การเสริมสร้างความเชื่อในพระคำของพระเจ้า
ผู้คนมากขึ้นอ่านคัมภีร์ไบเบิลมากกว่าหนังสืออื่นใด. แต่มีสักกี่คนสำแดงความเชื่อในข่าวสารของพระคัมภีร์? คัมภีร์ไบเบิลเองชี้แจงว่า “ที่เชื่อนั้นไม่ใช่ทุกคน.” (2 เธซะโลนิเก 3:2) ปรากฏชัดว่า เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความเชื่อ. ความเชื่อต้องได้รับการพัฒนา. แม้แต่คนที่มีความเชื่ออยู่บ้างก็ไม่ควรถือว่าแค่นี้ก็พอแล้ว. ความเชื่ออาจเสื่อมลงและตายได้. ฉะนั้น จำเป็นต้องพยายามเพื่อรักษาสภาพ “ปกติอยู่ในความเชื่อ” ต่อไป.—ติโต 2:2.
ดังนั้น โดยมีเหตุผลที่ดี คณะกรรมการปกครองแห่งพยานพระยะโฮวาได้เลือกอรรถบท “ความเชื่อในพระคำของพระเจ้า” สำหรับชุดการประชุมภาคปี 1997/1998. ด้วยเหตุนี้ พยานฯ หลายล้านคนกับคนอื่นจึงมีสิทธิพิเศษที่จะมาร่วมชุมนุมกันเพื่อเสริมสร้างความเชื่อของตนในพระคำของพระเจ้า.
พระคำของพระเจ้าเป็นความจริง—พื้นฐานสำหรับความเชื่อของเรา
นี่เป็นอรรถบทของการประชุมวันแรก. การประชุมเริ่มด้วยคำชมเชยสำหรับทุกคนที่เข้าร่วม. การอยู่ ณ การประชุมเป็นหลักฐานแสดงถึงความนับถือต่อคัมภีร์ไบเบิล. กระนั้น มีการยกคำถามที่กระตุ้นความคิดขึ้นมาเกี่ยวกับคุณภาพแห่งความเชื่อของเราว่า ‘เราสามารถปกป้องความเชื่อของเรา โดยใช้พระคำของพระเจ้าเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ไหม? เราหยั่งรู้ค่าอาหารฝ่ายวิญญาณไหม โดยไม่ถือว่าคัมภีร์ไบเบิล, การประชุมประชาคม, และสรรพหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นเรื่องธรรมดา? เราเติบโตในความรัก, ความรู้ถ่องแท้, และความสังเกตเข้าใจไหม?’ ผู้บรรยายสนับสนุนทุกคนให้ตั้งใจฟัง กล่าวว่า “การประชุมภาค ‘ความเชื่อในพระคำของพระเจ้า’ นี้ได้รับการเตรียมขึ้นเพื่อช่วยเราวิเคราะห์ตัวเองและตรวจสอบขนาดและคุณภาพแห่งความเชื่อที่เราแต่ละคนมี.”
คำปราศรัยสำคัญมีชื่อว่า “การดำเนินโดยความเชื่อ ไม่ใช่ตามที่เห็น.” (2 โกรินโธ 5:7) ผู้บรรยายกล่าวว่า “ความเชื่อของคนเหล่านั้นที่เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวาไม่ใช่การเชื่อแบบงมงาย.” เรื่องนี้เป็นจริงสักเพียงไร! ความเชื่อแท้ไม่ใช่เป็นแบบไม่ลืมหูลืมตา. ความเชื่อนั้นอาศัยความเป็นจริง. เฮ็บราย 11:1 (ล.ม.) กล่าวว่า “ความเชื่อคือความคาดหมายที่แน่นอนในสิ่งซึ่งหวังไว้ เป็นการแสดงออกเด่นชัดถึงสิ่งที่เป็นจริง ถึงแม้ไม่ได้เห็นสิ่งนั้นก็ตาม.” ผู้บรรยายกล่าวว่า “หากเราจะดำเนินโดยความเชื่ออย่างแท้จริงแล้ว เราต้องมีความเชื่อที่มีรากฐานมั่นคง.” เนื่องจากเราดำเนินโดยความเชื่อ ไม่ใช่ตามที่เห็น เราจึงไม่ต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีและเวลาที่พระยะโฮวาจะทำให้พระประสงค์ของพระองค์ทุกแง่มุมสำเร็จ. สิ่งที่เราทราบอยู่แล้วเกี่ยวกับพระองค์ทำให้เรามีความมั่นใจอย่างแท้จริงในอำนาจของพระองค์ที่จะทำให้คำสัญญาของพระองค์เป็นจริงด้วยความรักและอย่างเที่ยงธรรม.
