จงไว้วางใจพระยะโฮวา “พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง”
“ขอให้พระองค์ผู้เป็นพระเจ้าและพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราได้รับการสรรเสริญ พระองค์เป็นพระบิดาแห่งความเมตตากรุณาและเป็นพระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง.”—2 โค. 1:3
1. ไม่ว่าจะอายุเท่าไร มนุษย์เราจำเป็นต้องได้รับอะไร?
ตั้งแต่เกิด เราสำนึกถึงความจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยน. เด็กทารกใช้เสียงเพื่อบอกให้เรารู้ว่าเขาต้องการการปลอบโยน. ทารกอาจหิวหรืออยากให้ใครมากอด. แม้แต่เมื่อเราโตขึ้น หลายครั้งเราอยากให้ใครมาปลอบโยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราประสบความยุ่งยากลำบาก.
2. พระยะโฮวาทรงให้คำรับรองอย่างไรว่าพระองค์จะปลอบโยนคนที่ไว้วางใจพระองค์?
2 สมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ มักช่วยปลอบโยนได้ในระดับหนึ่ง. แต่บางครั้งสภาพการณ์ที่ทำให้เราเป็นทุกข์นั้นเกินกว่าที่มนุษย์จะเยียวยาได้. มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยปลอบโยนเราได้ ไม่ว่าสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรานั้นอาจทำให้เราเป็นทุกข์สักเพียงไรก็ตาม. พระคำของพระองค์รับรองเราว่า “พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ใกล้คนทั้งปวงที่ทูลต่อพระองค์ . . . พระองค์จะทรงสดับฟังคำร้องทุกข์ของเขา.” (เพลง. 145:18, 19) ใช่แล้ว “พระเนตรพระยะโฮวาเพ่งดูผู้ชอบธรรม, และพระกรรณของพระองค์ทรงสดับฟังคำทูลร้องทุกข์ของเขา.” (เพลง. 34:15) แต่ถ้าเราต้องการได้รับการเกื้อหนุนและการปลอบโยนจากพระเจ้า เราต้องไว้วางใจพระองค์. ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญแสดงเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนเมื่อท่านร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาจะเป็นป้อมอันสูงสำหรับผู้ที่ถูกข่มเหงด้วย, เป็นป้อมอันสูงในเวลายากลำบาก; คนทั้งหลายที่รู้จักพระนามของพระองค์แล้วจะวางใจในพระองค์; ด้วยพระยะโฮวาไม่ทรงละทิ้งคนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์.”—เพลง. 9:9, 10
3. พระเยซูทรงแสดงให้เห็นอย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงรักประชาชนของพระองค์?
3 ผู้นมัสการพระยะโฮวามีค่ามากสำหรับพระองค์. พระเยซูทรงแสดงให้เห็นชัดเจนในเรื่องนี้เมื่อพระองค์ตรัสว่า “นกกระจอกห้าตัวขายได้เงินนิดเดียวมิใช่หรือ? ถึงอย่างนั้น ไม่มีสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม. แม้แต่ผมของพวกเจ้าก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น. อย่ากลัวเลย พวกเจ้ามีค่ายิ่งกว่านกกระจอกหลายตัว.” (ลูกา 12:6, 7) พระยะโฮวาตรัสกับประชาชนของพระองค์ในสมัยโบราณโดยทางผู้พยากรณ์ยิระมะยาห์ว่า “แท้จริงเราได้รักเจ้าด้วยความรักที่จะไม่หยุด, เหตุฉะนี้เราได้ชักชวนเจ้าด้วยความเมตตาประกอบความรัก.”—ยิระ. 31:3
4. เหตุใดเราจึงเชื่อมั่นในคำสัญญาของพระยะโฮวาได้?
