“ข่าวน่ายินดี” จากอะพอคาลิปส์
“ข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งบินอยู่กลางฟ้าสวรรค์ และท่านมีข่าวดีนิรันดร์จะประกาศเป็นข่าวน่ายินดีแก่คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก.”—วิวรณ์ 14:6, ล.ม.
1. แม้ว่าพยานพระยะโฮวาเชื่อในอะพอคาลิปส์ว่าเป็นหนังสือที่มีขึ้นโดยการดลใจ เพราะเหตุใดพวกเขาไม่ใช่ “นิกายที่ประกาศการทำลายล้างโลก”?
ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวหาต่อพวกเขา พยานพระยะโฮวาไม่ใช่ “นิกายที่ประกาศการทำลายล้างโลก” หรือ “ลัทธิวันพิพากษาโลก.” อย่างไรก็ตาม พวกเขายอมรับอะพอคาลิปส์หรือพระธรรมวิวรณ์ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า. จริงอยู่ พระธรรมวิวรณ์บรรจุข่าวสารเรื่องการพิพากษาคนชั่ว. แต่ในการให้คำพยานแก่สาธารณชน ผู้รับใช้ของพระเจ้าเน้นหนักในเรื่องความหวังอันยอดเยี่ยมที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ รวมทั้งความหวังที่กล่าวไว้ในอะพอคาลิปส์หรือพระธรรมวิวรณ์ด้วย. โดยวิธีนี้ พวกเขาไม่ได้เพิ่มหรือลดข้อความใด ๆ ในพระคำเชิงพยากรณ์ที่พบในพระธรรมนี้.—วิวรณ์ 22:18, 19.
ผู้ประกาศข่าวน่ายินดี
2. พระคัมภีร์ข้อใดบ้างที่พยานพระยะโฮวามักใช้ในงานประกาศของพวกเขา?
2 พื้นฐานตามหลักพระคัมภีร์ที่มักอ้างถึงบ่อย ๆ สำหรับการประกาศแก่สาธารณชนของพยานพระยะโฮวาได้แก่คำตรัสของพระเยซูที่ว่า “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้” คืออะไร? พยานฯ หลายคนคงจะตอบโดยยกข้อพระคัมภีร์จากวิวรณ์บท 20 และ 21 ซึ่งกล่าวถึงรัชสมัยพันปีของพระคริสต์และการปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระองค์และสังคมมนุษย์ที่ความตาย, ความทุกข์โศก, และความเจ็บปวดจะ “ไม่มีอีกเลย.”—วิวรณ์ 20:6; 21:1, 4, ล.ม.
3. การประกาศแก่สาธารณชนของพยานพระยะโฮวาสอดคล้องกับงานมอบหมายอะไร?
3 ในฐานะผู้ประกาศข่าวน่ายินดีเหล่านี้ จริง ๆ แล้วพยานพระยะโฮวาเป็นกระบอกเสียงของผู้ส่งข่าวโดยนัยฝ่ายสวรรค์ซึ่งหน้าที่ของทูตสวรรค์องค์นี้มีพรรณนาไว้ในพระธรรมวิวรณ์ด้วย. “ข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งบินอยู่กลางฟ้าสวรรค์ และท่านมีข่าวดีนิรันดร์จะประกาศเป็นข่าวน่ายินดีแก่คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก และแก่ทุกชาติและทุกตระกูล และทุกภาษาและทุกชนชาติ.” (วิวรณ์ 14:6, ล.ม.) “ข่าวดีนิรันดร์” หมายรวมถึงการประกาศว่า “อาณาจักร [หรือ การปกครอง] ของโลกได้กลายเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพระคริสต์ของพระองค์” และ “เวลากำหนด” ของพระยะโฮวาได้มาถึงที่จะ “ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 11:15, 17, 18, ล.ม.) นั่นเป็นข่าวดีจริง ๆ มิใช่หรือ?
สิ่งที่พระธรรมวิวรณ์มีไว้ให้เรา
4. (ก) ความจริงพื้นฐานอะไรที่มีกล่าวไว้ในบทที่ 1 ของพระธรรมวิวรณ์? (ข) คนที่ปรารถนาจะรับประโยชน์จากข่าวน่ายินดีต้องทำอะไร?