คำบรรยายเรื่อง “เยาวชนคริสเตียน—ส่วนสำคัญยิ่งของประชาคม” เตือนหนุ่มสาวให้ระลึกว่าพวกเขามีค่าสักเพียงไรสำหรับพระยะโฮวา. พวกเขาได้รับการสนับสนุนให้เติบโตด้านวิญญาณโดยการติดตามเป้าหมาย เช่น การอ่านคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มและการบรรลุข้อเรียกร้องสำหรับการอุทิศตัวและการรับบัพติสมา. การติดตามการศึกษาเสริมเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องตัดสินใจร่วมกับบิดามารดา แต่ถ้าลงมือทำเช่นนั้น เป้าประสงค์ควรเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับใช้พระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเสมอ. การศึกษาฝ่ายโลกอาจส่งเสริมวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์เมื่อเรา “รู้แน่ว่าสิ่งไหนสำคัญกว่า” ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเชื่อของเรา.—ฟิลิปปอย 1:9, 10, ล.ม.
ต่อจากนั้นเป็นคำบรรยายชุดที่มีสามเรื่องในหัวข้อ “คุณปฏิบัติตามมาตรฐานของผู้ใด?” ความเชื่อในพระคำของพระเจ้าเป็นแรงจูงใจเราให้ยึดมั่นกับมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิล. คริสเตียนเชื่อฟังกฎหมายและหลักการของพระยะโฮวา. ตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์ตักเตือนเราไม่ให้ใช้คำพูดลามกและหยาบหยาม. (เอเฟโซ 4:31, 32) ผู้บรรยายถามว่า “เมื่อถูกทำให้ขัดเคืองหรือถูกยั่วโมโห คุณตวาดเสียงหยาบหยามใส่คู่สมรสหรือลูกของคุณไหม?” แน่นอน การทำเช่นนั้นคงจะไม่ใช่แบบคริสเตียน. พระเจ้ามีมาตรฐานเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเราด้วย. คริสเตียนควรสวมใส่ “เสื้อผ้าที่จัดเรียบร้อย ด้วยความเจียมตัว.” (1 ติโมเธียว 2:9, 10, ล.ม.) คำ “ความเจียมตัว” ถ่ายทอดแนวคิดเรื่องความนับถือตัวเอง, ความสำนึกถึงชื่อเสียง, ความมีสติ, และการรู้จักประมาณตน. เราได้รับแรงกระตุ้นจากความรักที่มีต่อคนอื่นและได้รับการชี้นำโดยหลักการในคัมภีร์ไบเบิลและโดยความสำนึกที่ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสม.
คำบรรยายสองเรื่องต่อไปครอบคลุมการพิจารณาเฮ็บราย 3:7-15 และ 4:1-16 ทีละข้อ. ตอนเหล่านี้ในคัมภีร์ไบเบิลเตือนเราให้ระวังอันตรายของการ “มีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป.” (เฮ็บราย 3:13, ฉบับแปลใหม่) เราจะประสบผลสำเร็จได้อย่างไรในการต่อสู้กับบาป? พระยะโฮวาทรงช่วยเราโดยทางพระคำของพระองค์. ที่จริง “พระคำของพระเจ้ามีชีวิตและทรงพลัง และ . . . สามารถสังเกตเข้าใจความคิดและความมุ่งหมายแห่งหัวใจ.”—เฮ็บราย 4:12, ล.ม.
