การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า
“เราเป็นพระเจ้า, และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนเรา, เราเป็นผู้บอกเล่าตั้งแต่ต้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตอนปลาย, และบอกเล่าสิ่งซึ่งยังไม่เกิดขึ้นไว้ตั้งแต่เวลาโบราณ.”—ยะซายา 46:9, 10.
1, 2. มีความเห็นต่าง ๆ อย่างไรบ้างเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของพระเจ้ากับกิจธุระบนแผ่นดินโลก?
พระเจ้าทรงเกี่ยวข้องกับกิจธุระต่าง ๆ บนแผ่นดินโลกอย่างไร? ความเห็นมีหลากหลาย. ทัศนะอย่างหนึ่งคือ พระองค์ไม่ทรงยุ่งเกี่ยวด้วยเลย. เมื่อได้ทรงสร้างสิ่งต่าง ๆ ไว้แล้ว พระองค์ไม่ทรงประสงค์หรือไม่สามารถทำอะไรเพื่อเรา. ตามทัศนะดังกล่าวนี้ พระเจ้าทรงเป็นเหมือนพ่อที่จับลูกชายวางบนอานจักรยานคันใหม่ เมื่อช่วยให้ทรงตัวได้แล้วก็ผลักลูกชายให้แล่นไปตามถนน. หลังจากนั้น พ่อก็เดินจากไป. เด็กคนนั้นต้องพึ่งตนเอง; เขาอาจล้มหรือไม่ล้มก็ได้. ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่ใช่ธุระของผู้เป็นพ่อแล้ว.
2 อีกทัศนะหนึ่งคือ พระเจ้าทรงชี้นำทุกแง่ทุกมุมของชีวิตเราอย่างแข็งขันและทรงเกี่ยวข้องโดยตรงกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งทรงสร้างของพระองค์. อย่างไรก็ตาม หากเป็นอย่างนั้น บางคนก็จะลงความเห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นต้นเหตุไม่เพียงสิ่งดี ๆ เท่านั้น แต่เป็นต้นเหตุของอาชญากรรมและโศกนาฏกรรมที่ทำให้มนุษยชาติระทมทุกข์ด้วย. การทราบความจริงเกี่ยวกับการดำเนินการของพระเจ้าจะช่วยเราให้ทราบสิ่งที่พึงคาดหมายจากพระองค์. นั่นยังจะเสริมความเชื่อของเราเกี่ยวกับความสำเร็จเป็นจริงอย่างแน่นอนแห่งคำสัญญาของพระองค์อีกด้วย.—เฮ็บราย 11:1.
3. (ก) เราทราบได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระประสงค์? (ข) เหตุใดจึงกล่าวว่าพระยะโฮวาทรง “ทำให้เกิด” และ “นวดปั้น” ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์?
3 จุดสำคัญของคำถามเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของพระเจ้ากับกิจธุระของมนุษย์นั้นได้แก่ข้อเท็จจริงที่ว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระประสงค์. ข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้จากพระนามของพระองค์เอง. “ยะโฮวา” มีความหมายว่า “พระองค์ทรงบันดาลให้เป็น.” ด้วยการกระทำเป็นลำดับขั้น พระยะโฮวาทรงทำให้พระองค์เองเป็นผู้ทำให้สำเร็จตามคำสัญญาทั้งสิ้นของพระองค์. ด้วยเหตุนั้น จึงมีการกล่าวถึงพระยะโฮวาว่าทรง “ทำให้เกิด” หรือนวดปั้นเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคตให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์. (2 กษัตริย์ 19:25, ล.ม.; ยะซายา 46:11) คำเหล่านี้มาจากคำภาษาฮีบรู ยาทซาร์ ʹ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำที่มีความหมายว่า “ช่างหม้อ.” (ยิระมะยา 18:4) เช่นเดียวกับช่างปั้นหม้อที่ชำนาญสามารถปั้นก้อนดินเหนียวให้เป็นแจกันที่สวยงาม พระยะโฮวาก็ทรงสามารถปั้นแต่ง หรือจัดการให้สิ่งต่าง ๆ สำเร็จตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.—เอเฟโซ 1:11.
4. พระเจ้าทรงเตรียมแผ่นดินโลกไว้อย่างไรสำหรับให้มนุษย์ได้อยู่อาศัย?
