ช่วงสำคัญสำหรับผู้รักพระคำของพระเจ้า
ในปี 1998 มีการบรรลุช่วงสำคัญช่วงหนึ่งสำหรับบรรดาผู้รักพระคำของพระเจ้า. ระหว่างปีนั้น พระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ เล่มที่ 100 ล้าน ได้ออกมาจากแท่นพิมพ์. ดังนั้น “พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่” จึงเป็นฉบับหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลต่าง ๆ ที่จำหน่ายจ่ายแจกอย่างกว้างขวางที่สุดซึ่งผลิตออกมาในศตวรรษนี้!
ความสำเร็จนี้เป็นเรื่องน่าทึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงว่า ฉบับแปลนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในตอนที่ออกมา. ถึงกระนั้น ฉบับแปลนี้ไม่เพียงอยู่รอดมา แต่ยังเจริญก้าวหน้า โดยเบิกทางเข้าไปในบ้าน—และหัวใจ—นับล้าน ๆ ตลอดทั่วโลก! ฉบับแปลที่พิเศษนี้มีความเป็นมาอย่างไร? ใครเป็นผู้จัดทำ? และคุณจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากการใช้ฉบับแปลนี้?
ทำไมจึงมีฉบับแปลฉบับใหม่?
สมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ ซึ่งเป็นตัวแทนตามกฎหมายของพยานพระยะโฮวาได้จำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว. แต่ทำไมพยานพระยะโฮวาจึงเห็นว่าจำเป็นต้องผลิตพระคำของพระเจ้าออกมาอีกฉบับแปลหนึ่ง? หนังสือฉบับแปลมีมากเหลือเกินอย่างนั้นไหม? (ภาษาอังกฤษ) โดยซะกะเอะ คุโบะ และ วอลเตอร์ สเปกต์ ให้ข้อสังเกตว่า “ไม่มีฉบับแปลใดของคัมภีร์ไบเบิลที่อาจถือได้ว่าเป็นฉบับสุดท้าย. ฉบับแปลต่าง ๆ ต้องตามให้ทันกับความเจริญก้าวหน้าในด้านความรู้เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลและการเปลี่ยนแปลงด้านภาษา.”
ในศตวรรษนี้เราเห็นว่ามีความเจริญก้าวหน้ามากทีเดียวในด้านความเข้าใจภาษาฮีบรู, กรีก, และอาระเมอิก—ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้เขียนคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่ต้น. นอกจากนั้น มีการค้นพบสำเนาต้นฉบับของคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเก่าแก่กว่าและถูกต้องแม่นยำกว่าสำเนาที่พวกผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลชั่วอายุก่อน ๆ เคยใช้กัน. ด้วยเหตุนั้น ในทุกวันนี้เราจึงสามารถแปลพระคำของพระเจ้าได้อย่างถูกต้องกว่าแต่ก่อน! ฉะนั้น จึงชอบด้วยเหตุผลที่มีการตั้งคณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ขึ้นมาเพื่อดำเนินการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาสมัยใหม่.
ในปี 1950 ได้มีการพิมพ์พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ ขึ้นในภาษาอังกฤษ. ชื่อพระคัมภีร์เองแสดงถึงการกล้าแยกตัวจากประเพณีนิยมโดยปฏิเสธการกำหนดว่าคัมภีร์ไบเบิลประกอบด้วยฉบับพันธสัญญา “เก่า” กับ “ใหม่.” ระหว่างทศวรรษต่อมา มีการพิมพ์พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูออกมาเป็นตอน ๆ. ในปี 1961 มีการออกคัมภีร์ไบเบิลครบชุดในเล่มเดียวเป็นภาษาอังกฤษ.
