เสรีภาพอันรุ่งโรจน์ในไม่ช้าสำหรับบุตรทั้งหลายของพระเจ้า
“สรรพสิ่งนั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง . . . ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งนั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมเสียและจะเข้าในสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า.”—โรม 8:20, 21.
1. เครื่องบูชาของพระเยซูมีภาพเล็งถึงอย่างไรในวันไถ่โทษ?
พระยะโฮวาทรงประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวเป็นเครื่องบูชาไถ่ซึ่งเปิดทางสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์สำหรับมนุษย์จำนวน 144,000 คน และความหวังชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกสำหรับมนุษยชาตินอกนั้น. (1 โยฮัน 2:1, 2) ดังกล่าวไปแล้วในบทความก่อน การที่มหาปุโรหิตของยิศราเอลถวายโคผู้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับตัวเขา, ครัวเรือนของเขา, และตระกูลเลวีในวันไถ่โทษประจำปีเล็งถึงเครื่องบูชาของพระเยซูสำหรับคริสเตียนซึ่งบังเกิดด้วยพระวิญญาณ. ในวันเดียวกันนั้นเอง เขาถวายแพะเป็นเครื่องบูชาไถ่โทษสำหรับชนยิศราเอลนอกนั้นทั้งหมด เช่นเดียวกับที่เครื่องบูชาของพระคริสต์จะทำให้มนุษยชาติโดยทั่วไปได้รับผลประโยชน์. ในความหมายเป็นนัย แพะเป็น ๆ ได้พาเอาบาปส่วนรวมของประชาชนในปีที่ผ่านไปหายลับเข้าไปในป่า.a—เลวีติโก 16:7-15, 20-22, 26.
2, 3. คำกล่าวของเปาโลดังบันทึกที่โรม 8:20, 21 หมายความอย่างไร?
2 หลังจากกล่าวคร่าว ๆ ถึงความหวังของมนุษย์ซึ่งจะได้เป็น “บุตรทั้งหลายของพระเจ้า” ฝ่ายสวรรค์ อัครสาวกเปาโลกล่าวดังนี้: “สรรพสิ่งที่สร้างแล้วมีความเพียรคอยท่าปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ. เพราะว่าสรรพสิ่งนั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจังมิใช่ตามอำเภอใจของมันเอง, แต่เป็นไปตามพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้เข้าอยู่นั้น, ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งนั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมเสีย [“การเป็นทาสความเสื่อมเสีย,” ล.ม.] และจะเข้าในสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า.” (โรม 8:14, 17, 19-21) ข้อความนี้มีความหมายอย่างไร?
3 เมื่ออาดามบิดาแรกเดิมของเราถูกสร้างเป็นมนุษย์สมบูรณ์ เขาเป็น “บุตรพระเจ้า.” (ลูกา 3:38) เนื่องด้วยการทำบาป เขาจึงตกเข้าสู่ “การเป็นทาสความเสื่อมเสีย” และถ่ายทอดสภาพเช่นนี้สู่เผ่าพันธุ์มนุษย์. (โรม 5:12) พระเจ้าทรงยอมให้มนุษย์เกิดมาพร้อมกับอยู่ใน “อำนาจของอนิจจัง” เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ที่พวกเราได้รับเป็นมรดก แต่พระองค์ทรงประทานความหวังโดยทาง “พงศ์พันธุ์” ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์. (เยเนซิศ 3:15; 22:18; ฆะลาเตีย 3:16) วิวรณ์ 21:1-4 (ล.ม.) ชี้ไปที่เวลาเมื่อ ‘ความตาย, ความทุกข์โศก, เสียงร้อง, และความเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป.’ เนื่องจากนี่เป็นคำสัญญาต่อ “มนุษยชาติ” เราจึงแน่ใจได้เลยว่าสังคมโลกใหม่แห่งมนุษย์ซึ่งมีชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรจะได้รับการฟื้นฟูจิตใจและร่างกายให้มีสุขภาพสมบูรณ์และมีชีวิตตลอดไปในฐานะ “บุตรทั้งหลายของพระเจ้า” ทางภาคโลกนี้. ในระหว่างรัชสมัยพันปีของพระคริสต์ มนุษย์ที่เชื่อฟัง “จะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมเสีย.” หลังจากพิสูจน์ตัวภักดีต่อพระยะโฮวาในระหว่างการทดสอบครั้งสุดท้าย พวกเขาก็จะเป็นอิสระตลอดกาลพ้นจากบาปและความตายที่เป็นมรดกตกทอด. (วิวรณ์ 20:7-10) เมื่อถึงตอนนั้น คนที่อยู่บนแผ่นดินโลก “จะเข้าในสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า.”
