ผู้ส่งข่าวสันติสุขของพระเจ้าชุมนุมกัน
“เราได้รับการเสริมสร้างขึ้นจากการประชุมภาคทุกครั้งที่เราเข้าร่วม” คริสเตียนผู้ปกครองคนหนึ่งจากสหรัฐพูดไว้เช่นนั้น. “อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นเรื่องที่ยากจะพรรณนาทีเดียว. เราออกจากการประชุมแต่ละวันไปโดยอยากรู้ว่ารายการของวันต่อไปจะเหนือกว่าความคาดหมายของเราสักเพียงไร แล้วเราก็ไม่ผิดหวังเลย!”
หากคุณได้เข้าร่วมการประชุมภาค “ผู้ส่งข่าวสันติสุขของพระเจ้า” สักแห่งหนึ่งมาแล้ว คุณคงจะเห็นพ้องกับผู้เข้าร่วมประชุมที่กระตือรือร้นคนนี้อย่างแน่นอน. การประชุมแต่ละวันรวมจุดอยู่ที่แง่มุมที่ต่างกันของงานมอบหมายที่พยานพระยะโฮวาปฏิบัติอยู่ฐานะผู้ส่งข่าวของพระเจ้า. ขอให้เราทบทวนระเบียบวาระการประชุมสามวันนั้น.
“งดงามสักเพียงไร คือผู้ซึ่งประกาศสันติสุข”
นี่คืออรรถบทของการประชุมวันแรก. อรรถบทนั้นอาศัยยะซายา 52:7. ในสมัยที่ยุ่งยากนี้ หลายคนรับใช้พระยะโฮวาภายใต้สภาพแวดล้อมที่ท้าทาย. คำบรรยายเรื่อง “การฟังจากผู้ประกาศสันติสุขที่กระตือรือร้นแรงกล้า” รวมเอาการสัมภาษณ์ผู้ซื่อสัตย์เหล่านี้บางคน. การฟังประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาเป็นการหนุนกำลังใจจริง ๆ และโดยวิธีนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมมั่นใจว่า พระยะโฮวาทรงสามารถเสริมกำลังเขาด้วยเช่นกัน ถึงกับทรงจัดเตรียม “กำลังที่เกินกว่ากำลังปกติ” ให้เพื่อช่วยเขาอดทนได้.—2 โกรินโธ 4:7, ล.ม.
ข้อเรียกร้องของพระยะโฮวาไม่เป็นภาระหนัก. (1 โยฮัน 5:3, ล.ม.) มีการอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดแจ้งในคำบรรยายสุดท้ายของระเบียบวาระภาคเช้า ซึ่งถึงจุดสุดยอดด้วยการออกจุลสาร 32 หน้าที่มีชื่อว่า พระผู้สร้างทรงเรียกร้องอะไรจากเรา? คู่มือการศึกษาใหม่ที่มีภาพประกอบสวยงามเล่มนี้จะมีบทบาทสำคัญอย่างแน่นอนในการช่วยอีกหลายคนให้เรียนรู้พระประสงค์ของพระเจ้า. ความเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ของสิ่งพิมพ์ใหม่เล่มนี้ปรากฏในบทความศึกษาเรื่องสุดท้ายในวารสารนี้ที่หน้า 16 และ 17.
คำบรรยายเรื่อง “การเพียรอดทนในการงานที่ดี” ได้เน้นว่า พระยะโฮวาทรงทราบดีทีเดียวถึงความลำบากที่เราประสบ. ที่จะอดทนหมายความว่า เรายืนหยัดและไม่ยอมสูญเสียความหวัง. พระยะโฮวาประทานพระคำ, พระวิญญาณ, และองค์การของพระองค์เพื่อช่วยเหลือเรา. ต้องใช้ความอดทนเพื่อจะประกาศเผยแพร่ กระนั้น การประกาศก็ช่วยเราให้อดทน เพราะทำให้ความเชื่อของเรามีชีวิตชีวาอยู่เสมอ. เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นชัยจริง ๆ เราไม่ควรยอมให้ปัญหาต่าง ๆ ทำให้ความกระตือรือร้นแรงกล้าของเราลดน้อยลง เพราะว่าเฉพาะแต่คนเหล่านั้นที่อดทนจนถึงที่สุดเท่านั้นจะรอด.—มัดธาย 24:13.
