งานสมรสที่ถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวา
บทความต่อไปนี้ในเรื่องงานสมรสแบบคริสเตียน เดิมทีได้รับการเตรียมขึ้นในเอธิโอเปียเพื่อเสนอการชี้นำที่เป็นประโยชน์ในภาษาอัมฮาราสำหรับหลายคนในประเทศนั้นซึ่งได้เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวาไม่นานมานี้. บทความนี้เกี่ยวข้องกับธรรมเนียมและกิจปฏิบัติในท้องถิ่นบางอย่างซึ่งอาจต่างจากที่ที่คุณอยู่นั้น. คุณคงจะพบว่าความแตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว. ในขณะเดียวกัน บทความนี้เสนอคำแนะนำที่สมดุลจากคัมภีร์ไบเบิลซึ่งคุณจะพบว่าสามารถนำไปใช้ได้ถึงแม้ธรรมเนียมการแต่งงานในท้องถิ่นของคุณจะต่างออกไป.
“งานสมรสแบบคริสเตียนซึ่งยังให้เกิดความชื่นชมยินดี” เป็นชื่อเรื่องของบทความศึกษาที่ดีเยี่ยมในหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 1 ตุลาคม 1984. บทความถัดไปในฉบับนั้นมีชื่อเรื่องว่า “จงสนุกเพลิดเพลินพอดีพอควร ณ งานเลี้ยงฉลองสมรส.” (สำหรับใคร ๆ ที่กำลังใคร่ครวญเรื่องการแต่งงาน ก็มีคำแนะนำที่สุขุมเพิ่มอีกในหนังสือการทำให้ชีวิตครอบครัวของท่านมีความสุข, บท 2, และการได้ประโยชน์มากที่สุดจากวัยหนุ่มสาว, บท 19 และ 20.)a หลายคนได้เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวาตั้งแต่บทความเหล่านั้นพิมพ์ออกมา ดังนั้น เราต้องการจะทบทวนข้อมูลบางประการจากบทความเหล่านี้ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้โดยเฉพาะกับท้องถิ่นของเรา อีกทั้งจุดที่เหมาะสมอื่น ๆ ด้วยซึ่งจะช่วยเราทำให้วาระแห่งการสมรสเป็นที่ถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวา ผู้ทรงริเริ่มการสมรส.
คำถามที่อาจพิจารณาเป็นอันดับแรกคือ การสมรสควรมีขึ้นเมื่อไร? ควรกำหนดวันเวลาโดยอาศัยวันของฤดูกาลที่ตามประเพณีท้องถิ่นนิยมการแต่งงานไหม? ความเชื่อในท้องถิ่นคือว่า การแต่งงานรายใด ๆ ที่มีขึ้นในช่วงเวลาอื่นของปีจะไม่ประสบผลสำเร็จ. นี่เป็นการถือโชคลางโดยไม่มีรากฐาน เพราะคู่สมรสหลายคู่ซึ่งรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขและปรองดองกันนั้นไม่ได้แต่งงานระหว่างฤดูกาลที่นิยมกันตามประเพณี. เราไม่เชื่อเรื่องโชคดีหรือโชคร้าย. (ยะซายา 65:11; โกโลซาย 2:8) เราคงจะไม่ได้ช่วยญาติที่ไม่มีความเชื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างความจริงกับความเท็จหากเรากำหนดวันแต่งงานตามการเชื่อโชคลางของเขา. ข้อเท็จจริงคือ คริสเตียนสามารถแต่งงานในเดือนใด ๆ ก็ได้.