พวกเขาร้องว่า “มาเถิด!”
4. การ “รับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่า” หมายความเช่นไร?
4 ช่างเป็นความหวังอันน่าพิศวงจริง ๆ ซึ่งตั้งอยู่ต่อหน้ามนุษยชาติ! ไม่แปลกที่คริสเตียนซึ่งบังเกิดด้วยพระวิญญาณที่ยังอยู่บนแผ่นดินโลกนำหน้าอย่างกระตือรือร้นในการบอกคนอื่นเกี่ยวกับความหวังนี้! ในฐานะผู้ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของ “เจ้าสาว” ของพระเยซูคริสต์ซึ่งก็คือพระเมษโปดกผู้ทรงสง่าราศี ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมมีส่วนร่วมในความสำเร็จของคำพยากรณ์นี้ที่ว่า “พระวิญญาณและเจ้าสาวกล่าวไม่หยุดว่า ‘มาเถิด!’ และให้คนใด ๆ ที่ได้ยินกล่าวว่า ‘มาเถิด!’ และให้คนใด ๆ ที่กระหายมาเถิด; ให้คนใด ๆ ที่ปรารถนามารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่า.” (วิวรณ์ 21:2, 9; 22:1, 2, 17, ล.ม.) ดังนั้น ผลประโยชน์แห่งเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะสำหรับชนผู้ถูกเจิม 144,000 คน. พระวิญญาณของพระเจ้ายังคงดำเนินกิจต่อ ๆ ไปผ่านทางชนที่เหลือแห่งชนจำพวกเจ้าสาวซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ในการกล่าวว่า “มาเถิด.” ใครก็ตามที่ฟังและกระหายความชอบธรรมได้รับเชิญให้กล่าวว่า “มาเถิด” และใช้การจัดเตรียมอันอุดมของพระยะโฮวาให้เป็นประโยชน์เพื่อนำตัวเองสู่ความรอด.
5. พยานพระยะโฮวามีความสุขที่ได้มีคนแบบไหนอยู่ในท่ามกลางพวกเขา?
5 พยานพระยะโฮวามีความเชื่อในการจัดเตรียมของพระเจ้าเพื่อชีวิตโดยทางพระเยซูคริสต์. (กิจการ 4:12) พวกเขามีความสุขที่มีคนหัวใจสุจริตเข้ามาอยู่ท่ามกลางพวกเขา ซึ่งปรารถนาจะเรียนรู้เกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้าและทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. หอประชุมราชอาณาจักรของพวกเขาเปิดรับทุกคนที่ประสงค์จะ “มารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่า” ใน “เวลาอวสาน” นี้.—ดานิเอล 12:4, ล.ม.
การเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป
6. พระวิญญาณของพระเจ้าดำเนินกิจอยู่ในตัวผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในยุคต่าง ๆ อย่างไร?