4 ยกตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงประสงค์ให้แผ่นดินโลกเป็นสถานที่สวยสดงดงามเพื่อให้มนุษย์สมบูรณ์ที่เชื่อฟังอยู่อาศัย. (ยะซายา 45:18) นานก่อนที่พระองค์ทรงสร้างชายและหญิงคู่แรก พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้ด้วยความรักเพื่อพวกเขา. บทต้น ๆ ของพระธรรมเยเนซิศพรรณนาถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงตั้งวันและเดือน แผ่นดินและทะเล. จากนั้น พระองค์ทรงสร้างพืชพรรณและชีวิตสัตว์. การจัดเตรียมแผ่นดินโลกไว้ให้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์กินเวลาหลายหมื่นปี. โครงการนี้เสร็จเรียบร้อยอย่างงดงาม. ชายหญิงคู่แรกเริ่มชีวิตในเอเดน อุทยานที่เปี่ยมด้วยความยินดีซึ่งมีทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมสรรพให้เขาได้เพลิดเพลินกับชีวิต. (เยเนซิศ 1:31) ฉะนั้น พระยะโฮวาทรงเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจธุระต่าง ๆ บนแผ่นดินโลก นวดปั้นผลงานแห่งฝีพระหัตถ์ของพระองค์ตามลำดับขั้นให้เป็นตามพระประสงค์อันสูงส่งของพระองค์. การขยายตัวของครอบครัวมนุษย์ทำให้ความเกี่ยวข้องของพระองค์เปลี่ยนไปไหม?
พระยะโฮวาทรงจำกัดการดำเนินการกับมนุษย์
5, 6. เหตุใดพระเจ้าทรงจำกัดการดำเนินการกับมนุษย์?
5 แม้ว่ามีอำนาจจะทำได้ พระยะโฮวาไม่ทรงชี้นำและควบคุมกิจการงานของมนุษย์ไปเสียทุกอย่าง. ที่เป็นอย่างนี้มีเหตุผลหลายประการ. ประการหนึ่งคือ มนุษย์ถูกสร้างตามแบบพระฉายของพระเจ้า มีเจตจำนงเสรี เป็นบุคคลที่มีอิสระด้านศีลธรรม. พระยะโฮวามิได้ทรงบังคับเราให้ทำตามที่พระองค์ทรงบอก; เราไม่ใช่หุ่นเชิด. (พระบัญญัติ 30:19, 20; ยะโฮซูอะ 24:15) แม้ว่าพระองค์ทรงถือว่าเราต้องให้การสำหรับการกระทำของเรา ด้วยความรักพระเจ้าได้ทรงอนุญาตให้เรามีเสรีภาพอย่างมากที่จะตัดสินใจในเรื่องวิธีที่เราจะจัดชีวิตของเรา.—โรม 14:12; เฮ็บราย 4:13.
6 เหตุผลอีกประการหนึ่งที่พระเจ้าไม่ทรงชี้นำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวเนื่องกับประเด็นที่ซาตานยกขึ้นมาในสวนเอเดน. ซาตานท้าทายพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้า. มันเสนอสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นโอกาสสำหรับความเป็นอิสระให้ฮาวา—ข้อเสนอซึ่งเธอและในเวลาต่อมาอาดามสามีของเธอด้วยได้ยอมรับเอา. (เยเนซิศ 3:1-6) ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้มนุษย์ปกครองตนเองเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อพิสูจน์ว่าข้อท้าทายของซาตานนั้นมีเหตุผลหรือไม่. ด้วยเหตุผลดังกล่าว สิ่งผิดทั้งหลายที่ผู้คนทำกันในทุกวันนี้ไม่อาจกล่าวโทษพระเจ้าได้. โมเซเขียนเกี่ยวด้วยประชาชนผู้ขืนอำนาจว่า “เขาทั้งหลายได้ลงมือก่อความหายนะในส่วนของเขาเอง; เขาทั้งหลายหาได้เป็นบุตรของ [พระเจ้า] ไม่ ข้อบกพร่องเป็นของเขาเอง.”—พระบัญญัติ 32:5, ล.ม.
7. พระประสงค์ของพระยะโฮวาสำหรับแผ่นดินโลกและสำหรับมนุษยชาติคืออะไร?
