หนุ่มสาวผู้ระลึกถึงพระผู้สร้างของตน
“บัดนี้จงระลึกถึงพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้าในช่วงวัยหนุ่มของเจ้า.”—ท่านผู้ประกาศ 12:1, ล.ม.
1. คำพูดอะไรของเด็กอายุ 11 ขวบที่เผยให้เห็นว่าพระผู้สร้างของเรานั้นเป็นอยู่จริงสำหรับเขา?
ช่างเป็นการดีสักเพียงไรเมื่อผู้เยาว์พูดและกระทำในแนวที่แสดงว่า พวกเขามองดูพระยะโฮวาพระเจ้าในฐานะเป็นบุคคลจริง ๆ ซึ่งพวกเขาเคารพบูชาและต้องการทำให้พระองค์พอพระทัย! เด็กชายคนหนึ่งอายุ 11 ปีกล่าวดังนี้: “เมื่อผมอยู่คนเดียวและมองออกไปทางหน้าต่าง ผมเห็นว่าสิ่งที่พระยะโฮวาทรงสร้างช่างดียอดเยี่ยมสักเพียงไร. แล้วผมก็นึกภาพอุทยานในอนาคตว่าจะสวยสดงดงามอย่างไรและวิธีที่ผมจะสามารถจับต้องสัตว์ต่าง ๆ ได้.” (ยะซายา 11:6-9) เขากล่าวอีกว่า “เมื่อผมอยู่คนเดียว ผมอธิษฐานถึงพระยะโฮวา. ผมรู้ว่าพระองค์จะไม่เคืองผมที่พูดกับพระองค์ทั้งวัน. ผมรู้ว่าพระองค์เฝ้ามองผมอยู่เสมอ.” พระผู้สร้างของเราทรงเป็นอยู่จริง ๆ สำหรับคุณไหม เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นบุคคลจริง ๆ สำหรับเด็กน้อยคนนี้?
พระเจ้าทรงเป็นอยู่จริง ๆ สำหรับคุณขนาดไหน?
2. (ก) พระผู้สร้างของคุณจะเป็นอยู่จริงสำหรับคุณโดยวิธีใด? (ข) บิดามารดาจะมีส่วนอะไรได้บ้างในการช่วยบุตรของตนให้หยั่งรู้ว่าพระเจ้าเป็นบุคคลจริง ๆ?
2 เพื่อพระยะโฮวาและคำสัญญาของพระองค์จะเป็นจริงสำหรับคุณ ประการแรก คุณต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์และอนาคตอันยอดเยี่ยมที่พระองค์ทรงเสนอให้คุณในโลกใหม่ที่ชอบธรรมซึ่งคัมภีร์ไบเบิลพรรณนา. (วิวรณ์ 21:3, 4) หากบิดามารดาของคุณได้สอนคุณในเรื่องเหล่านี้ คุณก็มีเหตุผลจะสำนึกขอบคุณเพราะนี่ทำให้คุณสามารถเอาใจใส่คำสั่งที่เขียนโดยการดลใจที่ว่า “บัดนี้ จงระลึกถึง พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า.” (ท่านผู้ประกาศ 12:1, ล.ม.) เยาวชนคนหนึ่งกล่าวถึงการฝึกอบรมที่บิดามารดาได้ให้แก่เธอขณะยังเล็กอยู่ดังนี้: “ทุกสิ่งในชีวิตเกี่ยวข้องกับพระยะโฮวาเสมอ. นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดิฉันระลึกถึงพระผู้สร้างของดิฉัน.” หญิงสาวอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ดิฉันจะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ตลอดไปที่ได้สอนดิฉันว่าพระยะโฮวาเป็นบุคคลจริง ๆ. ท่านทั้งสองแสดงให้ดิฉันเห็นวิธีที่จะรักพระองค์ และบอกดิฉันเกี่ยวกับความยินดีในการรับใช้พระองค์เต็มเวลา.”
3, 4. อะไรจะสามารถช่วยคุณให้คิดถึงพระยะโฮวาฐานะเป็นบุคคลจริง?
