‘ใจของท่านตรงกับใจของข้าหรือ?’
“มาด้วยข้าเถิด, ไปดูความร้อนรนของข้าที่จะกระทำฝ่ายพระยะโฮวา.”—2 กษัตริย์ 10:16.
1, 2. (ก) สภาพการณ์ทางศาสนาของยิศราเอลเสื่อมทรุดลงไปอย่างไร? (ข) ในปี 905 ก.ส.ศ. มีการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นอะไรในอาณาจักรยิศราเอล?
ในปี 905 ก่อนสากลศักราชเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในประเทศยิศราเอล. เกือบ 100 ปีก่อนหน้านั้น พระยะโฮวาได้ทรงทำให้อาณาจักรยิศราเอลซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายเนื่องด้วยการออกหากของซะโลโม. (1 กษัตริย์ 11:9-13) ตอนนั้น อาณาจักรยูดาซึ่งอยู่ทางใต้มีผู้ปกครองคือระฮับอามราชบุตรของซะโลโม ในขณะที่อาณาจักรยิศราเอลซึ่งอยู่ทางเหนืออยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์ยาระบะอามชาวเอฟรายิม. น่าเสียดาย อาณาจักรทางเหนือเริ่มต้นอย่างเลวร้าย. ยาระบะอามไม่ต้องการให้ราษฎรเดินทางลงไปที่อาณาจักรทางใต้เพื่อนมัสการที่พระวิหาร ด้วยเกรงว่าพวกเขาจะมีความคิดกลับไปสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ดาวิด. ดังนั้น เขาตั้งการนมัสการรูปโคขึ้นในอาณาจักรยิศราเอล และโดยวิธีนี้จึงได้ก่อตั้งรูปแบบการบูชารูปเคารพขึ้นซึ่งปรากฏอยู่คู่ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรทางเหนือมาโดยตลอด.—1 กษัตริย์ 12:26-33.
2 สภาพการณ์เสื่อมทรุดลงไปอีกเมื่ออาฮาบราชบุตรของอัมรีขึ้นเป็นกษัตริย์. อีซาเบลมเหสีชาวต่างชาติของท่านส่งเสริมการนมัสการพระบาละและฆ่าเหล่าผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา. แม้ผู้พยากรณ์เอลียาเตือนอย่างตรงไปตรงมา อาฮาบก็หาได้ทำสิ่งใดเพื่อยับยั้งเธอไม่. อย่างไรก็ตาม ในปี 905 ก.ส.ศ. อาฮาบสิ้นพระชนม์ และยะโฮรามราชบุตรของท่านขึ้นครองราชย์. บัดนี้ ถึงเวลาที่แผ่นดินต้องได้รับการชำระให้สะอาด. อะลีซาผู้สืบทอดตำแหน่งของเอลียาแจ้งแก่แม่ทัพเยฮูว่า พระยะโฮวาทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของยิศราเอล. หน้าที่มอบหมายสำหรับท่านคืออะไร? ล้มล้างราชวงศ์ที่ชั่วช้าของอาฮาบและชำระหนี้เลือดให้กับเหล่าผู้พยากรณ์ที่ถูกอีซาเบลประหาร!—2 กษัตริย์ 9:1-10.
3, 4. ยะโฮนาดาบแสดงอย่างไรว่าหัวใจท่าน ‘ตรงกับหัวใจของเยฮู’?
3 โดยเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า เยฮูจัดการฆ่าอีซาเบลผู้ชั่วช้า แล้วจากนั้นท่านก็เริ่มชำระยิศราเอลให้สะอาดด้วยการกวาดล้างราชวงศ์อาฮาบ. (2 กษัตริย์ 9:15–10:14, 17) ต่อมา ท่านได้พบผู้ช่วยคนหนึ่ง. “เมื่อเยฮูไปจากที่นั้นก็พบยะโฮนาดาบ, บุตรเรคาบมาหาท่าน: เยฮูคำนับท่านถามว่า, ใจของท่านตรงกับใจของข้า, และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือ? ยะโฮนาดาบตอบว่า, เป็นดังนั้น. ท่านจึงว่า, ถ้าเป็นดังนั้นจงจับมือกันเถิด. แล้วท่านก็จับมือกัน; และรับท่านขึ้นบนรถ. เยฮูจึงว่า, มาด้วยข้าเถิด, ไปดูความร้อนรนของข้าที่จะกระทำฝ่ายพระยะโฮวา. แล้วเยฮูก็ให้ท่านขึ้นรถขี่ไปด้วยกัน.”—2 กษัตริย์ 10:15, 16.
