“จงคอยท่าเรา”
“‘เพราะฉะนั้น จงคอยท่าเรา’ เป็นคำตรัสของพระยะโฮวา.”—ซะฟันยา 3:8, ล.ม.
1. ผู้พยากรณ์ซะฟันยาให้คำเตือนอะไรล่วงหน้า และคำเตือนนี้เป็นประโยชน์อย่างไรต่อผู้คนสมัยปัจจุบัน?
“วันใหญ่ของพระยะโฮวามาใกล้.” ผู้พยากรณ์ซะฟันยากล่าวคำเตือนนี้เมื่อกลางศตวรรษที่เจ็ดก่อนสากลศักราช. (ซะฟันยา 1:14, ล.ม.) ภายในห้วงเวลา 40 หรือ 50 ปี คำพยากรณ์นี้สำเร็จเป็นจริงเมื่อวันสำเร็จโทษตามการพิพากษาของพระยะโฮวามาถึงกรุงยะรูซาเลมและชนประเทศอื่น ๆ ซึ่งท้าทายพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาด้วยการปฏิบัติต่อไพร่พลของพระองค์อย่างโหดร้าย. ทำไมคำพยากรณ์ข้อนี้จึงเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับผู้คนที่มีชีวิตในตอนปลายศตวรรษที่ยี่สิบนี้? พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในสมัยที่ “วันใหญ่” ครั้งสุดท้ายของพระยะโฮวาเคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว. เช่นเดียวกับสมัยซะฟันยา “ความพิโรธอันร้อนแรง” ของพระยะโฮวาจวนจะพุ่งเผาผลาญคู่เทียบสมัยปัจจุบันของยะรูซาเลม ซึ่งได้แก่คริสต์ศาสนจักร และนานาชาติทั้งมวลที่ปฏิบัติต่อไพร่พลของพระยะโฮวาอย่างโหดร้าย และท้าทายพระบรมเดชานุภาพของพระองค์.—ซะฟันยา 1:4; 2:4, 8, 12, 13; 3:8, ล.ม.; 2 เปโตร 3:12, 13, ล.ม.
ซะฟันยา—พยานผู้มีความกล้า
2, 3. (ก) เรารู้อะไรเกี่ยวกับซะฟันยา และอะไรเป็นข้อบ่งชี้ว่าท่านเป็นพยานผู้กล้าหาญของพระยะโฮวา? (ข) ข้อเท็จจริงอะไรทำให้เราสามารถรู้เวลาและสถานที่ที่ซะฟันยาพยากรณ์?
2 ผู้พยากรณ์ซะฟันยาไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักกันมากนัก ชื่อของท่าน (ภาษาฮีบรู, ทเซฟัน-ยาʹ) หมายความว่า “พระยะโฮวาทรงปิดกำบัง (เก็บไว้เป็นของมีค่า).” อย่างไรก็ดี แตกต่างจากผู้พยากรณ์คนอื่น ๆ ซะฟันยาเรียงลำดับวงศ์วานของท่านถึงชั่วอายุที่สี่ ย้อนหลังถึง “ฮีศคียา.” (ซะฟันยา 1:1; เทียบยะซายา 1:1; ยิระมะยา 1:1; ยะเอศเคล 1:3.) ทั้งนี้ผิดปกติทีเดียว พวกผู้ให้อรรถาธิบายส่วนมากจึงถือว่า บิดาของปู่ทวดซะฟันยาคือกษัตริย์ฮีศคียาผู้ซื่อสัตย์. หากเป็นอย่างนั้น ซะฟันยาก็เป็นเชื้อพระวงศ์ และนั่นเองคงเพิ่มน้ำหนักเข้ากับคำกล่าวประณามอย่างรุนแรงของท่านต่อพวกเจ้านายทั้งหลายแห่งยูดา และแสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นพยานและผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาที่มีความกล้า. การที่ท่านรู้อย่างละเอียดลออเกี่ยวด้วยสภาพของกรุงยะรูซาเลมและสิ่งต่าง ๆ ที่กระทำกันภายในเขตราชฐานนั้นส่อนัยว่าท่านคงต้องได้ประกาศคำพิพากษาของพระยะโฮวาในยะรูซาเลมราชธานีนั้นเอง.—ดูซะฟันยา 1:8-11, ล.ม. (ภาษาอังกฤษ), เชิงอรรถ.