คำปราศรัยสำคัญเรื่อง “บทบาทของเราฐานะผู้ส่งข่าวสันติสุขของพระเจ้า” แนะให้เอาใจใส่เรื่องการปลดปล่อยเชลยชาวยิวจากบาบูโลนและการฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ในกรุงยะรูซาเลมในปี 537 ก่อนสากลศักราช. ผู้บรรยายอธิบายว่า เหตุการณ์นี้เป็นเพียงการลิ้มรสล่วงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำให้บรรลุผลสำเร็จตลอดทั่วโลกในไม่ช้า. (บทเพลงสรรเสริญ 72:7; ยะซายา 9:7) งานมอบหมายของเราในปัจจุบันคือ ประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรนี้และดำเนินชีวิตสอดคล้องกับข่าวสารนั้น. ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านควรกระตุ้นเราให้ทำงานนี้ต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก.—กิจการ 5:42.
จุดเด่นของระเบียบวาระวันศุกร์คือคำบรรยายชุด “จงเฝ้าระวังบ่วงแร้วที่แฝงอยู่ในการบันเทิง.” ดนตรี, ภาพยนตร์, วีดิทัศน์, การแสดงทางโทรทัศน์, เกมวิดีโอ, หนังสือ, นิตยสาร, และการ์ตูนในปัจจุบันมักจะสะท้อนน้ำใจแบบผีปิศาจ. เพราะฉะนั้น เราต้อง “เกลียดชังสิ่งที่ชั่ว” และ “ยึดถือสิ่งที่ดีไว้.” (โรม 12:9) ใช่แล้ว เราต้องถือว่าความบันเทิงที่เสื่อมทรามเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนและหลบเลี่ยงสิ่งนั้น ขณะเดียวกันเราก็ใคร่ครวญในสิ่งที่บริสุทธิ์, มีความดี, และน่าสรรเสริญ. (ฟิลิปปอย 4:8) สรรพหนังสือและเครื่องมือใช้ในการค้นคว้าที่องค์การของพระยะโฮวาได้จัดเตรียมไว้นั้นปลุกเร้าจิตใจของเราด้วยความคิดที่เสริมสร้างขึ้นและฝึกเราให้แยกสิ่งที่ถูกออกจากสิ่งที่ผิด. (เฮ็บราย 5:14) เราควรยึดอยู่กับการจัดเตรียมเหล่านี้ดุจดังเราจะเกาะติดแพชูชีพในทะเลที่ปั่นป่วน.
จากนั้นก็มาถึงคำบรรยายเรื่อง “จงต่อต้านพญามาร—อย่ายอมให้สิ่งใดมาทัดเทียม.” ก่อนเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญาไม่นาน ชาวยิศราเอลหลายพันคนติดกับเนื่องจากการผิดศีลธรรม. ฟีนะฮาศไม่ยอมให้สิ่งใดมาทัดเทียมกับการนมัสการแท้. ท่านลงมือจัดการกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด และความเลื่อมใสโดยเฉพาะของท่านทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย. (อาฤธโม 25:1-13) เป้าประสงค์ของซาตานคือทำให้เราแต่ละคนไม่เหมาะสมที่จะเข้าสู่โลกใหม่ของพระเจ้า. เพราะฉะนั้น เช่นเดียวกับฟีนะฮาศ เราต้องต่อต้านความพยายามของพญามารที่จะทำให้เรามีมลทิน. ไม่ว่าสมรสแล้วหรือว่าเป็นโสด เราต้อง “หลีกเลี่ยงเสียจากการล่วงประเวณี.”—1 โกรินโธ 6:18, ฉบับแปลใหม่.