4 การไว้วางใจพระยะโฮวาและเชื่อมั่นว่าคำสัญญาของพระองค์จะสำเร็จเป็นจริงช่วยชูใจเราได้ในยามทุกข์ยากลำบาก. ด้วยเหตุนั้น เราควรไว้วางใจพระเจ้าแบบเดียวกับที่ยะโฮซูอะแสดงออก ซึ่งกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ในสิ่งสารพัตรอันดีนั้น, ซึ่งยะโฮวาพระเจ้าของท่านทรงตรัสถึงท่านแล้วหาได้ขาดสักสิ่งเดียวไม่; สรรพสิ่งเหล่านั้นก็สำเร็จแก่ท่านแล้ว, ไม่ขาดเหลือสักสิ่งเดียว.” (ยโฮ. 23:14) นอกจากนั้น แม้แต่ในบางครั้งที่เรารู้สึกหมดกำลังใจเพราะสภาพการณ์ที่ยุ่งยากลำบาก เราแน่ใจได้ว่า “พระเจ้าทรงซื่อสัตย์” และจะไม่มีวันทอดทิ้งผู้รับใช้ที่ภักดีของพระองค์.—อ่าน 1 โครินท์ 10:13
5. เราจะปลอบโยนคนอื่นได้อย่างไร?
5 อัครสาวกเปาโลกล่าวถึงพระยะโฮวาว่าทรงเป็น “พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง.” “การชูใจ” หมายถึงการปลอบโยนคนที่เป็นทุกข์เจ็บปวดหรือโศกเศร้า. เราชูใจผู้อื่นได้ด้วยการบรรเทาความทุกข์ระทมหรือความโศกเศร้าของเขาและปลอบโยนให้เขาสบายใจขึ้น. พระยะโฮวาทรงทำเช่นนี้อย่างแน่นอน. (อ่าน 2 โครินท์ 1:3, 4) ไม่มีสิ่งใดหรือใครจะหน่วงเหนี่ยวพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ได้ และด้วยเหตุนั้นพระองค์ทรงสามารถใช้วิธีใดก็ได้ตามที่จำเป็นเพื่อจะปลอบโยนคนที่รักพระองค์. เราเองก็สามารถปลอบโยนเพื่อนร่วมความเชื่อ “ที่ตกอยู่ในความทุกข์ลำบากต่าง ๆ.” เราสามารถทำอย่างนั้นได้ “เนื่องจากเราเองได้รับการชูใจจากพระเจ้า.” คำพรรณนาของเปาโลแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงมีความสามารถที่ไม่มีใครเทียมในการชูใจคนที่ท้อแท้สิ้นหวัง!
รับมือสาเหตุที่ทำให้เป็นทุกข์
6. จงยกตัวอย่างสิ่งที่อาจทำให้เป็นทุกข์.
6 เราจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยนในหลายแง่มุมของชีวิต. สาเหตุใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์โศกก็คือการตายคนที่เรารัก โดยเฉพาะคู่สมรสหรือลูก. นอกจากนั้น บางคนอาจต้องได้รับการปลอบโยนเพราะเขาตกเป็นเหยื่อของการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมหรืออคติ. สุขภาพที่ไม่ดี วัยชรา ความยากจน ปัญหาในชีวิตสมรส หรือสภาพการณ์ในโลกที่ทำให้เป็นทุกข์ อาจทำให้คนเราจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยน.
7. (ก) เมื่อประสบปัญหาที่ทำให้เป็นทุกข์ เราจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยนแบบใด? (ข) พระยะโฮวาทรงสามารถทำอะไรเพื่อรักษาหัวใจที่ “แตกและฟกช้ำ”?
7 เมื่อเราเป็นทุกข์เดือดร้อน เราจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยนเพราะหัวใจ จิตใจ ความรู้สึก และสุขภาพทั้งทางกายและฝ่ายวิญญาณของเราอาจได้รับผลกระทบ. ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณาหัวใจ. พระคำของพระเจ้ายอมรับว่าหัวใจของเราอาจ “แตกและฟกช้ำ” ได้. (เพลง. 51:17) พระยะโฮวาทรงจัดการเรื่องนี้ได้ เพราะ “พระองค์ทรงประเล้าประโลมใจที่แตกช้ำแล้วให้หาย, และทรงผูกพันบาดแผลของเขา.” (เพลง. 147:3) แม้แต่เมื่อประสบปัญหาอย่างรุนแรง พระเจ้าทรงสามารถบรรเทาความทุกข์ในหัวใจเราถ้าเราอธิษฐานถึงพระองค์ด้วยความเชื่ออันเต็มเปี่ยมและทำตามพระบัญชาของพระองค์.—อ่าน 1 โยฮัน 3:19-22; 5:14, 15
8. เมื่อเราทุกข์ใจ พระยะโฮวาทรงสามารถช่วยเราโดยวิธีใด?
