การบริหารงานตามระบอบของพระเจ้าในยุคคริสเตียน
“ตามซึ่งชอบพระทัยอันดีของพระองค์. . . . จะทรงรวบรวมสิ่งสารพัดเข้าไว้ในพระคริสต์อีก คือสิ่งต่าง ๆ ในสวรรค์และสิ่งต่าง ๆ ที่แผ่นดินโลก.”—เอเฟโซ 1:9, 10, ล.ม.
1, 2. (ก) การรวบรวม “สิ่งต่าง ๆ ในสวรรค์” ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ส.ศ. 33 ดำเนินไปอย่างไร? (ข) คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้แสดงน้ำใจแบบโมเซและเอลียาอย่างไรตั้งแต่ปี 1914?
การรวบรวม “สิ่งต่าง ๆ ในสวรรค์” เริ่มในปีสากลศักราช 33 เมื่อ “ยิศราเอลของพระเจ้า” ถือกำเนิดขึ้นมา. (ฆะลาเตีย 6:16; ยะซายา 43:10; 1 เปโตร 2:9, 10) หลังจากศตวรรษแรกผ่านไป การรวบรวมช้าลงเมื่อคริสเตียนแท้ (พระเยซูเรียกว่า “ข้าวดี”) ถูก “ข้าวละมาน” ที่ออกหากซึ่งซาตานหว่านไว้งอกงามขึ้นมาบดบัง. แต่เมื่อ “เวลาอวสาน” คืบใกล้เข้ามา ยิศราเอลแท้ของพระเจ้าปรากฏสู่สายตาผู้คนอีกครั้ง และในปี 1919 ก็ได้รับการมอบให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพระเยซู.a—มัดธาย 13:24-30, 36-43; 24:45-47, ล.ม.; ดานิเอล 12:4, ล.ม.
2 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คริสเตียนผู้ถูกเจิมทำการงานอันทรงพลัง เช่นเดียวกับโมเซและเอลียาได้ทำ.b (วิวรณ์ 11:5, 6) ตั้งแต่ปี 1919 เป็นต้นมาพวกเขาได้ประกาศข่าวดีในโลกที่เป็นปฏิปักษ์ ทำเช่นนั้นด้วยความกล้าหาญแบบเอลียา. (มัดธาย 24:9-14) และตั้งแต่ปี 1922 พวกเขาได้ประกาศคำพิพากษาของพระยะโฮวาต่อมนุษยชาติ เช่นเดียวกับที่โมเซนำภัยพิบัติจากพระเจ้าลงเหนืออียิปต์โบราณ. (วิวรณ์ 15:1; 16:2-17) ชนที่เหลือแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมเหล่านี้ในปัจจุบันเป็นแกนกลางของสังคมโลกใหม่แห่งพยานพระยะโฮวา.
คณะกรรมการปกครองปฏิบัติการ
3. เหตุการณ์อะไรบ้างที่แสดงว่าประชาคมคริสเตียนในยุคแรกได้รับการจัดระเบียบเป็นอย่างดี?
3 ตั้งแต่เริ่มต้น สาวกผู้ถูกเจิมของพระเยซูได้รับการจัดระเบียบ. ขณะที่จำนวนสาวกทวีขึ้น ก็ได้มีการก่อตั้งประชาคมท้องถิ่นขึ้นในที่ต่าง ๆ และมีการแต่งตั้งผู้ปกครอง. (ติโต 1:5) หลังปีส.ศ. 33 อัครสาวก 12 คนทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครองกลางที่มีอำนาจดำเนินการ. ในฐานะเช่นนี้ พวกเขานำหน้าโดยปราศจากความกลัวในงานให้คำพยาน. (กิจการ 4:33, 35, 37; 5:18, 29) พวกเขาจัดระเบียบการแจกจ่ายอาหารแก่คนขัดสน และพวกเขาส่งเปโตรและโยฮันไปซะมาเรียเพื่อติดตามผลรายงานเกี่ยวกับความสนใจที่นั่น. (กิจการ 6:1-6; 8:6-8, 14-17) บาระนาบาได้นำเปาโลมาหาพวกเขาเพื่อยืนยันว่าอดีตผู้ข่มเหงคนนี้ปัจจุบันเป็นสาวกคนหนึ่งของพระเยซู. (กิจการ 9:27; ฆะลาเตีย 1:18, 19) และหลังจากเปโตรได้ประกาศแก่โกระเนเลียวและครอบครัวของเขา ท่านกลับมาที่กรุงยะรูซาเลมและอธิบายแก่อัครสาวกและพี่น้องชาวยูดายคนอื่น ๆ ถึงวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ชี้บอกเกี่ยวกับพระทัยประสงค์ของพระเจ้าในกรณีนี้.—กิจการ 11:1-18.
