ทำไมถวายแด่พระยะโฮวา?
ขณะที่ตะวันส่องแสงจ้าลงที่ซาเร็บตาเมืองเล็ก ๆ แห่งซีโดน หญิงม่ายคนหนึ่งก้มหน้าก้มตาเก็บฟืน. นางต้องก่อไฟทำอาหารซึ่งยังมีเหลืออยู่เล็กน้อย—อาจเป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่นางกับบุตรชายจะได้กิน. นางต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวเองกับลูกชายจะมีชีวิตรอดผ่านช่วงภาวะแล้งที่ยาวนานและการกันดารอาหาร และในที่สุดก็มาอยู่ในสภาพที่น่าเศร้าสลดใจเช่นนี้. ทั้งสองคนกำลังอดอยาก.
ชายผู้หนึ่งเดินมุ่งหน้ามาใกล้. ชื่อของเขาคือเอลียา และเพียงชั่วครู่หญิงม่ายก็รู้ได้ว่าเขาคือผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา. ดูเหมือนว่านางเคยได้ยินเรื่องพระเจ้าองค์นี้. พระยะโฮวาต่างไปจากบาละ ซึ่งวิธีการนมัสการบาละที่โหดเหี้ยมและเสื่อมทรามนั้นมีแพร่หลายกระจายทั่วแผ่นดินซีโดนที่นางอยู่. ดังนั้น เมื่อเอลียาขอน้ำดื่ม นางกระวีกระวาดหามาให้. บางทีนางอาจคิดว่าการทำเช่นนั้นพระยะโฮวาจะโปรดปราน. (มัดธาย 10:41, 42) แต่แล้วเอลียาขอมากกว่านั้น—ขออาหารสักเล็กน้อย. นางได้ชี้แจงว่านางมีอาหารพอแค่มื้อสุดท้ายมื้อเดียว. กระนั้น เอลียายังคงวอนขอต่อไป โดยรับรองกับนางว่า โดยการอัศจรรย์พระยะโฮวาคงจะจัดเตรียมอาหารให้แก่นางจนกว่าจะพ้นภาวะฝนแล้ง. นางทำอย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลแจ้งดังนี้: “นางก็ได้กระทำตามคำขอของเอลียา.” (1 กษัตริย์ 17:15) ถ้อยคำง่าย ๆ เหล่านี้บ่งบอกถึงการกระทำที่อาศัยความเชื่อมากมาย—ที่จริง มากถึงขนาดที่พระเยซูคริสต์ทรงกล่าวยกย่องหญิงม่ายผู้นี้ต่อมาอีกเกือบหนึ่งพันปีให้หลัง!—ลูกา 4:25, 26.
กระนั้นก็ตาม อาจดูเป็นสิ่งผิดธรรมดาที่พระยะโฮวาจะขอมากถึงเพียงนั้นจากหญิงที่อัตคัดขัดสน. เรื่องนี้แปลกเป็นพิเศษ เมื่อเราพิจารณาการอธิษฐานของบุรุษผู้มีชื่อเสียงในโอกาสหนึ่ง. เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงรวบรวมสิ่งของบริจาคมอบให้แก่ซะโลโมราชโอรสเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างพระวิหารนั้นก่อให้เกิดน้ำใจให้ปันอย่างใจกว้าง. สิ่งของที่ได้รับบริจาคเมื่อประเมินตามค่าเงินสมัยนี้ก็มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์! กระนั้น ดาวิดกล่าวคำอธิษฐานต่อพระยะโฮวาดังนี้: “ข้าพเจ้าเป็นผู้ใด, และราษฎรของข้าพเจ้าเหล่านี้เป็นผู้ใด, ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงมีกำลังอาจนำของมาถวายอย่างนี้? ด้วยสรรพสิ่งย่อมเป็นมาจากพระองค์, ข้าพเจ้าทั้งหลายนำแต่ของที่มาจากพระหัตถ์ของพระองค์มาถวาย.” (1 โครนิกา 29:14) ดังที่ดาวิดกล่าว สรรพสิ่งเป็นของพระยะโฮวา. ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่เราบริจาคเพื่อส่งเสริมงานนมัสการบริสุทธิ์ เราก็เพียงแต่ถวายสิ่งของซึ่งเป็นของพระองค์อยู่แล้วแด่พระยะโฮวาเท่านั้น. (บทเพลงสรรเสริญ 50:10) ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำถามขึ้นมาว่า ไฉนพระยะโฮวาประสงค์จะให้เราเป็นฝ่ายให้?