8 บ่อยครั้ง จิตใจ ของเราจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยนเนื่องจากการทดสอบหลายอย่างอาจทำให้เกิดความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง. เราคงไม่สามารถรับมือการทดสอบความเชื่อเหล่านี้ได้ด้วยกำลังของเราเอง. อย่างไรก็ตาม ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “ครั้นข้าพเจ้ามีความสาละวนในใจเป็นอันมากความประเล้าประโลมของพระองค์ก็จะทรงกระทำให้จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าชื่นบาน.” (เพลง. 94:19) นอกจากนั้น เปาโลเขียนว่า “อย่าวิตกกังวลกับสิ่งใด แต่จงทูลทุกสิ่งที่พวกท่านปรารถนาต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐานและการวิงวอนพร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะปกป้องหัวใจและจิตใจท่านทั้งหลายไว้โดยทางพระคริสต์เยซู.” (ฟิลิป. 4:6, 7) การอ่านและการใคร่ครวญพระคัมภีร์เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการรับมือความทุกข์ทางใจ.—2 ติโม. 3:15-17
9. เราจะรับมือความรู้สึกในแง่ลบได้อย่างไร?
9 บางครั้ง เราอาจท้อแท้ใจมากจนอาจพ่ายแพ้แก่ความรู้สึก ในแง่ลบ. เราอาจรู้สึกว่าเราทำหน้าที่รับผิดชอบตามหลักพระคัมภีร์หรือสิทธิพิเศษในการรับใช้ได้ไม่ดี. ในแง่นี้ก็เช่นกัน พระยะโฮวาทรงสามารถปลอบโยนและช่วยเราได้. เพื่อเป็นตัวอย่าง เมื่อยะโฮซูอะได้รับมอบหมายให้นำหน้าชาวอิสราเอลในการรบกับชาติศัตรูหลายชาติที่มีอำนาจ โมเซบอกประชาชนว่า “จงมีกำลังเข้มแข็ง, และมีใจกล้า, อย่าสะดุ้งตกใจกลัวเขา: เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, เสด็จไปด้วยเจ้า; พระองค์ไม่ทรงหย่อน, ไม่ละทิ้งเจ้าทั้งหลายเลย.” (บัญ. 31:6) ด้วยการหนุนหลังจากพระยะโฮวา ยะโฮซูอะสามารถนำประชาชนของพระเจ้าเข้าสู่แผ่นดินที่ทรงสัญญาและมีชัยเหนือศัตรูทั้งสิ้น. ก่อนหน้านั้นที่ทะเลแดง โมเซก็ได้รับการหนุนหลังจากพระเจ้าคล้าย ๆ กัน.—เอ็ก. 14:13, 14, 29-31
10. ถ้าความทุกข์ใจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายของเรา เราอาจได้รับความช่วยเหลืออะไร?
10 เหตุการณ์ที่ทำให้ทุกข์ใจอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย ของเราได้. แน่นอน การกินอย่างเหมาะสม การพักผ่อนและออกกำลังกายให้เพียงพอ และการรักษาความสะอาดอาจก่อผลดีต่อเรา. การมองอนาคตในแง่ดีตามที่พระคัมภีร์บอกไว้อาจส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเรา. ดังนั้น เมื่อเราทุกข์ใจนับว่าเป็นประโยชน์ที่จะระลึกถึงประสบการณ์ของเปาโลและคำพูดที่ให้กำลังใจของท่านที่ว่า “เราถูกกดดันทุกด้าน แต่ก็ไม่ถึงกับขยับไม่ไหว เรารู้สึกสับสน แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีทางออก เราถูกข่มเหง แต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกทำให้ล้มลง แต่ก็ไม่ถึงตาย.”—2 โค. 4:8, 9
11. เราจะเอาชนะความเจ็บป่วยฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร?