6 พระเจ้าทรงมีกำหนดเวลาที่จะทำให้พระประสงค์ของพระองค์ลุล่วง และเรื่องนี้มีผลต่อการดำเนินการต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงทำกับมนุษย์. (ท่านผู้ประกาศ 3:1; กิจการ 1:7) แม้ว่าพระวิญญาณของพระเจ้าหลั่งลงเหนือผู้รับใช้ของพระองค์ในยุคก่อนคริสเตียน แต่พวกเขาไม่ได้รับกำเนิดเป็นบุตรฝ่ายวิญญาณของพระองค์. อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นกับพระเยซู เวลาของพระยะโฮวาได้มาถึงที่จะใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กำเนิดชายหญิงที่อุทิศตัวเพื่อรับมรดกฝ่ายสวรรค์. และจะว่าอย่างไรสำหรับสมัยของเรา? พระวิญญาณเดียวกันนี้แหละซึ่งกำลังดำเนินกิจใน “แกะอื่น” ของพระเยซู แต่ไม่ใช่ในการกระตุ้นให้พวกเขามีความหวังและความปรารถนาในชีวิตฝ่ายสวรรค์. (โยฮัน 10:16) โดยมีความหวังซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้ที่จะมีชีวิตนิรันดร์ในอุทยานบนแผ่นดินโลก พวกเขาสนับสนุนชนที่เหลือผู้ถูกเจิมด้วยความยินดีในการให้คำพยานระหว่างเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้จากโลกเก่าสู่โลกใหม่อันชอบธรรมของพระเจ้า.—2 เปโตร 3:5-13.
7. งานรวบรวมอะไรที่นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลสนใจ แต่พวกเขาทราบอะไรเกี่ยวกับอุทยาน?
7 พระเจ้าทรงเริ่มต้น “พาบุตรเป็นอันมากถึงสง่าราศี” ด้วยการเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันเพนเตคอสเตปี ส.ศ. 33 และดูเหมือนว่าพระองค์ทรงกำหนดเวลาไว้เพื่อรวบรวม “ยิศราเอลของพระเจ้า” ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 144,000 คน. (เฮ็บราย 2:10; ฆะลาเตีย 6:16; วิวรณ์ 7:1-8) เริ่มตั้งแต่ปี 1879 มีการกล่าวถึงงานรวบรวมคริสเตียนผู้ถูกเจิมอยู่บ่อยครั้งในวารสารนี้. แต่กลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล (ปัจจุบันเรียกว่าพยานพระยะโฮวา) ยังทราบด้วยว่า พระคัมภีร์มีความหวังเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. ตัวอย่างเช่น หอสังเกตการณ์ ฉบับเดือนกรกฎาคม 1883 กล่าวดังนี้: “เมื่อพระเยซูเจ้าได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของพระองค์, จัดการทำลายความชั่วและทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จสรรพแล้ว แผ่นดินโลกนี้ก็จะกลายเป็นอุทยาน . . . และคนทั้งปวงที่อยู่ในหลุมฝังศพจะออกมาสู่อุทยาน. และโดยการเชื่อฟังกฎหมายของราชอาณาจักร เขาเหล่านั้นจะได้มีชีวิตชั่วนิรันดรกาลในอุทยานนั้น.” ขณะที่เวลาผ่านไป การรวบรวมบรรดาชนผู้ถูกเจิมเริ่มลดน้อยลง และทีละเล็กทีละน้อยคนที่ไม่มีความหวังฝ่ายสวรรค์ถูกรวบรวมเข้าสู่องค์การของพระยะโฮวา. ในระหว่างนี้ พระเจ้าทรงประทานความหยั่งเห็นเข้าใจที่น่าสังเกตแก่ผู้รับใช้ที่ได้รับการเจิมของพระองค์ซึ่งเป็นคริสเตียนที่บังเกิดใหม่.—ดานิเอล 12:3; ฟิลิปปอย 2:15; วิวรณ์ 14:15, 16.
8. มีความเข้าใจเกี่ยวกับความหวังทางแผ่นดินโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรในช่วงต้นทศวรรษ 1930?