3 กระนั้น หลายคนพบว่ายากจะนึกภาพพระเจ้าฐานะเป็นบุคคลจริงที่ใฝ่พระทัยในตัวเขา. คุณรู้สึกอย่างนั้นไหม? เยาวชนคนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือให้คิดถึงพระเจ้าเป็นส่วนตัวจากข้อความในหอสังเกตการณ์ ดังต่อไปนี้: “ในเรื่องขนาดร่างกายของพระยะโฮวาจะโตใหญ่สักแค่ไหนนั้น เราไม่ทราบ.” แน่นอน ความสูงส่งของพระเจ้าไม่ได้อยู่ที่ขนาดหรือรูปร่างของพระองค์ ดังที่ประโยคถัดไปในหอสังเกตการณ์ ฉบับนั้นกล่าวว่า “ความใหญ่โตจริง ๆ ของพระองค์นั้นอยู่ในข้อที่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าชนิดใดต่างหาก” ซึ่งโดยแท้จริงแล้วก็คือ ทรงเป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์, เมตตา, เปี่ยมด้วยความรัก, และพร้อมจะให้อภัย.a (เอ็กโซโด 34:6; พระบัญญัติ 32:4; บทเพลงสรรเสริญ 86:5; ยาโกโบ 5:11) คุณมีทัศนะต่อพระยะโฮวาฐานะทรงเป็นบุคคลดังที่ได้กล่าวไป และเป็นมิตรที่จะฝากความไว้วางใจซึ่งคุณสามารถมีสัมพันธภาพที่ล้ำค่าด้วยไหม?—ยะซายา 41:8; ยาโกโบ 2:23.
4 พระเยซูทรงช่วยเหล่าผู้ติดตามพระองค์ในยุคเริ่มแรกให้มีสัมพันธภาพเป็นส่วนตัวกับพระเจ้า. ดังนั้น เมื่ออัครสาวกโยฮันเขียนเกี่ยวกับการเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์ที่ท่านคาดว่าจะได้รับ โยฮันกล่าวว่า “เราทั้งหลายจะเป็นเหมือน [พระเจ้า], เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไร, เราจะเห็นพระองค์อย่างนั้น.” (1 โยฮัน 3:2; 1 โกรินโธ 15:44) เยาวชนทุกวันนี้สามารถได้รับความช่วยเหลือให้มองดูพระเจ้าฐานะทรงเป็นบุคคลจริง ผู้ซึ่งพวกเขาสามารถได้มารู้จักอย่างดีแม้ว่าไม่สามารถเห็นพระองค์ได้เป็นส่วนตัว. หนุ่มคนหนึ่งสังเกตดังนี้: “คุณพ่อคุณแม่ช่วยผมให้ระลึกถึงพระยะโฮวาโดยใช้คำถามต่าง ๆ อย่างเช่น ‘พระยะโฮวาจะตรัสอย่างไรในเรื่องนี้? ลูกจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดของตัวเองอย่างไร? นั่นหมายความว่าอย่างไร?’” คำถามลักษณะนี้ทำให้เราคิดเกี่ยวกับสัมพันธภาพส่วนตัวของเรากับพระเจ้ามิใช่หรือ?
ความหมายของการระลึกถึง
5. ตัวอย่างอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงว่า การจะระลึกถึงใครสักคนนั้นไม่ใช่แค่จำชื่อของเขาได้เท่านั้น?
5 การเชื่อฟังคำตักเตือนที่ให้ “บัดนี้ จงระลึกถึง พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า” มีความหมายมากกว่าเพียงแค่การคิดในเรื่องเกี่ยวกับพระยะโฮวาเท่านั้น แต่รวมถึงการกระทำด้วย คือทำ ในสิ่งที่ทำให้พระองค์พอพระทัย. เมื่อนักโทษคนนั้นอ้อนวอนพระเยซูขอให้ “ระลึกถึง ข้าพเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จเข้าในราชอาณาจักรของพระองค์” เขาต้องการไม่ใช่แค่ให้พระเยซูจำชื่อเขาได้เท่านั้น. เขาต้องการให้พระเยซูลงมือทำโดยปลุกเขาให้เป็นขึ้นจากตาย. (ลูกา 23:42, ล.ม.) ในทำนองคล้ายกัน โยเซฟที่ถูกจำขังอยู่คาดหวังการกระทำบางอย่างเพื่อตัวของท่าน เมื่อท่านขอให้พนักงานน้ำองุ่นของฟาโรระลึกถึง ท่านเมื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ฟาโร. และเมื่อโยบวิงวอนต่อพระเจ้าให้ “ระลึกถึง ข้าฯ” นั้น โยบทูลขอเพื่อว่าในวันข้างหน้า พระเจ้าจะทรงปฏิบัติเพื่อปลุกท่านให้เป็นขึ้นจากตาย.—โยบ 14:13; เยเนซิศ 40:14, 23.