เมื่อมีการจัดเตรียมคำบรรยายงานสมรสหลังจากการจดทะเบียนที่จำเป็นโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแล้ว คงจะเป็นการสุขุมที่จะไม่เว้นช่วงเป็นเวลาหลายวันระหว่างเหตุการณ์สองอย่างนี้. หากคู่สมรสอยากให้มีคำบรรยายงานสมรสในหอประชุมแล้ว เขาควรเข้าพบผู้ปกครองในประชาคมล่วงหน้านานพอเพื่อขอใช้หอประชุม. ผู้ปกครองในท้องถิ่นจะทำให้แน่ใจว่าการจัดเตรียมต่าง ๆ สำหรับคำบรรยายนั้นจะทำให้พวกเขามีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาด. ควรกำหนดเวลาคำบรรยายนั้นเพื่อว่าจะไม่ขัดกับกิจกรรมใด ๆ ของประชาคม. พี่น้องซึ่งถูกเลือกให้บรรยายในงานสมรสจะพบปะพูดคุยกับผู้ที่จะเป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวล่วงหน้าเพื่อให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และทำให้แน่ใจว่าไม่มีอุปสรรคทางศีลธรรมหรือทางกฎหมายสำหรับการสมรสนั้นและเขาเห็นพ้องกับกำหนดการสำหรับงานชุมนุมสังสรรค์ใด ๆ ที่จะติดตามมานั้น. คำบรรยายสมรสควรยาวประมาณครึ่งชั่วโมงและมีการเสนอด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย เน้นแง่มุมฝ่ายวิญญาณ. คำบรรยายสมรสสำคัญกว่างานเลี้ยงรับรองใด ๆ ที่อาจติดตามมานั้นอย่างแน่นอน.
การสมรสของคริสเตียนเป็นโอกาสดีที่จะแสดงว่า เรา “ไม่เป็นส่วนของโลก.” (โยฮัน 17:14, ล.ม.; ยาโกโบ 1:27) ความมีระเบียบของเราควรโดดเด่น. นี่จะหมายความว่า เราน่าจะตรงเวลาแทนที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานต้องคอย บางทีอาจจะรบกวนกิจการของประชาคม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าสาวควรตระหนักถึงเรื่องนี้ เนื่องจากญาติชาวโลกอาจสนับสนุนเธอให้ไปสาย ประหนึ่งว่าเพิ่มความสำคัญให้ตัวเธอ. โดยการเป็นคนตรงต่อเวลา พี่น้องหญิงคริสเตียนที่อาวุโสสามารถแสดงให้เห็นว่า คุณลักษณะฝ่ายวิญญาณ เช่น ความถ่อมใจและการคำนึงถึงคนอื่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ! นอกจากนี้ เมื่อช่างภาพถูกเชิญให้บันทึกภาพโอกาสนั้น ความเป็นระเบียบนับว่าสำคัญด้วย. เราสมควรจะกำหนดให้ช่างภาพแต่งกายภูมิฐานและเขาจะไม่รบกวนการบรรยายเมื่อถ่ายภาพ. ไม่ควรถ่ายภาพระหว่างการอธิษฐาน. ความเป็นระเบียบของเราจะถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวาและให้คำพยานที่ดี. ไม่จำเป็นต้องพยายามทำตามธรรมเนียมการแต่งงานแบบชาวโลกซึ่งจะบดบังความหมายแท้ของเหตุการณ์นั้น.
งานเลี้ยงรับรองไม่ใช่ข้อเรียกร้องสำหรับการสมรสที่ประสบผลสำเร็จ แต่ไม่มีข้อคัดค้านตามหลักพระคัมภีร์สำหรับโอกาสที่น่ายินดีดังกล่าว. อย่างไรก็ตาม การชุมนุมดังกล่าวสำหรับคริสเตียนแท้ควรจะต่างจากงานเลี้ยงรับรองแบบชาวโลกซึ่งส่อให้เห็นความหรูหราฟุ่มเฟือย, การดื่มจัด, การกินมากเกินไป, ดนตรีที่ร้อนแรง, การเต้นรำแบบยั่วยวน, และกระทั่งการต่อสู้กันด้วยซ้ำ. คัมภีร์ไบเบิลจัดประเภท “การเล่นเป็นพาลเกเร [“การเลี้ยงเอะอะอึกทึก,” ล.ม.] ว่าเป็นการของเนื้อหนัง. (ฆะลาเตีย 5:21) ถ้างานชุมนุมมีขนาดไม่ใหญ่มาก ก็เป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะมีการควบคุมอย่างเหมาะสม. ไม่จำเป็นต้องตั้งเต็นท์เพื่อทำตามธรรมเนียมอันเป็นที่นิยม. ถ้าบางคนตัดสินใจจะใช้เต็นท์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับสถานที่หรืออากาศ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว.