3 สิ่งอันพึงสังเกตได้แก่ข้อเท็จจริงที่ว่า ขณะที่ซะฟันยาได้ประกาศการพิพากษาของพระเจ้าต่อ “เจ้านายทั้งปวง” ฝ่ายพลเรือนแห่งยูดา (คนมีตำแหน่งสูง หรือหัวหน้าตระกูลต่าง ๆ) และ “บุตรทั้งหลายแห่งมหากษัตริย์” ในการกล่าวตำหนิ ท่านไม่เคยได้เอ่ยถึงกษัตริย์เลย.a (ซะฟันยา 1:8; 3:3) ทั้งนี้บ่งชี้ว่ากษัตริย์โยซียาผู้ทรงพระเยาว์ได้ทรงน้อมพระหฤทัยหันเข้าหาการนมัสการอันบริสุทธิ์แล้ว แม้ว่า เมื่อคำนึงถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงของซะฟันยาต่อสถานการณ์ตอนนั้น เห็นได้ชัดว่า โยซียายังไม่ได้เริ่มการปฏิรูปของท่านด้านศาสนา. ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าซะฟันยาพยากรณ์ในแผ่นดินยูดาระหว่างต้นรัชกาลกษัตริย์โยซียา ซึ่งครองราชย์นับจากปี 659 ถึง 629 ก่อนสากลศักราช. ไม่ต้องสงสัยว่า การพยากรณ์ของซะฟันยาอย่างมีพลังเข้มแข็งได้เร่งเร้าโยซียาผู้ทรงพระเยาว์ให้ตระหนักถึงการบูชารูปเคารพ, ความรุนแรง, และการทุจริตเสื่อมทรามซึ่งดาษดื่นทั่วแผ่นดินยูดาสมัยนั้น และเป็นกำลังใจแก่ท่านเมื่อรณรงค์ต่อต้านการบูชารูปเคารพในเวลาต่อมา.—2 โครนิกา 34:1-3.
มูลเหตุที่พระยะโฮวาทรงมีพระพิโรธร้อนแรง
4. พระยะโฮวาได้ตรัสถ้อยคำอะไรซึ่งแสดงถึงความพิโรธของพระองค์ต่อแผ่นดินยูดาและยะรูซาเลม?
4 พระยะโฮวาทรงมีเหตุผลที่ดีที่จะพิโรธพวกผู้นำและปวงประชาแห่งยูดาและนครยะรูซาเลมราชธานี. พระองค์ได้ตรัสผ่านซะฟันยาผู้พยากรณ์ของพระองค์ดังนี้: “เราจะเหยียดเงื้อพระหัตถ์ของเราเหนือพวกยะฮูดา, แลเหนือชาวเมืองยะรูซาเลมทั้งปวง, แลเราจะล้างผลาญส่วนบาละซึ่งเหลืออยู่นั้นออกเสียจากที่นี่, แลจะผลาญชื่อพระเชมมาริม [“พวกปุโรหิตของพระชาวต่างประเทศ,” ล.ม.] ที่ปรนนิบัติรูปเคารพกับด้วยพวกปุโรหิต. แลคนทั้งหลายที่ถือผีในอากาศนมัสการบนหลังคาเรือน, แลคนทั้งหลายที่นมัสการแลได้สบถสาบานด้วยพระนามของพระยะโฮวา, แลสาบานด้วยชื่อ มหากษัตริย์ของตน [“มัลคัม,” ล.ม.].”—ซะฟันยา 1:4, 5.
5, 6. (ก) สภาพการณ์ทางศาสนาในแผ่นดินยูดาสมัยซะฟันยาเป็นเช่นไร? (ข) สภาพการณ์ของพวกผู้พิพากษาและเจ้านายและราษฎรในแผ่นดินยูดาเป็นอย่างไร?
