การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูมีความหมายสำหรับเรา
“พระองค์ถูกปลุกให้เป็นขึ้นมาแล้ว”—มัด. 28:6
1, 2. (ก) พวกผู้นำศาสนาอยากรู้เรื่องอะไร และเปโตรตอบด้วยท่าทีอย่างไร? (ดูภาพแรก) (ข) ทำไมเปโตรกล้าเผชิญหน้ากับพวกผู้นำศาสนา?
หลังจากพระเยซูตายไม่กี่สัปดาห์ อัครสาวกเปโตรเผชิญหน้ากับพวกผู้นำศาสนาชาวยิวที่น่ากลัว คนพวกนี้แหละที่วางแผนฆ่าพระเยซู พวกเขาโกรธเปโตรมากที่รักษาชายคนหนึ่งให้เดินได้ พวกเขาถามเปโตรว่า ‘เจ้าทำการนี้โดยอำนาจของใครหรือในนามของใคร?’ เปโตรตอบด้วยความกล้าหาญว่า “ในพระนามพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเรทซึ่งพวกท่านได้ตรึงไว้บนเสา แต่พระเจ้าได้ทรงปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย โดยพระองค์นั้นแหละที่ชายคนนั้นยืนเป็นปกติอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่านทั้งหลาย”—กิจ. 4:5-10
2 ก่อนหน้านี้ เปโตรเคยกลัวมากจนปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูถึงสามครั้ง (มโก. 14:66-72) แต่ตอนนี้เปโตรไม่ได้กลัวเหมือนเมื่อก่อน ทำไมเขากล้าเผชิญหน้ากับพวกผู้นำศาสนา? เพราะพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าช่วยเปโตรและเขาเองก็มั่นใจว่าพระเยซูยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมเปโตรถึงได้มั่นใจขนาดนั้น? และทำไมเราต้องมีความมั่นใจเหมือนเปโตร?
3, 4. (ก) เคยมีการปลุกคนตายให้ฟื้นอย่างไรก่อนสมัยของอัครสาวก? (ข) พระเยซูเคยปลุกใครให้ฟื้นขึ้นจากตายบ้าง?
3 เหล่าอัครสาวกรู้ดีว่าคนตายจะกลับมามีชีวิตอีกได้ เพราะนานก่อนที่พวกเขาจะเกิด พระเจ้าเคยให้เอลียาห์และเอลีชา (อะลีซา) มีความสามารถที่จะปลุกคนตายให้ฟื้นมาแล้ว (1 กษัต. 17:17-24; 2 กษัต. 4:32-37) แม้แต่ศพที่ถูกโยนลงไปในอุโมงค์ฝังศพก็ฟื้นคืนชีวิตอีก เมื่อศพนั้นไปโดนกระดูกของเอลีชา (2 กษัต. 13:20, 21) คริสเตียนรุ่นแรกเชื่อในเรื่องนี้ เหมือนกับที่เราเชื่อว่าคำพูดของพระเจ้าเป็นความจริง
4 เรารู้สึกซาบซึ้งใจทุกครั้งเวลาที่เราอ่านเรื่องราวที่พระเยซูปลุกคนตายให้กลับมามีชีวิตอีก เมื่อเรานึกภาพว่าแม่ม่ายจะดีใจขนาดไหนเมื่อเห็นพระเยซูปลุกลูกชายคนเดียวของเธอให้ฟื้นขึ้นจากตาย (ลูกา 7:11-15) หรือตอนที่พระเยซูปลุกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้กลับมามีชีวิต เราคงซึ้งใจมากที่เห็นความเศร้าเสียใจของพ่อแม่กลับกลายเป็นความเบิกบานยินดีเมื่อได้เห็นลูกกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! (ลูกา 8:49-56) คุณลองนึกดูสิว่าผู้คนจะตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่ได้เห็นลาซะโรเดินออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ!—โย. 11:38-44
ทำไมการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูจึงไม่เหมือนใคร
5. การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูต่างจากคนอื่น ๆ อย่างไร?
