คุณจะไปรับใช้ในเขตที่ขาดแคลนผู้ประกาศราชอาณาจักรได้ไหม?
“เรามีชีวิตที่สุขสบายในสหรัฐแต่เราก็กังวลว่า ในที่สุดรูปแบบชีวิตที่นิยมวัตถุของผู้คนรอบข้างจะมี ผลกระทบต่อเราและลูกชายสองคน. ผมกับภรรยาเคยเป็นมิชชันนารีมาก่อนและเราต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีความสุขแบบนั้นอีก.”
ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าเช่นนั้น ปี 1991 ราล์ฟและแพมจึงตัดสินใจเขียนจดหมายไปยังสำนักงานสาขาหลายแห่งเพื่อแสดงความจำนงที่จะรับใช้ในเขตที่ขาดแคลนผู้ประกาศ. สำนักงานสาขาในเม็กซิโกตอบกลับมาว่ามีความต้องการผู้ประกาศราชอาณาจักรที่สามารถประกาศกับประชาชนที่พูดภาษาอังกฤษในประเทศเป็นการด่วน. ที่จริง สำนักงานสาขาได้บอกว่าเขตงานดังกล่าว “เหลืองอร่ามพร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว.” (โย. 4:35) ไม่นาน ราล์ฟกับแพม พร้อมด้วยลูกชาย ซึ่งในเวลานั้นอายุ 8 และ 12 ปีก็ตอบรับคำเชิญนั้นและเริ่มเตรียมตัวย้ายไปเม็กซิโก.
เขตทำงานที่กว้างใหญ่
ราล์ฟเล่าว่า “ก่อนที่เราจะออกจากสหรัฐ พี่น้องชายหญิงที่ปรารถนาดีบางคนได้บอกเราว่า ‘การย้ายไปต่างประเทศเป็นอันตรายเกินไป!’ ‘พวกคุณจะทำอย่างไรถ้าเจ็บป่วย?’ ‘ทำไมถึงย้ายไปประกาศในเขตที่พูดภาษาอังกฤษ? คนที่พูดภาษาอังกฤษที่นั่นไม่สนใจความจริงหรอก!’ อย่างไรก็ตาม เราได้ตัดสินใจแล้ว. ที่จริง เราไม่ได้ตัดสินใจจะย้ายแบบปัจจุบันทันด่วน. เราวางแผนมาหลายปีแล้ว. เราพยายามหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ระยะยาว, พยายามเก็บหอมรอมริบ, และหารือกันในครอบครัวหลายครั้งเกี่ยวกับปัญหายุ่งยากที่เราอาจพบเจอ.”
ราล์ฟกับครอบครัวไปเยี่ยมสำนักงานสาขาเม็กซิโกเป็นอันดับแรก. พี่น้องที่สาขาได้ให้พวกเขาดูแผนที่ของทั้งประเทศและบอกพวกเขาว่า “นี่คือเขตทำงานของพวกคุณ!” ทั้งครอบครัวตัดสินใจจะไปอยู่ที่เมืองซาน มิเกล เด อาเยนเด ซึ่งมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก และห่างจากเม็กซิโกซิตีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 240 กิโลเมตร. สามปีหลังจากที่พวกเขาย้ายมา ได้มีการตั้งประชาคมภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งขึ้นในเมืองนั้น โดยมีผู้ประกาศ 19 คน. นี่คือประชาคมภาษาอังกฤษแห่งแรกในเม็กซิโก แต่ก็ยังมีงานต้องทำอีกมากมาย.
ประมาณกันว่ามีพลเมืองสหรัฐราว ๆ หนึ่งล้านคนอาศัยอยู่ในเม็กซิโก. นอกจากนั้น ยังมีชาวเม็กซิโกจำนวนมากซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่าง ๆ และนักเรียนนักศึกษาที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง. ราล์ฟอธิบายว่า “เราอธิษฐานขอให้มีคนทำงานเพิ่มขึ้น. ที่บ้านของเรา เราเตรียมห้องนอนไว้ห้องหนึ่งเสมอสำหรับพี่น้องชายหญิงที่มา ‘สืบดูแผ่นดิน’ ในเขตของเรา.”—อาฤ. 13:2
พวกเขาปรับเปลี่ยนชีวิตให้เรียบง่ายเพื่อจะรับใช้ได้มากขึ้น
ในไม่ช้าก็มีพี่น้องชายหญิงอีกหลายคนที่ต้องการขยายงานรับใช้ของตนเดินทางมาที่นี่. ตัวอย่างเช่น บิลล์และแคทีจากสหรัฐ. พวกเขาได้รับใช้ในเขตที่ขาดแคลนผู้ประกาศมา 25 ปีแล้ว. พวกเขากำลังคิดที่จะเรียนภาษาสเปน แต่แล้วก็เปลี่ยนแผนหลังจากได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองอะคิคิก บนฝั่งทะเลสาบชาปาลา ซึ่งเป็นเมืองที่คนวัยเกษียณจากสหรัฐย้ายมาอยู่กันมาก. บิลล์อธิบายว่า “ในอะคิคิก เราหมกมุ่นอยู่กับการเสาะหาคนที่พูดภาษาอังกฤษซึ่งต้องการเรียนความจริง.” หลังจากย้ายไปที่นั่นได้สองปี บิลล์และแคทีปีติยินดีที่ได้เห็นการก่อตั้งประชาคมหนึ่ง ซึ่งเป็นประชาคมภาษาอังกฤษแห่งที่สองในเม็กซิโก.