6. คำภาษาฮีบรูสำหรับ “ระลึกถึง” ส่อนัยถึงความรักใคร่สำหรับสิ่งของหรือบุคคลที่ได้รับการระลึกถึงนั้นอย่างไร?
6 แหล่งอ้างอิงหนึ่งกล่าวว่า คำฮีบรูที่ได้รับการแปลว่า “ระลึกถึง” นั้นมักจะส่อนัยถึง “ความรักใคร่ของจิตใจและการกระทำซึ่งควบคู่ไปกับการระลึกถึง.” ความหมายของ “ความรักใคร่” ที่แฝงอยู่ในคำ “ระลึกถึง” นี้สามารถเห็นได้จากคำอุทานของ “ฝูงคนที่ติดปนกันมา” ในถิ่นทุรกันดาร: “เราระลึกถึง ปลาที่เราเคยกินเป็นบริบูรณ์ในเมืองอายฆุบโต.” เช่นเดียวกับที่โยบวิงวอนต่อพระเจ้าให้ระลึกถึงท่านด้วยความโปรดปราน ฮิศคียา, นะเฮมยา, ดาวิด, และผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญคนหนึ่งซึ่งไม่ทราบนามก็เช่นกันได้ร้องขอเพื่อจะได้รับการระลึกถึงด้วยความรักใคร่จากพระยะโฮวาในการยอมรับความซื่อสัตย์ของพวกเขา.—อาฤธโม 11:4, 5; 2 กษัตริย์ 20:3; นะเฮมยา 5:19; 13:31; บทเพลงสรรเสริญ 25:7; 106:4.
7. หากเราระลึกถึงพระเจ้าด้วยความรักใคร่ นี่จะส่งผลกระทบต่อการประพฤติของเราอย่างไร?
7 ด้วยเหตุนี้ เราอาจถามว่า ‘เราระลึกถึง พระผู้สร้างของเราด้วยความรักใคร่และหลีกเลี่ยงการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้พระองค์เสียพระทัยไหม?’ เยาวชนคนหนึ่งกล่าวว่า “คุณแม่ช่วยดิฉันให้ตระหนักว่า พระยะโฮวาทรงมีความรู้สึก และตอนที่ยังเล็ก ๆ อยู่นั้น ดิฉันก็สำนึกอยู่เสมอว่าการกระทำทั้งหลายของดิฉันมีผลต่อพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 78:40-42) อีกคนหนึ่งอธิบายว่า “ดิฉันรู้ว่าการกระทำของดิฉันจะมีผลเป็นการสนับสนุน หรือมิฉะนั้นก็ไม่สนับสนุนการตอบข้อท้าทายของซาตานที่มีต่อพระยะโฮวา. ดิฉันต้องการทำให้พระยะโฮวามีพระทัยยินดี ดังนั้น นั่นช่วยดิฉันในตอนนั้นและยังคงช่วยดิฉันอยู่ในทุกวันนี้.”—สุภาษิต 27:11.
8. (ก) กิจการงานอะไรที่แสดงว่าเราระลึกถึงพระยะโฮวาด้วยความรักใคร่? (ข) คำถามอะไรที่นับว่าฉลาดสุขุมที่เยาวชนจะพิจารณา?