5 เหล่าอัครสาวกรู้ว่าการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูไม่เหมือนคนอื่น ๆ ก่อนหน้านั้นเพราะพระเยซูฟื้นขึ้นจากตายเป็นกายวิญญาณและจะไม่ตายอีก แต่คนอื่น ๆ ฟื้นขึ้นจากตายเป็นร่างกายมนุษย์และในที่สุดก็ตายเหมือนเดิม (อ่านกิจการ 13:34) เปโตรเขียนว่า พระเยซู “ถูกประหารในสภาพมนุษย์ แต่ถูกทำให้มีชีวิตในสภาพกายวิญญาณ” จากนั้น “พระองค์สถิตด้านขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าเพราะพระองค์เสด็จสู่สวรรค์แล้ว และพระเจ้าทรงโปรดให้เหล่าทูตสวรรค์กับผู้มีอำนาจและผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว” (1 เป. 3:18-22) การฟื้นขึ้นจากตายของคนอื่น ๆ เป็นการอัศจรรย์ที่โดดเด่น แต่การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูเป็นการอัศจรรย์ที่สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
6. การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูมีผลต่อสาวกอย่างไร?
6 การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูมีผลต่อเหล่าสาวกมาก ศัตรูของพระเยซูคิดว่าพระเยซูตายไปแล้ว แต่ที่จริงท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว ยิ่งกว่านั้น พระเยซูเป็นกายวิญญาณที่มีพลังและไม่มีมนุษย์คนไหนจะทำร้ายท่านได้อีก การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูพิสูจน์ว่าท่านเป็นลูกชายของพระเจ้าจริง ๆ เนื่องจากเหล่าสาวกรู้ว่าพระเยซูยังมีชีวิตอยู่พวกเขาจึงไม่กลัวหรือเศร้าเสียใจอีกต่อไป แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พวกเขายิ่งกระตือรือร้นและมั่นใจมากขึ้น ถ้าพระเยซูไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย ความต้องการของพระเจ้าก็จะไม่มีทางสำเร็จและข่าวดีที่พวกสาวกประกาศก็จะไม่มีความหมายเลย
7. ตอนนี้พระเยซูกำลังทำอะไร และมีคำถามอะไรบ้างที่เราอยากรู้?
7 เรารู้ว่าพระเยซูไม่ได้เป็นแค่ชายผู้ยิ่งใหญ่ พระเยซูมีชีวิตอยู่และกำลังดูแลงานประกาศทั่วโลก ท่านเป็นกษัตริย์ของราชอาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้าซึ่งอีกไม่นานจะมากำจัดความชั่วทุกอย่างให้หมดไปจากโลกนี้และเปลี่ยนทั้งโลกเป็นอุทยานเพื่อให้มนุษย์อยู่อาศัยตลอดไป (ลูกา 23:43) สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้าพระเยซูไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย แล้วทำไมเราถึงมั่นใจได้ว่าพระเยซูฟื้นขึ้นจากตายจริง ๆ? และการฟื้นขึ้นจากตายของท่านมีความหมายต่อเราอย่างไร?
พระยะโฮวามีอำนาจเหนือความตาย
8, 9. (ก) ทำไมพวกผู้นำศาสนาชาวยิวจึงขอให้ป้องกันอุโมงค์ฝังศพของพระเยซูไว้อย่างแน่นหนา? (ข) เกิดอะไรขึ้นเมื่อหญิงสองคนมาที่อุโมงค์ฝังศพ?
8 หลังจากที่พระเยซูถูกประหาร หัวหน้าศาสนาชาวยิวมาหาปีลาตและบอกว่า “ท่านเจ้าข้า พวกข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่าคนหลอกลวงผู้นั้นเคยบอกไว้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ว่า ‘อีกสามวันเราจะถูกปลุกให้เป็นขึ้นมา’ ฉะนั้น โปรดสั่งให้ป้องกันที่ฝังศพเขาอย่างแน่นหนาจนถึงวันที่สาม เพื่อไม่ให้พวกสาวกของเขามาขโมยศพไปแล้วบอกประชาชนว่า ‘เขาถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายแล้ว!’ และการหลอกลวงครั้งหลังนี้จะยิ่งร้ายกว่าครั้งแรก” ปีลาตบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าจงนำทหารยามไปป้องกันที่นั่นให้แน่นหนาเท่าที่จะทำได้” และพวกเขาก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ—มัด. 27:62-66
9 ศพของพระเยซูถูกฝังในอุโมงค์ที่เจาะเข้าไปในหินและปิดปากอุโมงค์ไว้อย่างแน่นหนาด้วยหินก้อนใหญ่ เพราะพวกหัวหน้าศาสนาต้องการให้พระเยซูอยู่ในอุโมงค์ฝังศพตลอดไป แต่พระยะโฮวาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น สามวันต่อมา มาเรียมักดาลากับมาเรียอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นสาวกของพระเยซูมาที่อุโมงค์ฝังศพ พวกเธอเห็นหินที่ปิดปากอุโมงค์ถูกกลิ้งออกและมีทูตสวรรค์นั่งอยู่บนหินนั้น ทูตสวรรค์บอกผู้หญิงสองคนนี้ว่าให้เข้าไปดูข้างใน แล้วพวกเธอก็เห็นว่าอุโมงค์นั้นว่างเปล่า ทูตสวรรค์จึงพูดกับพวกเธอว่า “พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ เพราะพระองค์ถูกปลุกให้เป็นขึ้นมาแล้ว” (มัด. 28:1-6) พระเยซูยังมีชีวิตอยู่!