4 ยะโฮนาดาบ (หรือโยนาดาบ) ไม่ใช่ชาวยิศราเอล. อย่างไรก็ดี สอดคล้องกับชื่อของท่าน (มีความหมายว่า “พระยะโฮวาทรงประสงค์,” “พระยะโฮวาเป็นองค์ประเสริฐ,” หรือ “พระยะโฮวาทรงเอื้อเฟื้อ”) ท่านเป็นผู้นมัสการพระยะโฮวา. (ยิระมะยา 35:6) แน่นอน ท่านสนใจเป็นพิเศษที่จะได้เห็น “ความร้อนรนของ [เยฮู] ที่จะกระทำฝ่ายพระยะโฮวา.” เราทราบได้อย่างไร? เอาละ การที่ท่านได้พบกับกษัตริย์ที่ได้รับการเจิมของยิศราเอลไม่ใช่เรื่องบังเอิญ. ยะโฮนาดาบ “มาหาท่าน” และในยามนั้นเยฮูได้สังหารอีซาเบลและคนอื่น ๆ ในราชวงศ์อาฮาบไปแล้ว. ยะโฮนาดาบทราบว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรตอนที่ท่านตอบรับคำเชิญของเยฮูให้ขึ้นรถม้าไปกับท่าน. เห็นได้ชัดว่าท่านอยู่ฝ่ายเยฮูและนั่นก็คืออยู่ฝ่ายพระยะโฮวาในการต่อสู้ครั้งนี้ระหว่างการนมัสการเท็จกับการนมัสการแท้.
เยฮูและยะโฮนาดาบสมัยปัจจุบัน
5. (ก) อีกไม่ช้า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างเพื่อประโยชน์สำหรับมนุษยชาติทั้งมวล? (ข) ใครคือเยฮูผู้ยิ่งใหญ่ และใครเป็นตัวแทนของพระองค์บนแผ่นดินโลก?
5 สิ่งต่าง ๆ ในปัจจุบันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในอีกไม่ช้านี้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติทั้งสิ้น เหมือนที่เกิดกับอาณาจักรยิศราเอลเมื่อปี 905 ก.ส.ศ. บัดนี้ จวนจะถึงเวลาที่พระยะโฮวาจะชำระแผ่นดินโลกให้สะอาดจากผลเสียหายทุกอย่างที่เกิดจากอิทธิพลของซาตาน รวมทั้งศาสนาเท็จ. ใครเป็นเยฮูสมัยปัจจุบัน? จะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงได้รับการกล่าวถึงเป็นเชิงพยากรณ์ดังนี้: “ข้าแต่พระผู้ทรงฤทธานุภาพ จงเหน็บกระบี่ไว้ที่พระเพลาของพระองค์ พร้อมด้วยความสง่าผ่าเผยและความรุ่งโรจน์ของพระองค์. และด้วยความรุ่งโรจน์ของพระองค์จงบรรลุความสำเร็จ; จงทรงม้าห้อไปเพื่อเห็นแก่ความจริงและความถ่อมใจและความชอบธรรม.” (บทเพลงสรรเสริญ 45:3, 4, ล.ม.) พระเยซูทรงมีตัวแทนบนแผ่นดินโลกคือ “ยิศราเอลของพระเจ้า” คริสเตียนผู้ถูกเจิม “ซึ่งปฏิบัติตามข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระเจ้าและมีงานเป็นพยานถึงพระเยซู.” (ฆะลาเตีย 6:16; วิวรณ์ 12:17, ล.ม.) ตั้งแต่ปี 1922 พี่น้องผู้ถูกเจิมเหล่านี้ของพระเยซูประกาศคำเตือนอย่างไม่หวั่นกลัวเกี่ยวกับการพิพากษาของพระยะโฮวาที่กำลังจะมาถึง.—ยะซายา 61:1, 2; วิวรณ์ 8:7–9:21; 16:2-21.
6. ใครที่ออกมาจากนานาชาติเพื่อสนับสนุนคริสเตียนผู้ถูกเจิม และกล่าวโดยนัยได้ว่าพวกเขาเข้าไปในราชรถของเยฮูผู้ยิ่งใหญ่อย่างไร?
