รับพระพรทางกษัตริย์ซึ่งได้รับการชี้นำด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า!
“พระจิตต์แห่งพระยะโฮวาจะสถิตอยู่กับท่านผู้นั้น.”—ยซา. 11:2
1. บางคนแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับปัญหาทั้งหลายในโลกอย่างไร?
“ในโลกที่สับสนวุ่นวายทางการเมือง, สังคม, และสิ่งแวดล้อม เผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่ต่อไปอีก 100 ปีได้อย่างไร?” สตีเฟน ฮอว์คิง นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ถามไว้อย่างนั้นในปี 2006. บทความหนึ่งในวารสารรัฐบุรุษคนใหม่ (ภาษาอังกฤษ) ให้ข้อสังเกตว่า “เราไม่ได้ขจัดความยากจนให้หมดไปหรือสร้างสันติสุขให้แก่โลก. ทว่า เราดูเหมือนจะบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่ตรงข้ามกันเลยทีเดียว. ใช่ว่าเราไม่เคยลอง. เราลองมาแล้วทุกอย่างตั้งแต่ลัทธิคอมมิวนิสต์ไปจนถึงระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี; ตั้งแต่สันนิบาตชาติไปจนถึงการสะสมอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันสงคราม. เราได้ทำ ‘สงครามเพื่อยุติสงคราม’ มากเสียจนไม่อาจจะเชื่อได้ว่าเรารู้วิธีที่จะยุติสงคราม.”
2. ในไม่ช้าพระยะโฮวาจะใช้อำนาจอันชอบธรรมของพระองค์ต่อแผ่นดินโลกอย่างไร?
2 ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างให้ปกครองตัวเอง. (ยิระ. 10:23) พระยะโฮวาเป็นผู้เดียวที่มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการปกครองเอกภพ. ดังนั้น พระองค์เป็นผู้เดียวที่มีสิทธิ์วางมาตรฐานให้เราทำตาม, กำหนดว่าชีวิตของเราควรมีจุดมุ่งหมายอย่างไร, และชี้นำเราให้บรรลุจุดมุ่งหมายนั้น. นอกจากนั้น ในไม่ช้าพระองค์จะใช้อำนาจของพระองค์เพื่อยุติความพยายามอันล้มเหลวของมนุษย์ในการปกครองตัวเอง. ขณะเดียวกัน พระองค์จะทำลายทุกคนที่ปฏิเสธการปกครองอันชอบธรรมของพระองค์ซึ่งทำให้มนุษย์ยังคงเป็นทาสบาป, ความไม่สมบูรณ์, และซาตานพญามารผู้เป็น “พระเจ้าของยุคนี้.”—2 โค. 4:4
3. ยะซายาห์บอกล่วงหน้าไว้อย่างไรเกี่ยวกับพระมาซีฮา?
3 ในโลกใหม่ที่เป็นอุทยาน พระยะโฮวาจะทรงใช้อำนาจปกครองอย่างที่เปี่ยมด้วยความรักต่อมนุษยชาติโดยทางราชอาณาจักรมาซีฮา. (ดานิ. 7:13, 14) ยะซายาห์พยากรณ์เกี่ยวกับกษัตริย์ของราชอาณาจักรนี้ว่า “จะมีกิ่งแตกออกจากต้นแห่งยิซัย, และจะมีหน่อแตกงอกขึ้นจากรากของท่านเติบโตขึ้นจนเกิดผล. และพระจิตต์แห่งพระยะโฮวาจะสถิตอยู่กับท่านผู้นั้น, คือดวงปัญญาและดวงความเข้าใจ, ดวงวินิจฉัยและดวงอานุภาพ, ดวงความรอบรู้ และความยำเกรงพระยะโฮวา.” (ยซา. 11:1, 2) พระเจ้าทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไรเพื่อทำให้ ‘กิ่งที่แตกออกจากต้นแห่งยิซัย’ ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ มีคุณสมบัติในการปกครองมนุษยชาติ? มีพระพรอะไรบ้างที่เป็นผลจากการปกครองของพระองค์? และเราต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับพระพรเหล่านั้น?