8 ต้องยอมรับว่า ในโลกชั่วนี้ ไม่ง่ายเสมอไปที่จะระลึกถึงพระยะโฮวาโดยการเข้าส่วนร่วมเต็มที่ในกิจกรรมที่พระองค์พอพระทัย. กระนั้น คงดีสักเพียงไรหากคุณสามารถเลียนแบบอย่างหนุ่มน้อยติโมเธียวแห่งศตวรรษแรก—ไม่ต้องพูดถึงอีกหลายหมื่นคนที่เป็นเยาวชนซึ่งเกรงกลัวพระเจ้าในปัจจุบัน—โดยการทำงานเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาฝ่ายคริสเตียนประเภทไพโอเนียร์! (กิจการ 16:1-3; 1 เธซะโลนิเก 3:2) อย่างไรก็ตาม อาจมีคำถามขึ้นมาว่า คุณจะสามารถเลี้ยงดูตัวเองให้อยู่ในงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์ได้ไหม? และถ้าคุณแต่งงาน คุณจะมีความสามารถเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ไหม? (1 ติโมเธียว 5:8) คำถามทั้งสองนี้สำคัญอย่างยิ่งที่คุณพึงคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง.
การศึกษาด้วยมีจุดมุ่งหมาย
9. การตัดสินใจอะไรที่เผชิญหน้าเยาวชนอยู่เกี่ยวด้วยเรื่องการศึกษาฝ่ายโลก?
9 ขณะที่สังคมมนุษย์เริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะจำเป็นต้องเรียนมากกว่าเดิมเพื่อจะได้งานที่มีรายได้เพียงพอจะเลี้ยงดูตัวเองขณะที่อยู่ในงานไพโอเนียร์. คุณอาจสังเกตว่า แม้แต่บางคนที่สำเร็จการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัยยังจำเป็นต้องเรียนเพิ่มเติมอีกเพื่อมีทักษะใหม่ที่นายจ้างในปัจจุบันต้องการ. ถ้าอย่างนั้น พวกคุณคนหนุ่มสาวที่ต้องการทำให้พระเจ้าพอพระทัยควรจะเรียนมากน้อยขนาดไหนดี? การตัดสินใจอย่างถูกต้องควรทำโดยที่คำนึงถึงคำสั่งที่เขียนโดยการดลใจที่ว่า “บัดนี้ จงระลึกถึง พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า.”
10. การศึกษาอะไรที่นับว่าดีที่สุดซึ่งเราสามารถได้รับ?
10 แน่นอน คุณต้องการจะศึกษาสิ่งที่แม้แต่ผู้มีความรู้ฝ่ายโลกหลายแหล่งก็ถือว่าเป็นการศึกษาที่ดีที่สุด—นั่นคือความรู้ที่ได้มาจากการศึกษาพระคำของพระเจ้าอย่างถี่ถ้วน. นักเขียนชาวเยอรมันที่ชื่อโยฮันน์ วอล์ฟกัง ฟอน เกอเทอ ให้ข้อสังเกตดังนี้: “ยิ่ง [คนเรา] ก้าวหน้าในทางสติปัญญา ก็ยิ่งเป็นไปได้มากที่จะหันมาใช้คัมภีร์ไบเบิลเป็นทั้งรากฐานและเครื่องมือทางการศึกษา.” ถูกแล้ว การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยคุณให้มีชีวิตที่ดีขึ้นยิ่งกว่าที่การศึกษาอื่นใดจะให้ได้!—สุภาษิต 2:6-17; 2 ติโมเธียว 3:14-17.
11. (ก) งานสำคัญที่สุดที่เราสามารถทำได้คืองานอะไร? (ข) เยาวชนคนหนึ่งเลือกจะเรียนด้วยเหตุผลเช่นไร?
11 เนื่องจากความรู้ของพระเจ้าให้ชีวิต งานที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำในทุกวันนี้ได้แก่ การแบ่งปันความรู้นั้นแก่คนอื่น ๆ. (สุภาษิต 3:13-18; โยฮัน 4:34; 17:3) อย่างไรก็ตาม เพื่อจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. คุณจำต้องมีความสามารถที่จะคิดได้อย่างแจ่มชัด, พูดได้อย่างสมเหตุสมผล, อ่านและเขียนได้ดี—ซึ่งทักษะเหล่านี้มีสอนในโรงเรียน. ดังนั้น จงถือว่าหลักสูตรที่โรงเรียนของคุณเป็นเรื่องจริงจัง ดังตัวอย่างของเทรซี เยาวชนคนหนึ่งที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายโดยได้รับรางวัลเรียนดี. เธอพูดถึงความหวังของเธอดังนี้: “ดิฉันมีเป้าหมายเสมอที่จะเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาของพระยะโฮวาพระเจ้าของดิฉัน และฉันหวังว่าการศึกษาที่ได้รับจะช่วยให้ฉันบรรลุเป้าหมายนี้ได้.”