6 คริสเตียนผู้ถูกเจิมไม่ได้มีเพียงลำพังพวกเขา. เช่นเดียวกับที่ยะโฮนาดาบออกมาพบเยฮู ผู้คนมากมายจากนานาชาติก็ได้ออกมาเพื่อสนับสนุนพระเยซู เยฮูผู้ยิ่งใหญ่ และสนับสนุนตัวแทนทางแผ่นดินโลกของพระองค์ในเรื่องจุดยืนของพวกเขาเพื่อการนมัสการแท้. (ซะคาระยา 8:23) ในปี 1932 ชนเหล่านี้ซึ่งพระเยซูทรงเรียกว่าเป็น “แกะอื่น” ของพระองค์ได้มาเป็นที่รู้จักในฐานะคู่เทียบสมัยปัจจุบันของยะโฮนาดาบในสมัยโบราณ และได้รับเชิญให้ ‘ขึ้นรถเทียมม้า’ ของเยฮูสมัยปัจจุบัน. (โยฮัน 10:16) เป็นเช่นนั้นอย่างไร? ก็โดย “ปฏิบัติตามข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระเจ้า” และร่วมกับผู้ถูกเจิมใน “งานเป็นพยานถึงพระเยซู.” ในสมัยปัจจุบัน การทำเช่นนั้นรวมถึงการประกาศข่าวดีเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าที่ถูกสถาปนาขึ้นโดยมีพระเยซูเป็นกษัตริย์. (มาระโก 13:10) ในปี 1935 ชนจำพวก “โยนาดาบ” เหล่านี้ถูกระบุว่าเป็น “ชนฝูงใหญ่” ที่กล่าวถึงในวิวรณ์ 7:9-17.
7. คริสเตียนในปัจจุบันได้แสดงให้เห็นอย่างไรว่า ‘หัวใจของพวกเขายังคงตรง’ กับพระทัยของพระเยซู?
7 ตั้งแต่ทศวรรษปี 1930 เป็นต้นมา ชนฝูงใหญ่และพี่น้องผู้ถูกเจิมพิสูจน์อย่างกล้าหาญว่าพวกเขาสนับสนุนการนมัสการแท้. บางประเทศในยุโรปตะวันออกและตะวันตก, ตะวันออกไกล, และแอฟริกา หลายคนในพวกเขาเสียชีวิตเพราะความเชื่อของตน. (ลูกา 9:23, 24) ในที่อื่น ๆ พวกเขาถูกจำคุก, ถูกก่อกวน, หรือไม่ก็ถูกกดขี่ข่มเหงด้วยวิธีอื่น ๆ. (2 ติโมเธียว 3:12) พวกเขาได้สร้างประวัติความเชื่อที่น่าทึ่งจริง ๆ! และรายงานปีการรับใช้ 1997 แสดงให้เห็นว่า พวกเขายังคงมุ่งมั่นในการรับใช้พระเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม. ‘หัวใจของพวกเขายังคงตรง’ กับพระทัยของพระเยซู. เห็นได้ชัดว่าเป็นอย่างนั้นในระหว่างปี 1997 เมื่อผู้ประกาศราชอาณาจักร 5,599,931 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นชนจำพวก “โยนาดาบ” ใช้เวลาทั้งหมดรวมแล้ว 1,179,735,841 ชั่วโมงในงานเป็นพยานถึงพระเยซู.
ยังคงประกาศด้วยใจแรงกล้า
8. พยานพระยะโฮวาแสดงใจแรงกล้าเพื่อการนมัสการแท้อย่างไร?