8 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ปี 1931 คนที่มีความหวังทางแผ่นดินโลกนี้ได้เริ่มสมาคมคบหากับประชาคมคริสเตียน. ในปีนั้น พระยะโฮวาทรงประทานแสงสว่างแก่ชนที่เหลือแห่งคริสเตียนผู้ได้รับกำเนิดด้วยพระวิญญาณให้เข้าใจว่า พระธรรมยะเอศเคลบท 9 กล่าวถึงชนจำพวกที่จะอยู่ทางแผ่นดินโลกนี้ ซึ่งถูกหมายไว้สำหรับการช่วยให้รอดสู่โลกใหม่ของพระเจ้า. ในปี 1932 มีการลงความเห็นว่า คนเยี่ยงแกะเหล่านี้ในสมัยปัจจุบันมีภาพเล็งถึงพวกเขาคือโยนาดาบ (ยะโฮนาดาบ) ผู้ร่วมสมทบกับเยฮู. (2 กษัตริย์ 10:15-17) ในปี 1934 มีการอธิบายชัดว่า ชนจำพวก “โยนาดาบ” ควร “ถวายตัว” หรืออุทิศตัวแด่พระเจ้า. ในปี 1935 “มหาชนหมู่ใหญ่” หรือ “ชนฝูงใหญ่”—ซึ่งก่อนหน้านั้นเข้าใจว่าเป็นชนจำพวกวิญญาณอันดับรองที่จะเป็น “เพื่อน” ของเจ้าสาวของพระคริสต์ในสวรรค์—ก็ได้รับการระบุตัวว่าเป็นแกะอื่นซึ่งมีความหวังทางแผ่นดินโลก. (วิวรณ์ 7:4-15; 21:2, 9; บทเพลงสรรเสริญ 45:14, 15) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 1935 ชนที่เหลือเป็นหัวหอกในการค้นหาประชาชนที่ซื่อตรงซึ่งปรารถนาชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.
9. หลังปี 1935 ทำไมคริสเตียนบางคนเลิกรับเครื่องหมายในการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
9 หลังปี 1935 คริสเตียนบางคนที่เคยรับประทานขนมปังและเหล้าองุ่นในการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เลิกรับประทาน. เพราะเหตุใด? เพราะพวกเขาตระหนักว่า ความหวังของตนเป็นความหวังทางแผ่นดินโลก ไม่ใช่ฝ่ายสวรรค์. สตรีผู้หนึ่งซึ่งรับบัพติสมาในปี 1930 กล่าวดังนี้: “แม้ถือกันว่า [การรับเครื่องหมาย] เป็นสิ่งถูกต้องพึงทำ โดยเฉพาะสำหรับผู้รับใช้เต็มเวลาที่มีใจแรงกล้า ดิฉันไม่เคยเชื่อมั่นว่าตัวเองมีความหวังฝ่ายสวรรค์. พอถึงปี 1935 มีการอธิบายให้เราเข้าใจชัดว่า กำลังมีการรวบรวมชนฝูงใหญ่ซึ่งมีความหวังจะมีชีวิตตลอดไปบนแผ่นดินโลกนี้. พวกเราหลายคนชื่นชมยินดีที่ได้เข้าใจว่า เราเป็นส่วนของชนฝูงใหญ่ และเราจึงเลิกรับเครื่องหมาย.” แม้แต่สิ่งพิมพ์ฝ่ายคริสเตียนก็มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาด้วย. ในขณะที่หนังสือที่ออกมาในช่วงแรก ๆ จัดไว้โดยตรงสำหรับสาวกผู้ได้รับกำเนิดด้วยพระวิญญาณของพระเยซู ตั้งแต่ปี 1935 เป็นต้นมา หอสังเกตการณ์ และสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ของ “ทาสสัตย์ซื่อ” จัดให้มีอาหารฝ่ายวิญญาณซึ่งเหมาะสมตามความจำเป็นของทั้งผู้ถูกเจิมและผู้ร่วมสมทบกับพวกเขาซึ่งมีความหวังทางแผ่นดินโลก.—มัดธาย 24:45-47.