4. มีความพยายามเช่นไรเพื่อจะฆ่าเปโตร แต่ท่านรอดชีวิตมาได้อย่างไร?
4 ต่อมา คณะกรรมการปกครองตกเป็นเป้าการโจมตีอย่างโหดเหี้ยม. เปโตรถูกจำคุก และรอดชีวิตมาได้เพียงเพราะมีการแทรกแซงจากทูตสวรรค์. (กิจการ 12:3-11) บัดนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีบางคนที่ไม่ใช่อัครสาวก 12 คนได้ปรากฏว่าอยู่ในตำแหน่งเด่นในกรุงยะรูซาเลม. เมื่อเปโตรถูกปล่อยจากคุก ท่านสั่งกลุ่มหนึ่งที่มาชุมนุมที่บ้านมารดาของโยฮันมาระโกว่า “จงไปบอกเรื่องนี้แก่ยาโกโบ [น้องชายร่วมมารดาของพระเยซู] กับพวกพี่น้องให้ทราบ.”—กิจการ 12:17.
5. องค์ประกอบของคณะกรรมการปกครองเปลี่ยนไปเช่นไรหลังการพลีชีพเพื่อความเชื่อของยาโกโบ?
5 ก่อนหน้านั้น หลังจากที่ยูดาอิศการิโอดอัครสาวกผู้ทรยศได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว ทำให้เกิดมีความจำเป็นต้องมอบ “หน้าที่ของเขา” ฐานะอัครสาวกให้แก่คนที่เคยได้อยู่กับพระเยซูระหว่างการรับใช้ของพระองค์ และเป็นผู้ที่ได้เป็นพยานถึงการวายพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระองค์. อย่างไรก็ตาม เมื่อยาโกโบซึ่งเป็นพี่ชายของโยฮันถูกประหาร ไม่มีใครเข้ามาแทนที่เขาฐานะหนึ่งใน 12. (กิจการ 1:20-26; 12:1, 2) แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ข้อพระคัมภีร์ถัดไปที่อ้างถึงคณะกรรมการปกครองแสดงให้เห็นว่าได้มีการขยายคณะกรรมการปกครอง. เมื่อมีประเด็นโต้แย้งกันเรื่องคนต่างชาติที่เข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูควรอยู่ใต้กฎหมายของโมเซหรือไม่ เรื่องถูกส่งมาตัดสินโดย “อัครสาวกและผู้ปกครอง [“ผู้เฒ่าผู้แก่,” ล.ม.] ในกรุงยะรูซาเลม.” (กิจการ 15:2, 6, 20, 22, 23; 16:4) เหตุใดจึงเห็นได้ชัดว่ามี “ผู้เฒ่าผู้แก่” อยู่ด้วยในคณะกรรมการปกครอง? คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอก แต่มีผลประโยชน์หนึ่งที่เห็นได้ชัด. การตายของยาโกโบและการที่เปโตรถูกจำคุกทำให้เห็นได้ว่า สักวันหนึ่งอัครสาวกทั้งหลายก็อาจถูกจำคุกหรือถูกฆ่า. ด้วยความเป็นไปได้เช่นนี้ การมีผู้ปกครองคนอื่น ๆ ที่มีคุณวุฒิซึ่งมีประสบการณ์ในขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ ของคณะกรรมการปกครองร่วมอยู่ด้วย ย่อมรับประกันการดูแลอย่างต่อเนื่องได้อย่างเป็นระเบียบ.
6. คณะกรรมการปกครองยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างไรในกรุงยะรูซาเลม แม้แต่เมื่อสมาชิกดั้งเดิมไม่อยู่ในกรุงนั้นแล้ว?