8 เยฮูมีชื่อเสียงในเรื่องการห้อตะบึงรถเทียมม้าราวพายุบุแคม—หลักฐานถึงความมีใจแรงกล้าของท่านในการทำงานมอบหมายของท่านให้สำเร็จ. (2 กษัตริย์ 9:20) มีคำพรรณนาถึงพระเยซูเยฮูผู้ยิ่งใหญ่ว่าทรงถูก “เผา” ด้วยใจแรงกล้า. (บทเพลงสรรเสริญ 69:9) ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยที่คริสเตียนแท้ในทุกวันนี้โดดเด่นในเรื่องความมีใจแรงกล้าของพวกเขา. ไม่ว่าจะภายในประชาคมหรือต่อสาธารณชน พวกเขา “ประกาศพระคำ . . . อย่างรีบด่วนทั้งในยามเอื้ออำนวยและยามยากลำบาก.” (2 ติโมเธียว 4:2, ล.ม.) ความมีใจแรงกล้าของพวกเขาเห็นได้เด่นชัดเป็นพิเศษในช่วงแรกของปี 1997 หลังจากที่บทความในพระราชกิจของเรา สนับสนุนพี่น้องมากเท่าที่จะมากได้ให้ร่วมงานรับใช้ในฐานะไพโอเนียร์สมทบ. ในแต่ละประเทศ ได้มีการตั้งเป้าจำนวนไพโอเนียร์สมทบเอาไว้. การตอบรับเป็นเช่นไร? น่าทึ่งทีเดียว! หลายสาขารายงานว่าจำนวนไพโอเนียร์สมทบทะลุเป้าที่ตั้งไว้. เอกวาดอร์ตั้งเป้าเอาไว้ 4,000 คน แต่ในเดือนมีนาคมมีรายงานจำนวนไพโอเนียร์สมทบถึง 6,936 คน. ญี่ปุ่นรายงานจำนวนทั้งสิ้น 104,215 คนในช่วงสามเดือนนั้น. ที่แซมเบียซึ่งตั้งเป้าไว้ 6,000 คน มีรายงานจำนวนไพโอเนียร์สมทบ 6,414 คนในเดือนมีนาคม; 6,532 คนในเดือนเมษายน; และ 7,695 คนในเดือนพฤษภาคม. ตลอดทั่วโลกรวมยอดไพโอเนียร์สมทบและไพโอเนียร์ประจำรวมกันคือ 1,110,251 คน มากกว่าปี 1996 34.2 เปอร์เซ็นต์!
9. นอกจากงานประกาศตามบ้านเรือนแล้ว พยานพระยะโฮวาเสาะหาผู้คนเพื่อบอกข่าวดีแก่พวกเขาโดยใช้วิธีใดอีกบ้าง?
9 อัครสาวกเปาโลบอกผู้ปกครองจากเมืองเอเฟโซดังนี้: “ข้าพเจ้ามิได้ยับยั้งการบอกสิ่งใด ๆ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทั้งการสอนท่านทั้งหลายในที่สาธารณะและตามบ้านเรือน.” (กิจการ 20:20, ล.ม.) พยานพระยะโฮวาในทุกวันนี้เลียนแบบเปาโลและประกาศข่าวดีตามบ้านเรือนด้วยใจแรงกล้า. อย่างไรก็ตาม บางครั้งไม่ง่ายนักที่จะพบผู้คนที่บ้านของเขา. ด้วยเหตุนั้น “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” จึงสนับสนุนผู้ประกาศราชอาณาจักรให้เข้าพบประชาชนในที่ทำงาน, ตามถนน, ตามชายหาด, ในสวนสาธารณะ—ที่ไหนก็ตามที่จะพบผู้คนได้. (มัดธาย 24:45-47) ผลที่ได้รับนั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว.
10, 11. ผู้ประกาศในสองประเทศได้แสดงความริเริ่มที่ดีอย่างไรในการเสาะหาผู้สนใจที่ตามปกติไม่สามารถติดต่อที่บ้านได้?
10 ที่โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ผู้ประกาศกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งได้ให้คำพยานตามถนนนอกสถานีรถไฟ. ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายน พวกเขาจำหน่ายวารสารได้ 4,733 ฉบับ, สามารถสนทนาอย่างดีกับหลายคน, และได้กลับเยี่ยมหลายราย. ผู้ประกาศหลายคนในประเทศนี้ได้จัดสายเวียนส่งวารสารให้กับร้านค้าต่าง ๆ. ที่เมืองหนึ่งมีตลาดนัดทุกวันศุกร์ ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมีคนมาเลือกซื้อสินค้าหลายพันคน. ดังนั้น ประชาคมจึงได้จัดให้มีการให้คำพยานเป็นประจำที่ตลาดนัดนั้น. ในท้องที่แห่งหนึ่งได้จัดให้มีการเยี่ยมโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อเสนอชุดข้อมูลซึ่งประกอบด้วยหนังสือต่าง ๆ ที่เหมาะเป็นพิเศษสำหรับครูโรงเรียน.