เคนกับโจแอนจากแคนาดาต้องการปรับเปลี่ยนชีวิตให้เรียบง่ายและใช้เวลามากขึ้นในงานประกาศ. พวกเขาได้ย้ายไปยังเม็กซิโกเช่นกัน. เคนเล่าว่า “ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะคุ้นเคยกับการอาศัยในที่ที่คุณอาจไม่มีน้ำอุ่น ไฟฟ้าหรือโทรศัพท์เป็นเวลาหลายวัน.” อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมในงานประกาศเป็นแหล่งแห่งความยินดี. ในเวลาไม่นาน เคนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยงานรับใช้และสองปีต่อมาก็ได้เป็นผู้ปกครอง. ในตอนแรก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบริแทนนี ลูกสาวของพวกเขาที่จะอยู่ในประชาคมภาษาอังกฤษขนาดเล็กซึ่งมีหนุ่มสาวเพียงไม่กี่คน. แต่หลังจากได้ไปช่วยในโครงการก่อสร้างหอประชุมราชอาณาจักรหลายครั้ง เธอก็ได้รู้จักเพื่อนดี ๆ มากมายจากทั่วประเทศ.
แพทริกกับร็อกแซนน์จากรัฐเทกซัสในสหรัฐรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้ว่ามีเขตที่ต้องบุกเบิกซึ่งอยู่ไม่ไกลเกินไปและผู้คนที่นั่นพูดภาษาอังกฤษ. แพทริกเล่าว่า “หลังจากไปเที่ยวที่เมืองมอนเตร์เรย์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก เรารู้สึกเหมือนกับพระยะโฮวากำลังชี้นำเราให้ไปช่วยที่นั่น.” ภายในห้าวัน พวกเขาก็สามารถขายบ้านของตนที่เทกซัสแล้วทำเหมือนกับเปาโลซึ่ง ‘มาช่วยที่แคว้นมาซิโดเนีย.’ (กิจ. 16:9) การทำงานเพื่อเลี้ยงชีพในเม็กซิโกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในเวลาเพียงสองปี พวกเขามีความยินดีเมื่อได้เห็นพยานกลุ่มเล็ก ๆ จำนวน 17 คนเติบโตเป็นประชาคมที่มีผู้ประกาศ 40 คน.
เจฟฟ์และเดบเป็นอีกคู่หนึ่งที่ได้ปรับเปลี่ยนชีวิตให้เรียบง่ายเพื่อจะทำงานรับใช้ได้มากขึ้น. พวกเขาได้ขายบ้านหลังใหญ่ในสหรัฐแล้วย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ในเมืองกันกุนบนชายฝั่งทางตะวันออกของเม็กซิโก. เมื่อก่อนพวกเขาเคยชินกับการเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในอาคารที่ติดเครื่องปรับอากาศสะดวกสบายซึ่งอยู่ใกล้บ้าน. เดี๋ยวนี้พวกเขาต้องเดินทางแปดชั่วโมงเพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ภาษาอังกฤษที่ใกล้ที่สุดซึ่งจัดในสนามกีฬากลางแจ้ง. แต่พวกเขามีความยินดีมากที่ได้เห็นการตั้งประชาคมในเมืองกันกุน โดยมีผู้ประกาศประมาณ 50 คน.