ส่วนสำคัญของการนมัสการแท้
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ ตั้งแต่กาลโบราณมาแล้ว พระยะโฮวาได้กำหนดการให้เป็นส่วนสำคัญของการนมัสการอันบริสุทธิ์. เฮเบลชายผู้ซื่อสัตย์ได้นำสัตว์บางตัวที่มีค่าถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวา. บรรดาปฐมบรรพบุรุษ เช่น โนฮา, อับราฮาม, ยิศฮาค, ยาโคบ, และโยบต่างก็นำถวายสิ่งของที่คล้ายคลึงกัน.—เยเนซิศ 4:4; 8:20; 12:7; 26:25; 31:54; โยบ 1:5.
บัญญัติของโมเซได้สั่งและถึงกับกำหนดการบริจาคเพื่อนำถวายพระยะโฮวา. อย่างเช่น ชาวยิศราเอลถ้วนหน้าได้รับบัญชาให้ถวายส่วนสิบชักหนึ่ง หรือบริจาคหนึ่งในสิบส่วนของผลผลิตจากไร่นาและจากจำนวนฝูงสัตว์ที่เพิ่มทวี. (อาฤธโม 18:25-28) การบริจาคอื่น ๆ ไม่ค่อยจะกำหนดเข้มงวดนัก. ยกตัวอย่าง มีข้อเรียกร้องให้ชาวยิศราเอลแต่ละคนนำผลแรกเกิดจากฝูงสัตว์และผลแรกที่ได้จากไร่นาของตนมาถวายแด่พระยะโฮวา. (เอ็กโซโด 22:29, 30; 23:19) ถึงกระนั้น พระบัญญัติยอมให้แต่ละคนเป็นรายตัวตัดสินใจเองว่าจะถวายผลไม้ต้นฤดูมากน้อยเพียงใดก็ได้ ตราบที่เขาได้ถวายสิ่งที่ดีที่สุด. นอกจากนั้น พระบัญญัติยังกำหนดให้มีการถวายเครื่องบูชาโมทนาพระคุณและเครื่องบูชาปฏิญาณตัว ซึ่งเป็นไปโดยความสมัครใจทั้งสิ้น. (เลวีติโก 7:15, 16) พระยะโฮวาทรงสนับสนุนไพร่พลของพระองค์ถวายตามสัดส่วนที่พระองค์ทรงอำนวยพรแก่เขา. (พระบัญญัติ 16:17) ดังที่ปรากฏในคราวสร้างพลับพลาประชุมและต่อมาเมื่อมีการสร้างพระวิหาร แต่ละคนได้บริจาคตามที่หัวใจกระตุ้นเขา. (เอ็กโซโด 35:21; 1 โครนิกา 29:9) แน่นอน การบริจาคด้วยใจสมัครดังกล่าวเป็นที่ชอบพระทัยพระยะโฮวาอย่างยิ่ง!