5 แผ่นดินยูดาแปดเปื้อนมลทินด้วยพิธีกรรมเพื่อการเจริญพันธุ์แห่งการนมัสการพระบาละ, การดูฤกษ์ยามแบบผีปิศาจ, และการนมัสการพระมัลคัมของชาวนอกรีต. ถ้าพระมัลคัมเป็นแบบเดียวกันกับโมเล็ค อย่างที่บางคนให้ข้อคิด ถ้าอย่างนั้น การนมัสการเทียมของชาวยูดาย่อมต้องรวมเอาการบูชายัญเด็กซึ่งเป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียนไว้ด้วย. กิจปฏิบัติทางศาสนาดังกล่าวน่ารังเกียจในสายพระเนตรของพระยะโฮวา. (1 กษัตริย์ 11:5, 7; 14:23, 24; 2 กษัตริย์ 17:16, 17) พวกเขายั่วพระองค์ให้พิโรธมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพวกไหว้รูปเคารพยังคงสาบานด้วยการออกพระนามของพระยะโฮวา. พระองค์ไม่อาจยอมอดกลั้นทนนานกับความไม่สะอาดทางศาสนาดังกล่าวอีกต่อไป และจะล้างผลาญพวกปุโรหิตนอกรีต อีกทั้งพวกออกหากด้วยเช่นกัน.
6 ยิ่งกว่านั้น ผู้พิพากษาและเจ้านายในแผ่นดินยูดาทำการทุจริตกินสินบน. พวกเจ้านายแห่งยูดาเป็นดุจ “สิงโตเสียงดัง” ที่กินอย่างตะกละ และพวกผู้พิพากษาก็เป็นดุจ “หมาใน” หิวโซ. (ซะฟันยา 3:3) ประชาราษฎร์ในแผ่นดินนั้นถูกกล่าวหาว่า “ทำเรือนของนายให้เต็มด้วยความร้ายกาจแลความคดโกง.” (ซะฟันยา 1:9) คตินิยมทางด้านวัตถุแพร่หลายดาษดื่น. หลายคนต่างก็ฉวยโอกาสจากสภาพแวดล้อมกอบโกยทรัพย์สมบัติไว้มากมาย.—ซะฟันยา 1:13.
สงสัยเรื่องวันของพระยะโฮวา
7. ซะฟันยาได้พยากรณ์นานกี่ปีก่อน “วันใหญ่ของพระยะโฮวา” และสภาพฝ่ายวิญญาณของพวกยิวหลายคนเป็นอย่างไร?
7 ดังเราได้เห็น สภาพการณ์ด้านศาสนาที่ส่อความหายนะซึ่งแพร่หลายในสมัยซะฟันยาเช่นนั้นแสดงว่า ท่านได้ปฏิบัติงานฐานะเป็นพยานและผู้พยากรณ์ก่อนกษัตริย์โยซียาเริ่มรณรงค์กวาดล้างการบูชารูปเคารพ คือประมาณ 648 ก่อนสากลศักราช. (2 โครนิกา 34:4, 5) ดังนั้น เป็นไปได้ที่ซะฟันยาคงได้กล่าวพยากรณ์อย่างน้อย 40 ปีก่อน “วันใหญ่ของพระยะโฮวา” มาถึงอาณาจักรยูดา. ในห้วงเวลาระหว่างนั้น ชาวยิวหลายคนคิดสงสัยในใจและได้ ‘ถอยออกไป’ จากการรับใช้พระยะโฮวา กลายเป็นคนเฉยเมย. ซะฟันยาพูดถึงคนเหล่านั้นที่ “มิได้แสวงหาแลอ้อนวอนขอแก่พระยะโฮวา.” (ซะฟันยา 1:6) ปรากฏชัดว่า ผู้คนในแผ่นดินยูดาเฉยเมย ไม่นำพาเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับพระเจ้า.
8, 9. (ก) เหตุใดพระยะโฮวาจะตรวจ “คนทั้งหลายที่นั่งแห้งแข็งบนที่เกรอะ”? (ข) พระยะโฮวาจะทรงมุ่งความสนพระทัยไปยังคนอยู่อาศัยแห่งแผ่นดินยูดา รวมทั้งพวกผู้นำฝ่ายพลเรือนและฝ่ายศาสนาโดยวิธีใด?