พระเจ้าทรงรับรองคุณวุฒิ ของพระเยซูว่าเหมาะจะเป็นผู้ปกครอง
4-6. ความรู้สำคัญอะไรที่ทำให้พระเยซูสามารถทำหน้าที่เป็นพระมหากษัตริย์, มหาปุโรหิต, และผู้พิพากษาที่ฉลาดสุขุมและเห็นอกเห็นใจ?
4 พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้มนุษย์ที่อยู่ใต้การปกครองของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์โดยได้รับการชี้นำจากผู้หนึ่งที่เป็นพระมหากษัตริย์, มหาปุโรหิต, และผู้พิพากษาที่ฉลาดสุขุมและเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริง. นี่คือเหตุที่พระเจ้าทรงเลือกพระเยซูคริสต์ซึ่งพระองค์ทรงช่วยให้มีคุณสมบัติสำหรับหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญที่สุดเหล่านั้นโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์. ขอพิจารณาเหตุผลบางประการว่าทำไมพระเยซูจึงจะทำหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้สำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ.
5 พระเยซูทรงรู้จักพระเจ้าดีที่สุด. พระบุตรองค์เดียวผู้นี้ทรงรู้จักพระบิดานานกว่าใคร ๆ ซึ่งคงจะเป็นเวลาหลายพันล้านปี. ระหว่างช่วงเวลานั้น พระเยซูทรงมีความรู้อย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับพระยะโฮวาถึงขนาดที่มีการพรรณนาถึงพระองค์ได้ว่าทรงเป็น “ภาพสะท้อนของพระเจ้าผู้ไม่ประจักษ์แก่ตา.” (โกโล. 1:15) พระเยซูเองตรัสว่า “ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดาด้วย.”—โย. 14:9
6 พระเยซูทรงมีความรู้กว้างขวางที่สุดเกี่ยวกับสิ่งทรงสร้างทั้งสิ้น รวมทั้งมนุษยชาติด้วย รองจากพระยะโฮวา. โกโลซาย 1:16, 17 อ่านว่า “[พระบุตรของพระเจ้า] เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ให้สร้างสิ่งอื่นทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่ประจักษ์แก่ตาและไม่ประจักษ์แก่ตา . . . นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นอยู่ก่อนสิ่งอื่นทั้งหมดและพระเจ้าทรงใช้พระองค์ให้สร้างสิ่งอื่นทั้งหมด.” คิดดูสิ! พระเยซูผู้เป็น “นายช่าง” ของพระเจ้าทรงมีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งอื่นทั้งหมด. ด้วยเหตุนั้น พระองค์ทรงเข้าใจรายละเอียดทุกอย่างของเอกภพทั้งสิ้น ตั้งแต่อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมไปจนถึงสมองอันน่าพิศวงของมนุษย์. นับว่าเหมาะจริง ๆ ที่พระคริสต์ถูกเรียกเป็นพระปัญญาซึ่งเปรียบประหนึ่งเป็นบุคคล!—สุภา. 8:12, 22, 30, 31
7, 8. พระวิญญาณของพระเจ้าช่วยพระเยซูอย่างไรในงานรับใช้?