ใครล่ะที่แปลคัมภีร์ไบเบิลอันโดดเด่นนี้? หอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 กันยายน 1950 กล่าวว่า “คนที่ประกอบกันเป็นคณะกรรมการการแปลได้แสดงความปรารถนาของตน . . . ว่าจะไม่ให้มีการระบุชื่อ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ต้องการให้พิมพ์ชื่อของตนไว้ทั้งในขณะที่มีชีวิตอยู่หรือหลังจากเสียชีวิตแล้ว. วัตถุประสงค์ของฉบับแปลนี้คือ เพื่อยกย่องพระนามของพระเจ้าเที่ยงแท้ผู้ทรงพระชนม์อยู่.” นักวิพากษ์วิจารณ์บางคนโจมตีว่างานนี้ควรถูกปฏิเสธโดยเร็วเพราะเป็นผลงานของมือสมัครเล่น แต่ไม่ใช่ทุกคนมีเจตคติที่ไร้เหตุผลเช่นนั้น. อลัน เอส. ดัทที เขียนว่า “ถ้าเรารู้ว่าใครคือผู้แปลหรือผู้พิมพ์คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลใดฉบับแปลหนึ่งโดยเฉพาะ นั่นจะช่วยเราตัดสินใจไหมว่าฉบับแปลนั้นดีหรือไม่? ก็ไม่เชิง. ไม่มีวิธีอื่นนอกจากการตรวจดูลักษณะเฉพาะของฉบับแปลแต่ละฉบับ.”a
ลักษณะที่โดดเด่น
ผู้อ่านหลายล้านคนได้ตรวจดูและได้พบว่า ฉบับแปลโลกใหม่ ไม่เพียงอ่านง่ายแต่ยังถูกต้องแม่นยำในทุกรายละเอียดด้วย. พวกผู้แปลได้แปลจากภาษาเดิมคือ ฮีบรู, อาระเมอิก, และกรีกโดยใช้คู่มือดีที่สุดเท่าที่มีอยู่.b มีการระมัดระวังเป็นพิเศษอีกด้วยเพื่อแปลข้อความโบราณเหล่านั้นตามตัวอักษรเท่าที่เป็นไปได้ แต่ก็ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย. ฉะนั้น ผู้คงแก่เรียนบางคนจึงชมเชยฉบับแปลนี้เนื่องด้วยความซื่อตรงและความถูกต้องแม่นยำ. ตัวอย่างเช่น วารสารแอนโดเวอร์ นิวตัน ควอร์เตอร์ลี ฉบับมกราคม 1963 กล่าวว่า “ฉบับแปลของพันธสัญญาใหม่เป็นหลักฐานแสดงว่า ท่ามกลางพยานพระยะโฮวามีกลุ่มผู้คงแก่เรียนที่มีคุณวุฒิจะจัดการอย่างมีความรู้ความเข้าใจกับปัญหาหลายอย่างในการแปลคัมภีร์ไบเบิล.”
ผู้แปลคณะนี้ได้เปิดขอบเขตใหม่แห่งการเข้าใจคัมภีร์ไบเบิล. ข้อคัมภีร์ต่าง ๆ ที่เคยเข้าใจอย่างคลุมเครือมาก่อนได้มาเป็นที่กระจ่างชัดอย่างน่าทึ่ง. ยกตัวอย่าง ข้อความที่ชวนฉงนในมัดธาย 5:3 ที่ว่า “ผู้ที่ขัดสนฝ่ายวิญญาณก็เป็นสุข” (ฉบับแปลคิง เจมส์) ได้รับการแปลในแบบที่เข้าใจได้ว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่รู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตน.” นอกจากนี้ ฉบับแปลโลกใหม่ ยังมีความเสมอต้นเสมอปลายอย่างมากด้วยในการแปลคำสำคัญต่าง ๆ. ตัวอย่างเช่น คำภาษากรีกที่ว่า พซีเคʹ ได้รับการแปลว่า “จิตวิญญาณ” (“soul”) ในทุกครั้งที่ปรากฏ. ผลก็คือ ผู้อ่านสามารถเข้าใจอย่างรวดเร็วว่า ไม่เหมือนกับทฤษฎีต่าง ๆ ทางศาสนา จิตวิญญาณไม่ เป็นอมตะ!—มัดธาย 2:20; มาระโก 3:4; ลูกา 6:9; 17:33.
การใส่พระนามของพระเจ้าไว้ในที่เดิม
ลักษณะที่โดดเด่นประการหนึ่งของฉบับแปลโลกใหม่ เกี่ยวข้องกับการใส่พระนามของพระเจ้า คือ ยะโฮวา ไว้ในที่เดิม. ในคัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรูฉบับโบราณ ๆ มีการใช้อักขระสี่ตัวแสดงพระนามของพระเจ้าซึ่งอาจสะกดได้เป็น ยฮวฮ หรือ จฮฟฮ. พระนามเฉพาะนี้ปรากฏเกือบ 7,000 ครั้งในฉบับที่เรียกว่าพันธสัญญาเดิมฉบับเดียว. (เอ็กโซโด 3:15; บทเพลงสรรเสริญ 83:18) ปรากฏชัดว่า พระผู้สร้างของเราทรงประสงค์ให้ผู้นมัสการพระองค์ทั้งรู้จักและใช้พระนามนี้!