4 บทแรกของพระธรรมวิวรณ์แนะนำพระยะโฮวาว่าทรงเป็น “อัลฟาและโอเมกา ผู้เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้เป็นอยู่ในกาลก่อน และผู้จะเสด็จมา ผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.” และบทเดียวกันนี้แนะนำพระบุตร พระเยซูคริสต์ ว่าเป็น “พยานที่ซื่อสัตย์,” “ผู้แรกซึ่งบังเกิดขึ้นจากตาย,” และ “ผู้ครอบครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก.” นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงพระเยซูด้วยว่าเป็น “พระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลายและได้ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราโดยพระโลหิตของพระองค์เอง.” (วิวรณ์ 1:5, 8, ล.ม.) ด้วยเหตุนั้น ตั้งแต่แรกเลยทีเดียว พระธรรมวิวรณ์ชี้แจงความจริงพื้นฐานที่ช่วยชีวิต. “คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก” จะไม่ได้รับประโยชน์จากข่าวน่ายินดีที่ได้นำมาให้พวกเขา เว้นแต่พวกเขาจะยอมรับพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา, แสดงความเชื่อในพระโลหิตที่หลั่งออกของพระเยซู, และเชื่อว่าพระยะโฮวาได้ทรงปลุกพระองค์ให้คืนพระชนม์และบัดนี้พระคริสต์ทรงเป็นผู้ครอบครองแห่งแผ่นดินโลกซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้ง.—บทเพลงสรรเสริญ 2:6-8.
5. มีการพรรณนาถึงพระคริสต์ในบทบาทอะไรในวิวรณ์บท 2 และ 3?
5 สองบทต่อมาพรรณนาถึงพระคริสต์เยซูในฐานะผู้ดูแลฝ่ายสวรรค์องค์เปี่ยมด้วยความรักของประชาคมแห่งเหล่าสาวกบนแผ่นดินโลก. ม้วนหนังสือที่เขียนไปถึงประชาคมคริสเตียนทั้งเจ็ดที่ได้รับเลือกซึ่งอยู่ในเอเชียน้อยในศตวรรษแรกบรรจุคำแนะนำที่หนักแน่นและให้กำลังใจซึ่งยังคงใช้ได้ในทุกวันนี้. ข่าวสารซึ่งส่งไปยังประชาคมเหล่านี้มักเริ่มต้นด้วยคำพูดที่ว่า “เรารู้จักการกระทำของเจ้า” หรือ “เรารู้จักความทุกข์ลำบาก . . . ของเจ้า.” (วิวรณ์ 2:2, 9, ล.ม.) ถูกแล้ว พระคริสต์ทรงทราบอย่างกระจ่างแจ้งถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประชาคมแห่งเหล่าสาวกของพระองค์. พระองค์ทรงชมเชยบางประชาคมสำหรับความรัก, ความเชื่อ, งานอันเหนื่อยยากในการรับใช้, ความอดทน, และความซื่อสัตย์ของพวกเขาที่มีต่อพระนามและพระดำรัสของพระองค์. ส่วนประชาคมอื่น ๆ พระองค์ทรงว่ากล่าวเพราะพวกเขาได้ปล่อยให้ความรักของตนต่อพระยะโฮวาและพระบุตรเย็นลง หรือถลำเข้าสู่การทำผิดศีลธรรมทางเพศ, การบูชารูปเคารพ, หรือการถือลัทธิออกหาก.
6. นิมิตที่บันทึกไว้ในบท 4 ช่วยคนเราให้เข้าใจอะไร?
6 บทสี่ให้นิมิตที่น่าเกรงขามเกี่ยวกับราชบัลลังก์ฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวาพระเจ้า. บทนี้ให้ภาพแวบหนึ่งของสง่าราศีแห่งการประทับของพระยะโฮวาและโครงสร้างการปกครองฝ่ายสวรรค์ที่พระองค์จะทรงใช้. บรรดาผู้ปกครองที่สวมมงกุฎซึ่งบัลลังก์ของเขาอยู่รอบราชบัลลังก์อันเป็นศูนย์กลางแห่งเอกภพ ก้มคำนับพระยะโฮวาและประกาศว่า “พระยะโฮวาเจ้าข้า พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระองค์คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.”—วิวรณ์ 4:11, ล.ม.
7. (ก) ทูตสวรรค์เรียกร้องประชากรโลกให้ทำอะไร? (ข) ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของงานให้การศึกษาของเราคืออะไร?