“การสนับสนุนความถูกต้องแห่งพระคำของพระเจ้าด้วยความภักดี” เป็นคำบรรยายสุดท้ายของการประชุมวันแรก. ผู้แปลหลายคนเปลี่ยนบางตอนในพระคัมภีร์หรือตัดออก. ตัวอย่างเช่น เพื่อให้เป็นที่พอใจผู้สนับสนุนขบวนการเรียกร้องสิทธิเสมอภาคของสตรี ผู้แปลพระคริสตธรรมใหม่และบทเพลงสรรเสริญ: ฉบับอินคลูซีฟ กล่าวถึงพระเจ้า ไม่ใช่ฐานะพระบิดา แต่ฐานะพระบิดาพระมารดา และกล่าวถึงพระเยซูฐานะ “มนุษย์” แทนที่จะเป็น“บุตรมนุษย์ [บุตรของผู้ชาย].” เมื่อเทียบความแตกต่างแล้ว ฉบับแปลโลกใหม่ ยึดกับข้อความภาษาเดิมอย่างซื่อสัตย์จนถึงกับฉบับแปลนี้ได้ช่วยทำให้ความคิดของเราในเรื่องเกี่ยวกับหลักพระคัมภีร์หลายเรื่องกระจ่างแจ้งขึ้น. ตัวอย่างเช่น ผู้บรรยายกล่าวว่า “การแปลอย่างถูกต้องในฉบับแปลโลกใหม่ นั่นเองที่จัดให้มีพื้นฐานสำหรับการจัดระเบียบประชาคมใหม่โดยการแต่งตั้งคณะผู้ปกครอง เป็นการปฏิบัติตามอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับแบบอย่างที่วางไว้ในประชาคมคริสเตียนศตวรรษแรก.” เราแสดงความภักดีต่อพระคำของพระเจ้าโดยการอ่านทุกวันและโดยการเอาคำแนะนำจากพระคำนั้นไปใช้. ผู้บรรยายยังกล่าวด้วยว่า “เราแสดงว่าเป็นผู้สนับสนุนพระคำของพระเจ้าอย่างภักดีโดยการประกาศพระคำนั้นแก่คนอื่นด้วยความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้า และโดยใช้พระคำนั้นอย่างรอบคอบขณะที่เราสอนคนอื่น ไม่พยายามทำให้พระคำนั้นเข้ากับความคิดของเราโดยบิดเบือนหรือพูดเกินความจริงในสิ่งซึ่งพระคำนั้นบอกไว้.”
‘สันติสุขของพระเจ้าเหนือกว่าความคิดทุกอย่าง’
อรรถบทนี้ซึ่งอาศัยฟิลิปปอย 4:7 เตรียมความคิดจิตใจไว้สำหรับวันที่สองของการประชุม. ข้อมูลส่วนมากที่มีการเสนอนั้นเกี่ยวข้องกับทัศนะที่เหมาะสมต่องานรับใช้, ครอบครัว, การอุทิศตัว, และแง่มุมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันของคนเรา.
หลังจากการพิจารณาข้อคัมภีร์ประจำวันแล้ว มีการเสนอคำบรรยายชุดที่มีชื่อเรื่องว่า “ผู้ส่งข่าวที่บอกข่าวดีแห่งสันติสุข.” ข่าวสารของเราเป็นข่าวแห่งสันติสุข และควรเสนอข่าวนั้นด้วยท่าทีสงบสุข. (เอเฟโซ 6:15) วัตถุประสงค์ของเราคือ เอาชนะหัวใจ ไม่ใช่เอาชนะการโต้แย้ง. การอบรมและสรรพหนังสือที่เราได้รับจากองค์การของพระยะโฮวาช่วยเราให้ทำเช่นนั้นทีเดียว. เราไม่ควรปล่อยให้ความไม่แยแสหรือความเฉยเมยทำให้เราท้อใจ. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราควร ‘ทำสุดความสามารถของเรา’ ต่อไป โดยมีกิจวัตรที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาส่วนตัว, การเข้าร่วมประชุม, และการมีส่วนในงานเผยแพร่. (2 ติโมเธียว 2:15, ล.ม.) สิ่งที่ไม่พึงมองข้ามคือ การทำดีแก่คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำแก่คนเหล่านั้นที่สัมพันธ์กับเราในความเชื่อ. (ฆะลาเตีย 6:10) แน่นอน การทำสุดความสามารถของเรามิได้หมายถึงการทำงานจนหมดเรี่ยวแรง. สิ่งที่แต่ละคนสามารถทำได้ตามความสามารถและสภาพแวดล้อมของตนเองนั้นเป็นที่ยอมรับได้สำหรับพระยะโฮวา.