10. เปาโลพิสูจน์อย่างไรว่าพระเยซูฟื้นขึ้นจากตายจริง ๆ?
10 สิ่งที่เกิดขึ้น 40 วันหลังจากนั้น ให้ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าพระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย อัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายถึงประชาคมในเมืองโครินท์ว่า “เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้รับนั้นข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดแก่ท่านทั้งหลายแล้ว คือเรื่องที่พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเราตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์ และที่พระองค์ถูกฝังไว้ ในวันที่สามพระองค์ก็ถูกปลุกให้เป็นขึ้นมาตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์ และที่พระองค์ทรงปรากฏกายแก่เกฟาแล้วก็แก่อัครสาวกสิบสองคน หลังจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏกายแก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียวซึ่งส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บางคนก็ตายไปแล้ว แล้วพระองค์ทรงปรากฏกายแก่ยาโกโบแล้วก็อัครสาวกทั้งหมด สุดท้าย พระองค์ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้าซึ่งเป็นเหมือนเด็กคลอดก่อนกำหนด”—1 โค. 15:3-8
สี่เหตุผลที่ทำให้เรารู้ว่าพระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย
11. การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูเป็นไป “ตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์” อย่างไร?
11 เหตุผลแรก การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูเป็นไป “ตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์” คัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าว่าพระเยซูจะฟื้นขึ้นจากตาย เช่น ดาวิดเขียนว่า “ผู้จงรักภักดี” ของพระเจ้าจะไม่ถูกทิ้งไว้ในหลุมฝังศพ (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 16:10, ฉบับมาตรฐาน )a ในวันเพนเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 เปโตรอธิบายว่า “ผู้จงรักภักดี” คือพระเยซู เมื่อเขาบอกว่า “[ดาวิด] รู้ล่วงหน้าและได้พูดถึงการกลับเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์ว่า พระเจ้าไม่ทรงละพระองค์ไว้ในหลุมศพและพระกายพระองค์ก็ไม่ได้เน่าเปื่อยไป”—กิจ. 2:23-27, 31
12. หลังจากที่พระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย มีใครเห็นท่านบ้าง?
12 เหตุผลที่สอง มีพยานหลายคนเห็นพระเยซูหลังจากที่ฟื้นจากตาย ช่วง 40 วันหลังจากที่พระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย พระเยซูมาหาสาวกของท่านที่สวนใกล้ ๆ กับหลุมฝังศพ และยังปรากฏตัวระหว่างทางไปหมู่บ้านเอ็มมาอุสและที่อื่น ๆ อีก (ลูกา 24:13-15) นอกจากนี้ พระเยซูได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับบางคน เช่น เปโตร และได้ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มคนด้วย มีครั้งหนึ่งที่พระเยซูปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากกว่า 500 คน เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายคนที่เห็นการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซู
13. สาวกแสดงความมั่นใจอย่างไรว่าพระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย?