11 การทดสอบบางอย่างอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฝ่ายวิญญาณ ของเรา. ในแง่นี้ก็เช่นกัน พระยะโฮวาทรงสามารถช่วยเราได้. พระคำของพระองค์รับรองกับเราว่า “พระยะโฮวาทรงประคองสรรพสัตว์และสรรพสิ่งที่จวนจะล้มลง, และทรงยกบรรดาคนที่ถ่อมตัวลงให้ยืนขึ้นตรง.” (เพลง. 145:14) เพื่อจะเอาชนะความเจ็บป่วยฝ่ายวิญญาณ เราควรขอความช่วยเหลือจากคริสเตียนผู้ปกครอง. (ยโก. 5:14, 15) และการระลึกถึงความหวังในพระคัมภีร์เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์เสมอจะช่วยค้ำจุนเราในช่วงที่ความเชื่อถูกทดสอบ.—โย. 17:3
ตัวอย่างของคนที่ได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้า
12. จงพรรณนาวิธีที่พระยะโฮวาทรงปลอบโยนอับราฮาม.
12 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญคนหนึ่งซึ่งได้รับการดลใจทูลพระยะโฮวาว่า “ข้าพเจ้าจะภาวนาข้อกฎหมายของพระองค์ ขอทรงระลึกถึงพระวจนะที่ได้ตรัสแก่ผู้ทาสของพระองค์, คือที่ [พระยะโฮวา] ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าวางใจอยู่นั้น. เมื่อตกทุกข์ได้ยากพระดำรัสนั้นแหละเป็นที่ประเล้าประโลมข้าพเจ้า; เพราะว่าพระโอวาทของพระองค์ได้กระทำให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้น.” (เพลง. 119:49, 50) ทุกวันนี้ เรามีพระคำของพระยะโฮวาที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีตัวอย่างมากมายของคนที่ได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้า. ตัวอย่างเช่น อับราฮาม คงทุกข์ใจมากเมื่อรู้ว่าพระยะโฮวาจะทรงทำลายเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์. ปฐมบรรพบุรุษผู้ซื่อสัตย์ถามพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระองค์, พระองค์จะประหารชีวิตคนดีกับคนชั่วด้วยกันหรือ?” พระยะโฮวาทรงปลอบโยนอับราฮามโดยรับรองกับท่านว่าถ้าพบคนชอบธรรม 50 คน พระองค์จะไม่ทำลายเมืองโซโดม. อย่างไรก็ตาม อับราฮามถามพระยะโฮวาอีกห้าครั้งว่า ถ้ามีคนชอบธรรมเพียงแค่ 45 คน, 40 คน, 30 คน, 20 คน, หรือ 10 คน พระองค์จะทำลายไหม? แต่ละครั้ง พระยะโฮวาทรงรับรองกับอับราฮามอย่างอดทนและกรุณาอย่างยิ่งว่าเมืองโซโดมจะไม่ถูกทำลาย. ถึงแม้ว่ามีผู้ชอบธรรมไม่ถึงสิบคนในสองเมืองนี้ พระยะโฮวาทรงช่วยโลตและลูกสาวให้รอด.—เย. 18:22-32; 19:15, 16, 26
13. ฮันนาแสดงให้เห็นอย่างไรว่านางไว้วางใจพระยะโฮวา?
13 นางฮันนา ภรรยาของเอลคานาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีบุตร. แต่นางเป็นหมัน และเรื่องนี้ทำให้นางทุกข์ใจมาก. นางอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมหาปุโรหิตเอลีบอกนางว่า “ขอให้พระเจ้าของพวกยิศราเอลทรงโปรดประทาน, ตามที่เจ้าได้อธิษฐานต่อพระองค์นั้น.” คำพูดนี้ช่วยปลอบโยนฮันนาทำให้นางมี “หน้าชื่นบานมิได้เศร้าโศกต่อไปอีก.” (1 ซามู. 1:8, 17, 18) นางฮันนาไว้วางใจพระยะโฮวา และฝากเรื่องทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์. ถึงแม้ไม่รู้ว่าผลจะเป็นเช่นไร แต่นางฮันนาก็มีความสงบใจ. ต่อมา พระยะโฮวาทรงตอบคำอธิษฐานของนาง. นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย และตั้งชื่อบุตรนั้นว่าซามูเอล.—1 ซามู. 1:20
14. เหตุใดดาวิดจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยน และท่านหันไปหมายพึ่งใคร?