อย่างไรก็ตาม ความกลัวเรื่องโชคลางทำให้ชาวยิวเลิกใช้พระนามพระเจ้า. หลังจากเหล่าอัครสาวกของพระเยซูสิ้นชีวิต พวกผู้คัดพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกเริ่มเอาคำภาษากรีกที่ว่า คือʹริออส (องค์พระผู้เป็นเจ้า) หรือ เทออสʹ (พระเจ้า) เข้ามาใส่แทนที่พระนามเฉพาะของพระเจ้า. น่าเศร้าที่จะบอกว่า พวกผู้แปลสมัยใหม่ได้คงแบบแผนที่หลู่พระเกียรติพระเจ้านี้ไว้โดยตลอด ด้วยการลบพระนามพระเจ้าออกจากคัมภีร์ไบเบิลส่วนใหญ่และถึงขนาดปิดบังด้วยซ้ำว่าพระเจ้าทรงมีพระนาม. ตัวอย่างเช่น ที่โยฮัน 17:6 ซึ่งเป็นคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “ข้าพเจ้าได้สำแดงพระนามของพระองค์.” แต่ฉบับแปล ทูเดส์ อิงลิช แปลข้อนี้ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำให้พระองค์เป็นที่รู้จัก.”
ผู้คงแก่เรียนบางคนแก้ต่างให้การลบพระนามพระเจ้าว่า นั่นเป็นเพราะการออกเสียงที่แน่ชัดของพระนามนี้ไม่เป็นที่รู้จักกัน. แต่ชื่อที่คุ้นเคยต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลเช่น ยิระมะยา, ยะซายา, และเยซู กลับมีการแปลอย่างที่แทบจะไม่คล้ายกันเลยกับการออกเสียงดั้งเดิมในภาษาฮีบรู. เนื่องจากวิธีการออกเสียงว่า ยะโฮวา เป็นวิธีที่ถูกต้องในการแปลพระนามพระเจ้า—และเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้คนมากมายคุ้นเคย—ข้อคัดค้านการใช้พระนามนี้จึงฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย.
คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ดำเนินการอย่างกล้าหาญในการใช้พระนามยะโฮวาในข้อความต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ทั้งภาษาฮีบรูและภาษากรีก. พวกเขามีตัวอย่างการทำเช่นนั้นในฉบับแปลก่อน ๆ ที่พวกมิชชันนารีได้ทำขึ้นเพื่อผู้คนในแอฟริกากลาง, แปซิฟิกใต้, และทางตะวันออก. แต่การใช้พระนามพระเจ้าในฉบับแปลเหล่านั้นไม่ใช่แค่เนื่องจากความสนใจทางวิชาการเท่านั้น. การรู้จักพระนามพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในการมารู้จักพระองค์ในฐานะบุคคล. (เอ็กโซโด 34:6, 7) ฉบับแปลโลกใหม่ ได้สนับสนุนผู้อ่านหลายล้านคนให้ใช้พระนามของพระองค์!
การไปถึงผู้อ่านภาษาอื่น ๆ
ระหว่างปี 1963 ถึงปี 1989 ฉบับแปลโลกใหม่ ทั้งที่ครบชุดหรือบางตอนมีให้หาอ่านได้ในอีกสิบภาษา. อย่างไรก็ตาม งานแปลเป็นงานหนักซึ่งมีบางโครงการกินเวลานานถึง 20 ปีหรือมากกว่านั้น. ดังนั้น ในปี 1989 จึงมีการจัดตั้งแผนกบริการการแปลขึ้นที่สำนักงานกลางของพยานพระยะโฮวา. ภายใต้การชี้นำของคณะกรรมการฝ่ายการเขียนของคณะกรรมการปกครอง แผนกนี้เริ่มเร่งการแปลคัมภีร์ไบเบิล. มีการพัฒนาวิธีการแปลซึ่งผนวกการศึกษาคำในคัมภีร์ไบเบิลเข้ากับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์. ระบบนี้ทำงานอย่างไร?
เมื่อคณะกรรมการฝ่ายการเขียนอนุมัติการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาใหม่ คณะกรรมการจะมอบหมายกลุ่มคริสเตียนที่อุทิศตัวแล้วให้ทำหน้าที่เป็นทีมแปล. ทีมแปลสามารถผลิตฉบับแปลที่เหมาะสมกว่าที่ผู้แปลคนเดียวทำ. (เทียบกับสุภาษิต 11:14.) โดยทั่วไปแล้ว สมาชิกในแต่ละทีมเคยมีประสบการณ์ในการแปลสิ่งพิมพ์ของสมาคมฯ. จากนั้น ทีมแปลจะได้รับการฝึกอบรมอย่างถี่ถ้วนในหลักการแปลคัมภีร์ไบเบิลและในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาเป็นพิเศษ. คอมพิวเตอร์ไม่ได้ทำงานแปลจริง ๆ แต่คอมพิวเตอร์สามารถทำให้ทีมแปลเข้าถึงข้อมูลสำคัญและช่วยพวกเขาให้บันทึกการตัดสินใจต่าง ๆ ของพวกเขา.