ภายใต้ “พระบัญญัติของพระคริสต์” การให้ทุกอย่าง กระทำโดยความสมัครใจ. (ฆะลาเตีย 6:2; 2 โกรินโธ 9:7) นั่นไม่หมายความว่าสาวกของพระคริสต์ได้ยุติการให้ หรือลดให้น้อยกว่า. กลับตรงกันข้าม! ขณะที่พระเยซูและอัครสาวกของพระองค์ประกาศเผยแพร่ในแผ่นดินยิศราเอล กลุ่มสตรีได้ติดตามและให้การปรนนิบัติบุคคลเหล่านี้ด้วยใช้สิ่งของที่พวกเขามีอยู่. (ลูกา 8:1-3) เช่นเดียวกัน อัครสาวกเปาโลได้รับสิ่งของซึ่งอำนวยประโยชน์ต่องานประกาศเผยแพร่ของท่าน ฝ่ายท่านเองก็ได้กระตุ้นหนุนใจประชาคมต่าง ๆ ให้จัดตั้งกองทุนสำรองเผื่อผู้อื่นที่ขัดสน. (2 โกรินโธ 8:14; ฟิลิปปอย 1:3-5) คณะกรรมการปกครองในกรุงยะรูซาเลมได้มอบหมายพวกผู้ชายที่ไว้ใจได้เพื่อจะแน่ใจว่า ทรัพย์บริจาคที่รับมานั้นได้นำไปแจกปันแก่คนอัตคัดขัดสน. (กิจการ 6:2-4) เห็นได้ชัดว่าคริสเตียนสมัยแรกถือเอาเรื่องนี้เป็นสิทธิพิเศษจะสนับสนุนการนมัสการอันบริสุทธิ์ด้วยวิธีดังกล่าว.
กระนั้นก็ดี พวกเราอาจอยากรู้ว่าทำไมพระยะโฮวาถึงได้ทรงกำหนดการให้เป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการพระองค์. ขอพิจารณาเหตุผลสี่ประการ.
เหตุที่เราให้
ประการแรก พระยะโฮวาทรงกำหนดการให้เป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการแท้ เพราะการกระทำเช่นนั้นเป็นประโยชน์สำหรับตัวเรา. การให้ย้ำเตือนเราให้ตระหนักถึงคุณความดีของพระเจ้า. เพื่อเป็นตัวอย่าง ถ้าลูกซื้อหรือทำของขวัญให้พ่อหรือแม่ ทำไมพ่อหรือแม่จึงยิ้มด้วยความปลื้มใจ? ของขวัญชิ้นนั้นถูกใจพ่อแม่ เป็นสิ่งของที่พ่อแม่ต้องการอย่างยิ่งซึ่งไม่อาจหามาได้ด้วยวิธีอื่นเช่นนั้นไหม? คงไม่ใช่. แต่ที่พ่อแม่มีความยินดีก็เนื่องจากเห็นลูกพัฒนาความหยั่งรู้ค่าและมีน้ำใจให้ปัน. ด้วยเหตุผลคล้ายกัน พระยะโฮวาสนับสนุนเราเป็นผู้ให้และทรงยินดีเมื่อเราทำเช่นนั้น. นี้แหละเป็นวิธีที่เราแสดงให้พระองค์เห็นว่า จริง ๆ แล้วเราหยั่งรู้ค่าความกรุณาอันไม่มีขีดคั่นและพระทัยกว้างขวางที่พระองค์สำแดงต่อพวกเราในทุกด้าน. พระองค์ทรงเป็นผู้ประทาน “ของอันดีทุกอย่าง และของประทานอันสมบูรณ์ทุกอย่าง” ดังนั้น เราจึงมีเหตุผลตลอดเวลาจะขอบพระคุณพระองค์. (ยาโกโบ 1:17, ล.ม.) ยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น พระยะโฮวาทรงประทานพระบุตรที่รักองค์เดียวของพระองค์ ยอมให้พระบุตรวายพระชนม์เพื่อเราจะได้ชีวิตนิรันดร์. (โยฮัน 3:16) พวกเราจะแสดงการสำนึกบุญคุณพระองค์ได้เพียงพอหรือเปล่า?