7 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรงอนุญาตให้เลือกและทดลองอย่างเสรีในการปกครองตนเอง พระยะโฮวามิได้ทรงวางพระหัตถ์เลิกเกี่ยวข้องกับกิจธุระบนแผ่นดินโลกทุกอย่าง ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเราก็คงแทบจะหมดหวังในข้อที่พระองค์จะทรงทำให้สำเร็จตามคำสัญญาของพระองค์. แม้ว่าอาดามและฮาวาขืนอำนาจต่อพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้า พระยะโฮวามิได้ทรงเปลี่ยนพระประสงค์อันเปี่ยมด้วยความรักของพระองค์สำหรับแผ่นดินโลกและมนุษยชาติ. พระองค์จะทรงเปลี่ยนแผ่นดินโลกให้เป็นอุทยานอันเป็นที่อยู่ของประชากรที่สมบูรณ์, เชื่อฟัง, และมีความสุขอย่างแน่นอน. (ลูกา 23:42, 43) บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่เยเนซิศจนถึงวิวรณ์พรรณนาถึงวิธีที่พระยะโฮวาได้ทรงจัดการอย่างเป็นลำดับขั้นเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายนั้น.
พระเจ้าทรงกระทำเพื่อให้สำเร็จตามพระทัยประสงค์ของพระองค์
8. มีอะไรเกี่ยวข้องอยู่ด้วยในการนำชาวยิศราเอลเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญา?
8 ในการดำเนินการกับชาติยิศราเอล พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์จะทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จลุล่วง. ยกตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาทรงรับรองกับโมเซว่าพระองค์จะทรงช่วยชนชาติยิศราเอลให้รอดพ้นจากอียิปต์และนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญา ดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง. (เอ็กโซโด 3:8) นี่นับเป็นการประกาศที่สำคัญและย้ำความมั่นใจ. คำประกาศนี้เกี่ยวข้องกับการปลดปล่อยชาวยิศราเอล—ซึ่งเมื่อรวมคนที่สมทบออกมาด้วยมีประมาณสามล้านคน—ให้หลุดพ้นจากชาติที่เข้มแข็งซึ่งต่อต้านอย่างรุนแรงต่อการจากไปของพวกเขา. (เอ็กโซโด 3:19) แผ่นดินที่พวกเขาจะไปอยู่เป็นที่อยู่อาศัยของชาติต่าง ๆ ที่มีกำลังมากซึ่งจะต่อต้านการมาของพวกเขาอย่างเต็มที่. (พระบัญญัติ 7:1) ระหว่างทางเป็นป่าทุรกันดารซึ่งชาวยิศราเอลจะประสบการขาดแคลนอาหารและน้ำ. สภาพการณ์แบบนี้เปิดโอกาสให้พระยะโฮวาทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจอันสูงสุดและความเป็นพระเจ้าของพระองค์.—เลวีติโก 25:38.
9, 10. (ก) เหตุใดยะโฮซูอะจึงสามารถเป็นพยานได้ว่าคำสัญญาของพระเจ้าไว้ใจได้? (ข) สำคัญเพียงไรที่เราจะมีความมั่นใจในความสามารถของพระเจ้าที่จะประทานบำเหน็จแก่ผู้ซื่อสัตย์?
9 พระเจ้าทรงนำชาวยิศราเอลให้ออกจากอียิปต์ด้วยพระราชกิจอันทรงฤทธิ์หลายประการ. แรกทีเดียว พระองค์ทรงนำภัยพิบัติสิบประการมาสู่ชาติอียิปต์. ถัดมา พระองค์ทรงแยกทะเลแดง ทำให้ชาวยิศราเอลหนีพ้นไปได้ในขณะที่กองทัพอียิปต์ที่ไล่ตามมาถูกทำลาย. (บทเพลงสรรเสริญ 78:12, 13, 43-51) ถัดจากนั้น พระองค์ทรงดูแลชาวยิศราเอลในช่วง 40 ปีที่พวกเขาอยู่ในถิ่นทุรกันดาร, เลี้ยงพวกเขาด้วยมานา, จัดเตรียมน้ำให้, และแม้กระทั่งดูแลไม่ให้เสื้อผ้าของพวกเขาเก่าไป และเท้าก็ไม่บวม. (พระบัญญัติ 8:3, 4) หลังจากชาวยิศราเอลเข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญาแล้ว พระยะโฮวาทรงนำพวกเขาให้ประสบชัยชนะเหนือเหล่าศัตรู. ยะโฮซูอะผู้แสดงความเชื่อเข้มแข็งในคำสัญญาของพระยะโฮวาเป็นประจักษ์พยานคนหนึ่งถึงเหตุการณ์ทั้งหมดนี้. ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวได้อย่างมั่นใจแก่พวกผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยท่านว่า “ท่านทั้งหลายก็รู้แน่ในใจว่า, ในสิ่งสารพัตรอันดีนั้น, ซึ่งยะโฮวาพระเจ้าของท่านทรงตรัสถึงท่านแล้วหาได้ขาดสักสิ่งเดียวไม่; สรรพสิ่งเหล่านั้นก็สำเร็จแก่ท่านแล้ว.”—ยะโฮซูอะ 23:14.