คำบรรยายสุดท้ายในวันแรกของการประชุมคือ “หนังสือสำหรับทุกคน.” คำบรรยายนี้เน้นความน่าเชื่อถือ, ความแม่นยำ, และคุณค่าที่ใช้ได้จริงของคัมภีร์ไบเบิล. น่าตื่นเต้นสักเพียงไรที่ได้ยินผู้บรรยายประกาศการออกจุลสาร 32 หน้าเล่มใหม่ชื่อหนังสือสำหรับทุกคน! หนังสือเล่มใหม่นี้ได้รับการเตรียมขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคนที่แม้มีการศึกษา ก็รู้ไม่มากนักเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล. คำบรรยายจบด้วยคำพูดที่ว่า “ผู้คนต้องตรวจสอบดูพระคำของพระเจ้าด้วยตัวเอง. เรามั่นใจว่าหากเขาทำการตรวจสอบโดยตรงแล้ว เขาจะตระหนักว่าคัมภีร์ไบเบิล หนังสือที่ไม่มีใดเหมือนเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง!”
จงเลียนแบบ “ผู้ปรับปรุงความเชื่อของเราให้สมบูรณ์ขึ้น”
อรรถบทวันที่สองของการประชุมแนะนำให้เอาใจใส่พระเยซูคริสต์ “ผู้ปรับปรุงความเชื่อของเราให้สมบูรณ์ขึ้น.” เราต้อง “ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์อย่างใกล้ชิด.” (เฮ็บราย 12:2; 1 เปโตร 2:21, ล.ม.) หลายคนในคริสต์ศาสนจักรถูกสั่งว่า ‘จงเชื่อในพระเยซูเจ้า แล้วคุณจะได้รับการช่วยให้รอด!’ แต่ความเชื่อมีอยู่แค่นั้นหรือ? คัมภีร์ไบเบิลแจ้งว่า “ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ตายแล้ว.” (ยาโกโบ 2:26, ล.ม.) เพราะฉะนั้น นอกจากเชื่อในพระเยซูแล้ว เราต้องทำงานที่พระองค์ทรงทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า.
ระเบียบวาระภาคเช้าเพ่งเล็งที่งานเผยแพร่กิตติคุณ. เช่นเดียวกับเปาโล เราควรกระตือรือร้นที่จะประกาศข่าวดีเรื่องความรอด. (โรม 1:14-16) พระเยซูประกาศแก่ผู้คนทุกหนแห่ง. ถึงแม้งานเผยแพร่ตามบ้านเป็นประจำเกิดผลก็ตาม ผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อยู่บ้านเมื่อเราไปเยี่ยม. (กิจการ 20:20) หลายคนอยู่ที่โรงเรียน, ทำงาน, ซื้อของ, หรือเดินทางอยู่. เนื่องจากเหตุนี้ เราต้องประกาศในที่สาธารณะด้วยและที่ใดก็ตามที่สามารถพบผู้คนได้.
คำบรรยายเรื่อง “จงหยั่งรากลึกและตั้งมั่นคงในความจริง” เตือนให้เราระลึกถึงสาวกใหม่จำนวนมากทีเดียวที่ได้รับบัพติสมา—เฉลี่ยแล้ววันละ 1,000 กว่าคน! นับว่าสำคัญยิ่งที่คนใหม่เหล่านี้หยั่งรากลึกและตั้งมั่นคงในความเชื่อเป็นอย่างดี. (โกโลซาย 2:6, 7) ผู้บรรยายอธิบายว่า รากตามตัวอักษรดูดน้ำและสารอาหารขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งยึดหรือค้ำยันสำหรับต้นพืชด้วย. เช่นเดียวกัน โดยนิสัยการศึกษาที่ดีและการคบหาสมาคมที่เป็นประโยชน์ สาวกใหม่ ๆ สามารถตั้งมั่นคงในความจริงได้.