8 พระยะโฮวาได้ทรงเผยพระประสงค์ของพระองค์ที่จะตรวจสอบคนเหล่านั้นผู้ซึ่งอ้างตัวเป็นไพร่พลของพระองค์. จากท่ามกลางผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้นมัสการของพระองค์ พระองค์จะค้นหาคนเหล่านั้นซึ่งสงสัยพระปรีชาสามารถหรือพระดำริของพระองค์ที่จะเข้าไปแทรกแซงกิจธุระต่าง ๆ ของมนุษย์. พระองค์ทรงแถลงว่า: “ในคราวนั้นจะเป็นไป, คือเราจะค้นเมืองยะรูซาเลมด้วยสว่างแห่งเพลิงเทียน, แลจะลงโทษ [“พุ่งความสนใจไปที่,” ล.ม.] แก่คนทั้งหลายที่นั่งแห้งแข็งบนที่เกรอะ, ที่พูดในใจของเขาทั้งหลายว่า, พระยะโฮวาจะทำดีหรือจะกระทำชั่วก็หามิได้.” (ซะฟันยา 1:12) คำพูดที่ว่า “คนทั้งหลายที่นั่งแห้งแข็งบนที่เกรอะ” (พาดพิงถึงการทำเหล้าองุ่น) เกี่ยวโยงกับพวกที่ลงหลักปักฐาน คล้ายกับตะกอนนอนก้นถังเหล้าองุ่น และไม่อยากถูกรบกวนด้วยข่าวที่ประกาศว่าการแทรกแซงของพระเจ้าที่จะกระหน่ำกิจการของมนุษย์ใกล้เข้ามาแล้ว.
9 พระยะโฮวาคงจะมุ่งความสนพระทัยไปยังชาวเมืองที่อาศัยในแผ่นดินยูดาและยะรูซาเลม รวมถึงพวกปุโรหิตที่อยู่ท่ามกลางพวกเขาซึ่งได้นำเอาลัทธินอกรีตเข้ามาปนกับการนมัสการพระองค์. หากพวกเขารู้สึกปลอดภัย ประหนึ่งเร้นกายอยู่ในความมืดยามค่ำคืนภายในกำแพงกรุงยะรูซาเลม พระองค์ก็จะหาเขาพบ เสมือนโดยโคมไฟสว่างซึ่งส่องทะลุความมืดฝ่ายวิญญาณที่พวกเขายึดเอาเป็นที่หลบภัย. พระองค์จะเขย่าให้พวกเขาหายจากอาการเฉยเมยทางศาสนา ก่อนอื่นโดยข่าวการพิพากษาอันร้ายแรงน่ากลัว ครั้นแล้วโดยการสำเร็จโทษตามคำพิพากษา.
“วันใหญ่ของพระยะโฮวามาใกล้”
10. ซะฟันยาได้พรรณนาอย่างไรเกี่ยวด้วย “วันใหญ่ของพระยะโฮวา”?
10 พระยะโฮวาทรงดลใจซะฟันยาให้ประกาศว่า “วันใหญ่ของพระยะโฮวามาใกล้. มาใกล้แล้ว และเร่งมาก. เสียงแห่งวันของพระยะโฮวาก็ขมขื่น.” (ซะฟันยา 1:14, ล.ม.) แท้ที่จริง วันอันขมขื่นรออยู่ข้างหน้าทุกคน—พวกปุโรหิต, บรรดาเจ้านาย, และไพร่ฟ้า—ซึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามคำเตือนและไม่หวนกลับมาหาการนมัสการที่บริสุทธิ์. เกี่ยวด้วยวันสำเร็จโทษนั้น คำพยากรณ์พรรณนาต่อไปว่า “วันนั้นเป็นวันแห่งพระพิโรธกล้า วันแห่งความทุกข์เดือดร้อนและความกลัดกลุ้ม วันแห่งพายุและความร้างเปล่า วันแห่งความมืดและความครึ้ม วันแห่งเมฆและความมืดมัว วันแห่งแตรและสัญญาณเตือนภัยต่อเมืองทั้งหลายที่มีปราการและต่อหอสูงที่มุมกำแพง.”—ซะฟันยา 1:15, 16, ล.ม.
11, 12. (ก) ข่าวการพิพากษาเรื่องอะไรซึ่งได้ประกาศต่อยะรูซาเลม? (ข) ความเจริญมั่งคั่งด้านวัตถุจะช่วยชีวิตชาวยิวไหม?
