ใน​บาบูโลน​หรือ​หลัง​จาก​นั้น. นับ​ว่า​น่า​สนใจ ธรรมศาลา​กลาย​เป็น​ที่​ชุมนุม​อย่าง​ดี​สำหรับ​พระ​เยซู​และ​สาวก​ของ​พระองค์​ที่​จะ ‘ประกาศ​เผยแพร่​พระ​บารมี​คุณ​ของ​พระเจ้า​ผู้​ได้​ทรง​เรียก​ผู้​คน​ให้​ออก​จาก​ความ​มืด​เข้า​สู่​ความ​สว่าง​อัน​มหัศจรรย์​ของ​พระองค์.’—1 เปโตร 2:9, ล.ม.

ลัทธิ​ยูดาย​รับ​เอา​กลุ่ม​นัก​คิด​ต่าง ๆ

ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​ก่อน​สากล​ศักราช กลุ่ม​นัก​คิด​ต่าง ๆ เริ่ม​ปรากฏ. กลุ่ม​นัก​คิด​เหล่า​นี้​ไม่​ใช่​องค์กร​ทาง​ศาสนา​ที่​แยก​ออก​ไป​ต่าง​หาก. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น กลุ่ม​นัก​คิด​เหล่า​นี้​เป็น​กลุ่ม​เล็ก ๆ ที่​มี​นัก​เทศน์​นัก​บวช, นัก​ปรัชญา, และ​นัก​ปฏิบัติการ​หัวรุนแรง​ทาง​การ​เมือง​ชาว​ยิว​ซึ่ง​พยายาม​โน้ม​นำ​ประชาชน​และ​ควบคุม​ทั้ง​ชาติ โดย​ให้​ทั้ง​หมด​ดำเนิน​ไป​ภาย​ใต้​ลัทธิ​ยูดาย.

ส่วน​ใหญ่ พวก​ซาดูกาย​ที่​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​การ​เมือง​เป็น​ขุนนาง​ที่​มั่งคั่ง ซึ่ง​ที่​เป็น​รู้​จัก​ใน​เรื่อง​ความ​สามารถ​ทาง​การ​ทูต​ตั้ง​แต่​ที่​มี​การ​จลาจล​ซึ่ง​ก่อ​โดย​แฮสโมเนียน​กลาง​ศตวรรษ​ที่​สอง​ก่อน​สากล​ศักราช. พวก​นี้​ส่วน​ใหญ่​แล้ว​เป็น​ปุโรหิต แม้​บาง​คน​เป็น​นัก​ธุรกิจ​และ​เจ้าของ​ที่​ดิน. พอ​ถึง​สมัย​ที่​พระ​เยซู​ประสูติ พวก​ซาดูกาย​ส่วน​ใหญ่​สนับสนุน​การ​ที่​โรม​ปกครอง​ปาเลสไตน์ เพราะ​พวก​เขา​คิด​ว่า​มี​เสถียรภาพ​กว่า​และ​คง​จะ​รักษา​สถานภาพ​เดิม​ของ​ตน​ไว้​ได้. (เทียบ​กับ​โยฮัน 11:47, 48.) ชน​กลุ่ม​น้อย (พวก​เฮโรเดียน) เชื่อ​ว่า​การ​ปกครอง​โดย​ราชวงศ์​ของ​กษัตริย์​เฮโรด​น่า​จะ​เหมาะ​กับ​แนว​คิด​ของ​ชาติ​มาก​กว่า. ถึง​อย่าง​ไร พวก​ซาดูกาย​ไม่​ต้องการ​ให้​ชาติ​ตก​อยู่​ใน​มือ​ของ​พวก​คลั่ง​ศาสนา​ชาว​ยิว หรือ​ให้​ใคร​อื่น​นอก​เหนือ​จาก​พวก​ปุโรหิต​มา​ควบคุม​พระ​วิหาร. ความ​เชื่อ​ของ​พวก​ซาดูกาย​เป็น​แบบ​อนุรักษ์​นิยม ซึ่ง​ส่วน​ใหญ่​อาศัย​การ​ตี​ความ​ข้อ​เขียน​ของ​โมเซ และ​สะท้อน​ให้​เห็น​การ​ต่อ​ต้าน​นิกาย​ที่​มี​อำนาจ​ของ​พวก​ฟาริซาย. (กิจการ 23:6-8) พวก​ซาดูกาย​ปฏิเสธ​คำ​พยากรณ์​ต่าง ๆ ใน​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​ว่า​เป็น​การ​คาด​เดา. พวก​เขา​สอน​ว่า พระ​ธรรม​ที่​เป็น​ประวัติศาสตร์, บท​กวี, และ​สุภาษิต​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​นั้น​ไม่​ได้​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ​และ​ไม่​จำเป็น.