คำแนะนำนี้เหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่จะรับบัพติสมา. ถูกแล้ว ในวันที่สองของการประชุม สาวกใหม่กลุ่มใหญ่ได้รับบัพติสมา ตามแบบอย่างของพระเยซู. คำบรรยายเรื่อง “ความเชื่อในพระคำของพระเจ้านำไปสู่การรับบัพติสมา” เตือนผู้ที่จะรับบัพติสมาให้ระลึกว่าการจุ่มตัวมิดในน้ำเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะสมแสดงถึงการที่เขาตายต่อแนวทางชีวิตแต่ก่อนที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว. การที่เขาถูกยกขึ้นจากน้ำแสดงถึงการที่เขาถูกทำให้มีชีวิตอยู่เพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า.
คำบรรยายเรื่อง “จงทำการต่อสู้อย่างทรหดเพื่อความเชื่อ” อาศัยพระธรรมยูดา. เราได้รับการสนับสนุนให้ปกป้องความเชื่อของเราโดยการต่อต้านอิทธิพลที่ยังความเสียหาย เช่น การผิดศีลธรรม, การขืนอำนาจ, และการออกหาก. ต่อจากนั้น บิดามารดา—โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกบิดา—ได้รับการพูดถึงเป็นพิเศษในคำบรรยายเรื่อง “จงหาเลี้ยงครัวเรือนของคุณ.” การจัดหาเพื่อความจำเป็นของครอบครัวในด้านวิญญาณ, ด้านร่างกาย, และด้านอารมณ์เป็นพันธะตามหลักพระคัมภีร์. (1 ติโมเธียว 5:8) นี่เรียกร้องเวลา, การสื่อความ, และความใกล้ชิด. แน่นอน พระยะโฮวาพระเจ้าพอพระทัยงานหนักทั้งสิ้นที่บิดามารดาคริสเตียนทำเพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ ของตนให้เติบโตในความจริง.
คำบรรยายชุดถัดมาที่ว่า “ให้เราไปยังพระวิหารของพระยะโฮวาเถิด” สร้างความหยั่งรู้ค่าต่อการประชุมคริสเตียน. การประชุมต่าง ๆ จัดให้มีการหยุดพักจากความกระวนกระวายของโลกนี้. ณ การประชุมต่าง ๆ เรามีโอกาสให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเราสามารถแสดงความรักต่อเพื่อนร่วมความเชื่อ. (เฮ็บราย 10:24, 25) การประชุมยังช่วยทำให้ทักษะของเราฐานะเป็นครูเฉียบแหลมขึ้น และทำให้เรามีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นในพระประสงค์ของพระเจ้า. (สุภาษิต 27:17) ขออย่าให้เราแยกตัวจากประชาคมเลย ขอให้เราจดจำคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “มีสองสามคนประชุมกันที่ไหน ๆ ในนามของเรา ๆ จะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น.”—มัดธาย 18:20.