11 ภายในเวลาไม่กี่สิบปี กองทัพบาบูโลนจะบุกรุกเข้าไปในแผ่นดินยูดา. ยะรูซาเลมจะไม่รอดพ้น. เขตอันเป็นที่อยู่อาศัยและย่านค้าขายจะถูกทำลายสิ้น. “พระเจ้า [“ยะโฮวา,” ล.ม.] ตรัสว่า ‘ในวันนั้นจะได้ยินเสียงร้องจากประตูปลา และเสียงร่ำไห้จากแขวงสอง และเสียงโครมครามจากเนินเขา. โอ ชาวตำบลครก [“มัคเทช,” ล.ม., เขตที่อยู่อาศัยในตัวเมืองยะรูซาเลม] จงร่ำไห้เถิด เพราะพ่อค้าทั้งปวงก็ไม่มีเหลือแล้ว ผู้ที่ชั่งเงินค้าขายก็ถูกกำจัดเสียแล้ว.’”—ซะฟันยา 1:10, 11, ฉบับแปลใหม่.
12 เนื่องจากไม่ยอมเชื่อว่าวันของพระยะโฮวามาใกล้ ชาวยิวจำนวนมากจึงหมกมุ่นอยู่กับการเสี่ยงด้านธุรกิจที่ให้กำไรงาม. แต่พระยะโฮวาได้ตรัสล่วงหน้าผ่านซะฟันยาผู้พยากรณ์สัตย์ซื่อของพระองค์ว่า ทรัพย์สินของเขาจะ “ถูกปล้น และเรือนของเขาจะเริศร้าง.” ถึงเขาจะทำสวนองุ่น เขาจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนนั้น และ “เงินหรือทองคำของเขาก็ดีจะไม่สามารถช่วยกู้เขาได้ในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า [“พระยะโฮวา,” ล.ม.].”—ซะฟันยา 1:13, 18, ฉบับแปลใหม่.
ชาติอื่น ๆ ถูกพิพากษา
13. ซะฟันยาได้ประกาศข่าวการพิพากษาเรื่องอะไรต่อโมอาบ, อำโมน, และอัสซีเรีย?
13 โดยทางซะฟันยาผู้พยากรณ์ของพระองค์ พระยะโฮวาได้แสดงพระพิโรธต่อชาวประเทศอื่น ๆ เช่นกันซึ่งกระทำอย่างโหดร้ายแก่ไพร่พลของพระองค์. พระองค์ทรงแถลงดังนี้: “เราได้ยินคำครหานินทาแห่งชาวเมืองโมอาบ, แลคำเยาะเย้ยลูกชายทั้งหลายแห่งอำโมน, ซึ่งเขาทั้งหลายได้ติเตียนนินทาพลไพร่ของเรา, แลพองตัวอวดอ้างต่อเขตแดนทั้งหลายของเขา. เหตุฉะนี้ ยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลาย, พระเจ้าแห่งพวกยิศราเอลได้ตรัสว่า, เราทรงชีวิตอยู่แลเมืองโมอาบจะเป็นเหมือนอย่างเมืองซะโดม, แลลูกชายทั้งหลายแห่งอำโมนจะเป็นเหมือนอย่างเมืองอะโมรา, คือเป็นที่ให้เกิดต้นหนามทั้งปวงและบ่อน้ำเค็ม, แลเป็นที่ร้างเปล่าอยู่เนืองนิตย์. . . . แลพระองค์จะเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออกต่อเมืองฝ่ายทิศเหนือ, แลจะผลาญทำลายเมืองอาซูรยา, แลกระทำเมืองนีนะเวให้เป็นที่ชำรุดร้างแห้งแล้งดุจป่าดอน.”—ซะฟันยา 2:8, 9, 13.
14. มีหลักฐานอะไรแสดงว่าชาติต่าง ๆ “พองตัวอวดอ้าง” เย้ยชาติยิศราเอลและพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขา?
