จงศึกษาพระคำของพระเจ้าในครอบครัวเป็นประจำ
“มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้, แต่ด้วยบรรดาโอวาทซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า.”—มัดธาย 4:4.
1. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้เช่นไรเกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบของประมุขครอบครัวที่จะสอนแนวทางของพระยะโฮวาแก่บุตรของตน?
พระยะโฮวาพระเจ้าทรงประทานข้อเตือนใจแก่ประมุขครอบครัวอยู่บ่อยครั้งให้ตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบของตนที่จะสอนบุตร. การสั่งสอนเช่นนั้นจะเตรียมบุตรไว้สำหรับชีวิตในปัจจุบันและอาจช่วยเตรียมเขาเอาไว้ให้พร้อมสำหรับชีวิตในวันข้างหน้าด้วย. ทูตสวรรค์องค์หนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของพระเจ้าชี้ให้อับราฮามเห็นถึงความรับผิดชอบของท่านที่จะสอนคนในครัวเรือนเพื่อให้พวกเขา “รักษาทางพระยะโฮวา.” (เยเนซิศ 18:19) บิดามารดาชาวยิศราเอลได้รับคำสั่งให้เล่าแก่บุตรของตนฟังถึงวิธีที่พระเจ้าได้ทรงช่วยชาติยิศราเอลจากอียิปต์และวิธีที่พระองค์ได้ทรงประทานพระบัญญัติของพระองค์แก่พวกเขาบนภูเขาซีนายที่โฮเร็บ. (เอ็กโซโด 13:8, 9; พระบัญญัติ 4:9, 10; 11:18-21) ประมุขครอบครัวคริสเตียนได้รับคำแนะเตือนให้เลี้ยงดูบุตร “ด้วยการตีสอนและการปรับความคิดจิตใจตามหลักการของพระยะโฮวา.” (เอเฟโซ 6:4, ล.ม.) แม้แต่ในกรณีที่บิดาหรือมารดาเพียงฝ่ายเดียวรับใช้พระยะโฮวา เขาควรบากบั่นที่จะสอนบุตรในแนวทางของพระยะโฮวา.—2 ติโมเธียว 1:5; 3:14, 15.
2. การศึกษาในครอบครัวจำเป็นไหมถ้าไม่มีเด็กในบ้าน? จงอธิบาย.
2 นี่มิได้หมายความว่าการศึกษาพระคำของพระเจ้ากับครอบครัวเป็นเรื่องของครัวเรือนที่มีบุตรเท่านั้น. เมื่อสามีและภรรยามีการศึกษาครอบครัวแม้ว่าไม่มีเด็ก ๆ ในบ้าน นั่นแสดงถึงความหยั่งรู้ค่าเป็นอย่างดีในสิ่งฝ่ายวิญญาณ.—เอเฟโซ 5:25, 26.
3. เหตุใดความสม่ำเสมอของการศึกษาครอบครัวจึงสำคัญ?
3 เพื่อจะบรรลุผลดีที่สุด การสั่งสอนจำเป็นต้องทำเป็นประจำ ซึ่งสอดคล้องกับบทเรียนที่พระยะโฮวาทรงสอนชาติยิศราเอลในถิ่นทุรกันดารที่ว่า “มนุษย์จะจำเริญชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้, แต่จะมีชีวิตอยู่เพราะบรรดาพระวจนะซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์พระยะโฮวา.” (พระบัญญัติ 8:3) บางครอบครัวอาจจัดให้มีการศึกษาสัปดาห์ละครั้ง แต่บางครอบครัวก็อาจศึกษาโดยใช้เวลาสั้น ๆ ทุกวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของแต่ละครอบครัว. ไม่ว่าคุณเลือกจัดแบบไหน อย่าปล่อยให้การศึกษาขึ้นอยู่กับโอกาส. ‘จงใช้ประโยชน์เต็มที่จากเวลา’ เพื่อการศึกษา. การยอมสละบางสิ่งเพื่อแลกกับเวลาเช่นนั้นนับเป็นการลงทุนที่ดี. ชีวิตของสมาชิกครอบครัวคุณอยู่ในระหว่างเสี่ยง.—เอเฟโซ 5:15-17, ล.ม.; ฟิลิปปอย 3:16.