นอกจากนี้ยังมีพี่น้องชายหญิงชาวเม็กซิโกเริ่มเข้ามาช่วยทำงานประกาศเป็นภาษาอังกฤษด้วย. ตัวอย่างเช่น เมื่อรูเบนกับครอบครัวได้ยินว่ามีการตั้งประชาคมภาษาอังกฤษแห่งแรกที่เมืองซาน มิเกล เด อาเยนเดและเขตทำงานของประชาคมนี้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศเม็กซิโก พวกเขาก็ตัดสินใจจะไปช่วยในทันที. นั่นหมายว่าพวกเขาต้องเรียนภาษาอังกฤษ ทำความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมที่ต่างออกไปและเดินทางไกล 800 กิโลเมตรทุกสัปดาห์เพื่อเข้าร่วมการประชุม. รูเบนเล่าว่า “เรามีความสุขในการให้คำพยานกับคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเม็กซิโกมานานหลายปีแต่เพิ่งได้ยินข่าวดีในภาษาของตนเองเป็นครั้งแรก. พวกเขาบางคนขอบคุณเราด้วยน้ำตาคลอ.” หลังจากไปช่วยที่ประชาคมในซาน มิเกล เด อาเยนเดแล้ว รูเบนและครอบครัวก็ย้ายมาเป็นไพโอเนียร์ที่เมืองกัวนาคัวโตในตอนกลางของเม็กซิโก และมีส่วนช่วยตั้งประชาคมภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งขึ้นในเมืองนี้ ซึ่งมีผู้ประกาศมากกว่า 30 คน. ปัจจุบัน พวกเขารับใช้ร่วมกับกลุ่มภาษาอังกฤษในเมืองอีราปัวโตซึ่งอยู่ใกล้กับกัวนาคัวโต.
การประกาศกับคนที่พบได้ยาก
นอกจากคนต่างชาติแล้ว ชาวเม็กซิโกหลายคนก็พูดภาษาอังกฤษด้วย. บ่อยครั้งเป็นเรื่องยากที่จะบอกข่าวราชอาณาจักรกับคนเหล่านี้เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในย่านคนรวยซึ่งมักจะมีแต่คนรับใช้ออกมาพบเราที่ประตู. หรือหากจะเป็นเจ้าของบ้าน พวกเขาก็อาจไม่ต้องการฟังข่าวสารของเราเพราะคิดว่าพยานพระยะโฮวาเป็นแค่กลุ่มลัทธิเล็ก ๆ ในท้องถิ่น. แต่เมื่อมีพยานฯ จากต่างประเทศมาเยี่ยม เจ้าของบ้านบางคนก็ตอบรับอย่างดี.
ให้เราดูตัวอย่างของกลอเรีย ในเมืองเกเรตาโรทางตอนกลางของเม็กซิโก. เธออธิบายว่า “ก่อนหน้านี้มีพยานฯ ที่พูดภาษาสเปนมาเยี่ยม แต่ดิฉันก็ไม่ได้รับฟัง. แต่เมื่อครอบครัวของดิฉันและเพื่อน ๆ เริ่มมีปัญหา ดิฉันรู้สึกท้อแท้และได้อธิษฐานถึงพระเจ้า เพื่อขอให้พระองค์ช่วยดิฉันพบวิธีแก้ปัญหา. หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพูดภาษาอังกฤษก็มาเยี่ยม. เธอถามว่ามีใครในบ้านที่พูดภาษาอังกฤษไหม. เนื่องจากเธอเป็นคนต่างประเทศ ดิฉันจึงอยากรู้และบอกไปว่าดิฉันพูดภาษาอังกฤษได้. ขณะที่เธอพูด ดิฉันก็คิดว่า ‘ผู้หญิงอเมริกันคนนี้มาทำอะไรแถวนี้?’ แต่ก่อนหน้านั้นดิฉันได้อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า. ชาวต่างชาติคนนี้อาจเป็นคำตอบจากพระเจ้าสำหรับคำอธิษฐานของดิฉันก็ได้.” กลอเรียตอบรับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและก้าวหน้าเร็วมากจนถึงขั้นรับบัพติสมา ถึงแม้ครอบครัวจะต่อต้านก็ตาม. ทุกวันนี้ กลอเรียรับใช้เป็นไพโอเนียร์ประจำ และสามีกับลูกชายของเธอก็รับใช้พระยะโฮวาเช่นกัน.
บำเหน็จสำหรับผู้ที่รับใช้มากขึ้น
การรับใช้ในเขตที่ขาดแคลนผู้ประกาศราชอาณาจักรมีข้อท้าทายหลายประการ แต่ก็มากไปด้วยบำเหน็จ. ราล์ฟที่ได้กล่าวถึงตอนต้น บอกว่า “เราได้นำการศึกษาพระคัมภีร์กับผู้คนจากบริเตน, จีน, จาเมกา, สวีเดน, และแม้แต่ชนชั้นสูงจากกานา. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเหล่านี้บางคนได้เข้าสู่งานรับใช้เต็มเวลา. หลายปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเราได้เห็นการตั้งประชาคมภาษาอังกฤษเจ็ดประชาคม. ลูกชายสองคนเริ่มเป็นไพโอเนียร์ด้วยกันกับเรา และตอนนี้พวกเขารับใช้อยู่ในเบเธลที่สหรัฐ.”