6 เมื่อเปาโลมาที่กรุงยะรูซาเลมประมาณปีส.ศ. 56 ท่านรายงานต่อยาโกโบ และคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า “บรรดาผู้ปกครอง [“ผู้เฒ่าผู้แก่,” ล.ม.] ก็อยู่พร้อมกันที่นั่น.” (กิจการ 21:18) ทำไมไม่มีการกล่าวถึงเหล่าอัครสาวกในการประชุมนี้? อีกครั้งหนึ่ง คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอก. แต่ยูเซบิอุสนักประวัติศาสตร์ได้รายงานในเวลาต่อมาก่อนปีส.ศ. 66 เล็กน้อยว่า “เหล่าอัครสาวกที่เหลืออยู่ถูกขับแตกกระเจิงไปอยู่นอกยูเดีย เพราะมีอันตรายจากแผนการฆ่าฟันที่มีอยู่เนือง ๆ. แต่เพื่อสอนข่าวสารของตน พวกเขาเดินทางไปทั่วทุกดินแดนโดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระคริสต์.” (ยูเซบิอุส เล่มสาม, หน้า 5, วรรค 2) จริงอยู่ ถ้อยคำของยูเซบิอุสไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกที่เขียนโดยการดลใจ แต่ก็สอดคล้องกับสิ่งที่บันทึกในพระคัมภีร์กล่าว. ตัวอย่างเช่น ในปีส.ศ. 62 เปโตรอยู่ที่บาบูโลน—ห่างไกลจากกรุงยะรูซาเลม. (1 เปโตร 5:13) อย่างไรก็ดี ในปีส.ศ. 56 และดูเหมือนจนกระทั่งถึงปีส.ศ. 66 เห็นได้ชัดว่า คณะกรรมการปกครองยังคงทำหน้าที่อย่างขันแข็งในกรุงยะรูซาเลม.
การบริหารงานในสมัยปัจจุบัน
7. เมื่อเทียบกับคณะกรรมการปกครองแห่งศตวรรษแรก มีความแตกต่างเด่นชัดอะไรในเรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการปกครองในปัจจุบัน?
7 นับจากปีส.ศ. 33 จนถึงความทุกข์ลำบากเหนือกรุงยะรูซาเลม คณะกรรมการปกครองดูเหมือนจะประกอบด้วยคริสเตียนชาวยิว. ระหว่างการเยี่ยมของท่านในปีส.ศ. 56 เปาโลได้ทราบว่าคริสเตียนชาวยิวหลายคนในกรุงยะรูซาเลม แม้ว่า “ยึดเอาความเชื่อขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระเยซูคริสต์” แต่ก็ยังคง “มีใจร้อนรนในการถือพระบัญญัติ [ของโมเซ].”c (ยาโกโบ 2:1, ล.ม.; กิจการ 21:20-25) ชาวยิวที่มีทัศนะเช่นนี้อาจยากที่จะคิดถึงการมีคนต่างชาติในคณะกรรมการปกครอง. ถึงกระนั้น ในสมัยปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในองค์ประกอบของคณะกรรมการนี้ซึ่งทำให้ต่างไปจากสมัยศตวรรษแรก. ทุกวันนี้ คณะกรรมการปกครองทั้งคณะประกอบด้วยคริสเตียนชาวต่างชาติที่เป็นผู้ถูกเจิม และพระยะโฮวาได้ทรงอวยพระพรอย่างมากมายลงเหนือการดูแลของพวกเขา.—เอเฟโซ 2:11-15.
8, 9. มีพัฒนาการอะไรบ้างเกิดขึ้นในคณะกรรมการปกครองสมัยปัจจุบัน?
8 ตั้งแต่การจดทะเบียนสมาคมสมาคมว็อช เทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งเพนซิลเวเนียในปี 1884 จนกระทั่งถึงปี 1972 นายกสมาคมมีอำนาจมากในองค์การของพระยะโฮวา ขณะที่คณะกรรมการปกครองมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ. พระพรที่ได้รับในช่วงปีเหล่านั้นพิสูจน์ว่าพระยะโฮวาทรงยอมรับการจัดเตรียมนั้น. ระหว่างปี 1972 ถึงปี 1975 ได้มีการขยายคณะกรรมการปกครองโดยมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 18 คน. สิ่งต่าง ๆ ดำเนินตามแบบการจัดเตรียมในศตวรรษแรกอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเมื่อมีการให้อำนาจในการจัดการเพิ่มขึ้นแก่คณะกรรมการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้ ซึ่งมีบางคนในคณะกรรมการนี้เป็นผู้บริหารของสมาคมว็อช เทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งเพนซิลเวเนียด้วย.