เป้าหมายที่ต้องคิดถึงเสมอ
4, 5. (ก) โดยทางโมเซ พระยะโฮวาทรงวางอะไรไว้ต่อหน้าบิดามารดาให้เป็นเป้าหมายสำคัญในการสอนบุตรของตน? (ข) นั่นหมายรวมถึงอะไรในปัจจุบัน?
4 เมื่อคุณนำการศึกษาครอบครัว จะประสบผลสำเร็จอย่างดีที่สุดถ้าคุณมีเป้าหมายที่กำหนดไว้ในใจอย่างชัดเจน. ขอพิจารณาเป้าหมายบางประการที่อาจตั้งไว้สำหรับการศึกษาครอบครัว.
5 ในการศึกษาแต่ละครั้ง จงพยายามเสริมสร้างความรักต่อพระยะโฮวาพระเจ้า. ขณะที่ชนยิศราเอลชุมนุมกันอยู่ ณ ที่ราบโมอาบก่อนเข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญา โมเซเน้นให้พวกเขาสนใจพระบัญญัติซึ่งในเวลาต่อมาพระเยซูคริสต์ทรงระบุว่าเป็น ‘พระบัญญัติข้อที่ใหญ่ที่สุด.’ พระบัญญัติข้อใด? “เจ้าจงรักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจ, สุดจิตต์ของเจ้า, และด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.” (มัดธาย 22:36, 37; พระบัญญัติ 6:5) โมเซกระตุ้นชาวยิศราเอลให้ประทับพระบัญญัติข้อนี้ลงบนหัวใจของพวกเขาเองและสอนพระบัญญัตินี้แก่บุตรของเขา. เพื่อจะทำดังกล่าวได้ย่อมต้องอาศัยการพร่ำสอน, การช่วยให้สังเกตถึงเหตุผลที่จะรักพระยะโฮวา, การรับมือเจตคติและการกระทำที่อาจขัดขวางการแสดงความรักเช่นนั้น, และการแสดงความรักต่อพระยะโฮวาในชีวิตของเขาเอง. บุตรของเราจำเป็นต้องได้รับการสอนอย่างเดียวกันนี้ไหม? ใช่แล้ว! และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือให้ ‘รับสุหนัตที่หัวใจของเขา’ ด้วย ซึ่งก็หมายถึงการขจัดสิ่งใดก็ตามที่หน่วงเหนี่ยวความรักของเขาต่อพระเจ้า. (พระบัญญัติ 10:12, 16; ยิระมะยา 4:4) สิ่งหน่วงเหนี่ยวเช่นนั้นประการหนึ่งอาจได้แก่ความปรารถนาสิ่งต่าง ๆ ของโลกและความปรารถนาที่จะมีโอกาสหมกมุ่นในกิจกรรมต่าง ๆ ของโลกนี้. (1 โยฮัน 2:15, 16) ความรักต่อพระยะโฮวาต้องไม่เฉื่อยชา แสดงออกมา ผลักดันเราให้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่พระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราทรงพอพระทัย. (1 โยฮัน 5:3) เพื่อการศึกษาครอบครัวของคุณจะเป็นประโยชน์ระยะยาว ทุกครั้งที่นำการศึกษาควรนำอย่างที่จะเสริมสร้างความรักแบบนี้ขึ้น.
6. (ก) จำเป็นต้องมีอะไรเพื่อจะให้ความรู้ถ่องแท้? (ข) พระคัมภีร์เน้นความสำคัญของความรู้ถ่องแท้อย่างไร?