10. ผู้ถูกเจิมที่ไม่ซื่อสัตย์อาจถูกเสริมทดแทนอย่างไร?
10 ในกรณีที่มีผู้ถูกเจิมคนใดไม่ซื่อสัตย์ จะมีการเสริมทดแทนไหม? เปาโลชี้ไว้ชัดทีเดียวในการพิจารณาเกี่ยวกับต้นมะกอกเทศโดยนัย. (โรม 11:11-32) หากมีความจำเป็นต้องเสริมทดแทนผู้บังเกิดด้วยพระวิญญาณ พระเจ้าคงจะประทานการเรียกฝ่ายสวรรค์แก่คนที่มีความเชื่อซึ่งเป็นแบบอย่างในการถวายการรับใช้ศักดิ์สิทธิ์แด่พระองค์เป็นเวลาหลายปี.—เทียบกับลูกา 22:28, 29; 1 เปโตร 1:6, 7.
เหตุผลหลายประการที่จะขอบพระคุณ
11. ไม่ว่าความหวังของเราเป็นแบบใดก็ตาม ยาโกโบ 1:17 รับรองกับเราเช่นไร?
11 ไม่ว่าเรารับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ที่ไหน พระองค์จะทรงสนองความจำเป็นและความปรารถนาที่ชอบธรรมของเรา. (บทเพลงสรรเสริญ 145:16; ลูกา 1:67-74) ไม่ว่าเรามีความหวังแท้ฝ่ายสวรรค์หรือทางแผ่นดินโลก เรามีเหตุผลที่ดีหลายประการที่จะขอบพระคุณพระเจ้า. พระองค์ทรงทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์อย่างดีที่สุดเสมอสำหรับผู้ที่รักพระองค์. สาวกยาโกโบกล่าวว่า “ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันสมบูรณ์ทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน เพราะลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่างแห่งฟ้าสวรรค์” พระยะโฮวาพระเจ้า. (ยาโกโบ 1:17, ล.ม.) ให้เราพิจารณาของประทานและพระพรเหล่านี้บางประการ.
12. ทำไมเราพูดได้ว่า พระยะโฮวาได้ประทานความหวังยอดเยี่ยมแก่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์แต่ละคน?
12 พระยะโฮวาทรงประทานความหวังยอดเยี่ยมให้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์แต่ละคน. พระองค์ทรงเรียกบางคนให้มีชีวิตฝ่ายสวรรค์. สำหรับเหล่าพยานของพระองค์ซึ่งอยู่ก่อนสมัยคริสเตียน พระยะโฮวาทรงประทานความหวังดีเลิศในการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตทางแผ่นดินโลกแก่พวกเขา. ตัวอย่างเช่น อับราฮามมีความเชื่อในการกลับเป็นขึ้นจากตายและคอยท่า “เมืองที่มีราก [“แท้,” ล.ม.]”—ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ซึ่งท่านจะถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายเพื่อมีชีวิตบนแผ่นดินโลกภายใต้ราชอาณาจักรนั้น. (เฮ็บราย 11:10, 17-19) อีกครั้งหนึ่ง ในเวลาอวสานนี้ พระเจ้าทรงประทานความหวังเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานแก่หลายล้านคน. (ลูกา 23:43; โยฮัน 17:3) แน่นอน ใครก็ตามที่พระยะโฮวาได้ทรงประทานความหวังยอดเยี่ยมเช่นนั้นควรมีความหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้ง.
13. พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าดำเนินกิจอย่างไรในไพร่พลของพระองค์?