14 กษัตริย์ดาวิด แห่งอิสราเอลโบราณเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่ได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้า. เนื่องจากพระยะโฮวา “ทอดพระเนตรดวงจิตต์” เมื่อพระองค์ทรงเลือกดาวิดให้เป็นกษัตริย์ของชาติอิสราเอลในวันข้างหน้า พระองค์ทรงรู้ว่าดาวิดเป็นคนจริงใจและเลื่อมใสพระเจ้า. (1 ซามู. 16:7; 2 ซามู. 5:10) อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาดาวิดทำผิดประเวณีกับนางบัธเซบะและพยายามปกปิดบาปที่ตนทำโดยหาทางให้สามีนางถูกฆ่า. เมื่อดาวิดรู้ตัวว่าได้ทำบาปใหญ่หลวง ท่านอธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “ขอทรงลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าตามพระทัยบริบูรณ์ด้วยพระเมตตาปรานีอันอ่อนละมุนของพระองค์. ขอพระองค์ทรงล้างข้าพเจ้าให้หมดจดจากความอสัตย์อธรรมของข้าพเจ้า, และทรงชำระข้าพเจ้าให้ปราศจากความผิด. เพราะข้าพเจ้ารู้สำนึกการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าแล้ว; และการบาปของข้าพเจ้าก็อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ.” (เพลง. 51:1-3) ดาวิดกลับใจอย่างแท้จริง และพระยะโฮวาทรงให้อภัยท่าน. อย่างไรก็ตาม ดาวิดต้องรับผลที่เกิดจากการกระทำผิดของท่าน. (2 ซามู. 12:9-12) กระนั้น ด้วยความเมตตาของพระยะโฮวา ดาวิดซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมใจจึงได้รับการปลอบโยน.
15. พระยะโฮวาประทานการช่วยเหลืออะไรแก่พระเยซูก่อนที่พระบุตรจะสิ้นพระชนม์?
15 เมื่ออยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซู ทรงเผชิญเหตุการณ์หลายอย่างที่ทดสอบความอดทนอย่างมาก. พระเจ้าทรงยอมให้มีการทดสอบความเชื่อเช่นนี้ และพระเยซูทรงรักษาความซื่อสัตย์จงรักภักดีในฐานะมนุษย์สมบูรณ์ที่ไว้วางใจพระยะโฮวาและยกย่องเชิดชูอำนาจการปกครองสูงสุดของพระบิดาเสมอ. เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระเยซูจะถูกทรยศและถูกประหาร พระองค์ทรงอธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า “อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด.” แล้วทูตสวรรค์องค์หนึ่งก็มาปรากฏกายและชูกำลังพระองค์. (ลูกา 22:42, 43) พระเจ้าประทานการปลอบโยน ความเข้มแข็ง และการสนับสนุนที่พระเยซูจำเป็นต้องได้รับในตอนนั้น.
16. พระเจ้าทรงสามารถช่วยเราได้อย่างไรเมื่อเราเผชิญหน้ากับความตายในฐานะผู้รักษาความซื่อสัตย์จงรักภักดี?
16 แม้แต่ถ้าเราเผชิญหน้ากับความตายเพราะการยืนหยัดมั่นคงในฐานะคริสเตียน พระยะโฮวาทรงสามารถช่วยเราให้รักษาความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระองค์ และพระองค์จะทรงทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน. นอกจากนั้น ความหวังที่จะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายยังปลอบโยนเราด้วย. และเราคอยท่าวันที่ความตายซึ่งเป็นศัตรูตัวสุดท้าย ‘จะถูกทำลาย’! (1 โค. 15:26) พระยะโฮวาจะไม่มีทางลืมผู้รับใช้ที่ภักดีของพระองค์ที่ตายไปแล้ว รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วย และจะทรงปลุกพวกเขาให้เป็นขึ้นจากตาย. (โย. 5:28, 29; กิจ. 24:15) ความเชื่อมั่นในคำสัญญาของพระยะโฮวาเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายช่วยชูใจเราและทำให้เรามีความหวังที่มั่นคงในช่วงที่ถูกข่มเหง.
17. พระยะโฮวาทรงปลอบโยนเราอย่างไรเมื่อคนที่เรารักเสียชีวิต?