7 เรื่องนี้มีความหมายบางอย่างสำหรับผู้คนในปัจจุบันไหม? มีแน่นอน. หากคนเราต้องการมีชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักรในรัชสมัยพันปี พวกเขาต้องเอาใจใส่สิ่งซึ่ง ‘ทูตสวรรค์ที่บินอยู่กลางฟ้าสวรรค์’ ประกาศ ที่ว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้าและถวายเกียรติแด่พระองค์ เพราะชั่วโมงแห่งการพิพากษาโดยพระองค์มาถึงแล้ว.” (วิวรณ์ 14:6, 7, ล.ม.) จุดประสงค์หลักอย่างหนึ่งของงานให้การศึกษาเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลที่พยานพระยะโฮวาทำคือ เพื่อช่วย “คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก” ให้รู้จักและนมัสการพระยะโฮวา, ยอมรับพระองค์ในฐานะพระผู้สร้าง, และเต็มใจอยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพอันชอบธรรมของพระองค์.
พระเมษโปดกควรได้รับเกียรติ
8. (ก) มีการพรรณนาถึงพระคริสต์อย่างไรในบท 5 และ 6? (ข) ทุกคนที่ฟังข่าวน่ายินดีอาจเรียนรู้อะไรได้จากนิมิตนี้?
8 สองบทถัดมา บท 5 และ 6 แนะนำพระเยซูคริสต์ในฐานะพระเมษโปดกซึ่งคู่ควรจะเปิดม้วนหนังสือซึ่งมีตราประทับเจ็ดดวง เป็นการเปิดเผยด้วยภาษาเป็นนัยถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสมัยของเรานี้. (เทียบกับโยฮัน 1:29.) มีเสียงจากสวรรค์กล่าวต่อพระเมษโปดกว่า “พระองค์คู่ควรจะรับม้วนหนังสือและแกะดวงตราออก เพราะพระองค์ได้ถูกปลงพระชนม์และโดยพระโลหิตของพระองค์นั้น พระองค์ได้ทรงซื้อคนจากทุกตระกูลและทุกภาษาและทุกชนชาติและทุกชาติถวายแด่พระเจ้า และพระองค์ได้ทรงทำให้พวกเขาเป็นราชอาณาจักรและปุโรหิตแด่พระเจ้าของเรา และพวกเขาจะปกครองเป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 5:9, 10, ล.ม.) นิมิตนี้สอนว่าโดยอาศัยพระโลหิตที่หลั่งออกของพระคริสต์ มีการเรียกมนุษย์บางคนจากพื้นเพทุกชนิดให้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์และ “ปกครองเป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินโลก.” (เทียบกับวิวรณ์ 1:5, 6.) จำนวนของพวกเขาซึ่งมีจำกัดได้รับการเปิดเผยภายหลังในพระธรรมวิวรณ์.
9. บท 6 แนะนำพระคริสต์อย่างไร?
9 ในนิมิตเดียวกันนี้ ยังได้แนะนำพระคริสต์ด้วยในฐานะผู้สวมมงกุฎขี่ม้าขาว ออกไป “อย่างมีชัยและเพื่อทำให้ชัยชนะของตนครบถ้วน.” น่ายินดี พระองค์จะทรงมีชัยเหนือผลร้ายทั้งหลายที่ให้สัญลักษณ์ไว้โดยคนขี่ม้าแห่งอะพอคาลิปส์อีกสามคนที่เหลือ ซึ่งการขี่อย่างบ้าระห่ำของทั้งสามได้นำมาซึ่งสงคราม, ความอดอยาก, และความตายสำหรับมนุษยชาตินับตั้งแต่ปี 1914 อันเป็นปีสำคัญ. (วิวรณ์ 6:1-8) บทบาทพิเศษเฉพาะของพระคริสต์ พระเมษโปดกของพระเจ้า ในความรอดของมนุษยชาติและในการทำให้พระประสงค์อันยอดเยี่ยมของพระยะโฮวาสำเร็จเป็นเรื่องหลักแห่งงานสอนคัมภีร์ไบเบิลของพยานพระยะโฮวา.
10. (ก) ข้อมูลสำคัญอะไรที่ให้ไว้ในบท 7? (ข) พระคริสต์ตรัสอย่างไรเกี่ยวกับคนที่ได้รับราชอาณาจักร?