ปัจจุบัน ในเม็กซิโกมี 88 ประชาคมและอีกหลายกลุ่มที่ใช้ภาษาอังกฤษ. อะไรทำให้การงานเติบโตรวดเร็วเช่นนี้? ผู้คนจำนวนมากที่พูดภาษาอังกฤษในเม็กซิโกไม่เคยได้พูดคุยกับพยานฯ มาก่อน. บางคนตอบรับอย่างดีเพราะพวกเขาไม่รู้สึกว่าถูกกดดันจากครอบครัวหรือเพื่อนเหมือนเมื่ออยู่ที่ประเทศของตน. บางคนก็ตอบรับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเพราะเกษียณอายุแล้วและมีเวลาแสวงหาสิ่งฝ่ายวิญญาณ. นอกจากนี้ มีผู้ประกาศในประชาคมภาษาอังกฤษมากกว่าหนึ่งในสามที่รับใช้เป็นไพโอเนียร์ จึงช่วยให้ประชาคมมีความกระตือรือร้นและเติบโต.
พระพรต่าง ๆ รอคุณอยู่
ไม่ต้องสงสัยว่า ผู้คนทั่วโลกจะตอบรับมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวสารราชอาณาจักรในภาษาของตนเอง. จึงเป็นเรื่องที่ให้กำลังใจเมื่อเห็นว่าพี่น้องชายหญิงจำนวนมากซึ่งต้องการรับใช้มากขึ้น ทั้งหนุ่มสาวและสูงอายุ ทั้งคนโสดและสมรสแล้ว ต่างเต็มใจที่จะย้ายไปยังเขตที่ขาดแคลนผู้ประกาศราชอาณาจักร. จริงอยู่ว่าพวกเขาอาจพบกับความยากลำบากต่าง ๆ แต่สิ่งเหล่านั้นนับเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสุขความยินดีที่พวกเขาได้รับเมื่อพบผู้คนที่มีหัวใจสุจริตตอบรับความจริงในคัมภีร์ไบเบิล. คุณจะปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อย้ายไปยังเขตอื่นในประเทศหรือไปยังประเทศอื่นที่ขาดแคลนผู้ประกาศราชอาณาจักรได้ไหม?a (ลูกา 14:28-30; 1 โค. 16:9) ถ้าคุณทำได้ มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รับพระพรมากมาย.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการรับใช้ในที่ที่มีความจำเป็นมากกว่า โปรดดูหนังสือรวบรวมเป็นองค์การเพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา หน้า 111-112.
[กรอบหน้า 21]
กลุ่มคนเกษียณที่มีความสุขทำให้เธอสนใจ
เบอรีล ย้ายจากบริเตนมาอยู่ที่แคนาดาและทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง. นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักขี่ม้าที่มีฝีมือและเคยได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศแคนาดาไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1980. หลังจากเกษียณแล้วเบอรีลได้ย้ายมาอยู่ที่ชาปาลา เม็กซิโก และเธอกับสามีมักจะออกไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารกันบ่อย ๆ. เมื่อใดก็ตามที่เธอสังเกตเห็นกลุ่มผู้เกษียณที่พูดภาษาอังกฤษและดูท่าทางมีความสุข เธอจะเข้าไปแนะนำตัวแล้วถามว่าพวกเขามาทำอะไรที่เม็กซิโก. เกือบทุกครั้งเธอพบว่าคนที่กำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุขนั้นเป็นพยานพระยะโฮวา. เบอรีลกับสามีคิดว่า ถ้าการรู้จักพระเจ้าคือแหล่งที่ให้ความสุขและจุดมุ่งหมายในชีวิต พวกเขาก็ต้องการจะรู้จักพระองค์เช่นกัน. หลังจากเข้าร่วมการประชุมของคริสเตียนมาได้หลายเดือน เบอรีลก็ตกลงจะศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและมาเป็นพยานฯ. เธอได้รับใช้เป็นไพโอเนียร์ประจำอยู่นานหลายปี.
[กรอบหน้า 22]
“เป็นพระพรจริง ๆ ที่พวกเขาอยู่กับเราที่นี่”
พี่น้องในดินแดนที่ขาดแคลนผู้ประกาศราชอาณาจักรรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่มีพี่น้องจากที่อื่นย้ายไปสมทบ. สำนักงานสาขาแห่งหนึ่งในแคริบเบียนได้เขียนว่า “ถ้าพี่น้องต่างชาติหลายร้อยคนที่มารับใช้ที่นี่ต้องย้ายออกไป คงมีผลต่อความเข้มแข็งของประชาคมต่าง ๆ. เป็นพระพรจริง ๆ ที่พวกเขาอยู่กับเราที่นี่.”