โครงการแปลคัมภีร์ไบเบิลมีสองระยะ. ในระยะแรก พวกผู้แปลจะได้รับรายการคำและวลีต่าง ๆ ที่ใช้ในฉบับแปลโลกใหม่ ภาษาอังกฤษ. คำภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกัน เช่น “atone,” “atonement,” และ “propitiation” ถูกจัดไว้ด้วยกัน ซึ่งเตือนผู้แปลให้ทราบความหมายต่าง ๆ ที่แฝงอยู่. พวกเขาจะรวบรวมรายการคำในภาษาท้องถิ่นที่ความหมายเหมือนกัน. แต่บางครั้งผู้แปลอาจมีข้อยุ่งยากในการแปลข้อใดข้อหนึ่ง. ระบบค้นหาในคอมพิวเตอร์จะให้ข้อมูลแก่ผู้แปลเกี่ยวกับคำภาษากรีกและภาษาฮีบรูและให้ดูในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ของว็อชเทาเวอร์.
เมื่อโครงการดำเนินสู่ระยะที่สอง คำภาษาท้องถิ่นที่เลือกไว้จะถูกใส่เข้าไปในข้อความของคัมภีร์ไบเบิลโดยอัตโนมัติ. ทั้งนี้ทำให้มีความถูกต้องแม่นยำและความเสมอต้นเสมอปลายในการแปล. อย่างไรก็ตาม ข้อความที่เกิดจากปฏิบัติการ “ค้นหาและแทนที่” นี้อ่านเข้าใจยาก. มีงานที่ต้องทำมากทีเดียวในการเรียบเรียงและขัดเกลาข้อความในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อให้อ่านไม่ติดขัด.
ระบบการแปลนี้ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพดีเยี่ยม. ผู้แปลกลุ่มหนึ่งสามารถแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูทั้งหมดได้ภายในสองปีเท่านั้น. เมื่อเทียบกลุ่มนี้กับกลุ่มที่ทำงานกับภาษาที่มีความคล้ายกันโดยไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วย. พวกเขาต้องใช้เวลาถึง 16 ปี. จนถึงวันนี้ พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมีการจัดพิมพ์แล้วอีก 18 ภาษานับตั้งแต่ปี 1989. ขณะนี้ ฉบับแปลโลกใหม่ มีให้หาอ่านได้ครบชุดหรือบางส่วนใน 34 ภาษา. ดังนั้น พยานพระยะโฮวามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์อย่างน้อยก็มีพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกให้หาอ่านได้ในภาษาของเขา.
สมาคม ยูไนเต็ด ไบเบิล รายงานว่า ในภาษาต่าง ๆ ของโลก 6,500 ภาษา บางตอนของคัมภีร์ไบเบิลมีให้หาอ่านได้ใน 2,212 ภาษาเท่านั้น.c ฉะนั้น มีผู้แปลประมาณ 100 คนกำลังทำงานเพื่อผลิตฉบับแปลโลกใหม่ ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและภาคภาษากรีกใน 11 และ 8 ภาษาตามลำดับ. พระทัยประสงค์ของพระเจ้าคือ “ให้คนทุกชนิดได้ความรอดและบรรลุความรู้อันถ่องแท้เรื่องความจริง.” (1 ติโมเธียว 2:4, ล.ม.) ไม่ต้องสงสัยว่าฉบับแปลโลกใหม่ จะมีบทบาทสำคัญในงานนี้ต่อ ๆ ไป.
ฉะนั้น เราจึงปีติยินดีที่ฉบับแปลนี้ได้ผ่านหลัก 100 ล้านเล่ม และเราอธิษฐานขอให้มีการผลิตอีกหลาย ๆ ล้านเล่มในอนาคต. เราขอสนับสนุนคุณให้ตรวจสอบฉบับแปลโลกใหม่ ด้วยตนเอง. คุณจะชอบลักษณะพิเศษหลายอย่างของฉบับแปลนี้ เช่น ตัวพิมพ์ที่คมชัด, จ่าหน้าของแต่ละหน้า, ดัชนีที่ช่วยคุณให้ค้นหาคำที่คุ้นเคยได้, แผนที่โดยละเอียด, และเนื้อหาภาคผนวกที่ดึงดูดใจ. ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ คุณจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลนี้ได้ด้วยความมั่นใจว่า ฉบับแปลนี้ถ่ายทอดคำตรัสของพระเจ้าจริง ๆ ออกมาในภาษาของคุณอย่างถูกต้องแม่นยำ.