7 พระเยซูได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า. พระเยซูตรัสว่า “พระวิญญาณของพระยะโฮวาอยู่บนข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ไปประกาศแก่พวกเชลยว่าพวกเขาจะได้รับการปลดปล่อยและประกาศแก่คนตาบอดว่าเขาจะมองเห็น รวมทั้งให้ปลดปล่อยคนที่ถูกเคี่ยวเข็ญ และให้ประกาศปีที่พระยะโฮวาทรงแสดงความโปรดปราน.” (ลูกา 4:18, 19) เมื่อพระเยซูรับบัพติสมา ดูเหมือนว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้พระองค์ระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ได้เรียนในช่วงชีวิตก่อนที่พระองค์จะมาเป็นมนุษย์รวมทั้งสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้พระองค์ทำให้สำเร็จระหว่างที่ทรงรับใช้บนแผ่นดินโลกในฐานะพระมาซีฮา.—อ่านยะซายา 42:1; ลูกา 3:21, 22; โยฮัน 12:50
8 เนื่องจากพระเยซูทรงได้รับอำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์และทรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งที่เคยอยู่บนแผ่นดินโลกเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ด้วย. ที่จริง คนที่ฟังพระองค์ “อัศจรรย์ใจในวิธีสอนของพระองค์.” (มัด. 7:28) ประการหนึ่งคือ พระเยซูทรงบอกได้ว่ารากเหง้าของปัญหาทั้งหลายที่มนุษย์ประสบอยู่ก็คือ บาป, ความไม่สมบูรณ์, และการขาดความรู้ฝ่ายวิญญาณ. นอกจากนั้น พระองค์ทรงรู้ความคิดในใจของมนุษย์และทำสอดคล้องกับสิ่งที่รู้นั้น.—มัด. 9:4; โย. 1:47
9. เมื่อใคร่ครวญประสบการณ์ของพระเยซูตอนที่อยู่บนแผ่นดินโลก คุณเชื่อมั่นพระองค์มากขึ้นในฐานะผู้ปกครองอย่างไร?
9 พระเยซูเคยมีชีวิตเป็นมนุษย์. ประสบการณ์ของพระองค์เองที่เคยเป็นมนุษย์และเคยคบหาใกล้ชิดกับผู้คนที่ไม่สมบูรณ์มีส่วนช่วยอย่างมากให้พระเยซูมีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นกษัตริย์. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “[พระเยซู] จึงต้องมาเป็นเหมือน ‘พี่น้อง’ ของพระองค์ในทุกด้าน เพื่อว่าในการรับใช้พระเจ้า พระองค์จะเป็นมหาปุโรหิตผู้ทรงเมตตาและซื่อสัตย์ เพื่อจะถวายเครื่องบูชาระงับพระพิโรธสำหรับบาปของประชาชน. เพราะเหตุที่พระองค์ได้ทรงทนทุกข์เมื่อถูกทดสอบ พระองค์จึงทรงสามารถเข้าช่วยผู้ถูกทดสอบได้.” (ฮีบรู 2:17, 18) เนื่องจากพระเยซูทรง “ถูกทดสอบ” พระองค์จึงทรงเห็นอกเห็นใจคนที่ทนทุกข์. เรื่องนี้เห็นได้ชัดตอนที่พระเยซูทรงรับใช้บนแผ่นดินโลก. คนป่วย, คนทุพพลภาพ, คนที่ถูกกดขี่ และแม้แต่เด็กต่างก็กล้าเข้ามาหาพระองค์. (มโก. 5:22-24, 38-42; 10:14-16) คนที่อ่อนน้อมและหิวกระหายฝ่ายวิญญาณก็ถูกดึงดูดเข้ามาหาพระองค์ด้วย. ตรงกันข้าม คนหยิ่งยโสและคนที่ “ไม่รักพระเจ้า” ปฏิเสธ, เกลียดชัง, และต่อต้านพระองค์.—โย. 5:40-42; 11:47-53
10. พระเยซูทรงพิสูจน์ความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อเราอย่างไร?
10 พระเยซูทรงสละชีวิตเพื่อเรา. ข้อพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ว่าพระเยซูทรงเหมาะสมจะเป็นผู้ปกครองอาจได้แก่การที่พระองค์เต็มพระทัยจะสิ้นพระชนม์เพื่อเรา. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 40:6-10) พระคริสต์ตรัสว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่คนหนึ่งสละชีวิตเพื่อสหายของเขา.” (โย. 15:13) ไม่เหมือนผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ ซึ่งมักใช้ชีวิตอย่างหรูหราบนความทุกข์ของประชาชน พระเยซูทรงสละชีวิตเพื่อมนุษยชาติ.—มัด. 20:28
พระเยซูได้รับอำนาจให้ใช้ค่าไถ่
11. เหตุใดเราเชื่อมั่นพระเยซูในฐานะพระผู้ไถ่ได้อย่างเต็มที่?