13 พระยะโฮวาทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เป็นของประทานแก่ไพร่พลพระองค์. คริสเตียนที่ได้รับความหวังฝ่ายสวรรค์ได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์. (1 โยฮัน 2:20; 5:1-4, 18) กระนั้น ผู้รับใช้ของพระเจ้าซึ่งมีความหวังทางแผ่นดินโลกก็มีพระวิญญาณคอยช่วยและชี้นำ. หนึ่งในคนเหล่านี้ได้แก่โมเซ ซึ่งมีพระวิญญาณของพระยะโฮวา รวมทั้งชาย 70 คนซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ช่วยเหลือท่าน. (อาฤธโม 11:24, 25) ภายใต้อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ บะซาเล็ลรับใช้เป็นนายช่างผู้ชำนาญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลับพลาของยิศราเอล. (เอ็กโซโด 31:1-11) พระวิญญาณของพระเจ้าหลั่งบนฆิดโอน, ยิพธา, ซิมโซน, ดาวิด, เอลียา, อะลีซา, และคนอื่น ๆ. แม้ว่าบุคคลเหล่านี้ในกาลโบราณไม่เคยได้รับสง่าราศีฝ่ายสวรรค์ พวกเขาได้รับการทรงนำและการช่วยเหลือโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่แกะอื่นของพระเยซูในปัจจุบันได้รับ. ดังนั้น การมีพระวิญญาณของพระเจ้าไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเราได้รับการเรียกฝ่ายสวรรค์. กระนั้น พระวิญญาณของพระยะโฮวาทรงประทานการชี้นำ, ช่วยเราประกาศและทำงานอื่นที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้สำเร็จ, ทำให้เรามีกำลังที่มากกว่าปกติ, และเกิดผลพระวิญญาณในตัวเราคือความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดกลั้นทนนาน, ความกรุณา, ความดี, ความเชื่อ, ความอ่อนโยน, และการรู้จักบังคับตน. (โยฮัน 16:13; กิจการ 1:8; 2 โกรินโธ 4:7-10; ฆะลาเตีย 5:22, 23) เราควรขอบคุณมิใช่หรือสำหรับของประทานนี้จากพระเจ้าซึ่งเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ?
14. เราได้รับประโยชน์จากของประทานแห่งความรู้และสติปัญญาจากพระเจ้าอย่างไร?
14 ความรู้และสติปัญญาเป็นของประทานจากพระเจ้าซึ่งเราควรขอบคุณ ไม่ว่าความหวังของเราเป็นฝ่ายสวรรค์หรือทางแผ่นดินโลก. ความรู้ถ่องแท้ของพระยะโฮวาช่วยเราให้ “รู้แน่ว่า สิ่งไหนสำคัญกว่า” และ “ดำเนินคู่ควรกับพระยะโฮวา เพื่อทำให้พระองค์พอพระทัยอย่างเต็มเปี่ยม.” (ฟิลิปปอย 1:9-11, ล.ม.; โกโลซาย 1:9, 10, ล.ม.) สติปัญญาของพระเจ้าเป็นเครื่องปกป้องและชี้นำชีวิต. (สุภาษิต 4:5-7; ท่านผู้ประกาศ 7:12) ความรู้และสติปัญญาแท้อาศัยพระคำของพระเจ้า และผู้ถูกเจิมที่ยังเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยถูกดึงดูดใจเป็นพิเศษในเรื่องที่พระคัมภีร์กล่าวเกี่ยวกับความหวังของพวกเขาทางภาคสวรรค์. อย่างไรก็ตาม ความรักต่อพระคำของพระเจ้าและความเข้าใจที่ดีในพระคำนั้นไม่ใช่วิธีการที่พระเจ้าใช้ระบุว่าเราได้รับการเรียกสู่ชีวิตฝ่ายสวรรค์. หลายคนอย่างเช่นโมเซและดาวิดถึงกับได้เขียนบางส่วนของคัมภีร์ไบเบิลด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้จะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายเพื่อมีชีวิตบนแผ่นดินโลก. ไม่ว่าความหวังของเราเป็นฝ่ายสวรรค์หรือทางแผ่นดินโลกก็ตาม เราทุกคนได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณโดยทาง “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ซึ่งได้รับการยอมรับจากพระยะโฮวา. (มัดธาย 24:45-47, ล.ม.) เราทุกคนรู้สึกขอบคุณสักเพียงไรสำหรับความรู้ที่ได้มาด้วยวิธีนี้!