10 บท 7 บรรจุข่าวที่น่ายินดีจริง ๆ. เฉพาะในพระธรรมวิวรณ์นี้เท่านั้นที่เราพบจำนวนของคนเหล่านั้นที่พระเยซูทรงเรียกว่า “ฝูงเล็ก” ซึ่งพระบิดาของพระเมษโปดกทรงประทานราชอาณาจักรให้. (ลูกา 12:32; 22:28-30, ล.ม.) พระยะโฮวาพระเจ้าทรงประทับตราคนเหล่านี้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์. (2 โกรินโธ 1:21, 22) อัครสาวกโยฮันซึ่งได้รับวิวรณ์ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าได้ยินจำนวนคนเหล่านั้นที่ได้รับการประทับตรา คือหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน.” (วิวรณ์ 7:4, ล.ม.) จำนวนที่ระบุชัดนี้ได้รับการยืนยันในบทต่อมาว่าเป็นจำนวนทั้งสิ้นของคนที่ “ถูกซื้อจากท่ามกลางมนุษยชาติ” ให้ปกครองกับพระเมษโปดกบนภูเขาซีโอนทางภาคสวรรค์. (วิวรณ์ 14:1-4, ล.ม.) ในขณะที่คริสตจักรต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรให้คำอธิบายที่คลุมเครือและไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับจำนวนนี้ น่าสนใจที่ผู้คงแก่เรียนด้านคัมภีร์ไบเบิล อี. ดับเบิลยู. บูลลิงเกอร์ กล่าวถึงจำนวนนี้ว่า “เป็นข้อความแสดงข้อเท็จจริงธรรมดา ๆ: จำนวนที่ระบุแน่นอน เมื่อเทียบกับจำนวนที่ไม่ระบุแน่นอน ในบทเดียวกันนี้.”
11. (ก) ข่าวน่ายินดีอะไรซึ่งจะพบได้ในวิวรณ์บท 7? (ข) มีความคาดหวังเช่นไรเปิดกว้างไว้สำหรับสมาชิกแห่ง “ชนฝูงใหญ่”?
11 จำนวนที่ไม่ระบุแน่นอนอะไรซึ่งบูลลิงเกอร์อ้างถึง? ในข้อ 9 อัครสาวกโยฮันเขียนว่า “หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้เห็น และ นี่แน่ะ! ชนฝูงใหญ่ ซึ่งไม่มีใครนับจำนวนได้ จากชาติและตระกูลและชนชาติและภาษาทั้งปวง.” (วิวรณ์ 7:9, ล.ม.) ใครบ้างประกอบกันเป็นชนฝูงใหญ่นี้, การที่พวกเขายืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าหมายถึงอะไร, และอนาคตของพวกเขาจะเป็นเช่นไร? คำตอบที่อยู่ในอะพอคาลิปส์นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้อาศัยบนแผ่นดินโลก. เราอ่านดังนี้: “คนเหล่านี้คือผู้ที่ออกมาจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ และพวกเขาได้ชำระเสื้อยาวของเขาและทำให้ขาวในพระโลหิตของพระเมษโปดก.” โดยอาศัยความเชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์ที่หลั่งออก พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองในระหว่าง “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.” พระคริสต์ “จะทรงนำเขาไปถึงน้ำพุทั้งหลายแห่งชีวิต. และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขา.” (วิวรณ์ 7:14-17, ล.ม.) ใช่แล้ว หลายล้านคนที่มีชีวิตในเวลานี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนนี้ที่ไม่อาจนับจำนวนได้ซึ่งจะรอดชีวิตผ่านอวสานของระบบปัจจุบันอันชั่วช้า. ในฐานะไพร่ฟ้าประชากรของพระเยซูคริสต์พระมหากษัตริย์ในระหว่างรัชสมัยพันปีของพระองค์ พวกเขาจะได้รับการนำโดยพระองค์สู่ชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก. นั่นเป็นข่าวดีมิใช่หรือ?
“การพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและชอบธรรม”
12, 13. (ก) บท 8 ถึง 19 บรรจุเนื้อหาอะไร? (ข) เหตุใดชนผู้มีหัวใจสุจริตไม่ควรเป็นทุกข์ร้อนใจเนื่องด้วยคำพยากรณ์ดังกล่าว?