12. หากเลือกการศึกษาฝ่ายโลกเพิ่มเติม การศึกษานั้นอาจช่วยให้เป้าหมายอะไรสำเร็จได้?
12 คุณเคยคิดไหมว่าทำไมคุณจึงไปโรงเรียน? เหตุผลเบื้องต้นคือเพื่อทำให้คุณสามารถเป็นผู้รับใช้ที่มีประสิทธิภาพของพระยะโฮวาไหม? ถ้าอย่างนั้น คุณก็คงต้องการใคร่ครวญอย่างจริงจังว่า การศึกษาที่คุณได้รับนั้นช่วยให้บรรลุจุดประสงค์นั้นได้สักแค่ไหน. หลังจากปรึกษาบิดามารดาของคุณแล้ว อาจจะมีการตัดสินตกลงกันว่า คุณควรเรียนมากกว่าการศึกษาภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดเอาไว้. การศึกษาเพิ่มเติมเช่นนั้นอาจช่วยให้คุณได้งานที่จะเลี้ยงดูตัวเองและยังมีเวลาและพลังที่จะร่วมในกิจกรรมเกี่ยวกับราชอาณาจักรได้อย่างเต็มที่.—มัดธาย 6:33.
13. คริสเตียนชาวรัสเซียสองคนที่ได้เรียนต่อในหลักสูตรพิเศษแสดงให้เห็นอย่างไรในเรื่องเป้าหมายในชีวิตของพวกเขา?
13 บางคนที่เรียนเพิ่มเติมได้เข้าร่วมในงานรับใช้เต็มเวลาแม้แต่ในขณะที่พวกเขาเรียนอยู่. ให้เรามาพิจารณาเรื่องของนาเดียและมารีนา เด็กสาววัยรุ่นสองคนซึ่งอยู่ที่มอสโก รัสเซีย. ทั้งคู่รับบัพติสมาในเดือนเมษายน 1994 และเริ่มรับใช้เป็นไพโอเนียร์สมทบ. ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็สำเร็จการศึกษาจากชั้นมัธยมปลายและสมัครเข้าเรียนวิชาบัญชีหลักสูตรสองปี. ในเดือนพฤษภาคม 1995 พวกเขาก็เริ่มเป็นไพโอเนียร์ประจำ แต่ถึงกระนั้นก็ยังรักษาเกรดเฉลี่ย 4 ในวิชาบัญชีที่เรียนอยู่. นอกจากนั้น พวกเขายังสามารถช่วยกันนำการศึกษาเฉลี่ยแล้ว 14 รายในแต่ละสัปดาห์ ขณะที่ยังคงไปโรงเรียนอยู่. เด็กสาวทั้งสองหวังว่า การศึกษาวิชาบัญชีจะทำให้พวกเขาสามารถได้งานที่มีรายได้พอที่จะสามารถเลี้ยงดูตัวเองขณะที่อยู่ในงานรับใช้เต็มเวลา.
14. ไม่ว่าเราเลือกจะรับการศึกษาฝ่ายโลกมากน้อยขนาดไหน สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราควรได้แก่อะไร?
14 หากคุณเรียนสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด นับว่าสุขุมที่จะตรวจสอบเหตุผลในการทำดังกล่าว. คุณทำเช่นนั้นเพื่อสร้างชื่อให้กับตัวเองและจะได้ความมั่งคั่งฝ่ายวัตถุไหม? (ยิระมะยา 45:5; 1 ติโมเธียว 6:17) หรือว่าคุณมีเป้าหมายจะให้การศึกษาเพิ่มเติมช่วยคุณให้เข้าส่วนได้เต็มที่ยิ่งขึ้นในงานรับใช้พระยะโฮวา? ลิเดีย เยาวชนคนหนึ่งที่เลือกจะเรียนต่อ ได้แสดงให้เห็นเป้าหมายที่ดีซึ่งมุ่งไปยังสิ่งฝ่ายวิญญาณ โดยชี้แจงว่า “คนอื่นที่ไม่ใช่พยานฯเรียนสูงขึ้น ๆ และปล่อยให้วัตถุนิยมเข้ามากีดขวาง แล้วพวกเขาก็ไม่คิดถึงเรื่องพระเจ้า. โดยส่วนตัวแล้ว สัมพันธภาพของดิฉันกับพระเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับดิฉัน.” ช่างเป็นเจตคติที่น่าจะได้รับการยกย่องชมเชยจากพวกเราทุกคน!