10 เช่นเดียวกับยะโฮซูอะในสมัยโน้น คริสเตียนในสมัยนี้ก็มั่นใจเต็มที่ว่าพระเจ้าทรงเต็มพระทัยและสามารถกระทำเพื่อเห็นแก่ผู้ที่รับใช้พระองค์. ความเชื่อมั่นนี้เป็นส่วนสำคัญแห่งความเชื่อของเรา. อัครสาวกเปาโลเขียนดังนี้: “ถ้าไม่มีความเชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นที่ชอบพระทัยพระองค์ เพราะผู้ที่เข้าเฝ้าพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ . . . เป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงใจ”—เฮ็บราย 11:6, ล.ม.
พระเจ้าทรงมองเห็นล่วงหน้าถึงอนาคต
11. ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้พระเจ้าทรงสามารถทำให้คำสัญญาของพระองค์สำเร็จ?
11 ถึงตอนนี้ เราได้เห็นแล้วว่าขณะที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้มนุษย์มีเจตจำนงเสรีและปกครองตนเอง พระองค์ทรงมีทั้งฤทธิ์อำนาจและพระทัยประสงค์ที่จะทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ. กระนั้น มีอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนทำให้คำสัญญาของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริงอย่างแน่นอน. พระยะโฮวาทรงสามารถทราบล่วงหน้าถึงอนาคต. (ยะซายา 42:9) พระเจ้าตรัสโดยทางผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่า “จงระลึกถึงเหตุการณ์ที่ล่วงไปแล้วในกาลก่อน, เราเป็นพระเจ้า, และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนเรา, เราเป็นผู้บอกเล่าตั้งแต่ต้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตอนปลาย, และบอกเล่าสิ่งซึ่งยังไม่เกิดขึ้นไว้ตั้งแต่เวลาโบราณ. เราเป็นผู้กล่าวว่า, ‘โครงการของเราจะยั่งยืน, และเราจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ.’” (ยะซายา 46:9, 10) กสิกรผู้มีประสบการณ์ทราบว่าเมื่อไรและตรงไหนที่ควรหว่านเมล็ด แต่ก็ยังคงไม่แน่นอนอยู่นั่นเองว่าสิ่งที่เขาทำลงไปจะเกิดผลงอกงามอย่างไร. อย่างไรก็ตาม “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญนิรันดร์” ทรงมีความรู้อันถ่องแท้ที่ทำให้เห็นล่วงหน้าอย่างแม่นยำว่าเมื่อไรและตรงจุดไหนที่พระองค์ควรจัดการเพื่อให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์.—1 ติโมเธียว 1:17.
12. พระยะโฮวาทรงใช้ความสามารถในการทราบล่วงหน้าเช่นไรในสมัยโนฮา?