12 บท 8 ถึง 19 เป็นสาเหตุใหญ่ที่อะพอคาลิปส์หรือพระธรรมวิวรณ์เป็นที่รู้จักว่าเป็นหนังสือที่บอกล่วงหน้าถึงความหายนะอันน่าสยดสยอง. บทเหล่านี้บรรจุข่าวสารเกี่ยวกับการพิพากษาที่มีพลัง (ให้สัญลักษณ์ด้วยเสียงเป่าแตร, ภัยพิบัติ, และขันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า) ต่อองค์ประกอบต่าง ๆ แห่งระบบของซาตาน. ในอันดับแรก จะมีการพิพากษาสำเร็จโทษศาสนาเท็จ (“บาบูโลนใหญ่”) แล้วต่อจากนั้นก็จะพิพากษาระบบการเมืองที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าซึ่งได้ให้สัญลักษณ์ไว้ว่าเป็นสัตว์ร้าย.—วิวรณ์ 13:1, 2; 17:5-7, 15, 16.a
13 บทเหล่านี้พรรณนาถึงการชำระสวรรค์ให้สะอาด ด้วยการเหวี่ยงซาตานและพวกผีปิศาจบริวารของมันลงมายังบริเวณแผ่นดินโลก. เรื่องนี้เป็นคำอธิบายอย่างเดียวที่มีเหตุผลสำหรับความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นกับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา. (วิวรณ์ 12:7-12) นอกจากนั้น บทเหล่านี้ยังพรรณนาด้วยภาษาเป็นนัยถึงการทำลายระบบชั่วของซาตานบนแผ่นดินโลกนี้. (วิวรณ์ 19:19-21) ชนผู้มีหัวใจสุจริตควรตกใจเนื่องด้วยเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเช่นนั้นไหม? ไม่ เพราะระหว่างการสำเร็จโทษตามการพิพากษาของพระเจ้า กองทัพฝ่ายสวรรค์จะร้องดังนี้: “ท่านทั้งหลาย จงสรรเสริญยาห์! ความรอดและสง่าราศีและฤทธิ์เดชเป็นของพระเจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและชอบธรรม.”—วิวรณ์ 19:1, 2, ล.ม.
14, 15. (ก) ระบบปัจจุบันอันชั่วช้าจะถูกจัดการให้ถึงซึ่งอวสานด้วยความชอบธรรมอย่างไร? (ข) เหตุใดส่วนนี้ของอะพอคาลิปส์ควรเป็นเหตุแห่งความยินดีสำหรับชนผู้มีหัวใจสุจริต?
14 พระยะโฮวาจะไม่ทรงนำระบบที่ชอบธรรมเข้ามาโดยไม่กำจัดคนที่ทำให้แผ่นดินโลกเสียหายเสียก่อน. (วิวรณ์ 11:17, 18; 19:11-16; 20:1, 2) อย่างไรก็ตาม ไม่มีมนุษย์คนใดหรือชาติใดมีสิทธิ์หรืออำนาจที่จะทำอย่างนี้ได้. เฉพาะพระยะโฮวากับกษัตริย์และผู้พิพากษาที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง คือพระเยซูคริสต์ เท่านั้นที่สามารถทำอย่างนี้ได้โดยชอบธรรม.—2 เธซะโลนิเก 1:6-9.
15 ดังที่มีแสดงไว้อย่างชัดเจนในอะพอคาลิปส์ พระยะโฮวาทรงประสงค์จะนำอวสานมาสู่ระบบชั่วในปัจจุบัน. ข้อเท็จจริงนี้น่าจะเป็นเหตุแห่งความยินดีสำหรับชายหญิงที่ “ถอนหายใจและคร่ำครวญเพราะความลามกทั้งสิ้นที่กระทำกัน.” (ยะเอศเคล 9:4, ฉบับแปลใหม่) เรื่องนี้น่าจะทำให้พวกเขารู้สึกถึงความจำเป็นอันเร่งด่วนที่จะเอาใจใส่ต่อการป่าวประกาศข่าวน่ายินดีของทูตสวรรค์ ซึ่งประกาศว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้า . . . เพราะชั่วโมงแห่งการพิพากษาโดยพระองค์มาถึงแล้ว และจงนมัสการพระองค์ผู้ได้ทรงทำให้มีฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 14:7, ล.ม.) ขอให้คนเหล่านั้นเข้ามานมัสการและรับใช้พระยะโฮวาด้วยกันกับเหล่าพยานของพระองค์ “ซึ่งปฏิบัติตามข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระเจ้าและมีงานเป็นพยานถึงพระเยซู.”—วิวรณ์ 12:17, ล.ม.