ประสบการณ์แสดงให้เห็นว่า วิธีที่ได้ผลในการจำกัดจำนวนแขกก็คือ โดยใช้การเชิญที่เจาะจงเป็นลายลักษณ์อักษร. การเชิญปัจเจกบุคคลแทนที่จะเชิญทั้งประชาคมนับว่าฉลาดสุขุมมากกว่า และในฐานะเป็นคริสเตียนที่มีระเบียบ เราควรนับถือการจำกัดจำนวนแขกที่ได้รับเชิญดังกล่าว. คำเชิญเป็นลายลักษณ์อักษรยังช่วยเราด้วยให้หลีกเลี่ยงสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเนื่องจากบุคคลที่ถูกตัดสัมพันธ์ปรากฏตัว ณ งานเลี้ยงรับรอง เพราะถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น พี่น้องชายหญิงหลายคนอาจตัดสินใจเลือกที่จะออกจากงานนั้น. (1 โกรินโธ 5:9-11) หากคู่สมรสเชิญญาติหรือคนที่รู้จักที่ไม่มีความเชื่อ คงจะมีการจำกัดจำนวนคนเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยให้ความสำคัญแก่คนเหล่านั้นที่ “สัมพันธ์กับเราในความเชื่อ” มากกว่า. (ฆะลาเตีย 6:10, ล.ม.) บางคนได้เลือกเชิญชาวโลกที่รู้จักคุ้นเคยหรือญาติที่ไม่มีความเชื่อให้มาฟังคำบรรยายเรื่องการสมรสแทนที่จะไปงานเลี้ยงรับรอง. เพราะเหตุใด? เคยมีกรณีต่าง ๆ ที่ญาติซึ่งเป็นชาวโลกได้ก่อให้เกิดสภาพการณ์ที่ทำให้อึดอัดใจ ณ งานเลี้ยงรับรองการสมรสจนถึงกับพี่น้องชายหญิงหลายคนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถอยู่ต่อไปได้. คู่สมรสบางคู่ได้จัดแจงให้มีงานเลี้ยงขนาดเล็กเฉพาะกับสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดและเพื่อน ๆ คริสเตียนเท่านั้น.
สอดคล้องกับโยฮัน 2:8, 9 นับว่าเหมาะสมที่จะเลือก “เจ้าภาพ [“ผู้จัดงานเลี้ยง,” ล.ม.].” เจ้าบ่าวคงจะต้องการเลือกคริสเตียนที่ไว้ใจได้ผู้ซึ่งจะคอยดูแลให้มีการรักษาไว้ซึ่งความมีระเบียบและมาตรฐานอันสูงส่ง. หากเพื่อนฝูงนำของขวัญมาให้ ก็ควรทำเช่นนี้โดยปราศจาก “การอวดอ้าง.” (1 โยฮัน 2:16) ดนตรีอาจเป็นที่น่าเพลิดเพลินได้โดยไม่เปรอะเปื้อนด้วยเนื้อร้องที่น่าสงสัย, เสียงดังอึกทึกมากเกินไป, หรือจังหวะที่ร้อนแรง. หลายคนพบว่า เป็นการดีที่สุดถ้าให้ผู้ปกครองฟังดนตรีที่จะมีการเล่นนั้นก่อน. การเต้นรำอาจนำมาซึ่งอันตรายที่แฝงอยู่ เพราะการเต้นรำที่สืบทอดกันมาหลายแบบนั้นมีสมุฏฐานมาจากการเต้นรำที่แสดงถึงการแพร่พันธุ์และเร้ากามารมณ์. ช่วงที่มีการตัดเค้กและเปิดแชมเปญนั้นบางครั้งกลายเป็นสัญญาณสำหรับชาวโลกที่จะปล่อยตัวกันอย่างไม่มีการเหนี่ยวรั้ง. ที่จริง คู่สมรสคริสเตียนหลายคู่ได้ตัดสินใจไม่ให้มีเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ใด ๆ ณ งานเลี้ยงรับรองการสมรส โดยวิธีนี้จึงหลีกเลี่ยงปัญหา.