พวก​ฟาริซาย​ปรากฏ​ขึ้น​ระหว่าง​ยุค​กรีก เป็น​ปฏิกิริยา​ที่​แข็ง​กร้าว​ต่อ​คติ​นิยม​กรีก​ที่​ขัด​กับ​คติ​นิยม​ยิว. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พอ​ถึง​สมัย​ของ​พระ​เยซู พวก​ฟาริซาย​เป็น​ผู้​ที่​พยายาม​โน้ม​น้าว​ให้​เปลี่ยน​ศาสนา​และ​เป็น​ครู​สอน​ที่​เข้มงวด, ยึด​กับ​ประเพณี, เคร่งครัด​ใน​ข้อ​กฎหมาย, หยิ่ง​ยโส, ถือ​ว่า​ตัว​เอง​ชอบธรรม ซึ่ง​พยายาม​ควบคุม​ประเทศ​ชาติ​โดย​ผ่าน​ทาง​การ​สอน​ใน​ธรรมศาลา. พวก​ฟาริซาย​ส่วน​ใหญ่​แล้ว​มา​จาก​ชน​ชั้น​กลาง และ​เหยียด​พวก​สามัญ​ชน. พระ​เยซู​ทรง​มอง​ดู​พวก​ฟาริซาย​ส่วน​ใหญ่​ว่า​เป็น​คน​รัก​เงิน​ที่​แสวง​หา​แต่​ผล​ประโยชน์​ส่วน​ตัว ไร้​ความ​เมตตา ซึ่ง​มี​แต่​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด. (มัดธาย​บท 23) พวก​ฟาริซาย​ยอม​รับ​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​ทั้ง​หมด​ตาม​คำ​อธิบาย​ของ​พวก​เขา​เอง แต่​ให้​ความ​สำคัญ​พอ ๆ กัน​หรือ​มาก​กว่า​กับ​คำ​สอน​สืบ​ปาก​ของ​พวก​เขา. พวก​ฟาริซาย​บอก​ว่า คำ​สอน​สืบ​ปาก​ของ​พวก​เขา​เป็น​เหมือน “รั้ว​ล้อม​พระ​บัญญัติ.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม แทน​ที่​จะ​เป็น​รั้ว คำ​สอน​สืบ​ปาก​ของ​พวก​เขา​ทำ​ให้​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เป็น​โมฆะ​และ​ทำ​ให้​สาธารณชน​สับสน.—มัดธาย 23:2-4; มาระโก 7:1, 9-13.

พวก​เอสซีน​เป็น​ผู้​แสวง​หา​การ​เข้า​ถึง​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​และ​ความ​จริง ซึ่ง​ดู​เหมือน​อาศัย​อยู่​ใน​ชุมชน​โดด​เดี่ยว​ไม่​กี่​แห่ง. พวก​นี้​ถือ​ว่า​ตน​เอง​เป็น​ชน​ที่​เหลือ​ที่​แท้​จริง​ของ​ชาติ​ยิศราเอล ซึ่ง​รอ​คอย​ด้วย​ความ​บริสุทธิ์​เพื่อ​ต้อนรับ​พระ​มาซีฮา​ตาม​ที่​ทรง​สัญญา. พวก​เอสซีน​ดำเนิน​ชีวิต​ที่​เคร่งครัด​ใน​ศาสนา​ด้วย​การ​เข้า​ฌาน และ​ความ​เชื่อ​หลาย​อย่าง​ของ​พวก​เขา​สะท้อน​ให้​เห็น​แนว​คิด​แบบ​เปอร์เซีย​และ​กรีก.

พวก​เซล็อต​หลาย​พวก​ซึ่ง​ได้​รับ​แรง​กระตุ้น​จาก​ศาสนา, รัก​ชาติ​อย่าง​บ้า​คลั่ง มอง​ดู​ทุก​คน​ที่​เข้า​มา​ขวาง​ฐานะ​อิสระ​ของ​ชาติ​ยิว​ว่า​เป็น​ศัตรู​ราว​กับ​จะ​กิน​เลือด​กิน​เนื้อ. พวก​เขา​ถูก​เปรียบ​กับ​พวก​แฮสโมเนียน และ​ส่วน​ใหญ่​แล้ว​เป็น​ที่​ดึงดูด​ใจ​พวก​หนุ่ม ๆ ที่​ถือ​อุดม​การณ์ ชอบ​ผจญ​ภัย. พวก​นี้​ซึ่ง​ถูก​มอง​ว่า​เป็น​โจร​ลอบ​สังหาร​หรือ​เป็น​นัก​ต่อ​สู้​ที่​มี​หัวต่อ​ต้าน พวก​เขา​ใช้​กลยุทธ์​แบบ​ผู้​ก่อ​การ​ร้าย​ซึ่ง​ทำ​ให้​ถนน​ใน​ชนบท​และ​จัตุรัส​สาธารณะ​เป็น​อันตราย​และ​ทำ​ให้​ความ​ตึงเครียด​ซึ่ง​มี​อยู่​แล้ว​ยิ่ง​หนัก​เข้า​ไป​อีก.