การปกครองแห่งรัชสมัยพันปีอันรุ่งโรจน์
16. (ก) เหตุใดคริสตจักรต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรปฏิเสธความหวังเกี่ยวกับรัชสมัยพันปี? (ข) เหตุใดพยานพระยะโฮวาเชื่อว่าคำอธิษฐานแบบอย่างจะได้รับคำตอบ?
16 บท 20 ถึง 22 ของพระธรรมวิวรณ์บรรจุพื้นฐานตามหลักพระคัมภีร์สำหรับความหวังในช่วงรัชสมัยพันปี. นี่เป็นส่วนเดียวของคัมภีร์ไบเบิลที่มีการเอ่ยถึงช่วงเวลาพันปีจริง ๆ ซึ่งจะเป็นช่วงแรกแห่งความสุขชั่วนิรันดร์ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. คริสตจักรต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรปฏิเสธความหวังเรื่องรัชสมัยพันปี. เนื่องจากหลักคำสอนของคริสตจักรสอนว่าคนชอบธรรมจะได้ขึ้นสวรรค์และคนชั่วจะตกนรก จึงไม่มีที่สำหรับคำสอนเรื่องแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. คำอธิษฐานแบบอย่างซึ่งขอให้พระเจ้า “ทรงทำให้สำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์” ได้กลายเป็นเรื่องไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิงสำหรับสมาชิกส่วนใหญ่ของคริสตจักรต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักร. (มัดธาย 6:10, นิว อินเตอร์แนชันแนล เวอร์ชัน) แต่ไม่เป็นเช่นนั้นกับพยานพระยะโฮวา. พวกเขาเชื่ออย่างมั่นคงว่าพระยะโฮวาพระเจ้าไม่ทรงสร้างแผ่นดินโลก “เพื่อให้เปล่าประโยชน์” แต่ “เพื่อเป็นที่อาศัย.” (ยะซายา 45:12, 18, ล.ม.) ด้วยเหตุนั้น คำพยากรณ์เก่าแก่, คำอธิษฐานแบบอย่าง, และความหวังเกี่ยวกับรัชสมัยพันปีซึ่งปรากฏในอะพอคาลิปส์ล้วนสอดคล้องกัน. ในระหว่างรัชสมัยพันปีของพระองค์ พระคริสต์จะทรงจัดการให้พระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาสำเร็จบนแผ่นดินโลก เหมือนที่สำเร็จในสวรรค์.
17. อะไรบ่งชี้ว่าต้องเข้าใจคำ “พันปี” ในความหมายตามตัวอักษร?
17 คำ “พันปี” ปรากฏหกครั้งในเจ็ดข้อแรกของวิวรณ์บท 20. ที่น่าสังเกตคือข้อเท็จจริงที่ว่า ในภาษาเดิม มีสี่ครั้งที่คำนี้มีคำนำหน้านามที่ระบุแน่นอน แสดงว่าคำนี้หมายถึงพันปีตามตัวอักษร ไม่ใช่เพียงช่วงเวลายาวนานที่ไม่ระบุแน่นอน ดังที่ผู้ให้อรรถาธิบายหลายคนของคริสต์ศาสนจักรอยากให้เราเชื่ออย่างนั้น. จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างรัชสมัยพันปี? ก่อนอื่น ซาตานจะถูกจำกัดให้ทำอะไรไม่ได้ตลอดช่วงเวลานั้น. (วิวรณ์ 20:1-3; เทียบกับเฮ็บราย 2:14.) ช่างเป็นข่าวดีอะไรเช่นนั้น!
18. (ก) เหตุใดอาจเรียกรัชสมัยพันปีได้ว่าเป็น “วัน” แห่งการพิพากษา? (ข) จะเกิดอะไรขึ้นตอนสิ้นรัชสมัยพันปี?