13 เหตุผลที่สาม เหล่าสาวกประกาศเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูอย่างร้อนรน พวกเขาถูกต่อต้าน ถูกทำร้าย บางคนถึงกับถูกฆ่าเพราะงานประกาศ ลองคิดดูสิว่าถ้าพระเยซูไม่ได้ฟื้นขึ้นจากตายจริง ๆ เปโตรคงไม่เสี่ยงชีวิตบอกคนกลุ่มเดิมที่วางแผนจะฆ่าพระเยซูว่าท่านฟื้นขึ้นจากตาย แต่เปโตรและสาวกคนอื่น ๆ มั่นใจเต็มที่ว่าพระเยซูยังมีชีวิตอยู่และกำลังดูแลงานประกาศ นอกจากนั้น การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้ผู้ติดตามท่านมั่นใจในความหวังที่ว่าจะได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายด้วย เช่น สเตฟาโน ถึงแม้จะต้องตายแต่เขาก็มั่นใจว่าจะได้รับการปลุกให้มีชีวิตอีก—กิจ. 7:55-60
14. ทำไมคุณจึงเชื่อว่าพระเยซูยังมีชีวิตอยู่?
14 เหตุผลที่สี่ เรามีหลักฐานว่าตอนนี้พระเยซูกำลังปกครองเป็นกษัตริย์และเป็นประมุขของประชาคมคริสเตียน คริสเตียนแท้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นี่จะเป็นไปได้อย่างไรถ้าพระเยซูไม่ได้ฟื้นขึ้นจากตาย? ที่จริง เราคงไม่รู้จักหรือได้ยินเรื่องพระเยซูแน่ ๆ ถ้าท่านไม่ได้ฟื้นขึ้นจากตาย แต่เรามีเหตุผลหนักแน่นมากมายที่จะเชื่อว่าพระเยซูมีชีวิตอยู่และกำลังดูแลงานประกาศทั่วโลก
การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูมีความหมายต่อเราอย่างไร
15. ทำไมการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้เราประกาศอย่างกล้าหาญ?
15 การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้เราประกาศอย่างกล้าหาญ ตั้งแต่สมัยของพระเยซู ศัตรูของพระเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายสารพัดเพื่อหยุดยั้งงานประกาศ เช่น ใช้การออกหาก ดูถูกเยาะเย้ย ใช้ความรุนแรง สั่งห้าม ทรมาน และฆ่า แต่ถึงอย่างนั้นคัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าว่า “ไม่มีเครื่องมืออันใดที่สร้างไว้ประหารเจ้าจะสัมฤทธิ์ผล” (ยซา. 54:17) ดังนั้น เราไม่ต้องกลัวการโจมตีต่าง ๆ จากซาตาน พระเยซูจะช่วยเราอย่างที่ท่านสัญญาไว้ (มัด. 28:20) ขอให้เรามั่นใจว่า ไม่ว่าศัตรูของเราจะทำอะไร พวกเขาไม่มีทางหยุดเราได้!
การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้เราประกาศอย่างกล้าหาญ (ดูข้อ 15)
16, 17. (ก) การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้เรามั่นใจในสิ่งที่ท่านสอนอย่างไร? (ข) จากโยฮัน 11:25 พระยะโฮวาให้อำนาจอะไรแก่พระเยซู?
16 การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูยืนยันว่าทุกสิ่งที่ท่านสอนเป็นความจริง ผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งเขียนว่าถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นจากตาย คริสเตียนจะเป็นคนโง่เง่าที่เชื่อเรื่องโกหกไร้สาระ เปาโลเขียนว่าถ้าพระเยซูไม่ได้ฟื้นขึ้นจากตาย ความเชื่อและงานประกาศของคริสเตียนก็ไร้ความหมาย และกิตติคุณทั้งสี่เล่มก็เป็นแค่หนังสือที่บันทึกเรื่องราวน่าเศร้าของเยซูชายผู้แสนดีและฉลาดคนหนึ่งที่ต้องมาตายด้วยน้ำมือของศัตรู แต่การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูยืนยันว่าทุกสิ่งที่ท่านสอนเป็นความจริง—อ่าน 1 โครินท์ 15:14, 15, 20
17 พระเยซูบอกว่า “เราเป็นการกลับเป็นขึ้นจากตายและเป็นชีวิต ผู้ที่แสดงความเชื่อในเรา แม้เขาตาย เขาจะมีชีวิตอีก” (โย. 11:25) คำสัญญานี้ของพระเยซูได้รับการยืนยันว่าจะเป็นจริง พระยะโฮวาให้อำนาจพระเยซูในการปลุกคนตายให้มีชีวิตทั้งคนที่จะร่วมปกครองบนสวรรค์กับท่านและคนอีกนับพัน ๆ ล้านที่จะมีชีวิตอีกครั้งบนโลก ค่าไถ่ของพระเยซูและการฟื้นขึ้นจากตายของท่านรับรองว่าความตายจะไม่มีอีกต่อไป ดังนั้น เราจึงเข้มแข็งและกล้าหาญได้เมื่อเจอการทดสอบหรือแม้แต่ต้องเผชิญหน้ากับความตายด้วยซ้ำ
18. การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูรับรองกับเราเรื่องอะไร?