คำบรรยายสุดท้ายของวันนั้นคือ “คุณภาพแห่งความเชื่อของคุณ—ถูกทดสอบในขณะนี้.” ความเชื่อที่ไม่ได้รับการทดสอบไม่มีคุณค่าที่ปรากฏแน่ชัด และคุณภาพของความเชื่อยังไม่เป็นที่รู้จัก. นั่นเป็นเหมือนเช็คที่ยังไม่ได้ขึ้นเงิน. เช็คนั้นมีค่าจริง ๆ ตามจำนวนเงินที่ปรากฏบนเช็คไหม? คล้ายกัน ความเชื่อของเราต้องได้รับการทดสอบเพื่อพิสูจน์ว่าความเชื่อนั้นมีความมั่นคงและมีคุณภาพแท้. (1 เปโตร 1:6, 7) ผู้บรรยายกล่าวว่า “บางครั้ง สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ถูกนักเทศน์นักบวชและผู้ออกหากหลอกให้กล่าวหาพวกเราอย่างผิด ๆ โดยนำเสนอเรื่องราวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเกี่ยวกับความเชื่อแบบคริสเตียนและแนวทางชีวิตของเรา. . . . เราจะยอมให้คนที่ถูกซาตานทำให้ตาบอดมาขู่ขวัญและทำให้เราท้อใจและรู้สึกละอายเพราะข่าวดีหรือ? เราจะยอมให้คำโกหกที่โจมตีความจริงมีผลกระทบต่อการเข้าร่วมประชุมตามปกติของเราและกิจกรรมการประกาศของเราไหม? หรือว่าเราจะยืนมั่นและกล้าหาญ และแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิมที่จะประกาศความจริงเกี่ยวกับพระยะโฮวาและราชอาณาจักรของพระองค์ต่อ ๆ ไป?”
จงดำรงชีวิตอยู่โดยความเชื่อ
อรรถบทในวันที่สามของการประชุมอาศัยถ้อยคำของเปาโลที่ว่า “ไม่มีมนุษย์เป็นคนชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าด้วยการประพฤติตามพระบัญญัติได้, เพราะว่าคนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ.” (ฆะลาเตีย 3:11) คำบรรยายชุด “คำพยากรณ์ของโยเอลสำหรับสมัยของเรา” เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของภาคเช้า. พระธรรมโยเอลชี้ถึงสมัยของเราและกล่าวด้วยความรู้สึกถึงความเร่งด่วนว่า “น่าสังเวชเมื่อคิดถึงวันนั้น! เพราะว่าวันของพระยะโฮวานั้นจวนจะถึงอยู่แล้ว, แลจะมาเหมือนอย่างความพินาศอันมาจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์.” (โยเอล 1:15) ด้วยลักษณะคล้ายกันกับตั๊กแตนที่ไม่ท้อถอย คริสเตียนผู้ถูกเจิมไม่ยอมให้สิ่งใดขัดขวางการประกาศราชอาณาจักรในสมัยอวสานนี้.
พระธรรมโยเอลยังให้ความหวังด้วย โดยกล่าวว่า “ทุกคนที่ออกพระนามพระยะโฮวาจะรอด.” (โยเอล 2:32) นี่มิได้หมายความเพียงแค่การใช้พระนามยะโฮวา. จำเป็นต้องมีการกลับใจอย่างจริงใจ และนี่หมายรวมถึงการหันหลังให้การทำผิด. (โยเอล 2:12, 13) ไม่มีเวลาที่จะชักช้า เพราะพระยะโฮวาจะดำเนินการสำเร็จโทษชาติต่าง ๆ ในไม่ช้า ดังที่พระองค์ทรงทำกับชาติโมอาบ, อำโมน, และชาวภูเขาเซอีรในสมัยของกษัตริย์ยะโฮซาฟาดแห่งอาณาจักรยูดา.—2 โครนิกา 20:1-30; โยเอล 3:2, 12.
คำบรรยายเรื่อง “จงสำแดงความเชื่อด้วยการคอยท่าพระยะโฮวา” ทำให้ทุกคนมีกำลังใจ. บัดนี้สมัยอวสานล่วงเลยมานานแล้ว เราสามารถมองย้อนหลังดูความสำเร็จเป็นจริงแห่งคำสัญญาหลายข้อของพระยะโฮวา และเราสนใจอย่างแรงกล้าในสิ่งที่ยังจะเกิดขึ้นอยู่. ไพร่พลของพระยะโฮวาต้องมีความอดทนต่อไป ระลึกว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้จะต้องเกิดขึ้น.—ติโต 2:13; 2 เปโตร 3:9, 10.