18 เนื่องจากได้มีการมอบ “อำนาจให้พิพากษา” แก่คนเหล่านั้นที่จะ“ปกครองเป็นกษัตริย์กับพระองค์ [พระคริสต์] ตลอดพันปีนั้น” ดังนั้น จริง ๆ แล้ว ช่วงเวลานี้จึงเป็น “วัน” แห่งการพิพากษาซึ่งนานหนึ่งพันปี. (วิวรณ์ 20:4, 6, ล.ม.; เทียบกับกิจการ 17:31; 2 เปโตร 3:8.) คนตายจะถูกปลุกเป็นขึ้นจากตายและถูกพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมตามการประพฤติหรือการกระทำของพวกเขาในช่วงเวลานั้น ร่วมกับผู้ที่รอดชีวิตผ่าน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.” (วิวรณ์ 20:12, 13) เมื่อถึงตอนสิ้นรัชสมัยพันปี ซาตานจะถูกปล่อยออกมาชั่วเวลาสั้น ๆ เพื่อทดสอบมนุษยชาติเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหลังจากนั้นมันพร้อมกับพวกผีปิศาจและใครก็ตามที่ขืนอำนาจบนแผ่นดินโลกซึ่งได้ติดตามมันไปก็จะถูกทำลายตลอดกาล. (วิวรณ์ 20:7-10) คนที่ผ่านการทดสอบจะมีชื่อจารึกไว้อย่างไม่มีวันลบเลือนใน “หนังสือแห่งชีวิต” และจะเข้าสู่นิรันดรกาลแห่งชีวิตที่เปี่ยมสุข รับใช้และนมัสการพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.—วิวรณ์ 20:14, 15, ล.ม.; บทเพลงสรรเสริญ 37:9, 29; ยะซายา 66:22, 23.
19. (ก) เพราะเหตุใดเราจึงแน่ใจได้ว่าคำสัญญาอันยอดเยี่ยมที่บอกไว้ในพระธรรมวิวรณ์จะสำเร็จเป็นจริงอย่างไม่ผิดพลาด? (ข) จะมีการพิจารณาเรื่องอะไรในบทความถัดไป?
19 นั่นแหละคือข่าวน่ายินดีที่มีบอกไว้ในอะพอคาลิปส์. ข่าวดีดังกล่าวไม่ใช่คำสัญญาที่ไม่เป็นแก่นสารของมนุษย์. อัครสาวกโยฮันเขียนดังนี้: “พระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์นั้นตรัสว่า ‘นี่แน่ะ! เรากำลังทำสิ่งทั้งปวงให้ใหม่.’ พระองค์ตรัสด้วยว่า ‘จงเขียนไว้เถิด เพราะถ้อยคำเหล่านี้สัตย์ซื่อและสัตย์จริง.’” (วิวรณ์ 21:5, ล.ม.) เราต้องทำอะไรเพื่อจะมีส่วนร่วมในความสมจริงแห่งข่าวน่ายินดีเหล่านี้? พระธรรมวิวรณ์บรรจุคำแนะนำมากมายสำหรับคนที่ต้องการเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า. การปฏิบัติตามคำแนะนำเช่นนั้นจะนำความสุขอันไม่มีที่สิ้นสุดมาให้ ทั้งในขณะนี้และตลอดไป ดังที่บทความถัดไปจะแสดงให้เห็น.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อจะได้คำอธิบายครบถ้วนเกี่ยวกับพระธรรมวิวรณ์ โปรดดูหนังสือพระธรรมวิวรณ์—ใกล้จะถึงจุดสุดยอด! จัดพิมพ์เมื่อปี 1988 โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก.
จุดสำหรับทบทวน
▫ ความจริงพื้นฐานอะไรบ้างที่พบในวิวรณ์บท 4 ถึง 6 ซึ่งประกอบกันเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของข่าวน่ายินดี?
▫ ข่าวน่ายินดีอะไรซึ่งจะพบได้ในวิวรณ์บท 7?
▫ เหตุใดชนผู้มีหัวใจสุจริตจึงไม่ควรเป็นทุกข์ร้อนใจเนื่องด้วยข่าวสารแห่งการพิพากษาที่พบในพระธรรมวิวรณ์?
▫ รัชสมัยพันปีจะเป็น “วัน” แห่งการพิพากษาในทางใดบ้าง?
[รูปภาพหน้า 10]
พระมหากษัตริย์เยซูคริสต์จะทรงขจัดสงคราม, ความอดอยาก, และความตายให้หมดไปจากแผ่นดินโลกอย่างสิ้นเชิง