11 ช่างเหมาะสมจริง ๆ ที่พระเยซูในฐานะมหาปุโรหิตทรงเป็นผู้นำหน้าในการใช้เครื่องบูชาไถ่ให้เป็นประโยชน์แก่เรา! ที่จริง ระหว่างที่ทรงรับใช้บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงแสดงให้เห็นภาพล่วงหน้าว่าพระองค์จะทำอะไรในฐานะที่ทรงเป็นพระผู้ไถ่ระหว่างรัชสมัยพันปี ซึ่งเราจะรับประโยชน์ได้หากเราซื่อสัตย์. พระองค์ทรงรักษาคนป่วยและคนทุพพลภาพ, ปลุกคนให้เป็นขึ้นจากตาย, เลี้ยงอาหารฝูงชน, และแม้กระทั่งควบคุมดินฟ้าอากาศ. (มัด. 8:26; 14:14-21; ลูกา 7:14, 15) นอกจากนั้น พระองค์ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพื่ออวดฤทธิ์เดช แต่เพราะทรงสงสารและรักผู้คน. พระองค์ตรัสกับคนโรคเรื้อนคนหนึ่งที่มาอ้อนวอนพระองค์ให้รักษาเขาว่า “เราต้องการ.” (มโก. 1:40, 41) พระเยซูจะทรงแสดงความสงสารแบบเดียวกันนั้นในช่วงรัชสมัยพันปี แต่ในขอบเขตที่ครอบคลุมไปทั่วโลก.
12. ยะซายา 11:9 จะสำเร็จเป็นจริงอย่างไร?
12 พระคริสต์และผู้ร่วมปกครองกับพระองค์จะทำงานในโครงการสอนเรื่องพระเจ้าที่เริ่มไว้เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วต่อไป. โดยวิธีนั้น ถ้อยคำที่ยะซายา 11:9 จะสำเร็จเป็นจริงที่ว่า “แผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้ฝ่ายพระยะโฮวาดุจน้ำท่วมเต็มมหาสมุทร.” แน่นอน การสอนดังกล่าวนั้นจะรวมถึงการสอนวิธีดูแลแผ่นดินโลกและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่ในโลกด้วย เช่นเดียวกับที่อาดามเคยได้รับมอบหมายให้ทำตั้งแต่แรก. เมื่อสิ้นสุดพันปี พระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้าดังที่กล่าวในเยเนซิศ 1:28 จะสำเร็จเป็นจริง และเครื่องบูชาไถ่จะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่.
พระเยซูได้รับอำนาจให้พิพากษา
13. พระเยซูทรงแสดงอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงรักความชอบธรรมอย่างไร?
13 พระคริสต์ทรงเป็น “ผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ให้พิพากษาคนเป็นและคนตาย.” (กิจ. 10:42) เรารู้สึกอบอุ่นใจสักเพียงไรที่รู้ว่าพระเยซูไม่มีวันทุจริต และความชอบธรรมและความสัตย์ซื่อเป็นเหมือนผ้าคาดเอวของพระองค์! (ยซา. 11:5) พระองค์ทรงแสดงอย่างชัดเจนว่าทรงเกลียดความโลภ, ความหน้าซื่อใจคด, และความชั่วร้ายอื่น ๆ และพระองค์ทรงตำหนิคนที่ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่เป็นทุกข์เดือดร้อน. (มัด. 23:1-8, 25-28; มโก. 3:5) นอกจากนั้น พระเยซูทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ปรากฏภายนอกหลอก “เพราะพระองค์ทรงรู้จักใจมนุษย์ดี.”—โย. 2:25
14. พระเยซูทรงแสดงอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรมอย่างไรในขณะนี้ และเราควรถามตัวเองเช่นไร?
14 พระเยซูทรงแสดงอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรมอยู่เสมอโดยดูแลการรณรงค์งานประกาศและงานสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก. ไม่มีมนุษย์คนใด, รัฐบาลมนุษย์รัฐบาลใด, และกายวิญญาณชั่วตนใดจะสามารถยับยั้งงานนี้ไว้ไม่ให้สำเร็จอย่างครบถ้วนตามที่พระเจ้าทรงพอพระทัย. ด้วยเหตุนั้น เราเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ว่าเมื่ออาร์มาเก็ดดอนผ่านพ้นไปแล้ว ความยุติธรรมของพระเจ้าจะมีอยู่ทุกหนแห่ง. (อ่านยะซายา 11:4; มัดธาย 16:27) ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันมีทัศนคติต่อผู้คนในงานรับใช้แบบเดียวกับพระเยซูไหม? ฉันทำงานรับใช้ถวายพระยะโฮวาอย่างสุดกำลังแม้ว่าสุขภาพหรือสภาพการณ์ส่วนตัวทำให้ฉันทำได้จำกัดไหม?’
15. เราควรจำอะไรไว้เสมอซึ่งจะช่วยเราให้ทำงานรับใช้ถวายพระยะโฮวาอย่างสุดกำลัง?
15 เราจะได้รับความช่วยเหลือให้รับใช้พระเจ้าอย่างสุดชีวิตถ้าเราระลึกเสมอว่างานประกาศเป็นงานของพระองค์. พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ทำงานนี้; พระองค์ทรงชี้นำงานนี้โดยทางพระบุตร; และพระองค์ประทานกำลังแก่คนที่ทำงานนี้โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์. คุณเห็นค่าสิทธิพิเศษนี้ที่ได้รับใช้เป็นผู้ร่วมทำงานกับพระเจ้าและกับพระบุตรผู้ได้รับการชี้นำโดยพระวิญญาณไหม? นอกจากพระยะโฮวาแล้ว ยังจะมีใครอีกหรือที่สามารถกระตุ้นผู้คนมากกว่าเจ็ดล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ถือได้ว่าเป็น “สามัญชนที่เรียนมาน้อย” ให้ประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรแก่ผู้คนใน 236 ดินแดน?—กิจ. 4:13
จงรับพระพรที่มาทางพระคริสต์
16. เยเนซิศ 22:18 ทำให้เราเข้าใจเช่นไรเกี่ยวกับพระพรของพระเจ้า?
16 พระยะโฮวาทรงบอกอับราฮามว่า “ชนทุกชาติทั่วโลกจะได้พรเพราะพงศ์พันธุ์ของเจ้า, เพราะเจ้าได้เชื่อฟังเสียงของเรา.” (เย. 22:18) คำตรัสนี้ทำให้เราเข้าใจว่าคนที่เห็นค่างานรับใช้คอยท่าด้วยความมั่นใจได้ว่าจะได้รับพระพรที่พระมาซีฮาซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายจะนำมาให้. และพวกเขารับใช้อย่างขันแข็งในทุกวันนี้โดยคำนึงถึงพระพรเหล่านั้น.
17, 18. พระยะโฮวาทรงสัญญาอะไรดังที่เราอ่านในพระบัญญัติ 28:2 และนี่หมายถึงอะไรสำหรับเรา?
17 ครั้งหนึ่ง พระเจ้าตรัสกับชาติอิสราเอลซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายโดยสายเลือดของอับราฮามว่า “ความอวยพรเหล่านี้ [ตามที่พรรณนาไว้ในสัญญาแห่งพระบัญญัติ] จะมาถึง, และตกอยู่แก่เจ้าทั้งหลาย, ด้วยเจ้าทั้งหลายได้เชื่อฟังถ้อยคำพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า.” (บัญ. 28:2) เป็นเช่นนั้นด้วยกับผู้รับใช้ของพระเจ้าทุกวันนี้. ถ้าคุณปรารถนาจะได้รับพระพรจากพระยะโฮวา คุณต้อง “เชื่อฟัง” พระดำรัสของพระองค์เสมอ. เมื่อทำอย่างนั้น พระพรจากพระองค์ ‘จะมาถึงและตกอยู่แก่คุณ.’ แต่การ “เชื่อฟัง” หมายถึงอะไร?