6 จงให้ความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับข้อเรียกร้องของพระเจ้า. นั่นรวมความถึงอะไรบ้าง? ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การสามารถอ่านคำตอบจากวารสารหรือหนังสือ. ตามปกติแล้ว จำเป็นต้องมีการพิจารณากันเพื่อทำให้แน่ใจว่าเข้าใจคำสำคัญและแนวคิดหลักอย่างชัดเจน. ความรู้ถ่องแท้เป็นปัจจัยสำคัญในการสวมบุคลิกภาพใหม่, ในการเพ่งเล็งสิ่งที่สำคัญจริง ๆ อยู่เสมอเมื่อรับมือปัญหาในชีวิต, และด้วยเหตุนั้น จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการทำสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยอย่างแท้จริง.—ฟิลิปปอย 1:9-11; โกโลซาย 1:9, 10; 3:10.
7. (ก) การใช้คำถามอะไรอาจช่วยครอบครัวให้นำเอาเรื่องที่ได้เรียนไปใช้จริง ๆ? (ข) พระคัมภีร์เน้นคุณค่าของเป้าหมายเช่นนั้นอย่างไร?
7 จงช่วยให้มีการนำเอาสิ่งที่ได้เรียนไปใช้จริง ๆ. โดยคิดถึงเป้าหมายนี้ไว้ ในการศึกษาครอบครัวแต่ละครั้ง จงถามตัวเองว่า ‘เรื่องนี้น่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างไร? มีอะไรที่เรากำลังทำอยู่ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนไหม? เหตุใดเราจึงควรต้องการที่จะปรับเปลี่ยน?’ (สุภาษิต 2:10-15; 9:10; ยะซายา 48:17, 18) การให้ความเอาใจใส่อย่างพอเพียงในเรื่องการนำเอาสิ่งที่ได้เรียนไปใช้จริง ๆ อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณของสมาชิกครอบครัว.
จงใช้เครื่องมือสอนอย่างสุขุม
8. เครื่องมืออะไรที่ใช้สำหรับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลซึ่งชนจำพวกทาสได้จัดไว้ให้?
8 “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ได้จัดเตรียมเครื่องมือไว้มากมายที่สามารถใช้ศึกษา. วารสารหอสังเกตการณ์ ซึ่งใช้ร่วมกับคัมภีร์ไบเบิล มีใน 131 ภาษา. มีหนังสือต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับศึกษาคัมภีร์ไบเบิล 153 ภาษา, จุลสาร 284 ภาษา, ตลับเทปบันทึกเสียง 61 ภาษา, ตลับวีดิทัศน์ 41 ภาษา, ตลอดจนโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลในภาษาต่าง ๆ 9 ภาษา!—มัดธาย 24:45-47, ล.ม.
9. เราอาจใช้คำแนะนำในข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึงในวรรคนี้อย่างไรเมื่อศึกษาหอสังเกตการณ์ กับครอบครัว?
9 หลายครอบครัวใช้ช่วงเวลาของการศึกษาในครอบครัวเตรียมสำหรับการศึกษาหอสังเกตการณ์ ประจำประชาคมด้วยกัน. การเตรียมด้วยกันเช่นนั้นเป็นประโยชน์จริง ๆ! หอสังเกตการณ์ มีอาหารหลักทางฝ่ายวิญญาณซึ่งจัดไว้เพื่อเสริมสร้างไพร่พลของพระยะโฮวาทั่วโลก. เมื่อคุณศึกษาหอสังเกตการณ์ กับครอบครัว อย่าเพียงแต่อ่านวรรคต่าง ๆ และหาคำตอบสำหรับคำถามที่มีพิมพ์ไว้. จงพยายามทำความเข้าใจอย่างจริงจัง. ใช้เวลาค้นดูข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึงแต่ไม่ได้ยกมา. เชิญชวนให้สมาชิกในครอบครัวออกความเห็นว่าข้อพระคัมภีร์เหล่านี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับเรื่องในวรรคที่กำลังพิจารณา. จงตั้งใจจดจ่อ.—สุภาษิต 4:7, 23; กิจการ 17:11.
10. จะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการศึกษาและทำให้การศึกษาเป็นช่วงเวลาที่น่าเพลิดเพลินสำหรับเขา?