15. คริสเตียนในศตวรรษแรกมีภูมิหลังทางการศึกษาที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
15 น่าสนใจ คริสเตียนในศตวรรษแรกมีภูมิหลังทางการศึกษาแตกต่างกันมากและหลากหลายทีเดียว. ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปโตรและโยฮันถูกมองว่าเป็น “ผู้มีความรู้น้อย และมิได้เล่าเรียนมาก” เนื่องจากท่านทั้งสองไม่ได้รับการฝึกอบรมในโรงเรียนของพวกรับบี. (กิจการ 4:13) ตรงกันข้าม อัครสาวกเปาโลได้รับการศึกษาซึ่งถ้าจะเทียบกับปัจจุบันก็คือการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัย. กระนั้น เปาโลมิได้ใช้การศึกษานั้นเพื่อทำให้ตัวท่านเด่น; แทนที่จะเป็นดังนั้น การศึกษานั้นถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เมื่อท่านประกาศแก่ประชาชนที่มีสถานภาพทางสังคมหรือเศรษฐกิจที่แตกต่างกันหลาย ๆ แบบ. (กิจการ 22:3; 1 โกรินโธ 9:19-23; ฟิลิปปอย 1:7) ในทำนองคล้ายกัน มะนาเอนผู้ได้รับ “การเลี้ยงดูเติบโตขึ้น [“การศึกษา,” ล.ม.] ด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง” เป็นคนหนึ่งที่นำหน้าในประชาคมอันติโอเกีย.—กิจการ 13:1, ฉบับแปลใหม่.
เหตุใดจึงต้องจัดการเรื่องการเงินของคุณอย่างฉลาดสุขุม?
16. (ก) เหตุใดจึงยากกว่าที่จะระลึกถึงพระผู้สร้างของเราหากเรามีหนี้สิน? (ข) อุทาหรณ์เรื่องหนึ่งของพระเยซูเผยให้เห็นความสำคัญเช่นไรของการคิดก่อนจ่าย?
16 หากคุณไม่จัดการเกี่ยวกับการเงินของคุณอย่างฉลาดสุขุม อาจจะยากกว่าที่จะระลึกถึงพระผู้สร้างของคุณด้วยการทำสิ่งที่ทำให้พระองค์พอพระทัย. เพราะถ้าคุณตกเป็นหนี้ ก็อาจกล่าวได้ว่าคุณมีอีกนายหนึ่ง. คัมภีร์ไบเบิลอธิบายดังนี้: “คนมักยืมก็เป็นบ่าวทาสแก่ผู้ให้ยืมนั้น.” (สุภาษิต 22:7) อุทาหรณ์เรื่องหนึ่งของพระเยซูเน้นให้เห็นความสำคัญของการคิดก่อนที่เราจะใช้จ่าย. พระเยซูตรัสว่า “ในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างป้อม, แล้วจะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่าจะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่? เกรงว่าเมื่อลงรากแล้ว, และกระทำให้สำเร็จไม่ได้, คนทั้งปวงที่เห็นจะเยาะเย้ยเขา.”—ลูกา 14:28, 29.
17. เหตุใดคนเรามักควบคุมการใช้จ่ายได้ยาก?