11 ที่ฮาวาย ได้มีความพยายามด้วยเช่นกันเพื่อเข้าถึงคนที่ไม่สามารถพบเขาที่บ้านได้. เขตพิเศษเหล่านี้ได้แก่ที่สาธารณะต่าง ๆ (ตามถนน, สวนสาธารณะ, ที่จอดรถ, และป้ายรถประจำทาง), ย่านธุรกิจ, ศูนย์การค้าและสนามบิน, การให้คำพยานทางโทรศัพท์, บริการขนส่งสาธารณะ (ประกาศบนรถประจำทาง), และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ. ได้มีการมอบหมายอย่างระมัดระวังเพื่อให้มีผู้ให้คำพยานในจำนวนที่พอเหมาะพอดีในแต่ละเขต และให้พี่น้องเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมอย่างดีสำหรับงานมอบหมายนั้น ๆ. มีรายงานเกี่ยวกับความพยายามซึ่งจัดระเบียบอย่างดีคล้าย ๆ กันนี้ในหลายประเทศ. ผลคือ สามารถติดต่อกับหลายคนที่แสดงความสนใจ ซึ่งคงไม่มีทางพบกับคนเหล่านี้ในการประกาศตามบ้าน.
การยืนหยัดมั่นคง
12, 13. (ก) ซาตานใช้กลยุทธ์อะไรต่อต้านพยานพระยะโฮวาในระหว่างปี 1997? (ข) การโฆษณาชวนเชื่ออย่างผิด ๆ ในประเทศหนึ่งเกิดผลกลับตาลปัตรอย่างไร?
12 ในปี 1997 พยานพระยะโฮวาในหลายประเทศต้องเผชิญการโฆษณาชวนเชื่อผิด ๆ อย่างชั่วร้าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายจะหาช่องดำเนินการทางกฎหมายเอาผิดพวกเขา. แต่พวกเขาไม่กลัวเลย! (บทเพลงสรรเสริญ 112:7, 8) พวกเขาระลึกถึงคำอธิษฐานของท่านผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญที่ว่า “คนอหังการได้คิดอ่านหาคำเท็จกล่าวร้ายต่อข้าพเจ้า: แต่ข้าพเจ้าจะรักษาพระโอวาทของพระองค์ไว้ด้วยสุดใจ.” (บทเพลงสรรเสริญ 119:69) การแพร่เรื่องโกหกเช่นนั้นกลับกลายเป็นหลักฐานให้กับการที่คริสเตียนแท้จะถูกเกลียดชังดังที่พระเยซูทรงพยากรณ์ไว้. (มัดธาย 24:9) และบางครั้งก็เกิดผลกลับตาลปัตร. ชายชาวเบลเยียมคนหนึ่งอ่านบทความที่ทำให้พยานพระยะโฮวาเสื่อมเสียในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง. ด้วยความสะเทือนใจในคำพูดให้ร้ายดังกล่าว เขาเข้าร่วมการประชุมที่หอประชุมราชอาณาจักรแห่งหนึ่งในวันอาทิตย์ถัดมา. เขานัดศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานฯ และทำความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว. ก่อนหน้านี้ ชายคนนี้เคยเป็นสมาชิกของแก๊งหนึ่ง. การศึกษาพระคัมภีร์ช่วยเขาชำระชีวิตของตนให้สะอาด และผู้คนที่ใกล้ชิดเขาก็สังเกตเห็นเรื่องนี้. แน่ละ คนที่เขียนบทความให้ร้ายคนนั้นคิดไม่ถึงว่าจะเกิดผลอย่างนี้!
13 ผู้มีหัวใจสุจริตบางคนในเบลเยียมได้พูดอย่างตรงไปตรงมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหลอกลวงนั้น. คนหนึ่งก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งยอมรับว่า เขาชื่นชมอย่างยิ่งในสิ่งที่พยานพระยะโฮวาได้ทำไป. ผู้แทนสมาชิกสภาล่างคนหนึ่งเขียนดังนี้: “ตรงกันข้ามกับคำกล่าวเป็นนัย ๆ ที่สร้างความเสื่อมเสียซึ่งมีการแพร่ข่าวออกไปเป็นพัก ๆ ผมเห็นว่า [พยานพระยะโฮวา] ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสถาบันของรัฐเลยแม้แต่น้อย. พวกเขาเป็นพลเมืองที่รักสันติ, มีความสำนึกในหน้าที่, และนับถือเจ้าหน้าที่บ้านเมือง.” ถ้อยคำของอัครสาวกเปโตรนับว่าฉลาดสุขุมจริง ๆ ที่ว่า “จงรักษาความประพฤติของท่านให้ดีงามท่ามกลางนานาชาติ เพื่อว่า ในสิ่งที่เขาพูดต่อต้านท่านทั้งหลายว่าเป็นคนทำชั่วนั้น เนื่องด้วยการกระทำที่ดีงามของท่านซึ่งเขาเป็นประจักษ์พยานนั้น เขาอาจสรรเสริญพระเจ้าในวันสำหรับการตรวจตราของพระองค์.”—1 เปโตร 2:12, ล.ม.