10 ถ้ามีเด็กในบ้าน คุณอาจทำอย่างไรเพื่อทำให้การศึกษาไม่เป็นเพียงกิจวัตรในครอบครัว แต่เป็นช่วงเวลาที่เสริมสร้าง, น่าสนใจ, และมีความสุข? พยายามให้แต่ละคนมีส่วนร่วมโดยตลอดในแบบที่เหมาะกับเขา เพื่อเขาจะได้มีใจจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องที่กำลังศึกษา. หากเป็นไปได้ จัดให้เด็กแต่ละคนมีคัมภีร์ไบเบิลและวารสารสำหรับศึกษาของเขาเอง. เพื่อเลียนแบบความอบอุ่นที่พระเยซูทรงแสดง บิดาหรือมารดาอาจนั่งชิดติดกับลูกที่อายุน้อย ๆ โอบเขาไว้ในวงแขน. (เทียบกับมาระโก 10:13-16.) ประมุขครอบครัวอาจให้ลูกที่เป็นวัยรุ่นอธิบายภาพประกอบในเรื่องศึกษา. อาจมอบหมายล่วงหน้าให้เด็กเล็กอ่านข้อพระคัมภีร์บางข้อ. เด็กที่โตกว่าอาจได้รับมอบหมายให้ชี้ถึงวิธีต่าง ๆ ที่อาจนำเอาเนื้อเรื่องที่ได้ศึกษาไปใช้ในภาคปฏิบัติ.
11. ได้มีการจัดเตรียมเครื่องมืออะไรอีก และเมื่อมีเครื่องมือเหล่านี้ อาจใช้เครื่องมือดังกล่าวให้เป็นประโยชน์สำหรับการศึกษาในครอบครัวอย่างไร?
11 แม้ว่าคุณอาจใช้หอสังเกตการณ์ เป็นพื้นฐานสำหรับการพิจารณาของคุณ แต่อย่าลืมเครื่องมืออย่างอื่นที่ใช้ในการศึกษาซึ่งมีในหลายภาษา. ถ้าจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่เป็นภูมิหลังของเรื่องหรือต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับคำในคัมภีร์ไบเบิล ก็อาจค้นดูได้จากหนังสือการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ). ปัญหาอื่น ๆ อาจได้คำตอบโดยค้นจากดัชนีหนังสือของสมาคมว็อชเทาเวอร์ หรือโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับการค้นคว้าที่สมาคมฯ จัดไว้ให้. การเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ หากมีในภาษาของคุณ สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่มีค่ามากสำหรับการศึกษาครอบครัว. นอกจากนี้ โดยคิดถึงการกระตุ้นความสนใจของเด็ก ๆ คุณอาจกันเวลาศึกษาไว้เพื่อชมสักตอนหนึ่งของวีดิทัศน์ที่ให้ความรู้ของสมาคมฯ หรือฟังสักตอนหนึ่งของตลับเทปบันทึกเสียงละครแล้วก็มาอภิปรายกัน. การใช้เครื่องมือศึกษาเหล่านี้อย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้การศึกษาในครอบครัวของคุณน่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับทั้งครอบครัว.
จงปรับให้เข้ากับความจำเป็นของครอบครัว
12. การศึกษาในครอบครัวอาจมีบทบาทอย่างไรในการจัดการความจำเป็นที่สำคัญและเร่งด่วนที่เกิดขึ้นกับครอบครัว?
12 อาจเป็นได้ว่าตามปกติครอบครัวคุณศึกษาบทความศึกษาของหอสังเกตการณ์ ประจำสัปดาห์. แต่จงคอยสังเกตดูว่ามีปัญหาหรือแนวคิดบางอย่างซึ่งมีผลกระทบต่อครอบครัวหรือไม่. ในกรณีที่มารดาไม่ได้ทำงานอาชีพ เธออาจสามารถใช้เวลากับลูก ๆ ทุกวันเมื่อเขากลับจากโรงเรียน. ปัญหาบางอย่างอาจจัดการตอนนั้นได้เลย; แต่บางเรื่องก็อาจจำเป็นต้องให้ความเอาใจใส่มากกว่านั้น. เมื่อมีความจำเป็นที่สำคัญและเร่งด่วนเกิดขึ้นกับครอบครัว อย่าได้ละเลย. (สุภาษิต 27:12) ความจำเป็นเหล่านี้อาจไม่ได้มีเพียงปัญหาที่โรงเรียน แต่อาจรวมถึงปัญหาอื่น ๆ ด้วย. จงเลือกเนื้อเรื่องที่เหมาะสม และแจ้งให้ครอบครัวทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษากัน.