9 ตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมา มีสมาชิกบางคนในจำนวน 18 คนที่ได้เสร็จสิ้นภารกิจของตนทางแผ่นดินโลก. พวกเขาชนะโลกและได้ ‘นั่งกับพระเยซูบนราชบัลลังก์ฝ่ายสวรรค์ของพระองค์.’ (วิวรณ์ 3:21) ด้วยเหตุผลนี้และเหตุผลอื่น ๆ คณะกรรมการปกครองในปัจจุบันมีสมาชิกสิบคน ในจำนวนนี้ได้รวมคนหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในปี 1994 ด้วย. ส่วนใหญ่มีอายุมากแล้ว. อย่างไรก็ดี พี่น้องผู้ถูกเจิมเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีขณะที่พวกเขาทำหน้าที่อันหนักหน่วงของตนให้สำเร็จลุล่วง. การสนับสนุนนั้นมาจากไหน? การมองคร่าว ๆ ดูพัฒนาการในสมัยปัจจุบันท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้าช่วยตอบคำถามนี้.
การสนับสนุนยิศราเอลของพระเจ้า
10. ใครที่ได้เข้าร่วมกับผู้ถูกเจิมในการรับใช้พระยะโฮวาในสมัยสุดท้ายนี้ และเรื่องนี้ได้มีพยากรณ์ไว้อย่างไร?
10 ย้อนไปในปี 1884 เกือบทุกคนที่คบหาสมาคมกับยิศราเอลของพระเจ้าเป็นคริสเตียนผู้ถูกเจิม. อย่างไรก็ตาม ทีละเล็กทีละน้อยมีอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา และในปี 1935 กลุ่มนี้ได้รับการระบุตัวว่าเป็น “ชนฝูงใหญ่” ตามในวิวรณ์บท 7. โดยที่มีความหวังทางแผ่นดินโลก คนเหล่านี้เป็น “สิ่งต่าง ๆ ที่แผ่นดินโลก” ซึ่งพระยะโฮวาทรงประสงค์จะรวบรวมเข้าไว้ในพระคริสต์. (เอเฟโซ 1:10, ล.ม.) พวกเขาเป็น “แกะอื่น” ในอุทาหรณ์ของพระเยซูเรื่องคอกแกะ. (โยฮัน 10:16) ตั้งแต่ปี 1935 แกะอื่นได้หลั่งไหลเข้ามาสู่องค์การของพระยะโฮวา. พวกเขา “ล่องลอยมาดุจดังเมฆ, ดุจนกพิราบมาจับที่หน้าต่าง.” (ยะซายา 60:8) ด้วยเหตุที่ชนฝูงใหญ่เพิ่มขึ้นและชนชั้นผู้ถูกเจิมลดลงเนื่องจากหลายคนสิ้นชีวิตทางแผ่นดินโลก แกะอื่นที่มีคุณวุฒิได้เริ่มมีบทบาทในกิจกรรมคริสเตียนเพิ่มมากขึ้น. ในทางใดบ้าง?
11. สิทธิพิเศษอะไรซึ่งทีแรกจำกัดเฉพาะคริสเตียนผู้ถูกเจิมแต่ต่อมาได้มอบให้แก่แกะอื่น?