17 ด้วยเหตุนั้น เป็นการฉลาดสุขุมที่จะพยายามดำเนินชีวิตตามหลักพระคัมภีร์โดย ‘ไม่เป็นหนี้คนหนึ่งคนใดเลย, เว้นไว้ในการรักซึ่งกันและกัน.’ (โรม 13:8) แต่นี่นับว่าทำได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการเสนอขายสินค้าใหม่ ๆ ไม่หยุดหย่อนซึ่งพวกผู้โฆษณาอ้างว่าคุณจำเป็นอย่างยิ่งต้องมี. บิดาคนหนึ่งซึ่งได้พยายามช่วยลูก ๆ ให้มีความหยั่งเห็นเข้าใจแสดงความคิดเห็นดังนี้: “เราใช้เวลามากทีเดียวในการพิจารณาว่า อะไรเป็นสิ่งที่จำเป็นและอะไรเป็นสิ่งที่ต้องการ.” โรงเรียนโดยทั่วไปไม่ได้สอนเรื่องเช่นนี้ ถ้าจะมีก็ไม่มากนักที่จะสอนวิธีจัดการเรื่องการเงินในลักษณะที่สำนึกถึงความรับผิดชอบ. นักสังคมสงเคราะห์คนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า “เราจบชั้นมัธยมปลายโดยที่รู้เรื่องสามเหลี่ยมหน้าจั่วมากกว่าวิธีประหยัด.” ถ้าอย่างนั้น อะไรจะช่วยคุณให้ใช้จ่ายอย่างฉลาด?
18. เคล็ดลับในการจัดการเรื่องการใช้จ่ายอย่างสุขุมคืออะไร และเพราะเหตุใด?
18 การใส่ใจต่อคำกระตุ้นเตือนที่ว่า “บัดนี้ จงระลึกถึง พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า” เป็นเคล็ดลับในการจัดการเรื่องการเงินของคุณอย่างสุขุม. ทั้งนี้เพราะเมื่อคุณเชื่อฟังพระบัญชานั้น สิ่งที่มาเป็นอันดับแรกคือการทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย และความรักใคร่ของคุณที่มีต่อพระองค์ก็จะมีอิทธิพลต่อวิธีที่คุณใช้จ่ายเงินของคุณ. เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณจะพยายามไม่ปล่อยให้ความปรารถนาส่วนตัวมารบกวนการทุ่มเทอย่างสุดจิตวิญญาณให้กับพระเจ้า. (มัดธาย 16:24-26) คุณจะบากบั่นเพื่อรักษาดวงตาของคุณให้ “ปกติ” นั่นคือ เพ่งเล็งอย่างแจ่มชัดที่ราชอาณาจักรของพระเจ้าและการทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. (มัดธาย 6:22-24) โดยวิธีนี้ คุณจะมีทัศนะต่อคำแนะนำตักเตือนของพระเจ้าที่ให้ “ถวายพระเกียรติยศแด่พระยะโฮวาด้วยทรัพย์ของเจ้า” ว่าเป็นสิทธิพิเศษที่น่ายินดี.—สุภาษิต 3:9.
เยาวชนที่น่าเอาอย่าง
19. เยาวชนในอดีตระลึกถึงพระผู้สร้างของตนโดยวิธีใด?
19 น่ายินดี มีเยาวชนมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ได้ระลึกถึงพระผู้สร้างของตน. หนุ่มน้อยซามูเอลยังคงยึดมั่นอยู่กับงานรับใช้ที่พลับพลาแม้ว่าจะมีอิทธิพลที่ผิดศีลธรรมของคนที่รับใช้ด้วยกันกับเขา. (1 ซามูเอล 2:12-26) ภรรยาของโพติฟา หญิงที่ยั่วยวน ไม่อาจล่อใจโยเซฟผู้เป็นชายหนุ่มให้ประพฤติผิดประเวณีได้. (เยเนซิศ 39:1-12) แม้จะเป็น “เด็กอยู่” ยิระมะยาประกาศอย่างกล้าหาญแม้เผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรง. (ยิระมะยา 1:6-8) เด็กหญิงชาวยิศราเอลชี้แนะแม่ทัพชาติซีเรียที่ทรงอำนาจอย่างไม่ครั่นคร้ามให้แสวงหาความช่วยเหลือในประเทศยิศราเอล ที่ซึ่งเขาอาจเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาได้. (2 กษัตริย์ 5:1-4) ดานิเอลเมื่อยังเยาว์และเพื่อน ๆ ของท่านรักษาความเชื่อของตนเมื่อถูกทดสอบในเรื่องกฎหมายของพระเจ้าเกี่ยวกับอาหาร. และเยาวชนซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโคเลือกถูกโยนเข้าไปในเตาไฟอันแรงกล้า แทนที่จะยอมอะลุ่มอล่วยความภักดีที่มีต่อพระเจ้าโดยการกราบไหว้รูปเคารพ.—ดานิเอล 1:8, 17; 3:16-18; เอ็กโซโด 20:5.