12 ขอพิจารณาวิธีที่พระเจ้าทรงใช้ความสามารถในการทราบล่วงหน้าในสมัยโนฮา. เนื่องจากความชั่วช้าที่ดาษดื่นเต็มแผ่นดินโลก พระเจ้าทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะนำอวสานมาสู่มนุษยชาติที่ไม่เชื่อฟัง. พระองค์ทรงกำหนดเวลาหนึ่งไว้ที่จะทรงทำเช่นนี้ คืออีก 120 ปีข้างหน้า. (เยเนซิศ 6:3) ในการกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนลงไป พระยะโฮวาหาได้ทรงพิจารณาเฉพาะแต่การทำลายคนชั่ว ซึ่งพระองค์จะทรงทำเมื่อไรก็ได้. ตารางเวลาของพระยะโฮวายังรวมเอาการจัดเตรียมเพื่อพิทักษ์คุ้มครองผู้ชอบธรรมเข้าไว้ด้วย. (เทียบกับเยเนซิศ 5:29.) ด้วยพระสติปัญญาของพระองค์ พระเจ้าทรงทราบล่วงหน้าว่าเมื่อไรควรมอบหมายงานที่จะนำให้บรรลุจุดหมายนั้น. พระองค์ทรงประทานข้อมูลที่ละเอียดมากพอแก่โนฮา. โนฮาจะต้องสร้างนาวา “เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้รอดชีวิต” และคนชั่วจะถูกทำลายโดยมหาอุทกภัย.—เฮ็บราย 11:7, ล.ม.; เยเนซิศ 6:13, 14, 18, 19.
โครงการสร้างอันมหึมา
13, 14. เหตุใดการสร้างนาวาจึงเป็นงานมอบหมายที่ท้าทาย?
13 ขอพิจารณาดูงานมอบหมายนี้จากมุมมองของโนฮา. เนื่องจากโนฮาเป็นผู้เลื่อมใสในพระเจ้า ท่านทราบว่าพระยะโฮวาทรงสามารถทำลายคนอธรรม. แต่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้น มีงานที่จะต้องทำ—งานที่จำเป็นต้องอาศัยความเชื่อ. การสร้างนาวาเป็นโครงการมหึมา. พระเจ้าได้ทรงกำหนดขนาดของนาวาไว้แล้ว. นาวานี้จะมีขนาดยาวกว่าสนามฟุตบอลและสูงพอ ๆ กับตึกห้าชั้น. (เยเนซิศ 6:15) ผู้ที่จะสร้างไม่มีประสบการณ์มาก่อนและมีไม่กี่คน. พวกเขาไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ซับซ้อนเช่นที่มีในปัจจุบัน. นอกจากนั้น เนื่องจากโนฮาไม่มีความสามารถอย่างพระยะโฮวาในการทราบล่วงหน้าถึงอนาคต ท่านไม่มีทางทราบเลยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงหลายปีต่อจากนั้นซึ่งอาจส่งเสริมหรือว่าขัดขวางโครงการสร้างนี้. โนฮาคงมีปัญหามากมายที่ต้องขบคิด. จะเก็บรวบรวมวัสดุก่อสร้างได้โดยวิธีใด? ท่านจะรวบรวมสัตว์ทั้งหลายอย่างไร? ต้องมีอาหารอะไรบ้างและจำนวนเท่าไร? มหาอุทกภัยที่แจ้งล่วงหน้านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไรแน่?
14 แล้วก็ยังมีสภาพสังคมอีก. ความชั่วมีดาษดื่น. พวกเนฟิลิมที่มีกำลังมากซึ่งเป็นลูกผสมของทูตสวรรค์ที่ชั่วร้ายกับบุตรสาวมนุษย์ทำให้แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรุนแรง. (เยเนซิศ 6:1-4, 13) นอกจากนั้น การสร้างนาวาไม่ใช่โครงการที่จะทำกันอย่างลับ ๆ ได้. ประชาชนจะสงสัยว่าโนฮากำลังทำอะไร และท่านก็จะบอกพวกเขา. (2 เปโตร 2:5) จะคาดหมายได้ไหมว่าพวกเขาจะเห็นดีเห็นงามด้วย? คงจะยาก! หลายปีก่อนหน้านั้น ฮะโนคผู้ซื่อสัตย์ได้ประกาศถึงการทำลายคนชั่ว. ข่าวสารที่ท่านประกาศไม่เป็นที่ชื่นชอบถึงขนาดที่พระเจ้า “ทรงรับเขาไป” หรือยุติชีวิตของท่านเสีย ทั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเพื่อป้องกันท่านไว้จากการถูกศัตรูสังหาร. (เยเนซิศ 5:24; เฮ็บราย 11:5; ยูดา 14, 15) ไม่เพียงแต่โนฮาประกาศข่าวสารที่ไม่มีใครชอบคล้าย ๆ กัน แต่ท่านยังสร้างนาวาอีกด้วย. ขณะที่นาวาถูกสร้างขึ้น นาวานั้นจะเป็นเครื่องเตือนใจที่มีพลังถึงความซื่อสัตย์ของโนฮาแม้ว่าต้องเผชิญกับคนร่วมสมัยที่ชั่วช้า!