11 การประกาศความยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาไปในต่างประเทศเป็นหน้าที่พิเศษของ “ชนชาติอันบริสุทธิ์” ของพระเจ้าอยู่เสมอมา. เปาโลกล่าวถึงการประกาศนี้ว่าเป็นเครื่องบูชา ณ พระวิหารอย่างหนึ่ง และพระเยซูประทานงานมอบหมายแก่คนเหล่านั้นซึ่งจะเป็น “คณะปุโรหิตหลวง” ให้ประกาศและสั่งสอน. (เอ็กโซโด 19:5, 6; 1 เปโตร 2:4, 9, ล.ม.; มัดธาย 24:14; 28:19, 20; เฮ็บราย 13:15, 16) ถึงกระนั้น หอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 1 สิงหาคม 1932 สนับสนุนคนเหล่านั้นโดยเฉพาะที่โยนาดาบเป็นภาพเล็งถึงให้ร่วมในกิจกรรมนี้. ที่จริง หลายคนที่เป็นแกะอื่นทำเช่นนั้นอยู่แล้ว. ทุกวันนี้ งานการประกาศเกือบทั้งหมดทำโดยแกะอื่นซึ่งเป็นส่วนเด่นของการที่พวกเขา “ถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์แด่ [พระเจ้า] ทั้งวันทั้งคืนในพระวิหารของพระองค์.” (วิวรณ์ 7:15, ล.ม.) คล้ายกันนั้น ในตอนแรก ๆ ของประวัติสมัยปัจจุบันแห่งไพร่พลของพระยะโฮวา ผู้ปกครองประชาคมเป็นคริสเตียนผู้ถูกเจิม “ดวงดาว” ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระเยซูคริสต์. (วิวรณ์ 1:16, 20) แต่หอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 1 พฤษภาคม 1937 ประกาศว่า แกะอื่นที่มีคุณวุฒิอาจเป็นผู้รับใช้ประชาคม (ผู้ดูแลผู้เป็นประธาน) ได้. แม้ในกรณีที่มีพี่น้องชายที่เป็นผู้ถูกเจิมอยู่ ก็อาจใช้แกะอื่นได้หากผู้ถูกเจิมไม่สามารถแบกรับหน้าที่นี้ได้. ทุกวันนี้ ผู้ปกครองในประชาคมต่าง ๆ เกือบทั้งหมดเป็นแกะอื่น.
12. มีแบบอย่างอะไรในพระคัมภีร์สำหรับการที่แกะอื่นที่มีคุณวุฒิรับเอาหน้าที่รับผิดชอบหนักในองค์การ?
12 ผิดไหมที่มอบหน้าที่รับผิดชอบหนักเช่นนั้นให้แกะอื่น? ไม่เลย เพราะเป็นการดำเนินตามแบบอย่างที่มีบันทึกไว้. ชาวต่างชาติบางคนผู้เปลี่ยนเข้ามาเชื่อถือ (ผู้อาศัยซึ่งเป็นคนต่างด้าว) ได้รับมอบตำแหน่งสำคัญ ๆ ในยิศราเอลโบราณ. (2 ซามูเอล 23:37, 39; ยิระมะยา 38:7-9) เมื่อกลับจากการถูกเนรเทศไปอยู่บาบูโลน พวกนะธีนิม (ผู้รับใช้ในพระวิหารที่ไม่ใช่ชาวยิศราเอล) ที่มีคุณวุฒิได้รับสิทธิพิเศษให้ทำงานรับใช้ที่พระวิหารซึ่งก่อนนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะของพวกเลวีเท่านั้น. (เอษรา 8:15-20; นะเฮมยา 7:60) นอกจากนั้น โมเซซึ่งปรากฏอยู่ด้วยกับพระเยซูในนิมิตการจำแลงพระกาย ยอมรับคำแนะนำที่ดีซึ่งยิธโรชาวมิดยานให้แก่ท่าน. ต่อมา ท่านขอให้โฮบาบบุตรของยิธโรนำทางพวกเขาผ่านถิ่นทุรกันดาร.—เอ็กโซโด 18:5, 17-24; อาฤธโม 10:29.
13. ในการมอบหน้าที่รับผิดชอบด้วยความถ่อมใจให้แกะอื่นที่มีคุณวุฒิ ชนผู้ถูกเจิมกำลังเลียนแบบน้ำใจที่ดีของใคร?
13 เมื่อล่วงถึงตอนปลายของ 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร โมเซซึ่งทราบว่าท่านจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญา อธิษฐานขอพระยะโฮวาแต่งตั้งผู้สืบทอดจากท่าน. (อาฤธโม 27:15-17) พระยะโฮวาทรงมีรับสั่งให้ท่านแต่งตั้งยะโฮซูอะขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง และโมเซก็ได้ทำดังนั้น แม้ว่าท่านยังคงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีและไม่ได้เลิกรับใช้ชาวยิศราเอลในทันที. (พระบัญญัติ 3:28; 34:5-7, 9) ด้วยน้ำใจถ่อมคล้าย ๆ กัน ผู้ถูกเจิมได้มอบหมายสิทธิพิเศษที่มีเพิ่มขึ้นให้แก่ชายที่มีคุณวุฒิจากท่ามกลางแกะอื่น.
14. คำพยากรณ์อะไรบ้างที่ชี้ถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของแกะอื่นในองค์การ?