เนื่องจากเราต้องการถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวา เราจะหลีกเลี่ยงการโอ้อวดเพื่อดึงดูดความสนใจมาสู่ตัวเองมากเกินไป. แม้แต่หนังสือทางโลกก็ได้กล่าวคัดค้านแนวโน้มอันเป็นที่นิยมในการหรูหราฟุ่มเฟือยเกินไป. คงจะเป็นการไม่ฉลาดสักเพียงไรที่คู่สมรสจะตกเป็นหนี้เนื่องจากงานสมรสที่หรูหรา และต่อจากนั้นต้องทนอัตคัดเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่จะชำระค่าใช้จ่ายของวันนั้นวันเดียว! แน่นอน เครื่องแต่งกายใด ๆ ที่สวมใส่ในโอกาสนั้นควรจะสงบเสงี่ยมและจัดเรียบร้อย เหมาะกับคนที่ประกาศตัวว่านับถือพระเจ้า. (1 ติโมเธียว 2:9, 10) บทความเรื่อง “พิธีสมรสควรส่อให้เห็นถึงการรู้จักใช้เหตุผล” (หอสังเกตการณ์ เดือนธันวาคม 1969) เสนอคำอธิบายที่น่าสนใจต่อไปนี้ในเรื่องเครื่องแต่งกาย:
“การสมรสของคนเรานับว่าเป็นโอกาสพิเศษ ดังนั้น โดยปกติแล้วจึงได้มีการพิจารณาเอาใจใส่ต่อรูปร่างท่าทางอันเต็มไปด้วยความปีติร่าเริงและแลดูสวยงาม. กระนั้นก็ดี ทั้งนี้ก็หาได้หมายความว่า เราจำต้องสวมใส่เสื้อผ้าอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ. ย่อมเป็นการดีที่คนเราจะพึงพิจารณาดูแบบที่ใช้กันภายในท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายและรสนิยมเฉพาะตัว. . . . มาตรว่าการซื้อเครื่องแต่งกายราคาแพง ๆ เป็นเหตุทำให้เกิดภาระหนักใจในทางการเงินสำหรับตัวเองหรือคนอื่น ๆ แล้ว นั่นจะถือว่ามีเหตุผลสมควรไหม? . . . เจ้าสาวบางคนพอใจที่จะใช้เสื้อผ้าชุดของเพื่อนที่ใกล้ชิดหรือของผู้ที่เป็นญาติก็มี. คนอื่น ๆ อีกได้รับความพอใจเป็นอันมากจากการทำเครื่องแต่งตัวสำหรับพิธีสมรสเอาเอง ด้วยวิธีเช่นนั้นแล้วก็ย่อมทำให้ตนสามารถมีเครื่องแต่งกายซึ่งอาจจะใช้ได้ ณ โอกาสอื่น ๆ อีกในวันข้างหน้าก็ได้. และก็เป็นการสมควรอย่างยิ่งสำหรับคู่หนุ่มสาวที่จะเข้าพิธีสมรสด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาชุดที่น่าดูน่าชมที่สุดของเขา . . . มีบุคคลอื่น ๆ อีกผู้ซึ่งอยู่ในฐานะที่สามารถจะให้มีการสมรสอย่างประณีตละเอียดละออได้นั้นอาจมีความประสงค์เป็นส่วนตัวที่จะให้มี ‘การสมรสแบบเงียบ ๆ’ เนื่องจากวิกฤตกาลที่ต้องใช้ความระมัดระวัง.”
ในทำนองคล้ายกัน ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงสมรส (เพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและมิตรสหายหญิงของเจ้าสาว) ไม่จำเป็นต้องมีจำนวนมากมาย. พวกเขาเช่นกัน คงจะไม่ต้องการดึงดูดความสนใจที่ไม่บังควรมาสู่ตัวเองโดยการแต่งกายและการกระทำของเขา. ถึงแม้อาจยอมให้คนถูกตัดสัมพันธ์เข้าร่วมฟังคำบรรยายที่หอประชุมได้ก็ตาม หอสังเกตการณ์ วันที่ 1 ตุลาคม 1984 กล่าวว่า “ไม่เหมาะสมที่จะมีบุคคลซึ่งถูกตัดสัมพันธ์หรือบุคคลที่แนวชีวิตของเขาอื้อฉาวขัดกับหลักการของพระคัมภีร์อย่างร้ายแรงจะอยู่ในกลุ่มที่ร่วมงาน [เลี้ยงสมรส] นั้น.”