ไพร่พลของพระเจ้าอุทิศเวลา, พลัง, และทรัพยากรเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร. คำบรรยายเรื่อง “การให้ด้วยใจยินดีภายในองค์การของพระยะโฮวา” ทำให้ชัดแจ้งว่า ขณะที่ชนเยี่ยงแกะจำนวนมากขึ้นตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร ก็มีความจำเป็นในเรื่องอุปกรณ์, สถานที่ประชุม, และอาคารสาขาต่าง ๆ เพิ่มขึ้น. เงินบริจาคของเราทำให้องค์การสามารถดำเนินการใด ๆ ก็ตามที่จำเป็นเพื่อทำให้งานประกาศทั่วโลกบรรลุผลสำเร็จ. การให้ด้วยใจเอื้อเฟื้อยังถวายพระเกียรติพระยะโฮวาและนำความยินดีมาสู่ผู้ให้. เพราะฉะนั้น ในฐานะคริสเตียน เราต้องไม่ละเลยลักษณะสำคัญด้านนี้แห่งการนมัสการของเรา.—2 โกรินโธ 8:1-7.
การประชุมภาคเช้าจบลงด้วยคำบรรยายเรื่องการรับบัพติสมา—ซึ่งเป็นส่วนที่โดดเด่นเสมอ ณ การชุมนุมขนาดใหญ่ของพยานพระยะโฮวา. ช่างน่ายินดีเสียจริง ๆ ที่เห็นคนที่เพิ่งอุทิศตัวใหม่ปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระเยซูโดยยอมรับบัพติสมาในน้ำ! (มัดธาย 3:13-17) ทุกคนที่ปฏิบัติขั้นตอนนี้ได้รับการศึกษาในแหล่งแห่งสติปัญญาล้ำเลิศที่สุด นั่นคือคัมภีร์ไบเบิล. นอกจากนี้ พวกเขาได้พบจุดมุ่งหมายแท้ในชีวิต และได้รับพระพรด้วยสันติสุขที่เกิดจากการรู้ว่าเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่.—ท่านผู้ประกาศ 12:13.
มีการให้คำแนะนำที่ตรงจุดในคำบรรยายเรื่อง “จงให้ความสังเกตเข้าใจปกป้องคุณ.” ความสังเกตเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญทีเดียวเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ. เราไม่ควรดำเนินกิจการทางธุรกิจส่วนตัวในหอประชุม ทั้งไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์จากเพื่อนคริสเตียนเพื่อได้ผลกำไรทางการเงิน. (เทียบกับโยฮัน 2:15, 16.) ความสังเกตเข้าใจเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเมื่อลงทุนในธุรกิจหรือเมื่อยืมเงินหรือเป็นฝ่ายให้ยืม. ผู้บรรยายให้ข้อสังเกตว่า “ความล้มเหลวของธุรกิจการค้าในหมู่คริสเตียนทำให้บางคนเกิดความผิดหวัง และถึงกับทำให้ความสนใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณเสียไปด้วยซ้ำสำหรับคนที่ด่วนเข้าไปร่วมโครงการทำเงินที่เสี่ยงสูงเหล่านี้.” ถึงแม้ไม่ผิดที่คริสเตียนจะทำธุรกิจด้วยกันก็ตาม นับว่าฉลาดอย่างแน่นอนที่จะมีความรอบคอบ. และเมื่อมีการทำข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างสองฝ่าย ควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ.