14 บทบาทที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของแกะอื่นในองค์การยังเป็นเรื่องที่มีการพยากรณ์ไว้ด้วย. ซะคาระยาบอกล่วงหน้าว่าชาวเมืองฟะเลเซ็ธซึ่งไม่ใช่ชาวยิศราเอลจะเป็น “ดุจเจ้าพระยาในจำพวกยะฮูดา.” (ซะคาระยา 9:6, 7) เจ้าพระยาเป็นหัวหน้าของตระกูลต่าง ๆ ดังนั้น ซะคาระยาหมายความว่าอดีตศัตรูของยิศราเอลจะรับเอาการนมัสการแท้และกลายเป็นเหมือนหัวหน้าของตระกูลหนึ่งในแผ่นดินแห่งคำสัญญา. นอกจากนั้น เมื่อตรัสต่อยิศราเอลของพระเจ้า พระยะโฮวาตรัสดังนี้: “คนต่างชาติจะมาเลี้ยงฝูงสัตว์ให้เจ้า, คนต่างด้าวจะเป็นคนไถนาและเป็นคนทำสวนองุ่นให้เจ้า; ฝ่ายเจ้าจะถูกเรียกว่าปุโรหิตของพระยะโฮวา, และถูกขนานนามว่าเป็นผู้ปรนนิบัติพระเจ้าของเจ้า.” (ยะซายา 61:5, 6) “คนต่างชาติ” และ “คนต่างด้าว” ได้แก่แกะอื่น. คนเหล่านี้ได้รับเอาหน้าที่รับผิดชอบเพื่อแบกรับงานที่เพิ่มมากขึ้นทุกที ขณะที่ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมจบชีวิตทางภาคโลกนี้และไปรับใช้อย่างครบถ้วนฐานะ “ปุโรหิตของพระยะโฮวา” ทางภาคสวรรค์ อยู่ล้อมรอบราชบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาฐานะ “ผู้ปรนนิบัติพระเจ้าของเจ้า.”—1 โกรินโธ 15:50-57; วิวรณ์ 4:4, 9-11; 5:9, 10.
“คนชั่วอายุ. . . . ที่จะบังเกิดมา”
15. ในสมัยอวสานนี้ คริสเตียนกลุ่มใดที่เข้าสู่ ‘วัยชรา’ และกลุ่มใดที่เป็น “คนชั่วอายุ. . . . ที่จะบังเกิดมา”?
15 ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมกระตือรือร้นในการฝึกอบรมแกะอื่นเพื่อรับเอาหน้าที่รับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น. บทเพลงสรรเสริญ 71:18 กล่าวดังนี้: “ข้าแต่พระเจ้า, แม้ว่าข้าพเจ้าชราผมหงอกแล้ว, ขออย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้าจนกว่าข้าพเจ้าจะได้พรรณนาถึงพลานุภาพของพระองค์แก่คนชั่วอายุต่อ ๆ มา, ให้ทุก ๆ คนที่จะบังเกิดมานั้นรู้ถึงฤทธานุภาพของพระองค์.” ในการอธิบายข้อนี้ หอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 ธันวาคม 1948 ชี้ว่าประชาคมแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมเริ่มอายุมากแล้วจริง ๆ. บทความนั้นยังกล่าวต่อไปว่า ชนผู้ถูกเจิม “มองไปข้างหน้าโดยอาศัยแสงสว่างแห่งคำพยากรณ์ของคัมภีร์ไบเบิลและเห็นคนชั่วอายุใหม่” ด้วยความยินดี. นี่เป็นการอ้างถึงใครโดยเฉพาะ? หอสังเกตการณ์ กล่าวว่า “พระเยซูตรัสถึงพวกเขาว่าเป็น ‘แกะอื่น’ ของพระองค์.” ‘คนชั่วอายุที่จะบังเกิดมา’ พาดพิงถึงมนุษย์ผู้จะอาศัยอยู่ภายใต้การบริหารงานใหม่ทางภาคโลกนี้ซึ่งปกครองโดยราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์.
16. พระพรอะไรที่ ‘คนชั่วอายุที่จะบังเกิดมา’ คอยท่าด้วยใจจดใจจ่อ?