ประการที่สอง หากเราทำเป็นนิสัยในเรื่องการให้ ด้วยวิธีนี้ เราเรียนรู้ที่จะเอาอย่างพระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ ในประเด็นที่สำคัญยิ่ง. พระยะโฮวาทรงมีพระทัยประสงค์กว้างขวาง การให้ของพระองค์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ. ดังกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลว่า พระองค์ “ทรงประทานชีวิตและลมหายใจและสิ่งสารพัด.” (กิจการ 17:25, ล.ม.) เราจะขอบคุณพระองค์ได้อย่างเหมาะสมทีเดียวสำหรับการหายใจเข้าออกทุกครั้ง, อาหารทุกคำที่เรารับประทาน, ทุกขณะในชีวิตที่เรามีความสุขและรู้สึกพึงพอใจ. (กิจการ 14:17) เช่นเดียวกับพระบิดาของพระองค์ พระเยซูได้สำแดงน้ำใจเผื่อแผ่ให้ปัน. พระองค์ทรงสละตนเองอย่างไม่หวงตัว. คุณทราบไหมว่าเมื่อพระเยซูกระทำการอัศจรรย์ พระองค์เองเป็นฝ่ายสูญเสีย? คัมภีร์ไบเบิลแจ้งเรามากกว่าหนึ่งครั้งว่าเมื่อพระองค์รักษาคนป่วย “ฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์.” (ลูกา 6:19; 8:45, 46) พระเยซูทรงมีพระทัยกว้างขวางอย่างแท้จริงถึงกับสละจิตวิญญาณของพระองค์, ชีวิตของพระองค์กระทั่งสิ้นพระชนม์.—ยะซายา 53:12.
ดังนั้น เมื่อเราให้ ไม่ว่าเวลา, กำลังวังชา, หรือสิ่งที่อยู่ในความครอบครองของเรา, เราให้เพราะเราเลียนแบบพระยะโฮวาและทำให้พระองค์สำราญพระทัย. (สุภาษิต 27:11; เอเฟโซ 5:1) นอกจากนั้น เรายังดำเนินตามแบบอย่างที่สมบูรณ์พร้อมเกี่ยวกับการประพฤติของมนุษย์ซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงวางไว้ให้เรา.—1 เปโตร 2:21.
ประการที่สาม การให้สนองความจำเป็นที่แท้จริงและที่สำคัญ. จริงอยู่ พระยะโฮวาสามารถจะสนองความต้องการด้านผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย โดยที่เราไม่ต้องช่วยเลย อย่างที่พระองค์สามารถสั่งก้อนหินป่าวร้องแทนที่จะใช้พวกเราประกาศพระคำ. (ลูกา 19:40) ทว่า พระองค์พอพระทัยที่จะให้เกียรติเราเนื่องด้วยสิทธิพิเศษเหล่านี้. ดังนั้น เมื่อเราใช้โภคทรัพย์ของเราส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร เราจึงอิ่มใจพอใจเหลือเกินเมื่อรู้ว่าเรามีบทบาทอย่างแท้จริงในงานสำคัญที่สุดซึ่งทำกันอยู่ทั่วโลก.—มัดธาย 24:14.
ความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนดำเนินงานของพยานพระยะโฮวาทั่วโลกนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง. ตลอดปีรับใช้ 1995 สมาคมฯใช้จ่ายเงินเกือบ 1,500,000,000 บาทเพื่อให้การเอาใจใส่ไพโอเนียร์พิเศษ, มิชชันนารี, และผู้ดูแลเดินทางซึ่งทำงานประกาศเผยแพร่ในเขตที่เขารับมอบหมาย. อย่างไรก็ตาม จำนวนนี้อาจเป็นรายจ่ายค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างและการดำเนินงานของสำนักงานสาขา และโรงพิมพ์ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก. กระนั้นก็ดี ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ก็โดยการบริจาคด้วยใจสมัครทั้งสิ้น!
โดยปกติแล้วไพร่พลของพระยะโฮวาไม่ทึกทักเอาว่าตัวเองมีฐานะไม่ค่อยดี แล้วก็อาจจะปล่อยให้คนอื่นแบกภาระ. ท่าทีดังกล่าวคงจะเป็นเหตุให้เราพลาดแง่มุมนี้ในการนมัสการของเรา. ตามที่อัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ คริสเตียนเมืองมากะโดเนียอยู่ในสภาพที่มี “ความยากจนแสนเข็ญ.” ถึงกระนั้น เขาได้วิงวอน ขอมีสิทธิพิเศษในการให้. และอย่างที่เปาโลให้การเป็นพยานว่า สิ่งของที่เขาบริจาคให้นั้น “เกินความสามารถของเขาเสียอีก.”—2 โกรินโธ 8:1-4.