ถึงแม้พระเยซูทรงเข้าร่วมงานสมรส เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าพระองค์จะทรงเห็นชอบกับธรรมเนียมอันเป็นที่นิยมในการมีขบวนแห่รถยนต์ที่ขับไปทั่วเมืองพร้อมกับเสียงอึกทึกครึกโครมทีเดียว ตำรวจถึงกับต้องปรับคนขับรถเพราะกดแตรในขบวนแห่งานสมรส. (โปรดดูมัดธาย 22:21.) ในการสรุปเรื่องนี้ แทนที่จะเลียนแบบการแสดงอย่างโอ้อวดหรือการกระทำโดยทั่วไปของผู้คนนานาชาติ คริสเตียนควรสำแดงสติปัญญาซึ่งอยู่กับผู้ที่เสงี่ยมเจียมตัว.—สุภาษิต 11:2.
แต่จะว่าอย่างไรเรื่องการร่วมงานสมรสของเพื่อนบ้าน, เพื่อนร่วมงานชาวโลก, หรือญาติห่าง ๆ และคนที่รู้จัก? คริสเตียนแต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตนเองในเรื่องนี้. นับว่าดีที่พึงจดจำไว้ว่า เวลาของเรามีค่า เนื่องจากเราต้องใช้เวลาสำหรับงานเผยแพร่, การศึกษาส่วนตัว, และงานอื่น ๆ ของครอบครัวและของประชาคม. (เอเฟโซ 5:15, 16) ในตอนสุดสัปดาห์ เรามีการประชุมและงานรับใช้ตามบ้านซึ่งเราไม่ต้องการพลาด. (เฮ็บราย 10:24, 25) งานสมรสหลายงานถูกกำหนดไว้ในเวลาเดียวกันกับการประชุมใหญ่หรือขัดกับความพยายามในงานรับใช้พิเศษซึ่งเกี่ยวข้องกับอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า. เราไม่ควรปล่อยตัวให้เขวไปจากการใช้ความพยายามบากบั่นเป็นพิเศษอย่างเดียวกันที่พี่น้องของเราตลอดทั่วโลกทำเพื่อเข้าร่วมอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า. ก่อนได้รับความรู้เรื่องความจริง เราใช้เวลามากพอกับคนชาวโลกอยู่แล้ว บางทีในสภาพแวดล้อมที่หลู่เกียรติยศของพระเจ้า. (1 เปโตร 4:3, 4) ตอนนี้การจัดลำดับความสำคัญของเราต่างออกไป. อาจเป็นได้เสมอที่จะอวยพรให้คู่สมรสชาวโลกมีความสุขโดยการส่งบัตรอวยพรให้เขาหรือแวะเยี่ยมสั้น ๆ ในวันอื่น. บางคนเคยใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อให้คำพยาน แบ่งปันข้อคัมภีร์บางข้อที่เหมาะกับผู้ซึ่งแต่งงานใหม่นั้น.
งานสมรสที่แง่มุมฝ่ายวิญญาณโดดเด่นกว่าแนวทางฝ่ายโลกจะถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวาอย่างแท้จริง. โดยการทำให้แน่นอนว่าพวกเขาอยู่ต่างหากจากโลกพร้อมทั้งการถือโชคลางและความเลยเถิดของโลก โดยการไม่ยอมให้โลกรบกวนกิจกรรมของเขาตามระบอบของพระเจ้า และโดยสำแดงความเจียมตัวแทนการโอ้อวด คริสเตียนจะเพลิดเพลินกับโอกาสนั้น. นอกจากนี้ พวกเขาจะสามารถย้อนดูเหตุการณ์นั้นด้วยสติรู้สึกผิดชอบที่ดีและความทรงจำที่ชื่นชอบ. โดยการแสดงสติปัญญาและความมีเหตุผล ขอให้งานสมรสแบบคริสเตียนทั้งสิ้นของเราให้คำพยานแก่ผู้มีหัวใจสุจริตซึ่งสังเกตดูนั้น.
[เชิงอรรถ]
a จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์แห่งนิวยอร์ก
[รูปภาพหน้า 24, 25]
คริสเตียนไม่ติดตามธรรมเนียมการแต่งงานในท้องถิ่นทุกแบบอย่างไม่ลืมหูลืมตา