18 การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้เรามั่นใจว่าทุกคนจะถูกตัดสินตามมาตรฐานที่เปี่ยมด้วยความรักของพระยะโฮวา เปาโลบอกชายหญิงกลุ่มหนึ่งในเมืองเอเธนส์ว่าพระเจ้าจะ “พิพากษาโลกด้วยความชอบธรรมโดยใช้บุรุษผู้หนึ่งซึ่งพระองค์ทรงแต่งตั้ง และพระองค์ทรงให้หลักฐานยืนยันเรื่องนี้แก่คนทั้งปวงโดยทรงปลุกผู้นั้นให้เป็นขึ้นจากตาย” (กิจ. 17:31) พระเจ้าแต่งตั้งพระเยซูให้เป็นผู้พิพากษา และเรามั่นใจได้ว่าท่านจะตัดสินด้วยความรักและความยุติธรรม—อ่านยะซายา 11:2-4
19. ความเชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูมีผลต่อเราอย่างไร?
19 เราอยากทำตามสิ่งที่พระเจ้าต้องการเพราะเราเชื่อว่าพระเยซูได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย ถ้าพระเยซูไม่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายและมีชีวิตอีกครั้ง เราก็ยังอยู่ใต้อำนาจของบาปและความตาย (โรม 5:12; 6:23) เราจะไม่มีความหวังและเราอาจคิดว่า “ให้เรากินและดื่มเถิด เพราะพรุ่งนี้เราก็จะต้องตาย” (1 โค. 15:32) เราไม่ได้มัวแต่หาความสนุกสนานเพลิดเพลินในชีวิต แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราเห็นคุณค่าความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายและพร้อมจะเชื่อฟังพระยะโฮวาเสมอ
20. การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาอย่างไร?
20 การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูให้หลักฐานถึงความยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาซึ่งเป็นผู้เดียวที่ “ประทานบำเหน็จแก่ผู้ที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง” (ฮีบรู 11:6) พระยะโฮวาใช้สติปัญญาและพลังมหาศาลในการปลุกพระเยซูให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้วมีชีวิตอมตะในสวรรค์ พระเจ้าแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีความสามารถที่จะทำให้คำสัญญาของพระองค์เป็นจริง พระยะโฮวาสัญญาว่า “ผู้สืบเชื้อสาย” พิเศษนี้จะเป็นผู้จัดการทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิการปกครองของพระเจ้า แต่เพื่อที่คำสัญญานี้จะเป็นจริงพระเยซูซึ่งเป็น “ผู้สืบเชื้อสาย” จะต้องตายและได้รับการปลุกให้ฟื้นคืนชีวิตก่อน—เย. 3:15
21. คุณรู้สึกอย่างไรกับความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย?
21 เราขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ที่ให้เรามีความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย คัมภีร์ไบเบิลให้ความมั่นใจแก่เราโดยบอกว่า “ดูเถิด! พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์และพระองค์จะสถิตกับพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระองค์ พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขา พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกเลย ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย สิ่งที่เคยมีอยู่นั้นผ่านพ้นไปแล้ว” อัครสาวกโยฮันได้รับคำสั่งให้บันทึกคำสัญญานี้ไว้โดยบอกว่า “จงเขียนไว้เถิด เพราะถ้อยคำเหล่านี้เชื่อถือได้และเป็นความจริง” ใครเป็นผู้เปิดเผยนิมิตนี้แก่โยฮัน? พระเยซูผู้ได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย นั่นเอง!—วิ. 1:1; 21:3-5
a บทเพลงสรรเสริญ 16:10 (ฉบับมาตรฐาน ): “เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนคนตาย หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น”