ประการที่สี่ พระยะโฮวาทรงกำหนดการให้เป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการแท้ เนื่องจากการให้จะช่วยเราให้มีความสุข. พระเยซูตรัสดังนี้: “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ.” (กิจการ 20:35, ล.ม.) นั่นเป็นวิธีที่พระยะโฮวาออกแบบเรา. นั่นเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งซึ่งเราอาจรู้สึกว่าถึงแม้เราได้ถวายแด่พระองค์มากเพียงใดก็ตาม ก็อาจไม่เทียบเท่ากับการหยั่งรู้ค่าที่เรามีภายในหัวใจของเรา. แต่น่ายินดี พระยะโฮวาไม่ทรงคาดหมายจากพวกเรามากเกินกว่าที่เราสามารถให้ได้. เรามั่นใจได้ว่าพระองค์ทรงปลื้มพระทัยเมื่อเราให้ด้วยความยินดีตามที่เราทำได้!—2 โกรินโธ 8:12; 9:7.
พระพรอันเนื่องมาจากการมีน้ำใจให้ปัน
ให้เราย้อนพิจารณาตัวอย่างข้างต้น จินตนาการว่าหญิงม่ายเมืองซาเร็บตายกเหตุผลว่าคงมีผู้อื่นที่สามารถดูแลให้อาหารมื้อหนึ่งแก่เอลียาตามความต้องการได้. นางคงจะไม่ได้รับพระพรนั้นเป็นแน่!
ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ว่า พระยะโฮวาทรงอวยพรคนเหล่านั้นที่มีน้ำใจให้ปัน. (สุภาษิต 11:25) หญิงม่ายเมืองซาเร็บตาไม่เป็นทุกข์เดือดร้อนเมื่อนางได้สละสิ่งซึ่งตนคิดว่าเป็นอาหารมื้อสุดท้าย. พระยะโฮวาทรงตอบแทนนางด้วยการอัศจรรย์. เป็นตามที่เอลียาได้สัญญาว่า แป้งในหม้อจะไม่หมดและน้ำมันในขวดจะไม่ขาดจนกว่าภาวะแห้งแล้งผ่านพ้นไป. แต่นางได้รับบำเหน็จมากยิ่งกว่านั้นเสียอีก. เมื่อบุตรชายของนางป่วยหนักและถึงแก่ความตาย เอลียาคนของพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ได้ชุบชีวิตเขาให้เป็นขึ้นมาและมอบให้นาง. เหตุการณ์นั้นคงต้องได้เสริมสร้างทางฝ่ายวิญญาณแก่นางเป็นแน่แท้!—1 กษัตริย์ 17:16-24.
สมัยนี้เราไม่คาดหวังจะประสบพระพรโดยการอัศจรรย์. (1 โกรินโธ 13:8) แต่พระยะโฮวาทรงรับรองพวกเราว่าพระองค์จะทรงค้ำจุนคนเหล่านั้นที่รับใช้พระองค์สุดจิตวิญญาณ. (มัดธาย 6:33) ดังนั้น เราสามารถเป็นเหมือนหญิงม่ายเมืองซาเร็บตาได้ในแง่นี้ คือการให้อย่างไม่อั้น มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทรงดูแลเรา. เช่นเดียวกัน เราย่อมได้บำเหน็จอันดีเยี่ยมฝ่ายวิญญาณ. ถ้าการให้ของเราเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรอันสม่ำเสมอ แทนที่จะทำนาน ๆ ครั้งแล้วแต่อารมณ์โดยไม่คิดล่วงหน้า ทั้งนี้จะทำให้เรารักษาดวงตาเป็นปกติและเพ่งไปยังผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร ดังพระเยซูตรัสแนะนำไว้. (ลูกา 11:34; เทียบกับ 1 โกรินโธ 16:1, 2.) นอกจากนั้น การให้จะช่วยเราให้รู้สึกผูกพันใกล้ชิดพระยะโฮวาและพระเยซูยิ่ง ๆ ขึ้น ฐานะที่เราเป็นเพื่อนร่วมงานของพระองค์. (1 โกรินโธ 3:9) และการให้จะเพิ่มพูนความมีใจกว้าง น้ำใจให้ปันอันเป็นเครื่องหมายที่ระบุตัวผู้นมัสการพระยะโฮวาตลอดทั่วโลกอยู่แล้ว.