มีการพิจารณามาตรฐานของพระเจ้าสำหรับชายและหญิงในคำบรรยายเรื่อง “พระองค์ได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง.” ได้มีการบิดเบือนบทบาทของทั้งสองเพศตลอดประวัติศาสตร์. ผู้บรรยายกล่าวว่า “มีคนเป็นอันมากเข้าใจผิด ๆ ว่า ความเป็นชายก็คือการครอบงำเหนือผู้อื่นซึ่งสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ, ความแข็งกระด้าง, หรือการเน้นกำลังหรือความแข็งแกร่งเป็นเรื่องใหญ่. ในวัฒนธรรมบางแห่งการที่ผู้ชายจะร้องไห้ในที่สาธารณะหรือแม้แต่ในที่ส่วนตัวนั้นไม่ใคร่จะมี อาจถือว่าน่าละอายด้วยซ้ำ. กระนั้น โยฮัน 11:35 เล่าเหตุการณ์ว่า ขณะที่ทรงอยู่กับหมู่คนนอกอุโมงค์ฝังศพของลาซะโร ‘พระเยซูก็กันแสง.’” จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับผู้หญิง? บ่อยครั้งมักถือกันว่าลักษณะสตรีต้องมีเสน่ห์ทางร่างกาย. แต่ผู้บรรยายถามว่า “หากหญิงคนหนึ่งสวยแต่ขาดความมีเหตุผลและชอบโต้แย้ง, ชอบเสียดสี, หรือยโสโอหัง จะนับว่าเธอสวยในความหมายที่แท้จริงของคำนี้ คือมีความเป็นหญิงอย่างแท้จริงได้ไหม?” (เทียบกับสุภาษิต 11:22; 31:26.) โดยคำพูด, ความประพฤติ, และการแต่งตัว ชายและหญิงคริสเตียนพยายามจะปฏิบัติตามมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิล. ผู้บรรยายกล่าวว่า “ชายที่แสดงผลแห่งพระวิญญาณนั้นง่ายที่ผู้อื่นจะแสดงความนับถือ และหญิงที่แสดงความอ่อนน้อมก็ทำให้ง่ายที่คนอื่นจะรักเธอ.”—ฆะลาเตีย 5:22, 23.
ถัดจากนั้นเป็นคำบรรยายชุดเรื่อง “พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงใฝ่พระทัยคุณ.” คริสเตียนหลายคนมีความกังวลด้านการเงิน. ถึงกระนั้นก็ตาม พระยะโฮวาทรงสัญญาว่า “เราจะไม่ละท่านไว้เลย, หรือเราจะไม่ทิ้งท่านเสียเลย.” (เฮ็บราย 13:5) ทั้ง ๆ ที่มีความยากลำบากทางเศรษฐกิจก็ตาม บางคนได้แสดงความมั่นใจในคำสัญญานี้โดยเข้าสู่การรับใช้ประเภทไพโอเนียร์สมทบหรือไพโอเนียร์ประจำ. คนอื่นที่ไม่สามารถเป็นไพโอเนียร์ได้ขณะนี้ก็จัดเอาผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรเป็นอันดับแรกโดยฉวยทุกโอกาสที่จะให้คำพยาน. (มัดธาย 6:33) ความพยายามดังกล่าวทั้งหมดนั้นควรได้รับคำชมเชย! องค์การของพระยะโฮวาได้จัดเตรียมสรรพหนังสือจำนวนมากเพื่อช่วยเราเกี่ยวกับงานรับใช้และช่วยเรารับมือกับปัญหาของเรา. หากเราแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อการจัดเตรียมฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวา พระองค์จะอวยพระพรเราด้วยสันติสุขในยุคที่ปั่นป่วนทางเศรษฐกิจนี้.—บทเพลงสรรเสริญ 29:11.
ในตอนจบคำบรรยายสุดท้ายของวันนั้นที่มีชื่อเรื่องว่า “จงติดตามสันติสุขแห่งพระเจ้าในชีวิตครอบครัว” ผู้เข้าร่วมประชุมรู้สึกปีติยินดีที่ได้รับหนังสือเล่มใหม่ เคล็ดลับสำหรับความสุขในครอบครัว. ผู้บรรยายกระตุ้นเตือนว่า “จงศึกษาหนังสือเล่มนี้อย่างขยันขันแข็งทั้งเป็นส่วนตัวและเป็นกลุ่มครอบครัว. บากบั่นด้วยความตั้งใจเพื่อใช้คำแนะนำในหนังสือนี้ซึ่งอาศัยคัมภีร์ไบเบิล และคุณมั่นใจได้เลยว่าสันติสุขและความสุขในครอบครัวของคุณจะมีมากขึ้น.”
“รักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วย เครื่องผูกพันแห่งสันติสุขที่ทำให้เป็นเอกภาพ”
โดยอาศัยเอเฟโซ 4:3 (ล.ม.) นี่เป็นอรรถบทที่เหมาะสมสำหรับวันสุดท้ายของการประชุม. พยานพระยะโฮวาซึ่งถูกชักนำมาจากทุกประเทศชาติในโลก ได้รับการสั่งสอนจากพระเจ้า. เพราะฉะนั้น พวกเขารักสันติสุข. พวกเขาปฏิบัติตามแบบอย่างของพระเยซู และพยายาม “รักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยเครื่องผูกพันแห่งสันติสุขที่ทำให้เป็นเอกภาพ.”
สันติสุขที่แผ่ซ่านในองค์การของพระเจ้าได้รับการเน้นในคำบรรยายชุด “การระบุตัวผู้ส่งข่าวแท้.” ผู้พยากรณ์เท็จมีอยู่ในยิศราเอลโบราณ. อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งข่าวแท้ของพระเจ้า—เช่นผู้พยากรณ์ยะซายา, ยะเอศเคล, และยิระมะยา—บอกล่วงหน้าอย่างแม่นยำถึงความล่มจมของกรุงยะรูซาเลม, ช่วงเวลาของการพลัดถิ่น, และการปลดปล่อยไพร่พลของพระเจ้าในที่สุด. สภาพการณ์คล้ายกันมีอยู่ในทุกวันนี้. ผู้ส่งข่าวจอมปลอมคับคั่งอยู่ในแวดวงของการเมืองและศาสนาเท็จ. กระนั้น พระยะโฮวาได้กระตุ้นพยานของพระองค์ให้ประกาศพระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับระบบนี้. โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 1919 ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาถูกใช้ให้ประกาศข่าวสารของพระเจ้า. พวกเขาช่างต่างกันสักเพียงไรกับผู้ส่งข่าวจอมปลอมแห่งคริสต์ศาสนจักร! ขอให้เราปฏิบัติหน้าที่ของเราอย่างขยันขันแข็งในงานนี้จนกว่าพระยะโฮวาตรัสว่า งานเสร็จแล้ว.
คำบรรยายเรื่อง “จงฟังและปฏิบัติตามพระคำของพระเจ้า” เน้นว่า พระคัมภีร์เป็นแหล่งสำคัญที่สุดของเครื่องนำทาง, การปลอบโยน, และความหวัง. (ยะซายา 30:20, 21; โรม 15:4) โลกทุกวันนี้ปล่อยตามอำเภอใจมากขึ้นทุกที. เพราะฉะนั้น ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เราต้องฟังคำแนะนำที่มาจากพระคำและองค์การของพระเจ้า. พระยะโฮวาทรงทราบความอ่อนแอของเรา และพระองค์ทรงชี้แจงในพระคำของพระองค์อย่างชัดแจ้งถึงแนวทางที่จะเป็นประโยชน์แก่เรา. การทราบว่าพระยะโฮวาทรงหนุนหลังเราทำให้เรามีความมั่นใจในการดำเนินไปข้างหน้าไม่ว่าพระองค์จะเรียกร้องอะไรจากเราก็ตาม.
เรื่องนี้เตรียมความคิดของผู้ฟังไว้สำหรับละครในชุดแต่งกายโบราณที่ติดตามมา. ละครนี้มีชื่อว่า “เหตุใดจึงนับถือการจัดเตรียมตามระบอบของพระเจ้า?” โดยใช้เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับฆิดโอน การแสดงนี้เน้นหนักในบทเรียนที่มีพลัง คือ เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้า และไม่เอาความคิดของเราเองเข้ามาแทนหรือพยายามเลี่ยงคำแนะนำตามระบอบของพระเจ้า.