17 ช่างให้กำลังใจสักเพียงไรที่รู้ว่าคนที่เรารักซึ่งตอนนี้หลับอยู่ในหลุมฝังศพของมนุษยชาติมีความหวังที่จะมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งในโลกใหม่ที่ยอดเยี่ยมซึ่งจะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ผู้คนเป็นทุกข์เหมือนในทุกวันนี้! และเป็นสิทธิพิเศษสักเพียงไรสำหรับ “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่รอดชีวิตผ่านอวสานของระบบชั่วนี้ที่จะได้ต้อนรับและสอนคนที่ถูกปลุกให้มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก!—วิ. 7:9, 10
พระกรนิรันดร์ของพระเจ้ารองรับเราอยู่
18, 19. ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้รับการปลอบโยนอย่างไรเมื่อถูกข่มเหง?
18 ในเนื้อร้องของเพลงที่มีพลังและทำให้อบอุ่นใจ โมเซรับรองกับชาวอิสราเอลว่า “พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่.” (บัญ. 33:27, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) ในเวลาต่อมา ผู้พยากรณ์ซามูเอลบอกชาวอิสราเอลว่า “อย่าได้หันหลีกไปจากการติดตามพระยะโฮวา, แต่จงปฏิบัติพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจของท่าน. . . . ด้วยพระยะโฮวาทรงเห็นแก่พระนามอันเลิศของพระองค์คงจะไม่ละทิ้งพลไพร่ของพระองค์.” (1 ซามู. 12:20-22) ตราบใดที่เราติดสนิทกับพระยะโฮวาในการนมัสการแท้ พระองค์จะไม่ละทิ้งเรา. พระองค์จะประทานการสนับสนุนที่จำเป็นแก่เราเสมอ.
19 พระเจ้ากำลังประทานความช่วยเหลือและการปลอบโยนที่จำเป็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไม่ขาดตกบกพร่องในสมัยสุดท้ายอันวิกฤตินี้. ในช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านไป เพื่อนร่วมความเชื่อของเรามากมายตลอดทั่วโลกถูกข่มเหงและถูกจำคุกเพียงเพราะพวกเขารับใช้พระยะโฮวา. ประสบการณ์ของพวกเขาพิสูจน์ว่าในยามที่ถูกทดสอบ พระยะโฮวาทรงปลอบโยนผู้รับใช้ของพระองค์จริง ๆ. ตัวอย่างเช่น พี่น้องของเราคนหนึ่งในอดีตสหภาพโซเวียตถูกตัดสินจำคุก 23 ปีเพราะความเชื่อของเขา. ถึงกระนั้น พี่น้องหาวิธีที่จะให้เขาได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณเพื่อเสริมกำลังและชูใจเขา. เขากล่าวว่า “ตลอดช่วงเวลานั้น ผมได้เรียนรู้ที่จะไว้วางใจพระยะโฮวาและรับกำลังจากพระองค์.”—อ่าน 1 เปโตร 5:6, 7
20. เหตุใดเราจึงแน่ใจได้ว่าพระยะโฮวาจะไม่ทอดทิ้งเรา?
20 ไม่ว่าเราอาจจะต้องเผชิญอะไรก็ตาม เราควรระลึกถึงถ้อยคำที่ให้กำลังใจของผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเสมอที่ว่า “พระยะโฮวาจะไม่ทรงละทิ้งพลไพร่ของพระองค์.” (เพลง. 94:14) แม้ว่าเราเองจำเป็นต้องได้รับการปลอบโยน เรามีสิทธิพิเศษด้วยที่จะปลอบโยนคนอื่น ๆ. ดังที่จะได้พิจารณาในบทความถัดไป เราสามารถปลอบโยนคนที่เป็นทุกข์โศกเศร้าในโลกที่ยุ่งยากลำบากนี้.
คุณจะตอบอย่างไร?
• มีอะไรบ้างที่อาจทำให้เราเป็นทุกข์?
• พระยะโฮวาทรงปลอบโยนผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร?
• ถ้าเราต้องเผชิญหน้ากับความตาย อะไรอาจให้กำลังใจเรา?
[กรอบ/ภาพหน้า 25]
วิธีรับมือเรื่องต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อ . . .
▪ หัวใจ เพลง. 147:3; 1 โย. 3:19-22; 5:14, 15
▪ จิตใจ เพลง. 94:19; ฟิลิป. 4:6, 7
▪ ความรู้สึก เอ็ก. 14:13, 14; บัญ. 31:6
▪ สุขภาพกาย 2 โค. 4:8, 9
▪ สุขภาพฝ่ายวิญญาณ เพลง. 145:14; ยโก. 5:14, 15