15. ของประทานอย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าคืออะไร และคุณมีทัศนะต่อของประทานนี้อย่างไร?
15 ของประทานยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของพระเจ้าคือการจัดเตรียมด้วยความรักให้มีเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู ซึ่งเป็นผลประโยชน์แก่เราไม่ว่าเรามีความหวังฝ่ายสวรรค์หรือทางแผ่นดินโลก. พระเจ้าทรงรักโลกแห่งมนุษยชาติ “มากจนถึงกับได้ประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์.” (โยฮัน 3:16, ล.ม.) และความรักของพระเยซูกระตุ้นพระองค์ให้ “ประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก.” (มัดธาย 20:28) ดังที่อัครสาวกโยฮันอธิบาย พระเยซูคริสต์ “เป็นผู้ทรงระงับพระพิโรธเพราะความบาปของพวกเรา [ผู้ถูกเจิม], และไม่ใช่ของพวกเราพวกเดียว, แต่ว่าของมนุษย์โลกทั้งสิ้นด้วย.” (1 โยฮัน 2:1, 2) ฉะนั้น เราทุกคนควรรู้สึกขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับการจัดเตรียมนี้ซึ่งเปี่ยมด้วยความรักเพื่อความรอดสู่ชีวิตถาวร.b
คุณจะเข้าร่วมไหม?
16. จะมีการรำลึกถึงเหตุการณ์เด่นอะไรหลังดวงอาทิตย์ตกในวันที่ 11 เมษายน 1998 และใครควรเข้าร่วม?
16 ความรู้สึกขอบพระคุณสำหรับค่าไถ่ที่พระเจ้าทรงประทานให้โดยทางพระบุตรของพระองค์ควรกระตุ้นเราให้เข้าร่วมที่หอประชุมราชอาณาจักรหรือสถานที่อื่น ๆ ซึ่งพยานพระยะโฮวาจะจัดการประชุมกันหลังดวงอาทิตย์ตกวันที่ 11 เมษายน 1998 เพื่อรำลึกถึงการวายพระชนม์ของพระคริสต์. เมื่อพระองค์ทรงตั้งการฉลองนี้กับอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ในคืนสุดท้ายแห่งชีวิตทางแผ่นดินโลกนี้ของพระองค์ พระเยซูตรัสว่า “จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา.” (ลูกา 22:19, 20; มัดธาย 26:26-30) เหล่าผู้ถูกเจิมที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อยจะรับประทานขนมปังไม่มีเชื้อ ซึ่งหมายถึงพระกายมนุษย์ที่ปราศจากบาปของพระเยซู และเหล้าองุ่นแดงไม่เจือปนสิ่งใดซึ่งแสดงถึงพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งออกเป็นเครื่องบูชา. เฉพาะคริสเตียนที่ได้รับกำเนิดด้วยพระวิญญาณเท่านั้นที่ควรรับเครื่องหมาย เพราะเฉพาะพวกเขาเท่านั้นที่อยู่ในคำสัญญาไมตรีใหม่และคำสัญญาไมตรีเกี่ยวด้วยราชอาณาจักร และมีหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าว่าความหวังของเขาเป็นฝ่ายสวรรค์. คนอื่นหลายล้านคนจะร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ที่แสดงความนับถือซึ่งรู้สึกขอบคุณสำหรับความรักที่พระเจ้าและพระคริสต์ทรงแสดงออกเกี่ยวข้องกับเครื่องบูชาของพระเยซูซึ่งทำให้เป็นไปได้ที่จะมีชีวิตนิรันดร์.—โรม 6:23.
17. เราควรจำไว้เช่นไรในเรื่องการเจิมด้วยพระวิญญาณ?