14 โมอาบและอำโมนเป็นศัตรูของชาติยิศราเอลเป็นเวลายาวนาน. (เทียบกับวินิจฉัย 3:12-14.) แผ่นศิลาแห่งโมอาบ ในพิพิธภัณฑ์ลุฟร์ กรุงปารีส มีข้อความสลักคำพูดโอ้อวดของเมซา กษัตริย์ชาวโมอาบ. เขากล่าวอย่างภูมิใจถึงเรื่องการตีเมืองต่าง ๆ ของยิศราเอลได้หลายเมืองเพราะการช่วยจากเคมอชพระเจ้าของเขา. (2 กษัตริย์ 1:1) ยิระมะยา ผู้พยากรณ์ร่วมสมัยกับซะฟันยา ได้พูดถึงชาวอำโมนตีเมืองฆาดในแผ่นดินยิศราเอลได้ด้วยการอ้างชื่อมาละโคมพระเจ้าของพวกเขา. (ยิระมะยา 49:1) ส่วนกษัตริย์ซัลมัลเอเซ็รที่ห้าแห่งอาณาจักรอัสซีเรียได้ยกทัพไปยึดแผ่นดินซะมาเรียราวหนึ่งร้อยปีก่อนสมัยซะฟันยา. (2 กษัตริย์ 17:1-6) อีกไม่นานต่อมา กษัตริย์ซันเฮริบก็ยกทัพมาตีแผ่นดินยูดา ได้เข้ายึดหลายเมืองที่มีป้อมปราการแข็งแรง และกระทั่งขู่คุกคามจะยึดกรุงยะรูซาเลมด้วยซ้ำ. (ยะซายา 36:1, 2) ผู้พูดแทนกษัตริย์อัสซีเรียถึงกับได้พองตัวอวดอ้างท้าทายพระยะโฮวาเมื่อพูดข่มขู่ให้ยะรูซาเลมยอมแพ้.—ยะซายา 36:4-20.
15. พระยะโฮวาจะทรงทำให้พระเจ้าของชาติเหล่านั้นที่ได้พองตัวอวดอ้างเย้ยไพร่พลของพระองค์ต้องประสบความอัปยศอย่างไร?
15 เพลงสรรเสริญบท 83 ระบุชื่อชนชาติต่าง ๆ รวมทั้งโมอาบ, อำโมน, และอัสซีเรีย ซึ่งล้วนแต่วางโตต่อต้านชาติยิศราเอล และพูดอย่างอวดดีว่า “มาเถิด, ให้เราผลาญพวกนั้นเสียอย่าให้ตั้งเป็นประเทศได้; เพื่อชื่อเสียงพวกยิศราเอลจะไม่เป็นที่ระลึกถึงต่อไปอีก.” (บทเพลงสรรเสริญ 83:4) ผู้พยากรณ์ซะฟันยาได้ประกาศอย่างกล้าหาญว่า พระยะโฮวาจอมพลโยธาจะกระทำให้ชาติเหล่านี้ทุกชาติที่แสดงความโอหังพร้อมกับพระเจ้าของพวกเขาประสบความอัปยศ. “เหตุเหล่านี้จะบังเกิดมีแก่เขาทั้งหลาย, เพราะความจองหองของเขา, ด้วยว่าเขาทั้งหลายได้ติเตียนนินทา, แลพองตัวอวดอ้างต่อพวกพลของพระยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลาย. พระยะโฮวาจะเป็นที่เกรงกลัวแก่เขาทั้งหลายด้วยพระองค์จะกระทำพระทั้งหลายของโลกให้ผอมสูญไป, และชาวเกาะทะเลทั้งปวงจะถวายนมัสการแก่พระองค์ทุกคนในที่อยู่ของตน.”—ซะฟันยา 2:10, 11.
“จงคอยท่าเรา”
16. (ก) วันของพระยะโฮวาที่คืบใกล้เข้ามาจะเป็นเหตุแห่งความชื่นชมยินดีสำหรับใคร และเพราะเหตุใด? (ข) เสียงเรียกปลุกใจเช่นไรมีไปถึงชนที่เหลือผู้ซื่อสัตย์เหล่านั้น?
16 ขณะที่ความเฉยเมยฝ่ายวิญญาณ, กังขาคติ, การบูชารูปเคารพ, การทุจริตเสื่อมทราม, และลัทธิวัตถุนิยมแพร่หลายอยู่ท่ามกลางพวกผู้นำ และชาวเมืองจำนวนมากที่อาศัยในแผ่นดินยูดาและยิศราเอล ปรากฏว่ามีชาวยิวซื่อสัตย์บางคนได้ใส่ใจต่อคำพยากรณ์ของซะฟันยาที่เตือนล่วงหน้า. พวกเขาเศร้าหมองเพราะกิจปฏิบัติอันน่ารังเกียจในหมู่พวกเจ้านาย, ผู้พิพากษา, และปุโรหิตในแผ่นดินยูดา. คำแถลงของซะฟันยาย่อมเป็นการปลอบประโลมแก่ผู้ซื่อสัตย์ภักดีเหล่านี้. แทนที่จะเป็นสาเหตุทำให้ระทมทุกข์ การคืบใกล้เข้ามาแห่งวันของพระยะโฮวากลับเป็นเหตุแห่งความชื่นชมยินดีสำหรับพวกเขา เพราะจะเป็นการหยุดยั้งกิจปฏิบัติต่าง ๆ อันน่ารังเกียจดังกล่าว. ชนที่เหลือผู้ซื่อสัตย์เหล่านั้นเอาใจใส่ฟังเสียงเรียกปลุกใจจากพระยะโฮวาที่ว่า “‘เพราะฉะนั้น จงคอยท่าเรา’ เป็นคำตรัสของพระยะโฮวา ‘จนถึงวันที่เราจะลุกขึ้นตีชิง เพราะการตัดสินความของเราคือที่จะรวบรวมนานาชาติ ที่เราจะรวบรวมอาณาจักรทั้งหลาย เพื่อจะกล่าวโทษเขาและหลั่งความพิโรธอันร้อนแรงของเราลงเหนือเขา.’”—ซะฟันยา 3:8, ล.ม.