คำบรรยายสาธารณะมีหัวเรื่องว่า “สันติสุขแท้ในที่สุด!—จากแหล่งใด?” สันติสุขที่พระเจ้าทรงสัญญานั้นเหนือกว่าสิ่งใด ๆ ที่โลกนี้จะนึกภาพออกได้. ผู้บรรยายกล่าวว่า “สันติสุขแท้หมายถึงสันติสุขทุก ๆ วัน. สันติสุขของพระเจ้าหมายถึงโลกที่ปราศจากความเจ็บไข้ได้ป่วย, ความเจ็บปวด, ความเศร้าเสียใจ, และความตาย.” คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า พระยะโฮวา “ทรงปราบปรามการสงครามให้สงบเงียบตลอดถึงปลายแผ่นดินโลก.” (บทเพลงสรรเสริญ 46:9) พระองค์จะทำเช่นนี้โดยวิธีใด? โดยการกำจัดซาตานพญามารผู้ปลุกปั่นสงครามออกไป. (วิวรณ์ 20:1-3) นี่จะเปิดทางให้ชนที่มีใจถ่อมลง “ได้แผ่นดินเป็นมฤดก และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:11.
หลังจากการสรุปบทความศึกษาในหอสังเกตการณ์ สำหรับสัปดาห์นั้นแล้ว มีการเสนอคำบรรยายสุดท้ายของการประชุม. มีชื่อว่า “การรุดไปข้างหน้าในฐานะผู้ส่งข่าวสันติสุขของพระเจ้า” คำบรรยายที่เร้าใจนี้เน้นว่า งานประกาศของเราเป็นงานที่ไม่มีใดเหมือนและทั้งเป็นงานเร่งด่วนด้วย. บัดนี้ไม่ใช่เวลาที่จะหย่อนใจ, เถลไถล, หรือหันกลับไปหาแนวคิดผิด ๆ. เราได้รับการเตรียมไว้พร้อมด้วยสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี นั่นคือข่าวสารของพระเจ้า, พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์, และการจัดเตรียมมากมายที่มาจากองค์การตามระบอบของพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความรัก. เพราะฉะนั้น ในฐานะผู้รับใช้ของพระยะโฮวา ขอให้เรารุดไปข้างหน้าฐานะผู้ส่งข่าวสันติสุขของพระเจ้า!
[กรอบ/รูปภาพหน้า 9]
การจัดเตรียมด้วยความรักสำหรับครอบครัว
คนเหล่านั้นที่เข้าร่วมการประชุมภาค “ผู้ส่งข่าวสันติสุขของพระเจ้า” ในวันที่สองต่างก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับหนังสือใหม่ที่มีชื่อว่า เคล็ดลับสำหรับความสุขในครอบครัว. หนังสือเล่มนี้มีความรู้ตามหลักพระคัมภีร์ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทุกครอบครัวที่รักพระเจ้า.
ผู้ปกครองคนหนึ่งจากรัฐคอนเนกติกัต สหรัฐอเมริกา ออกความเห็นว่า “เราได้รับหนังสือความสุขในครอบครัว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน. พอวันที่ 16 มิถุนายน ผมอ่านหนังสือนี้ไปได้ครึ่งเล่มแล้ว. วันที่ 17 เรามีการศึกษาครอบครัวโดยใช้หนังสือนี้เป็นครั้งแรก และเราได้รับการหนุนกำลังใจจริง ๆ! ในวันเดียวกันนั้นเอง ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบ. หนังสือที่ดีเลิศเล่มนี้คงจะปรากฏว่าเป็นของล้ำค่าสำหรับทุกคนที่ใช้หนังสือนี้ให้เป็นประโยชน์. ความรู้แบบตรงไปตรงมาและทันสมัยของหนังสือนี้ให้ข้อพิสูจน์เพิ่มขึ้นอีกว่า ‘ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม’ กำลังแจกจ่าย ‘อาหารตามเวลาที่สมควร’ และทราบดีทีเดียวถึงความจำเป็นของเราในสมัยที่ลำบากนี้.”—มัดธาย 24:45-47, ล.ม.
[รูปภาพหน้า 7]
ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุเช่นกันต้องการทราบว่าพระผู้สร้างทรงมีข้อเรียกร้องอะไร