[กรอบหน้า 31]
วิธีต่าง ๆ ที่บางคนบริจาค
การบริจาคสำหรับงานทั่วโลก
หลายคนกันเงินไว้หรือจัดงบประมาณไว้จำนวนหนึ่งที่จะใส่ในหีบบริจาคที่มีป้ายว่า “เงินบริจาคสำหรับงานของสมาคมฯตลอดทั่วโลก—มัดธาย 24:14.” แต่ละเดือนประชาคมส่งเงินจำนวนนี้ต่อไปยังสำนักงานใหญ่ในบรุกลิน นิวยอร์ก หรือไม่ก็สำนักงานสาขาในท้องถิ่น.
อาจส่งเงินบริจาคด้วยใจสมัครโดยตรงถึง The Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania, 25 Columbia Heights, Brooklyn, New York 11201-2483, หรือถึงสำนักงานของสมาคมฯที่รับใช้ประเทศของคุณ. อาจบริจาคเพชรพลอยหรือของมีค่าอื่น ๆ ได้ด้วย. ควรส่งจดหมายสั้น ๆ ซึ่งแจ้งว่านั้นเป็นของให้โดยตรงพร้อมกับการบริจาคเหล่านี้.
การบริจาคแบบมีเงื่อนไข
อาจฝากเงินไว้กับสมาคมว็อชเทาเวอร์ จนกระทั่งผู้บริจาคเสียชีวิต โดยมีเงื่อนไขว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นเฉพาะตัว ก็จะส่งเงินนั้นคืนไปยังผู้บริจาค.
การวางแผนสำหรับการบริจาค
เงินประกัน: อาจระบุชื่อสมาคมว็อชเทาเวอร์เป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือเงินบำเหน็จบำนาญ. ควรแจ้งให้สมาคมฯทราบการจัดเตรียมใด ๆ ดังกล่าว.
บัญชีออมทรัพย์: บัญชีออมทรัพย์, ใบหลักฐานการฝากเงิน หรือบัญชีฝากเงินบำนาญของปัจเจกบุคคลอาจมอบไว้ในความดูแล ของสมาคมว็อชเทาเวอร์ หรือให้สมาคมฯเบิกได้เมื่อเจ้าของตาย ตรงตามข้อกำหนดของธนาคารในท้องถิ่น. ควรแจ้งให้สมาคมฯทราบการจัดเตรียมใด ๆ ดังกล่าว.
หุ้นและพันธบัตร: อาจบริจาคหุ้นและพันธบัตรให้สมาคมว็อชเทาเวอร์ได้ฐานะเป็นของให้โดยตรง หรือภายใต้การจัดเตรียมที่ยังคงจ่ายเงินปันผลให้ผู้บริจาค.
อสังหาริมทรัพย์: อาจบริจาคอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถขายได้ให้กับสมาคมว็อชเทาเวอร์ ทั้งโดยการยกให้เลย หรือโดยสงวนทรัพย์สินไว้ตลอดชีวิตสำหรับผู้บริจาค ผู้ซึ่งจะอาศัยอยู่ต่อไปที่นั่นตลอดช่วงชีวิตของเขา. ควรติดต่อกับสมาคมฯก่อนการทำสัญญาโอนอสังหาริมทรัพย์ใด ๆ ให้กับสมาคมฯ.
พินัยกรรมและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน: อาจยกทรัพย์สินหรือเงินให้สมาคมว็อชเทาเวอร์ได้โดยทางพินัยกรรมที่ลงนามอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรืออาจระบุชื่อสมาคมฯเป็นผู้รับประโยชน์จากข้อตกลงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน. ในบางประเทศ ทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อองค์การศาสนาอาจมีข้อได้เปรียบบางอย่างในการยกเว้นภาษี. ควรส่งสำเนาพินัยกรรมหรือข้อตกลงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นถึงสมาคมฯ.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งข้างต้น โปรดเขียนถึง
Treasurer’s Office, Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania, 25 Columbia Heights, Brooklyn, New York 11201-2483,
หรือถึงสำนักงานของสมาคมฯที่รับใช้ประเทศของคุณ.