พระคำของพระเจ้ากล่าวว่า “สตรีที่ประกาศข่าวประเสริฐนั้นเป็นพวกใหญ่.” (เพลง. 68:11) จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีพี่น้องหญิงโสดมากมายรับใช้อยู่ในต่างแดน. พี่น้องหญิงที่เสียสละตัวเองเหล่านี้ช่วยได้มากจริง ๆ. สำนักงานสาขาแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันออกให้ข้อสังเกตว่า “หลายประชาคมในประเทศของเรามีพี่น้องหญิงจำนวนมาก บางประชาคมมีมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ประกาศทั้งหมด. พี่น้องเหล่านี้ส่วนใหญ่เพิ่งเข้ามาในความจริงไม่นาน แต่ไพโอเนียร์หญิงโสดซึ่งมาจากต่างประเทศช่วยฝึกสอนพี่น้องใหม่เหล่านี้เป็นอย่างดี. พี่น้องหญิงจากต่างแดนเหล่านี้นับเป็นของขวัญสำหรับพวกเราโดยแท้!”
พี่น้องหญิงเหล่านี้รู้สึกอย่างไรที่ได้รับใช้ในต่างประเทศ? แอนเจลิกา พี่น้องหญิงโสดในวัยสามสิบกว่า ซึ่งรับใช้เป็นไพโอเนียร์ในต่างแดนมาหลายปี บอกว่า “มีข้อท้าทายหลายอย่าง. ในเขตหนึ่งที่ดิฉันได้รับมอบหมายให้ไปช่วย ทุก ๆ วันดิฉันต้องเดินบนถนนที่เต็มด้วยโคลนด้วยความยากลำบากและพบเห็นแต่ภาพที่น่าหดหู่ของผู้คนซึ่งกำลังทนทุกข์. แต่ดิฉันก็สุขใจและยินดีที่ได้ช่วยผู้คนในงานรับใช้. ดิฉันรู้สึกประทับใจด้วยที่พี่น้องหญิงท้องถิ่นมักจะกล่าวขอบคุณดิฉันบ่อย ๆ ที่ดิฉันมาช่วยพวกเขา. พี่น้องหญิงคนหนึ่งบอกดิฉันว่า ตัวอย่างของดิฉันที่อุตส่าห์เดินทางไกลมาเป็นไพโอเนียร์ในประเทศของเธอทำให้เธอมีกำลังใจและเริ่มทำงานรับใช้เต็มเวลาด้วย.”
ซู ไพโอเนียร์คนหนึ่งซึ่งอายุ 50 ต้น ๆ กล่าวว่า “คุณจะเจอปัญหาแน่ ๆ แต่ปัญหาเหล่านั้นก็เทียบไม่ได้กับพระพรที่คุณจะได้รับ. งานรับใช้น่าตื่นเต้นจริง ๆ! เนื่องจากดิฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานรับใช้กับพี่น้องหญิงที่อายุน้อย ดิฉันจึงมักจะเล่าให้พวกเธอฟังเกี่ยวกับวิธีรับมือกับปัญหาซึ่งดิฉันได้เรียนรู้จากคัมภีร์ไบเบิลและสรรพหนังสือของเรา. พวกเขามักจะบอกดิฉันบ่อย ๆ ว่า ตัวอย่างของดิฉันในการรับมือกับปัญหาขณะที่รับใช้เป็นไพโอเนียร์มานานหลายปีโดยไม่แต่งงานช่วยพวกเขาให้มองเห็นว่าพวกเขาเองก็สามารถเอาชนะปัญหาในชีวิตได้เช่นกัน. ดิฉันรู้สึกอิ่มใจจริง ๆ ที่ได้ช่วยพี่น้องหญิงเหล่านี้.”
[แผนที่หน้า 20]
(รายละเอียดดูจากวารสาร
เม็กซิโก
มอนเตร์เรย์
กัวนาคัวโต
อีราปัวโต
อะคิคิก
ชาปาลา
ทะเลสาบชาปาลา
ซาน มิเกล เด อาเยนเด
เกเรตาโร
เม็กซิโกซิตี
กันกุน
[ภาพหน้า 23]
บางคนมีความสุขในการให้คำพยานแก่ชาวต่างชาติซึ่งได้ยินข่าวดีเป็นครั้งแรก