ระเบียบวาระภาคเช้าจบลงด้วยละครเรื่อง “จงรักษาตาคุณให้ปกติ.” การทำเป็นละครแบบที่ตรงกับสภาพจริงเช่นนี้สนับสนุนเราให้ตรวจสอบเจตคติของเราเกี่ยวกับการติดตามด้านวัตถุ. ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน ถ้าเราต้องการให้ชีวิตเราพ้นจากความกระวนกระวาย เราต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพระเยซูที่ให้รักษาตาให้ปกติ จ้องมองราชอาณาจักรของพระเจ้าให้ชัดเจน.—มัดธาย 6:22.
คำบรรยายสาธารณะมีชื่อเรื่องน่าสนใจว่า “ความเชื่อและอนาคตของคุณ.” คำบรรยายนี้เสนอข้อพิสูจน์เกี่ยวกับการที่ผู้นำซึ่งเป็นมนุษย์ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาของโลก. (ยิระมะยา 10:23) ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ซ้ำรอยอยู่เรื่อย ๆ—ยังความเสียหายอย่างใหญ่โตและมากขึ้น. พยานพระยะโฮวารู้สึกอย่างไรเรื่องอนาคต? เราเชื่อว่ามนุษยชาติที่ซื่อสัตย์มีอนาคตสดใสภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า. (มัดธาย 5:5) พระเจ้าจะทรงปฏิบัติตามคำสัญญาของพระองค์เพื่อประโยชน์ของทุกคนที่มีความเชื่อในพระคำของพระองค์ ซึ่งเร่งเร้าว่า “จงแสวงหาพระยะโฮวา, ขณะเมื่อจะหาพระองค์พบได้, จงทูลขอต่อพระองค์, ขณะเมื่อพระองค์ทรงอยู่ใกล้.”—ยะซายา 55:6.
พระเยซูยกคำถามสำคัญขึ้นมาโดยคำนึงถึงสมัยของเรา. พระองค์ตรัสถามว่า “เมื่อบุตรมนุษย์จะมา. ท่านจะพบความเชื่อในแผ่นดินโลกหรือ?” (ลูกา 18:8) คำบรรยายสุดท้ายทบทวนระเบียบวาระการประชุมและแสดงถึงวิธีที่ระเบียบวาระนั้นเสนอหลักฐานที่ชัดแจ้งว่า ความเชื่อในพระคำของพระเจ้ามีอยู่ ถึงแม้เราดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่ไร้ความเชื่อและเป็นไปในทางโลกีย์.
กระนั้น เราอาจถามตัวเองเป็นรายบุคคลว่า ‘ฉันอยู่ในท่ามกลางคนเหล่านั้นที่มีความเชื่อไม่สั่นคลอนในพระเจ้าและพระคำของพระองค์ไหม?’ การประชุมภาค “ความเชื่อในพระคำของพระเจ้า” น่าจะช่วยเราตอบว่า ใช่สำหรับคำถามนั้น. และเรารู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาสักเพียงไรสำหรับการเสริมสร้างความเชื่อของเราในพระองค์และในคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ!
[รูปภาพหน้า 24]
อาสาสมัครหลายคนทำงานอย่างร่าเริงเพื่อจัดหาที่พักให้ตัวแทนหลายพันคน
[รูปภาพหน้า 25]
มีการใช้สนามกีฬาใหญ่เหมือนสนามกีฬานี้ทั่วโลก
[รูปภาพหน้า 25]
แอล. เอ. สวิงเกิล จากคณะกรรมการปกครอง ออกจุลสารเล่มใหม่
[รูปภาพหน้า 26]
หลายคนรับบัพติสมาเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง การอุทิศตัวแด่พระยะโฮวา
[รูปภาพหน้า 27]
ผู้เข้าร่วมประชุมร้องเพลงราชอาณาจักรด้วยความปีติยินดี. ภาพเล็ก: ละครเรื่อง “จงรักษาตาคุณให้ปกติ”