16 คัมภีร์ไบเบิลมิได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าเมื่อไรคริสเตียนผู้ถูกเจิมทั้งหมดจะจากพี่น้องของตนที่เป็น ‘คนชั่วอายุที่จะบังเกิดมา’ นี้ แล้วไปร่วมรับสง่าราศีด้วยกันกับพระเยซูคริสต์ต่อไป. แต่ชนผู้ถูกเจิมเหล่านี้มั่นใจว่าเวลาดังกล่าวกำลังคืบใกล้เข้ามา. เหตุการณ์ที่บอกล่วงหน้าไว้ในคำพยากรณ์อันยิ่งใหญ่ของพระเยซูเกี่ยวกับ “เวลาอวสาน” ได้สำเร็จเป็นจริงตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา แสดงว่าการทำลายโลกนี้มาใกล้แล้ว. (ดานิเอล 12:4, ล.ม.; มัดธาย 24:3-14; มาระโก 13:4-20; ลูกา 21:7-24) อีกไม่ช้า พระยะโฮวาจะทรงนำโลกใหม่เข้ามาซึ่ง ‘คนชั่วอายุที่จะบังเกิดมา’ จะ ‘รับราชอาณาจักร [อาณาเขตทางแผ่นดินโลก] เป็นมรดกซึ่งตระเตรียมไว้สำหรับพวกเขาตั้งแต่การวางรากฐานโลก.’ (มัดธาย 25:34, ล.ม.) พวกเขาตื่นเต้นเมื่อรำพึงถึงการฟื้นฟูอุทยานและการปลุกคนตายหลายล้านคนจากฮาเดส. (วิวรณ์ 20:13) ชนผู้ถูกเจิมจะอยู่ที่นั่นไหมเพื่อต้อนรับคนเหล่านี้ที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย? ย้อนไปในปี 1925 หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤษภาคม กล่าวว่า “เราไม่ควรพูดตามอำเภอใจว่าพระเจ้าจะทำสิ่งนี้หรือจะไม่ทำสิ่งนั้น. . . . [แต่] เรามีแนวนำให้ลงความเห็นได้ว่า สมาชิกแห่งคริสตจักร [คริสเตียนผู้ถูกเจิม] จะได้รับสง่าราศีก่อนการปลุกคนที่คู่ควรสมัยโบราณ [พยานผู้ซื่อสัตย์ก่อนยุคคริสเตียน].” สำหรับการพิจารณาคล้าย ๆ กันที่ว่าจะมีชนผู้ถูกเจิมบางคนอยู่ต้อนรับคนที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายหรือไม่ หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 กันยายน 1989 กล่าวว่า “เรื่องนี้คงจะไม่จำเป็น.”d
17. สิทธิพิเศษที่น่าพิศวงอะไรที่ชนผู้ถูกเจิมฐานะเป็นกลุ่มจะร่วมรับกับพระเยซูคริสต์พระมหากษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์?
17 จริงอยู่ เราไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นในกรณีของคริสเตียนผู้ถูกเจิมแต่ละคน. แต่การที่โมเซและเอลียาอยู่กับพระเยซูในนิมิตการจำแลงพระกายบ่งชี้ว่า มีการคาดหมายว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายจะอยู่กับพระเยซูเมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยสง่าราศีเพื่อ “พระราชทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการประพฤติของตน” ขณะที่ทรงพิพากษาและสำเร็จโทษ. นอกจากนั้น เราระลึกถึงคำสัญญาของพระเยซูที่ว่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ “มีชัยชนะ” จะร่วมกันกับพระองค์ในการ“เลี้ยงประชาชนด้วยคทาเหล็ก” ณ อาร์มาเก็ดดอน. เมื่อพระเยซูเสด็จมาด้วยสง่าราศี พวกเขาจะนั่งด้วยกันกับพระองค์ในการ “พิพากษาพวกยิศราเอลสิบสองตระกูล.” ร่วมกันกับพระเยซู พวกเขาจะ “ปราบซาตานให้ยับเยินใต้ฝ่าเท้าของตน.”—มัดธาย 16:27–17:9; 19:28; วิวรณ์ 2:26, 27, ล.ม.; 16:14, 16; โรม 16:20, ล.ม.; เยเนซิศ 3:15; บทเพลงสรรเสริญ 2:9; 2 เธซะโลนิเก 1:9, 10.
18. (ก) สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ ‘การรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ในสวรรค์เข้าไว้ในพระคริสต์’ เป็นเช่นไร? (ข) เราสามารถกล่าวเช่นไรเกี่ยวกับ ‘การรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่แผ่นดินโลกเข้าไว้ในพระคริสต์’?