[เชิงอรรถ]
a น่าสนใจ ปกหุ้มของนิว อเมริกัน สแตนดาร์ด ไบเบิล ฉบับมีข้ออ้างอิง มีกล่าวไว้คล้าย ๆ กันดังนี้: “เราไม่ได้ใช้นามผู้คงแก่เรียนคนใด ๆ เพื่อเป็นข้ออ้างอิงหรือการรับรองเพราะเราเชื่อว่าพระคำของพระเจ้าควรตั้งอยู่บนคุณค่าของพระคำนั้น.”
b พันธสัญญาใหม่ในภาษากรีกดั้งเดิม (ภาษาอังกฤษ) โดยเวสต์กอตต์และฮอร์ต เป็นคู่มือภาษากรีกเล่มหลัก. บิบลิอา เฮบรายกา ของอาร์. คิตเทล เป็นคู่มือหลักสำหรับพระคัมภีร์ภาษาฮีบรู.
c เนื่องจากมีผู้คนมากมายรู้สองภาษา จึงเชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิล ทั้งครบชุดหรือบางตอน จะได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากพอให้ประชากรโลกมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ได้อ่านกัน.
[จุดเด่นหน้า 30]
“ฉบับแปลต่าง ๆ ต้องตามให้ทันกับความเจริญก้าวหน้าในด้านความรู้เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลและการเปลี่ยนแปลงด้านภาษา”
[กรอบ/ภาพหน้า 31]
ผู้คงแก่เรียนชมเชยฉบับแปลโลกใหม่
เกี่ยวกับพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ เอดการ์ เจ. กูดสปีด ผู้แปล “พันธสัญญาใหม่” ภาษากรีกในฉบับแปลแอน อเมริกัน แทรนสเลชัน เขียนในจดหมายลงวันที่ 8 ธันวาคม 1950 ว่า “ผมสนใจในงานเผยแพร่ศาสนาของพวกคุณ และขอบข่ายทั่วโลกของงานนี้ และพอใจมากกับการแปลที่ไม่ยึดตามตัวอักษร, ตรงไปตรงมา, และมีชีวิตชีวา. ฉบับแปลนี้เสนอความรู้สำคัญมากมาย อย่างที่ผมยืนยันได้.”
อะเล็กซานเดอร์ ทอมสัน ผู้คงแก่เรียนด้านภาษาฮีบรูและภาษากรีกเขียนว่า “เห็นได้ชัดว่าฉบับแปลนี้เป็นผลงานของผู้คงแก่เรียนที่ชำนาญและฉลาดซึ่งพยายามจะเผยให้เห็นความหมายที่แท้จริงของข้อความภาษากรีกให้มากเท่าที่ภาษาอังกฤษสามารถแสดงออกมาได้.”—เดอะ ดิฟเฟอเรนชิเอเทอร์ (ภาษาอังกฤษ) เมษายน 1952 หน้า 52-57.
ศาสตราจารย์เบนจามิน เคดาร์ ผู้คงแก่เรียนด้านภาษาฮีบรูในอิสราเอล กล่าวไว้เมื่อปี 1989 ว่า “ในงานวิจัยด้านภาษาศาสตร์ของผมเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรูและฉบับแปลต่าง ๆ ผมมักจะอ้างถึงฉบับภาษาอังกฤษซึ่งรู้จักกันว่าฉบับแปลโลกใหม่. เมื่อทำอย่างนั้น ผมพบว่าความรู้สึกของผมได้รับการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ผลงานนี้สะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างจริงจังเพื่อจะบรรลุความเข้าใจเนื้อความอย่างถูกต้องเท่าที่เป็นไปได้.”
[รูปภาพหน้า 29]
“ฉบับแปลของพันธสัญญาใหม่เป็นหลักฐานแสดงว่า ท่ามกลางพยานพระยะโฮวามีกลุ่มผู้คงแก่เรียนที่มีคุณวุฒิจะจัดการอย่างมีความรู้ความเข้าใจกับปัญหาหลายอย่างในการแปลคัมภีร์ไบเบิล.”—แอนโดเวอร์ นิวตัน ควอร์เตอร์ลี มกราคม 1963