13. เหตุใดการพิจารณากับครอบครัวเกี่ยวกับวิธีรับมือความยากจนอาจเป็นประโยชน์?
13 ยกตัวอย่างเช่น ในหลายส่วนของโลกประสบปัญหาเรื่องความยากจนข้นแค้น; ดังนั้นในหลายแห่งอาจจำเป็นที่จะพิจารณากันเกี่ยวกับวิธีรับมือความยากจน. การศึกษาในครอบครัวที่คำนึงถึงสภาพการณ์จริงในชีวิตและยึดหลักการของคัมภีร์ไบเบิลจะให้ประโยชน์แก่ครัวเรือนของคุณไหม?—สุภาษิต 21:5; ท่านผู้ประกาศ 9:11; เฮ็บราย 13:5, 6, 18.
14. สภาพการณ์เช่นไรที่อาจทำให้การพิจารณากับครอบครัวเกี่ยวกับทัศนะของพระยะโฮวาในเรื่องความรุนแรง, สงคราม, และความเป็นกลางของคริสเตียนเป็นเรื่องเหมาะกับเวลา?
14 อีกเรื่องหนึ่งที่ควรพิจารณาคือเรื่องความรุนแรง. เราทุกคนจำเป็นต้องมีทัศนะของพระยะโฮวาฝังแน่นอยู่ในจิตใจและหัวใจของเรา. (เยเนซิศ 6:13; บทเพลงสรรเสริญ 11:5) การศึกษากับครอบครัวในเรื่องนี้อาจเปิดโอกาสให้มีการพิจารณากันถึงวิธีที่จะรับมือการรังแกที่โรงเรียน, เหมาะไหมที่จะฝึกศิลปะการต่อสู้, และวิธีเลือกความบันเทิงที่เหมาะสม. การขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกลายเป็นเรื่องธรรมดา; เกือบทุกประเทศเผชิญปัญหาสงครามกลางเมือง, การต่อสู้ทางการเมืองหรือชาติพันธุ์, หรือการยกพวกตีกัน. เมื่อเป็นเช่นนี้ ครอบครัวของคุณอาจจำเป็นต้องพิจารณาด้วยกันเกี่ยวกับการรักษาความประพฤติแบบคริสเตียนขณะที่ถูกแวดล้อมด้วยฝ่ายต่าง ๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน.—ยะซายา 2:2-4; โยฮัน 17:16.
15. ควรสอนบุตรอย่างไรในเรื่องเพศและการสมรส?
15 ขณะที่เด็ก ๆ เติบโตขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการสอนในเรื่องเพศและการสมรส แล้วแต่ว่าอะไรเหมาะกับอายุของเขา. ในบางวัฒนธรรมบิดามารดาส่วนใหญ่ไม่เคยคุยเรื่องเพศกับลูกเลย. เด็กที่ไม่ได้รับความรู้อาจได้รับทัศนะที่บิดเบือนจากหนุ่มสาวคนอื่น ๆ และผลก็อาจเป็นความเสียหายร้ายแรง. ย่อมดีกว่ามิใช่หรือที่จะเลียนแบบพระยะโฮวาผู้ทรงให้คำแนะนำในเรื่องนี้ไว้ในคัมภีร์ไบเบิลอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็ละเมียดละไม? คำแนะนำของพระเจ้าจะช่วยบุตรของเราให้รักษาความนับถือต่อตัวเอง และปฏิบัติต่อคนที่เป็นเพศตรงข้ามอย่างให้เกียรติ. (สุภาษิต 5:18-20; โกโลซาย 3:5; 1 เธซะโลนิเก 4:3-8) แม้ว่าคุณอาจได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้ไปแล้ว ก็อย่าลังเลที่จะพิจารณาอีก. ขณะที่สภาพการณ์เปลี่ยนไป สำคัญที่จะพิจารณาซ้ำอีก.
