จงมีส่วนในงานรับใช้ด้วยกัน
1 การเสนอในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ได้มีแนะไว้คือ จุลสารเล่มใดก็ได้ ยกเว้นจุลสาร โรงเรียนและพยาน. เราวางแผนไว้หรือยังเพื่อจะมีส่วนร่วมในงานประกาศในระหว่างสองเดือนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการเสนอจุลสารต่าง ๆ ในทุกโอกาส? ถ้าเราร่วมกับประชาคมของเรา เราก็คงอยากจะสนับสนุนการจัดเตรียมต่าง ๆ เพื่อการประกาศเป็นประจำ. เราอาจร่วมด้วยได้ในการประกาศตอนเย็นเนื่องจากช่วงกลางวันยาวกว่ากลางคืนในฤดูนี้. คนส่วนมากจะอยู่บ้านในเวลาเย็นและมักจะมีอารมณ์ผ่อนคลาย จึงเป็นการง่ายขึ้นแก่เราที่จะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร.
2 เมื่อเราวางแผนการเดินทาง ไม่ว่าจะไปยังการประชุมใหญ่หรือไปพักร้อน เราควรเตรียมจุลสารไว้สักจำนวนหนึ่งไปด้วย. เมื่อมีโอกาสในการให้คำพยานแบบไม่เป็นทางการ เราก็จะนำความสนใจไปยังจุลสารเล่มใดเล่มหนึ่งได้โดยตรง. เวลาที่อยู่ไกลจากบ้าน เราอาจหาดูว่าประชาคมท้องถิ่นตั้งอยู่ที่ไหน และเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ และร่วมออกไปประกาศกับพี่น้องที่นั่นได้. สิ่งนี้จะเป็นแหล่งอันดีเยี่ยมสำหรับการหนุนใจทั้งตัวเราและพี่น้องที่เราไปร่วมด้วย.—โรม 1:12.
3 หากเราอยู่ไกลจากประชาคมที่เราร่วมด้วยเป็นประจำในตอนปลายเดือน เราควรส่งรายงานการประกาศของเราถึงเลขาธิการประชาคมล่วงหน้านานพอเพื่อรวมเข้ากับรายงานที่เขาจะส่งไปในวันที่หกของเดือนถัดไป.
จงพยายามนำการศึกษา
4 ในบางเดือนมีการนำการศึกษาน้อยกว่าเดือนอื่นเนื่องจากนักศึกษาบางคนไปพักผ่อน. ผู้นำการศึกษาบางคนก็ไปพักผ่อนเช่นกันแต่อาจเป็นคนละเวลากัน. แทนที่จะให้แต่ละสัปดาห์ผ่านไปโดยไม่ได้นำการศึกษา เราอาจจัดให้พี่น้องสักคนไปนำการศึกษาแทนในตอนที่เราไม่อยู่ได้ไหม? เป็นการดีที่จะให้มีการนำการศึกษาอย่างสม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้เพื่อย้ำความจำเป็นเรื่องการรับเอาอาหารฝ่ายวิญญาณเป็นประจำลงไว้ในใจนักศึกษา.
5 เมื่อเราพบผู้สนใจในเขตประกาศ เราควรติดตามรายที่สนใจนั้นโดยเร็วเท่าที่จะทำได้. หากเจ้าของบ้านรับจุลสาร เราอาจแสดงให้เขาเห็นวิธีศึกษาโดยพิจารณากับเขาสักสองสามวรรค. ครั้นแล้วเราควรพยายามนัดหมายเวลาที่แน่นอนสำหรับการเยี่ยมเพื่อจะศึกษากับเขาต่อไป.
6 ในวันข้างหน้า ขอให้เราทุกคนสามารถมองย้อนหลังไปในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมปี 1990 และเห็นได้ว่า ในฐานะผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วของพระยะโฮวา เราได้ใช้เวลาอย่างฉลาดสุขุมจริง ๆ ในการ “ยึดถือแบบอย่างแห่งถ้อยคำอันก่อให้เกิดปกติสุข” และในการช่วยเหลือผู้อื่นให้เรียนรู้ถ้อยคำแห่งความจริงอันก่อให้เกิดปกติสุขจากพระคำของพระยะโฮวา.—2 ติโม. 1:13.