การฉลองรำลึกที่โดดเด่น
14. มีรายงานที่น่าตื่นเต้นอะไรบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ในปี 1997?
14 นับว่าเหมาะทีเดียวที่ผู้คนซึ่งเป็นพยานถึงพระเยซูถือว่าการรำลึกถึงการวายพระชนม์ของพระองค์เป็นจุดเด่นในรอบปี. ในปี 1997 มี 14,322,226 คนเข้าร่วมฉลองเหตุการณ์นี้ในวันที่ 23 มีนาคม. จำนวนนั้นมากกว่าปี 1996 1,400,000 กว่าคน. (ลูกา 22:14-20) ในหลายประเทศ จำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์มีมากกว่าจำนวนผู้ประกาศราชอาณาจักรมากทีเดียว ทำให้คาดหมายได้ว่าจะมีการเพิ่มทวีอย่างดีในอนาคต. เพื่อเป็นตัวอย่าง ที่เฮติ ในปี 1997 มียอดผู้ประกาศ 10,621 คน ขณะที่ 67,259 คนเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์. คุณสามารถพลิกไปดูรายงานประจำปีได้ในหน้า 18 ถึงหน้า 21 และดูว่ามีอีกกี่ประเทศที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมสูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ประกาศ.
15. ในบางประเทศ พี่น้องของเราเอาชนะปัญหาที่ร้ายแรงอะไรเพื่อเข้าร่วมการฉลองอนุสรณ์?
15 สำหรับบางคนแล้ว การเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย. ที่แอลเบเนีย มีคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานหลังหนึ่งทุ่มเนื่องจากความไม่สงบในบ้านเมือง. กลุ่มเล็ก ๆ ทั้งหมด 115 กลุ่มทั่วประเทศจัดการประชุมอนุสรณ์โดยเริ่มต้นที่เวลา 17:45 น. ดวงอาทิตย์ตกเวลา 18:08 น. ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวันที่ 14 เดือนไนซาน. การผ่านเครื่องหมายทำกันเมื่อเวลาประมาณ 18:15 น. กลุ่มต่าง ๆ ส่วนมากปิดการประชุมด้วยคำอธิษฐานเวลา 18:30 น. และผู้เข้าร่วมประชุมต่างก็รีบกลับบ้านก่อนถึงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน. ถึงกระนั้น ผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์มีถึง 3,154 คน เทียบกับยอดผู้ประกาศ 1,090 คน. ที่ประเทศหนึ่งในแอฟริกา ความไม่สงบในบ้านเมืองทำให้ไม่สามารถไปที่หอประชุมได้ ผู้ปกครองสองคนจึงตัดสินใจไปประชุมปรึกษาหารือกันที่บ้านของผู้ปกครองคนที่สามเพื่อวางแผนจะจัดการฉลองเป็นกลุ่มเล็ก ๆ. เพื่อจะไปให้ถึงบ้านนี้ ผู้ปกครองทั้งสองต้องข้ามคูระบายน้ำ. อย่างไรก็ตาม มีการต่อสู้กันในบริเวณนั้น และมีมือปืนคอยดักยิงใครก็ตามที่พยายามข้ามคู. ผู้ปกครองคนหนึ่งวิ่งอย่างเร็วข้ามไปได้โดยสวัสดิภาพ. แต่ขณะที่ผู้ปกครองอีกคนกำลังข้ามอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงปืน. เขาทิ้งตัวลงกับพื้นและคลานข้ามไปได้อย่างปลอดภัยขณะที่ได้ยินเสียงลูกกระสุนหลายนัดวิ่งเฉียดหัวเขาไป. เป็นอันว่าสามารถจัดการประชุมผู้ปกครองได้สำเร็จ และก็ได้มีการเอาใจใส่ดูแลความจำเป็นของประชาคม.
“จากชาติและตระกูล . . . และภาษาทั้งปวง”
16. ชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อและสุขุมได้จัดเตรียมอย่างไรเพื่อให้ข่าวดีแพร่ไปในชนกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีภาษาของเขาเอง?