15. เหตุใดโนฮาเชื่อมั่นว่าท่านสามารถทำงานมอบหมายของท่านให้สำเร็จ?
15 โนฮาทราบว่าโครงการนี้ได้รับการหนุนหลังและพระพรจากพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. พระยะโฮวาเองทรงมอบหมายงานนี้มิใช่หรือ? พระยะโฮวาได้ทรงรับรองกับโนฮาว่าท่านกับครอบครัวจะเข้าสู่นาวาที่เสร็จเรียบร้อยและได้รับการพิทักษ์ให้รอดชีวิตผ่านมหาอุทกภัยทั่วโลก. พระเจ้าทรงถึงกับเน้นว่าจะเป็นดังนั้นแน่นอนด้วยข้อสัญญาที่จริงจัง. ( เยเนซิศ 6:18, 19) โนฮาคงตระหนักว่าพระยะโฮวาทรงคาดล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วและประเมินทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องก่อนที่ทรงทำการมอบหมาย. นอกจากนั้น โนฮาทราบว่าพระยะโฮวาทรงมีอำนาจที่จะเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยท่านเมื่อจำเป็น. ดังนั้น ความเชื่อของโนฮากระตุ้นท่านให้ลงมือกระทำ. เช่นเดียวกับอับราฮามซึ่งเป็นลูกหลานของท่าน โนฮา “ถือมั่นคงว่า ซึ่ง [พระเจ้า] ตรัสสัญญาไว้แล้ว พระองค์ทรงฤทธิ์อาจกระทำให้สำเร็จได้.”—โรม 4:21.
16. ขณะที่การสร้างนาวาก้าวหน้าไป ความเชื่อของโนฮาได้รับการเสริมให้เข้มแข็งอย่างไร?
16 ขณะที่วันปีผ่านไปและนาวาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ความเชื่อของโนฮาได้รับการเสริมให้เข้มแข็ง. ปัญหาในการก่อสร้างและการจัดระเบียบได้รับการแก้ไข. การทดลองต่าง ๆ ก็ผ่านพ้นมาได้. ไม่มีการต่อต้านใด ๆ ที่อาจยับยั้งงานนี้. ครอบครัวของโนฮาได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากพระยะโฮวา. ขณะที่โนฮารุดหน้าต่อไป “คุณภาพของความเชื่อของท่านที่ผ่านการทดสอบแล้วทำให้เกิดความอดทน.” (ยาโกโบ 1:2-4, ล.ม.) ในที่สุด นาวาก็เสร็จสมบูรณ์ เกิดน้ำท่วมขึ้น และโนฮากับครอบครัวรอดชีวิต. โนฮาประสบความสำเร็จเป็นจริงแห่งคำสัญญาของพระเจ้า ดังที่ยะโฮซูอะได้ประสบในเวลาต่อมา. ความเชื่อของโนฮาได้รับบำเหน็จ.
พระยะโฮวาทรงหนุนหลังการงาน
17. สมัยของเราคล้ายคลึงกับสมัยโนฮาในทางใดบ้าง?
17 พระเยซูทรงบอกล่วงหน้าว่าสมัยของเราจะคล้ายกับสมัยโนฮา. พระเจ้าทรงตั้งพระทัยอีกครั้งที่จะทำลายคนชั่วและได้ทรงกำหนดเวลาที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นไว้แล้ว. (มัดธาย 24:36-39) พระองค์ยังได้ทรงเตรียมการต่าง ๆ ไว้เพื่อพิทักษ์ผู้ชอบธรรม. ขณะที่โนฮาต้องสร้างนาวา ผู้รับใช้ของพระเจ้าในปัจจุบันก็ต้องประกาศพระประสงค์ของพระยะโฮวา, สอนพระคำของพระองค์, และทำให้คนเป็นสาวก.—มัดธาย 28:19.
18, 19. เราทราบได้อย่างไรว่าการประกาศข่าวดีได้รับการหนุนหลังจากพระยะโฮวา?