ใน​อียิปต์ ปรัชญา​กรีก​เฟื่องฟู​ท่ามกลาง​ชาว​ยิว​ใน​เมือง​อะเล็กซานเดรีย. จาก​ที่​นั่น ปรัชญา​กรีก​แพร่​ไป​ที่​ปาเลสไตน์​และ​ไป​ยัง​ชาว​ยิว​ที่​อยู่​กระจัด​กระจาย​ใน​ต่าง​แดน. นัก​คิด​ชาว​ยิว​ซึ่ง​เขียน​อธิกธรรม​และ​ข้อ​เขียน​ทาง​ศาสนา​ซึ่ง​ใช้​นามแฝง ตี​ความ​ข้อ​เขียน​ของ​โมเซ​ว่า​เป็น​นิทาน​เปรียบ​เทียบ​ที่​คลุมเครือ ไม่​น่า​สนใจ.

พอ​ถึง​ยุค​โรม การ​ครอบ​งำ​ของ​กรีก​ก็​เปลี่ยน​ดินแดน​ปาเลสไตน์​อย่าง​ถาวร​ทั้ง​ทาง​สังคม, ทาง​การ​เมือง, และ​ทาง​ปรัชญา. ศาสนา​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​พวก​ยิว​ถูก​แทน​ที่​ด้วย​ลัทธิ​ยูดาย การ​ผสมผสาน​ระหว่าง​แนว​คิด​แบบ​บาบูโลน, เปอร์เซีย, และ​กรีก​ซึ่ง​ปนเป​ไป​กับ​ความ​จริง​บาง​ส่วน​ใน​พระ​คัมภีร์. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พวก​ซาดูกาย, พวก​ฟาริซาย, และ​พวก​เอสซีน​รวม​กัน​แล้ว​เป็น​ส่วน​ประกอบ​ไม่​ถึง 7 เปอร์เซ็นต์​ของ​พลเมือง​ใน​ชาติ. ที่​ติด​อยู่​ใน​วัง​วน​ของ​กลุ่ม​ต่าง ๆ ที่​ขัด​แย้ง​กัน​เหล่า​นี้​ก็​คือ​สามัญ​ชน​ชาว​ยิว ซึ่ง “อิดโรย​กระจัด​กระจาย​ไป​ดุจ​ฝูง​แกะ​ไม่​มี​ผู้​เลี้ยง.”—มัดธาย 9:36.

แล้ว​พระ​เยซู​คริสต์​ก็​ก้าว​เข้า​มา​ใน​โลก​มืด​นั้น. สิ่ง​ที่​ปลอบ​ประโลม​ก็​คือ​คำ​เชื้อเชิญ​ของ​พระองค์​ซึ่ง​ให้​ความ​มั่น​ใจ ที่​ว่า “บรรดา​ผู้​ที่​ทำ​งาน​หนัก​และ​มี​ภาระ​มาก จง​มา​หา​เรา และ​เรา​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​ทั้ง​หลาย​สดชื่น.” (มัดธาย 11:28, ล.ม.) ช่าง​น่า​ตื่นเต้น​เร้า​ใจ​เพียง​ไร​ที่​ได้​ยิน​พระองค์​กล่าว​ว่า “เรา​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก”! (โยฮัน 8:12) และ​จริง​ที​เดียว ที่​น่า​ยินดี​ก็​คือ​คำ​สัญญา​ของ​พระองค์​ที่​ทำ​ให้​หัวใจ​เบิกบาน ที่​ว่า “ผู้​ที่​ตาม​เรา​มา​จะ​มิ​ได้​เดิน​ใน​ความ​มืด, แต่​จะ​มี​ความ​สว่าง​แห่ง​ชีวิต.”—โยฮัน 8:12.

[รูป​หน้า 26]

พระ​เยซู​ทรง​แสดง​ให้​เห็น​ว่า ผู้​นำ​ทาง​ศาสนา​ชาว​ยิว​อยู่​ใน​ความ​มืด​ฝ่าย​วิญญาณ

[รูป​หน้า 28]

เหรียญ​ที่​มี​รูป​แอนติโอคุส​ที่​สี่ (เอพิฟาเนส)

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Pictorial Archive (Near Eastern History) Est.

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์