16. (ก) ในหลาย ๆ ครัวเรือนมีการศึกษาในครอบครัวกันตอนไหน? (ข) คุณได้จัดการอุปสรรคต่าง ๆ อย่างไรเพื่อจะศึกษากับครอบครัวเป็นประจำได้?
16 อาจศึกษากับครอบครัวตอนไหน? โดยเลียนแบบครอบครัวเบเธลทั่วโลก หลายครัวเรือนกำหนดเวลาศึกษาครอบครัวไว้ตอนเย็นวันจันทร์. ครอบครัวอื่นกำหนดเวลาต่างออกไป. ที่อาร์เจนตินา ครอบครัวหนึ่งซึ่งอยู่ด้วยกัน 11 คน เป็นบุตร 9 คน ตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำทุกเช้าเพื่อศึกษาด้วยกัน. เนื่องจากตารางเวลาของแต่ละคนแตกต่างกัน ไม่มีเวลาอื่นเลยที่จะศึกษาด้วยกันได้. เรื่องนี้ไม่ง่าย แต่การทำอย่างนี้จะประทับความสำคัญของการศึกษาในครอบครัวลงในจิตใจและหัวใจของลูก ๆ. ที่ฟิลิปปินส์ ผู้ปกครองคนหนึ่งมีการศึกษาในครอบครัวเป็นประจำกับภรรยาและบุตรสามคนขณะที่พวกเขากำลังเจริญเติบโต. ระหว่างสัปดาห์ บิดามารดายังได้ศึกษาเป็นส่วนตัวกับลูกแต่ละคนเพื่อแต่ละคนจะได้ทำให้ความจริงเป็นของเขาเอง. ที่สหรัฐ พี่น้องหญิงคนหนึ่งซึ่งสามีไม่เป็นพยานฯ เดินไปส่งลูก ๆ ขึ้นรถโรงเรียนทุกเช้า. ขณะคอยรถ พวกเขาใช้เวลาด้วยกันประมาณสิบนาทีอ่านและพิจารณาเรื่องที่เหมาะสมจากพระคัมภีร์ด้วยกัน แล้วผู้เป็นมารดาก็จะนำอธิษฐานสั้น ๆ ก่อนลูก ๆ จะขึ้นรถ. ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สตรีผู้หนึ่งซึ่งสามีไม่ใช่ผู้เชื่อถือและได้ละทิ้งครอบครัวไป ต้องพยายามอย่างมากในการศึกษาเนื่องจากเธอมีการศึกษาไม่มาก. ลูกชายซึ่งโตแล้วช่วยโดยมาเยี่ยมครอบครัวในแต่ละสัปดาห์เพื่อนำการศึกษาซึ่งมีทั้งมารดาและน้อง ๆ ของเขาร่วมศึกษา. มารดาวางตัวอย่างที่ดีด้วยการขยันเตรียมตัว. มีปัญหาบางอย่างไหมที่ทำให้การศึกษาในครอบครัวเป็นประจำทำได้ยากสำหรับครัวเรือนของคุณ? อย่ายอมแพ้. จงหมายพึ่งพระยะโฮวาอย่างจริงจังให้พระองค์อวยพระพรความพยายามของคุณที่จะมีการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ.—มาระโก 11:23, 24.
รางวัลจากความพากเพียร
17. (ก) เพื่อจะศึกษากับครอบครัวเป็นประจำได้ จำเป็นต้องมีอะไร? (ข) ประสบการณ์อะไรที่แสดงถึงคุณค่าของการอบรมสั่งสอนครอบครัวเป็นประจำในทางของพระยะโฮวา?