20. เยาวชนหลายคนในปัจจุบันระลึกถึงพระผู้สร้างของตนโดยวิธีใด?
20 ปัจจุบัน มีเยาวชนอายุระหว่าง 19 ปีถึง 25 ปีมากกว่า 2,000 คนรับใช้ที่สำนักงานใหญ่ของพยานพระยะโฮวาที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา. พวกเขาเป็นเพียงส่วนน้อยของคนหนุ่มสาวหลายหมื่นคนที่ระลึกถึงพระผู้สร้างของตนอยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก. เช่นเดียวกับโยเซฟในกาลโบราณ พวกเขาไม่ยอมอะลุ่มอล่วยในเรื่องความสะอาดทางศีลธรรมของตน. หลายคนเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังมนุษย์เมื่อถูกบังคับให้เลือกว่าพวกเขาจะรับใช้ใคร. (กิจการ 5:29) ในปี 1946 ที่โปแลนด์ เฮนรีกา ชูร์ อายุ 15 ปีถูกทรมานเมื่อเธอปฏิเสธการกระทำกิจทางศาสนาที่เป็นการไหว้รูปเคารพ. ผู้ทรมานเธอคนหนึ่งเสนอแนะกับเธอว่า “เธอจะคิดถึงอะไรอยู่ในใจก็ได้ ขอเพียงแค่ให้ทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนของคาทอลิกเท่านั้น.” เนื่องจากเธอปฏิเสธจะทำเช่นนั้น เธอถูกลากเข้าไปในป่าและยิงทิ้ง โดยที่ความหวังที่มั่นใจได้ของเธอเรื่องชีวิตนิรันดร์ยังคงอยู่อย่างครบถ้วน!b
21. เป็นการฉลาดที่จะรับคำเชิญอะไร และผลเป็นเช่นไร?
21 พระยะโฮวาคงต้องรู้สึกชื่นบานพระทัยสักเพียงไรที่เยาวชนเหล่านี้ได้ระลึกถึงพระองค์ในเวลาที่ผ่านมาหลายศตวรรษ! คุณจะตอบรับต่อคำเชิญของพระองค์ไหมที่ว่า “บัดนี้ จงระลึกถึง พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า”? พระองค์ทรงคู่ควรอย่างแท้จริงแก่การระลึกถึงของคุณ! แต่ละวันที่ผ่านไป จงคิดถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อคุณและยังจะทำอีก และจงตอบรับคำเชิญของพระองค์ที่ว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย, จงมีปัญญาขึ้น, และกระทำให้ใจของเรามีความยินดี; เพื่อเราจะมีคำตอบคนที่ตำหนิเราได้.”—สุภาษิต 27:11.
[เชิงอรรถ]
a หอสังเกตการณ์ เมษายน 1954 หน้า 8.
b โปรดดู หนังสือประจำปีของพยานพระยะโฮวาปี 1994 หน้า 217, 218 จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์แห่งนิวยอร์ก
คุณจำได้ไหม?
▫ เยาวชนจะได้รับการช่วยให้มีทัศนะต่อพระเจ้าฐานะเป็นบุคคลจริงโดยวิธีใด?
▫ การระลึกถึงพระผู้สร้างของคุณหมายความเช่นไร?
▫ เราควรมีเป้าหมายอะไรในการศึกษาเล่าเรียน?
▫ เหตุใดจึงสำคัญที่จะจัดการเรื่องการเงินอย่างฉลาดสุขุม?
▫ เยาวชนคนไหนบ้างที่คุณน่าจะเอาอย่าง?
[รูปภาพหน้า 17]
คุณเคยคิดไหมว่าทำไมคุณจึงไปโรงเรียน?
[รูปภาพหน้า 18]
คุณเรียนรู้จะจัดการเรื่องการเงินอย่างฉลาดสุขุมไหม?