17 ความเชื่อเก่า ๆ ทางศาสนา, อารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรงซึ่งปะทุขึ้นเนื่องจากความตายของผู้เป็นที่รัก, ความทุกข์ยากที่ประสบในปัจจุบันซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตบนโลกนี้, หรือความรู้สึกว่าได้รับพระพรบางอย่างเป็นพิเศษจากพระยะโฮวาอาจชักนำให้บางคนทึกทักเอาเองว่าตนมีความหวังในชีวิตฝ่ายสวรรค์. แต่เราทุกคนพึงจำไว้ว่า พระคัมภีร์ไม่ได้สั่งเราให้รับเครื่องหมายการฉลองอนุสรณ์เพื่อแสดงความหยั่งรู้ค่าสำหรับเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์. นอกจากนั้น การเจิมด้วยพระวิญญาณ “จะเป็นตามใจปรารถนาหรือตามใจผู้วิ่งไปนั้นก็หามิได้, แต่เป็นตามพระทัยพระเจ้า” ผู้ทรงให้กำเนิดพระเยซูเป็นบุตรฝ่ายวิญญาณและนำเฉพาะบุตรคนอื่น ๆ อีก 144,000 คนเท่านั้นสู่สง่าราศี.—โรม 9:16; ยะซายา 64:8.
18. สำหรับคนส่วนใหญ่ที่รับใช้พระยะโฮวาในปัจจุบัน มีพระพรอะไรรอท่าพวกเขาอยู่?
18 ชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยานเป็นความหวังซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้มนุษย์ส่วนใหญ่ที่รับใช้พระยะโฮวาในสมัยสุดท้ายนี้. (2 ติโมเธียว 3:1-5) อีกไม่ช้า พวกเขาจะได้ชื่นชมอุทยานอันยอดเยี่ยมนั้น. ถึงเวลานั้น ชนจำพวกเจ้านายจะดูแลกิจการงานทางแผ่นดินโลกนี้ภายใต้การปกครองจากสวรรค์. (บทเพลงสรรเสริญ 45:16) สภาพเปี่ยมสันติสุขจะมีอยู่บริบูรณ์ขณะที่ประชากรโลกทำตามกฎหมายของพระเจ้าและเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวด้วยวิถีทางของพระยะโฮวา. (ยะซายา 9:6, 7; วิวรณ์ 20:12) จะมีงานมากมายให้ทำในการสร้างบ้านและดูแลแผ่นดินโลก. (ยะซายา 65:17-25) และขอให้คิดถึงการที่ครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งหนึ่งอย่างมีความสุขเมื่อคนตายกลับมีชีวิตอีก! (โยฮัน 5:28, 29) หลังการทดสอบครั้งสุดท้าย ความชั่วร้ายทั้งหมดจะสูญสิ้น. (วิวรณ์ 20:7-10) ตั้งแต่นั้นตลอดไป แผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยมนุษย์สมบูรณ์ซึ่ง ‘พ้นจากการเป็นทาสความเสื่อมเสียและได้เข้าในสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า.’
[เชิงอรรถ]
a ดูการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 225, 226.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ การ “รับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่า” หมายความอย่างไร?
▫ ไม่ว่าความหวังของเราเป็นฝ่ายสวรรค์หรือทางแผ่นดินโลก เรามีเหตุผลอะไรบ้างที่จะขอบพระคุณพระเจ้า?
▫ การฉลองอะไรซึ่งทำเป็นประจำทุกปีที่เราทุกคนควรเข้าร่วม?
▫ มีอนาคตแบบไหนรออยู่สำหรับไพร่พลของพระยะโฮวาส่วนใหญ่?
[รูปภาพหน้า 18]
หลายล้านคนได้เริ่ม ‘รับเอาน้ำแห่งชีวิตโดยไม่เสียค่าอะไร.’ คุณอยู่ในกลุ่มพวกเขาไหม?