17 จำเป็นต้องมีการวางแผน. จำเป็นต้องมีความพากเพียร. แต่ผลประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาในครอบครัวเป็นประจำนั้นคุ้มค่าทีเดียว. (สุภาษิต 22:6; 3 โยฮัน 4) ที่เยอรมนี ฟรานซ์และฮิลดา เลี้ยงดูครอบครัวที่มีลูกทั้งหมด 11 คน. หลายปีต่อมา ลูกสาวที่ชื่อ มักดาเลนา กล่าวว่า “ทุกวันนี้ สิ่งที่ดิฉันถือว่าสำคัญที่สุดก็คือ ในตอนนั้นไม่มีแม้แต่วันเดียวผ่านไปโดยที่เราไม่ได้รับการสอนฝ่ายวิญญาณ.” เมื่อน้ำใจแบบชาตินิยมรุนแรงขึ้นภายใต้การนำของอะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บิดาของมักดาเลนาใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อเตรียมครอบครัวไว้ให้พร้อมรับการทดสอบที่เขาตระหนักว่ากำลังจะเกิดขึ้น. ต่อมา สมาชิกครอบครัวที่อายุน้อย ๆ ถูกส่งตัวไปเข้าสถานอบรมนิสัย; คนอื่น ๆ ในครอบครัวถูกจับและถูกคุมขังในคุกและค่ายกักกัน. บางคนถูกประหารชีวิต. ความเชื่อของพวกเขาทุกคนตั้งมั่นคง—ไม่เพียงในช่วงเวลาที่ประสบการกดขี่อย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ในช่วงหลายปีหลังจากนั้นด้วย สำหรับคนที่รอดชีวิต.
18. ความพยายามของบิดาหรือมารดาไร้คู่ได้รับรางวัลตอบแทนอย่างไร?
18 บิดาหรือมารดาไร้คู่หลายคนและคนที่คู่สมรสไม่ร่วมในความเชื่อได้จัดเตรียมคล้าย ๆ กันนั้นเพื่อสอนคัมภีร์ไบเบิลแก่ลูก ๆ เป็นประจำ. ที่อินเดีย มารดาที่เป็นม่ายผู้หนึ่งบากบั่นพยายามปลูกฝังความรักต่อพระยะโฮวาในตัวลูกทั้งสองคนของเธอ. อย่างไรก็ตาม หัวใจเธอสลายเมื่อลูกชายเลิกคบหากับไพร่พลของพระยะโฮวา. เธอทูลต่อพระยะโฮวาขอพระองค์ให้อภัยเธอสำหรับข้อบกพร่องใด ๆ ในการฝึกอบรมลูกชาย. แต่ลูกชายเธอไม่ได้ลืมไปเสียจริง ๆ ในสิ่งที่เขาเคยได้เรียน. หลังจากที่ผ่านไปสิบกว่าปี เขากลับมา ทำความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณอย่างดีและกลายมาเป็นผู้ปกครองคนหนึ่ง. เดี๋ยวนี้เขากับภรรยารับใช้เป็นผู้รับใช้เต็มเวลาประเภทไพโอเนียร์. บิดามารดาที่ได้เอาใจใส่จริง ๆ ต่อคำแนะนำจากพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ด้วยการสอนคัมภีร์ไบเบิลในครอบครัวเป็นประจำรู้สึกขอบคุณสักเพียงไร! คุณกำลังใช้คำแนะนำนั้นในครัวเรือนของคุณไหม?
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ เหตุใดการศึกษาในครอบครัวเป็นประจำจึงสำคัญ?
▫ อะไรควรเป็นเป้าหมายของเราระหว่างการศึกษาแต่ละครั้ง?
▫ ได้มีการจัดเครื่องมืออะไรบ้างเพื่อช่วยในการสอนที่เราจะใช้ได้?
▫ จะปรับการศึกษาให้เข้ากับความจำเป็นของครอบครัวได้โดยวิธีใด?
[รูปภาพหน้า 15]
การตั้งเป้าหมายที่แน่ชัดเอาไว้จะช่วยยกระดับการศึกษาครอบครัวของคุณให้ดีขึ้น