17. ข่าวสารของซะฟันยาเกี่ยวกับการพิพากษาเริ่มสำเร็จเป็นจริงกับชนชาติต่าง ๆ เมื่อไรและอย่างไร?
17 คนเหล่านั้นที่ฟังคำเตือนย่อมไม่รู้สึกแปลกใจ. หลายคนมีชีวิตทันได้เห็นคำพยากรณ์ของซะฟันยาสำเร็จเป็นจริง. ปี 632 ก่อนสากลศักราช กรุงนีนะเวถูกยึดและถูกทำลายจนหมดสิ้นโดยการร่วมมือระหว่างชาวบาบูโลน ชาวมาดาย และกำลังทางทหารจากฝ่ายเหนือซึ่งน่าจะเป็นพวกสิเธีย. วิลล์ ดูแรนต์ นักประวัติศาสตร์บรรยายว่า “กองทัพบาบูโลนภายใต้แม่ทัพนาโบโพลัสซาได้ผนึกกำลังเข้ากับกองทัพมาดายโดยการนำของไซอักซาเรสและกองกำลังชาวสิเธียจากเทือกเขาคอเคซัส และยึดครองป้อมปราการของฝ่ายเหนือได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วอย่างน่าประหลาด . . . ในการสัประยุทธ์ครั้งเดียวนั้น อาณาจักรอัสซีเรียก็ไม่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์อีกเลย.” เหตุการณ์นี้เป็นไปตามที่ซะฟันยาพยากรณ์ไว้จริง ๆ.—ซะฟันยา 2:13-15.
18. (ก) การสำเร็จโทษจากพระเจ้าต่อยะรูซาเลมนั้นเป็นไปอย่างไร และเพราะเหตุใด? (ข) คำพยากรณ์ของซะฟันยาว่าด้วยชาวโมอาบและอำโมนได้สำเร็จสมจริงอย่างไร?
18 ชาวยิวจำนวนไม่น้อยซึ่งตั้งตาคอยท่าพระยะโฮวามีชีวิตอยู่ทันได้เห็นการสำเร็จโทษของพระองค์ต่ออาณาจักรยูดาและยะรูซาเลมด้วยเช่นกัน. เกี่ยวด้วยยะรูซาเลมนั้น ซะฟันยาพยากรณ์ดังนี้: “วิบัติแก่เมืองซึ่งเป็นกบฏ, แลเป็นโสโครกเศร้าหมองแลข่มขี่อยู่นั้น. เขามิได้เชื่อฟังสำเนียง, มิได้รับโอวาทคำสั่งสอน, มิได้ปลงใจลงในพระยะโฮวา, มิได้เข้ามาใกล้พระเจ้าของเขา.” (ซะฟันยา 3:1, 2) เนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ กรุงยะรูซาเลมจึงถูกกองทัพบาบูโลนเข้าโอบล้อมโจมตีถึงสองครั้ง และในที่สุดถูกยึดและถูกทำลายอย่างย่อยยับเมื่อปี 607 ก่อนสากลศักราช. (2 โครนิกา 36:5, 6, 11-21) ส่วนพวกโมอาบและอำโมน ตามบันทึกของโยเซฟุส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวระบุว่า ในปีที่ห้าหลังจากยะรูซาเลมล่มจมแล้ว ชาวบาบูโลนได้ทำสงครามรบพุ่งต่อสู้ประเทศเหล่านั้นและประสบชัยชนะ. นับแต่นั้นมา ชาติเหล่านั้นก็สูญสิ้นไปจากแผ่นดินตามที่ได้พยากรณ์ไว้.