16 อัครสาวกโยฮันกล่าวว่า ชนฝูงใหญ่จะออกมา “จากชาติและตระกูลและชนชาติและภาษาทั้งปวง.” (วิวรณ์ 7:9, ล.ม.) ฉะนั้น คณะกรรมการปกครองจึงจัดให้มีการผลิตสรรพหนังสือในภาษาต่าง ๆ เพิ่มขึ้น—รวมทั้งภาษาของคนในชนชาติที่อยู่ห่างไกลและชนกลุ่มน้อยทั้งหลาย. ตัวอย่างเช่น ที่โมซัมบิก มีการออกแผ่นพับชีวิตสงบสุขในโลกใหม่ เพิ่มขึ้นอีกห้าภาษา. ที่นิการากัว ได้ออกจุลสารเพลิดเพลินกับชีวิตบนแผ่นดินโลกตลอดไป! ภาษามิสคิโท—หนังสือของสมาคมว็อชเทาเวอร์อย่างแรกในภาษานี้. ชาวอินเดียนมิสคิโทหลายคนตอบรับจุลสารนี้ด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นหนังสือที่ออกมาในภาษาของเขาเอง. ในปี 1997 สมาคมฯ อนุมัติสรรพหนังสือในภาษาต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีก 25 ภาษาและพิมพ์วารสารมากกว่าหนึ่งพันล้านเล่ม.
17. กลุ่มภาษาอะไรซึ่งได้รับการช่วยเหลือในเกาหลี และวีดิทัศน์ได้ช่วยประชากรในส่วนนี้มากอย่างไร?
17 ที่เกาหลี กลุ่มซึ่งใช้อีกภาษาหนึ่งได้รับการช่วย. ในปี 1997 มีการประชุมภาคภาษาท่าทางเป็นครั้งแรก. มีประชาคมภาษาท่าทาง 15 ประชาคมในเกาหลี โดยมีผู้ประกาศทั้งหมด 543 คน แต่มีถึง 1,174 คนเข้าร่วมการประชุม และ 21 คนรับบัพติสมา. เพื่อช่วยคนหูหนวกซึ่งลำบากในการทำความเข้าใจภาษาพูดหรือภาษาเขียน จึงมีการจัดทำวีดิทัศน์สรรพหนังสือในภาษาท่าทางแบบต่าง ๆ 13 ภาษา. โดยวิธีนี้ คนหูหนวกกำลังได้รับการช่วยให้ “อ่าน” และแม้กระทั่งเรียนรู้ข่าวดี พร้อมทั้งเกิดผลเป็นอย่างดี. ที่สหรัฐ ก่อนนี้อาจต้องใช้เวลาถึงห้าปีสำหรับคนหูหนวกที่จะก้าวหน้าจนถึงขั้นรับบัพติสมา. เดี๋ยวนี้ โดยที่มีวีดิทัศน์มากมายในภาษาท่าทางแบบอเมริกัน คนหูหนวกบางคนใช้เวลาน้อยลงเหลือเพียงประมาณหนึ่งปี.
‘การรักษาตัวอยู่ในราชรถ’
18. หลังจากพบยะโฮนาดาบแล้ว เยฮูเริ่มลงมือทำอะไร?
18 ย้อนกลับไปในปี 905 ก.ส.ศ. หลังจากยะโฮนาดาบเข้าร่วมกับท่าน เยฮูเริ่มลงมือทำลายการนมัสการเท็จ. ท่านสั่งให้ส่งคำเชิญไปยังผู้นมัสการพระบาละทั้งสิ้นว่า “จงออกหมายประกาศให้มีการฉลองพระบาละ.” ท่านส่งหมายประกาศไปทั่วประเทศเพื่อทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้นมัสการบาละหลงเหลืออยู่. ขณะที่ฝูงชนหลั่งไหลเข้ามายังโบสถ์ใหญ่ของพระเท็จ ได้มีการจัดการอย่างระมัดระวังไม่ให้มีผู้นมัสการพระยะโฮวาปะปนอยู่ที่นั่น. ในที่สุด เยฮูและกองทัพก็ได้กวาดล้างทำลายผู้นมัสการบาละ. “ดังนั้นแหละเยฮูได้ทำลายบาละออกจากประเทศยิศราเอล.”—2 กษัตริย์ 10:20-28.
19. เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ เราควรแสดงน้ำใจเช่นไร และเราควรเข้าร่วมอย่างขยันขันแข็งในงานอะไร?