18 หากพระยะโฮวามิได้ทรงสถิตกับโนฮาเพื่อสนับสนุนและค้ำจุนท่าน นาวาก็คงสร้างไม่สำเร็จ. (เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 127:1.) คล้ายกัน หากปราศจากการหนุนหลังจากพระยะโฮวา ศาสนาคริสเตียนแท้ก็คงยากจะอยู่รอด และคงไม่อาจเจริญรุ่งเรืองได้แน่. ฆามาลิเอลซึ่งเป็นฟาริซายและครูสอนพระบัญญัติที่ได้รับการยกย่องในศตวรรษแรกตระหนักถึงข้อนี้. เมื่อศาลซันเฮดรินของพวกยิวต้องการจะขจัดพวกอัครสาวก เขาเตือนศาลนี้ว่า “อย่าเข้าไปยุ่งกับชายเหล่านี้ แต่จงปล่อยพวกเขาไปตามเรื่อง (เพราะว่า ถ้าโครงการหรือกิจการนี้มาจากมนุษย์ก็จะถูกล้มล้างเสีย; แต่ถ้าเป็นมาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะไม่สามารถล้มล้างพวกเขาได้.)”—กิจการ 5:38, 39, ล.ม.
19 ความสำเร็จของกิจการงานประกาศ ทั้งในศตวรรษแรกและในปัจจุบัน ได้พิสูจน์แล้วว่านี่ไม่ใช่งานของมนุษย์ แต่เป็นงานของพระเจ้า. บทความต่อไปจะพิจารณาเหตุการณ์และพัฒนาการที่น่าตื่นเต้นบางอย่างซึ่งได้ช่วยให้งานนี้ประสบผลสำเร็จอย่างมากในขอบข่ายกว้างใหญ่.
อย่าเลิกราเสีย!
20. ใครสนับสนุนเราขณะที่เราประกาศข่าวดี?
20 แม้ว่าเราอยู่ใน “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้” เราสามารถมั่นใจว่าพระยะโฮวาทรงมีอำนาจควบคุมอย่างเต็มที่. พระองค์ทรงสนับสนุนและค้ำจุนไพร่พลของพระองค์ขณะที่พวกเขาทำงานประกาศข่าวดีให้เสร็จสิ้นก่อนถึงเวลากำหนดของพระเจ้าที่จะนำอวสานมาสู่ระบบนี้. (2 ติโมเธียว 3:1, ล.ม.; มัดธาย 24:14) พระยะโฮวาทรงเชิญเราให้เป็น “ผู้ร่วมทำการด้วยกัน” กับพระองค์. (1 โกรินโธ 3:9) เรามั่นใจด้วยว่าพระคริสต์เยซูทรงสถิตกับเราในงานนี้ และเราสามารถวางใจในการสนับสนุนและชี้นำจากทูตสวรรค์.—มัดธาย 28:20; วิวรณ์ 14:6.
21. เราควรเชื่อมั่นอยู่เสมอในเรื่องใด?
21 เนื่องจากโนฮากับครอบครัวแสดงความเชื่อในคำสัญญาของพระยะโฮวา พวกเขาจึงรอดชีวิตผ่านน้ำท่วม. คนเหล่านั้นที่แสดงความเชื่อคล้ายกันนั้นในทุกวันนี้จะได้รับความรอดผ่าน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” ที่กำลังจะมาถึง. (วิวรณ์ 7:14, ล.ม.) เรามีชีวิตอยู่ในสมัยที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง. เหตุการณ์สำคัญรออยู่ข้างหน้า! อีกไม่ช้า พระเจ้าจะทรงนำฟ้าสวรรค์ใหม่อันรุ่งโรจน์และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่เข้ามา. (2 เปโตร 3:13) ขอให้เชื่อมั่นอยู่เสมอว่า สิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าตรัส พระองค์ทรงสามารถกระทำให้สำเร็จได้.—โรม 4:21.
จุดต่าง ๆ เพื่อทบทวน
▫ เหตุใดพระยะโฮวาไม่ทรงควบคุมกิจการงานของมนุษย์ในรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่าง?
▫ ความสามารถของพระยะโฮวาที่จะกระทำให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์เห็นได้อย่างไรจากการดำเนินการของพระองค์กับชาติยิศราเอล?
▫ มีการสำแดงให้เห็นอย่างไรในสมัยของโนฮาเกี่ยวกับความสามารถของพระยะโฮวาในการเห็นล่วงหน้าถึงอนาคต?
▫ เราสามารถเชื่อมั่นเช่นไรในคำสัญญาของพระเจ้า?