18 ในการดูแลให้การบริหารสิ่งต่าง ๆ ของพระองค์ดำเนินไป พระยะโฮวาทรงรุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อ “รวบรวมสิ่งสารพัดเข้าไว้ในพระคริสต์อีก.” พระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวข้องกับ “สิ่งต่าง ๆ ในสวรรค์” กำลังใกล้จะเสร็จสมบูรณ์. การรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระเยซูกับบรรดาชน 144,000 คนในสวรรค์ใน “การอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก” ก็ใกล้จะถึงแล้ว. ดังนั้น ยิ่งเวลาผ่านไป พี่น้องชายที่อาวุโสแห่งแกะอื่นซึ่งก็คือ “สิ่งต่าง ๆ ที่แผ่นดินโลก” ก็ยิ่งได้รับหน้าที่รับผิดชอบหนักขึ้นเพื่อสนับสนุนพวกพี่น้องผู้ถูกเจิมของเขา. เรามีชีวิตอยู่ในเวลาที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ! ช่างน่าตื่นเต้นยินดีที่ได้เห็นพระประสงค์ของพระยะโฮวารุดหน้าไปสู่ความสำเร็จ! (เอเฟโซ 1:9, 10, ล.ม.; 3:10-12, ล.ม.; วิวรณ์ 14:1; 19:7, 9, ล.ม.) และบรรดาแกะอื่นก็รู้สึกปีติยินดีที่ได้สนับสนุนพี่น้องผู้ถูกเจิมของตนขณะที่ทั้งสองกลุ่มรับใช้ด้วยกันเป็น “ฝูงเดียว” ภายใต้ “ผู้เลี้ยงผู้เดียว” โดยอ่อนน้อมต่อพระมหากษัตริย์เยซูคริสต์และเพื่อรัศมีภาพแห่งองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ พระยะโฮวาพระเจ้า!—โยฮัน 10:16; ฟิลิปปอย 2:9-11.
[เชิงอรรถ]
a โปรดดูหอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 สิงหาคม 1982 หน้า 11-25.
b ตัวอย่างเช่น เริ่มในปี 1914 ได้มีการฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการทรงสร้าง” ซึ่งนำเสนอเรื่องราวทั้งภาพและเสียงมีทั้งหมดสี่ตอน—ฉายตามโรงภาพยนตร์ต่าง ๆ ซึ่งมีคนเข้าชมกันแน่นขนัดไปตลอดทั่วโลกตะวันตก.
c สำหรับเหตุผลที่อาจอยู่ในข่ายที่ทำให้คริสเตียนชาวยิวบางคนร้อนรนเพื่อพระบัญญัติ โปรดดูการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก เล่ม 2 หน้า 1163-1164.
d โปรดดูหอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 สิงหาคม 1990 หน้า 30, 31; ฉบับ 15 ธันวาคม 1990 หน้า 30.
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ องค์การของพระเจ้ารุดหน้าไปอย่างไรในศตวรรษแรก?
▫ คณะกรรมการปกครองได้พัฒนาอย่างไรในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของพยานพระยะโฮวา?
▫ ข้อพระคัมภีร์อะไรบ้างที่สนับสนุนการให้อำนาจแก่แกะอื่นในองค์การของพระยะโฮวา?
▫ “สิ่งต่าง ๆ ในสวรรค์” และ “สิ่งต่าง ๆ ที่แผ่นดินโลก” ได้ถูกรวบรวมเข้าไว้ในพระคริสต์อย่างไร?
[รูปภาพหน้า 16]
แม้แต่เมื่อสมาชิกดั้งเดิมไม่อยู่ในกรุงยะรูซาเลมแล้ว คณะกรรมการปกครองก็ยังคงดำเนินงานที่นั่นต่อไป
[รูปภาพหน้า 18]
คริสเตียนผู้ถูกเจิมที่อาวุโสเป็นพระพร สำหรับไพร่พลของพระยะโฮวา
ซี. ที. รัสเซลล์ 1884-1916
เจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด 1916-1942
เอ็น. เอช. นอรร์ 1942-1977
เอฟ. ดับเบิลยู. ฟรานซ์ 1977-1992
เอ็ม. จี. เฮนเชล 1992-