19 ปัจจุบัน คำพิพากษาในขั้นเด็ดขาดต่อศาสนาเท็จทั้งสิ้นกำลังจะบังเกิดขึ้นอยู่แล้ว. ภายใต้การนำทางของทูตสวรรค์ คริสเตียนกำลังประกาศข่าวดีไปยังมนุษยชาติทั้งมวล สนับสนุนพวกเขาให้เกรงกลัวพระเจ้าและแยกตัวออกจากศาสนาเท็จ. (วิวรณ์ 14:6-8; 18:2, 4) คนที่อ่อนน้อมได้รับการกระตุ้นให้สวามิภักดิ์ต่อราชอาณาจักรของพระเจ้าและอยู่ใต้อำนาจของพระเยซูคริสต์ กษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงแต่งตั้งให้ครองบัลลังก์. (วิวรณ์ 12:10) ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นนี้ เราต้องไม่ปล่อยให้ความมีใจแรงกล้าของเราอ่อนลงไปขณะที่เรายืนหยัดเพื่อการนมัสการแท้.
20. คุณตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไรในระหว่างปีรับใช้ 1998 นี้?
20 ครั้งหนึ่ง เมื่อกษัตริย์ดาวิดตกอยู่ใต้ความกดดันอย่างหนัก ท่านอธิษฐานดังนี้: “จิตต์ใจของข้าพเจ้าตั้งมั่นคงอยู่, แน่นอน, ข้าพเจ้าจะถวายเพลงสรรเสริญ; ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า, ข้าพเจ้าจะขอบพระเดชพระคุณของพระองค์ท่ามกลางชาวประเทศต่าง ๆ.” (บทเพลงสรรเสริญ 57:7, 9) ขอให้เราตั้งมั่นคงด้วยเช่นกัน. ระหว่างปีรับใช้ 1997 แม้เผชิญความยากลำบากหลายประการ แต่เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญอันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระยะโฮวาพระเจ้ากลับดังก้องยิ่งขึ้น. เราหวังจะได้ยินเสียงแซ่ซ้องคล้ายกันนี้ หรือยิ่งกว่านั้นเสียอีก ในระหว่างปีรับใช้นี้. และขอให้เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าซาตานจะพยายามทำอะไรก็ตามเพื่อทำให้เราท้อใจหรือเพื่อต่อต้านเรา. โดยวิธีนี้ เราจะแสดงให้ประจักษ์ว่าหัวใจเรายังคงตรงกับพระทัยของพระเยซูคริสต์เยฮูผู้ยิ่งใหญ่ และเราจะตอบสนองอย่างสุดจิตวิญญาณต่อคำกระตุ้นเตือนที่ได้รับการดลใจที่ว่า “ท่านทั้งหลายผู้ชอบธรรม, จงชื่นชมยินดีในพระยะโฮวา; และบรรดาผู้ที่มีใจเที่ยงตรงจงโห่ร้องยินดีเถิด.”—บทเพลงสรรเสริญ 32:11.
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในประเทศยิศราเอลในปี 905 ก.ส.ศ.?
▫ ใครคือเยฮูสมัยปัจจุบัน และ “ชนฝูงใหญ่” ได้แสดงว่า ‘หัวใจของพวกเขาตรง’ กับพระทัยของพระองค์อย่างไร?
▫ สถิติอะไรบ้างจากรายงานประจำปีแสดงให้เห็นความมีใจแรงกล้าของพยานพระยะโฮวาในระหว่างปีรับใช้ 1997?
▫ ไม่ว่าซาตานอาจต่อต้านขัดขวางเราเช่นไรก็ตาม เราจะแสดงน้ำใจอย่างไรในระหว่างปีรับใช้ 1998?
[แผนภูมิ หน้า 18-21]
รายงานเกี่ยวกับปีรับใช้ 1997 ของพยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลก
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
[รูปภาพหน้า 15]
จำนวนที่โดดเด่นของผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ยิ่งทำให้คาดหมายได้ถึงการเพิ่มทวีในอนาคต
[รูปภาพหน้า 16]
เช่นที่ยะโฮนาดาบสนับสนุนเยฮู “ชนฝูงใหญ่” ในทุกวันนี้ก็สนับสนุนพระเยซูคริสต์เยฮูผู้ยิ่งใหญ่และพี่น้องผู้ถูกเจิมของพระองค์