19, 20. (ก) โดยวิธีใดพระยะโฮวาได้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่คอยท่าพระองค์? (ข) เหตุใดเหตุการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับพวกเรา และบทความถัดไปจะมีการพิจารณาเรื่องอะไร?
19 เหตุการณ์เหล่านี้และรายละเอียดอื่น ๆ ซึ่งสำเร็จเป็นจริงตามคำพยากรณ์ของซะฟันยา เป็นประสบการณ์ที่เสริมสร้างความเชื่อแก่ชาวยิวและชนชาติอื่นซึ่งคอยท่าพระยะโฮวา. จากจำนวนผู้คนที่รอดผ่านการทำลายล้างซึ่งได้เกิดขึ้นแก่ยูดาและยะรูซาเลมก็มียิระมะยา, เอเบ็ดเมเล็กชาวเอธิโอเปีย และพวกเรคาบซึ่งเป็นลูกหลานโยนาดาบ. (ยิระมะยา 35:18, 19; 39:11, 12, 16-18) ชาวยิวที่ซื่อสัตย์ที่ถูกกวาดเป็นเชลยและลูกหลานของเขา ซึ่งยังคงคอยท่าพระยะโฮวาอยู่ต่อไปจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในจำพวกชนที่เหลือที่มีความสุข ซึ่งได้รับการปลดปล่อยออกมาจากบาบูโลนในปี 537 ก่อนสากลศักราช แล้วกลับไปยังแผ่นดินยูดาเพื่อตั้งการนมัสการอันบริสุทธิ์ขึ้นใหม่.—เอษรา 2:1; ซะฟันยา 3:14, 15, 20.
20 ทั้งหมดนี้มีความหมายอย่างไรสำหรับสมัยของเรา? ในหลายแง่สภาพการณ์สมัยซะฟันยาตรงกับสิ่งอันน่ารังเกียจที่เกิดขึ้นเวลานี้ในคริสต์ศาสนจักร. ยิ่งกว่านั้น นานาทัศนะของชาวยิวสมัยนั้นก็คล้ายกันกับทัศนะของคนสมัยนี้ กระทั่งในท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวาด้วยซ้ำ. เรื่องเหล่านี้จะนำขึ้นมาพิจารณาในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a ดูเหมือนการใช้คำ “บุตรทั้งหลายแห่งมหากษัตริย์” หมายรวมถึงบรรดาเจ้านายแห่งราชวงศ์ เนื่องจากขณะนั้นโอรสทั้งหลายของโยซียายังอยู่ในวัยเยาว์มาก.
สำหรับการทบทวน
▫ สภาพการณ์ทางศาสนาในแผ่นดินยูดาสมัยซะฟันยาเป็นอย่างไร?
▫ สภาพการณ์เช่นไรแพร่หลายท่ามกลางพวกผู้พิพากษาและเจ้านาย และหลายคนมีทัศนะเช่นไร?
▫ ชาติต่าง ๆ พองตัวอวดอ้างอย่างไรต่อไพร่พลของพระยะโฮวา?
▫ ซะฟันยาให้คำเตือนอะไรแก่ยูดาและชาติอื่น ๆ?
▫ คนเหล่านั้นที่คอยท่าพระยะโฮวาได้รับบำเหน็จอย่างไร?
[รูปภาพหน้า 9]
แผ่นศิลาแห่งโมอาบให้หลักฐานยืนยันว่ากษัตริย์เมซาแห่งโมอาบได้กล่าวคำหมิ่นประมาทชาติยิศราเอลโบราณ
[ที่มาของภาพหน้า 9]
Moabite Stone: Musée du Louvre, Paris
[รูปภาพหน้า 10]
แผ่นดินเหนียวที่จารึกด้วยอักษรรูปลิ่มแผ่นนี้อันเป็นส่วนของพงศาวดารบาบูโลนบันทึกเรื่องความพินาศของกรุงนีนะเวอันเกิดจากการผนึกกำลังระหว่างกองทัพหลายชาติซึ่งเป็นการสนับสนุนคำพยากรณ์ของซะฟันยา
[ที่มาของภาพหน้า 10]
Cuneiform tablet: Courtesy of The British Museum