18 แน่นอน การเชื่อฟังเกี่ยวข้องกับการใส่ใจในพระคำของพระเจ้าและอาหารฝ่ายวิญญาณที่พระองค์ทรงจัดให้. (มัด. 24:45) การเชื่อฟังยังหมายถึงการปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าและพระบุตรด้วย. พระเยซูตรัสว่า “มิใช่ทุกคนที่พูดกับเราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าราชอาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะได้เข้า.” (มัด. 7:21) นอกจากนั้น การเชื่อฟังพระเจ้ายังหมายถึงการเต็มใจอ่อนน้อมต่อประชาคมคริสเตียนที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้และยอมรับอำนาจของผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งซึ่งเป็น “ของประทานในลักษณะมนุษย์.”—เอเฟ. 4:8
19. เราต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับพระพร?
19 สมาชิกคณะกรรมการปกครอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาคมคริสเตียนทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่เป็น “ของประทานในลักษณะมนุษย์.” (กิจ. 15:2, 6) ที่จริง ทัศนคติของเราต่อพี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระคริสต์เป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่จะกำหนดว่าเราจะถูกพิพากษาอย่างไรในช่วงความทุกข์ลำบากใหญ่ที่ใกล้จะถึง. (มัด. 25:34-40) ด้วยเหตุนั้น วิธีหนึ่งที่จะทำให้เราได้รับพระพรก็คือเราต้องสนับสนุนผู้ถูกเจิมของพระเจ้าอย่างภักดี.
20. (ก) หน้าที่รับผิดชอบสำคัญอย่างหนึ่งของ “ของประทานในลักษณะมนุษย์” คืออะไร? (ข) เราจะแสดงให้เห็นได้อย่างไรว่าเราขอบคุณพี่น้องเหล่านี้?
20 “ของประทานในลักษณะมนุษย์” ยังรวมถึงสมาชิกคณะกรรมการสาขา, ผู้ดูแลเดินทาง, และผู้ปกครองประชาคม ซึ่งทั้งหมดได้รับการแต่งตั้งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์. (กิจ. 20:28) หน้าที่รับผิดชอบสำคัญของพี่น้องเหล่านี้ก็คือการหนุนใจประชาชนของพระเจ้า “จนกว่า . . . ทุกคนจะบรรลุความเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อและในความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ เติบโตถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์.” (เอเฟ.4:13) จริงอยู่ พวกเขาไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกับที่พวกเราทั้งหมดไม่สมบูรณ์. ถึงกระนั้นเราจะได้รับพระพรเมื่อเราตอบรับการบำรุงเลี้ยงอันเปี่ยมด้วยความรักของพวกเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ.—ฮีบรู 13:7, 17
21. เหตุใดจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราจะเชื่อฟังพระบุตรของพระเจ้า?
21 ในไม่ช้าพระคริสต์จะทรงทำลายระบบชั่วของซาตาน. เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ชีวิตของเราก็จะอยู่ในพระหัตถ์ของพระเยซู เพราะพระองค์ได้รับอำนาจจากพระเจ้าให้ชี้นำ “ชนฝูงใหญ่” ตามที่บอกไว้ล่วงหน้าให้ไปถึง “น้ำพุทั้งหลายที่มีน้ำแห่งชีวิต.” (วิ. 7:9, 16, 17) ดังนั้น ขณะนี้ให้เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะยอมรับอำนาจพระมหากษัตริย์ที่ได้รับการชี้นำจากพระวิญญาณของพระยะโฮวาด้วยความเต็มใจและขอบพระคุณ.
คุณเรียนรู้อะไรจาก . . .
• กิจการ 10:42?
[ภาพหน้า 17]
ความเมตตาสงสารของพระเยซูเห็นได้ชัดเมื่อพระองค์ทรงปลุกลูกสาวของไยรอส
[ภาพหน้า 18]
พระเยซูคริสต์ทรงดูแลการรณรงค์งานประกาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์