จงประกาศข่าวดีในทุกที่
1 คริสเตียนรุ่นแรกประกาศข่าวดีทุกหนทุกแห่ง. พวกเขามีความกระตือรือร้นอันแรงกล้าถึงขนาดที่ภายใน 30 ปีจากการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ข่าวสารราชอาณาจักรได้รับการ “ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า.”—โกโล. 1:23.
2 ผู้รับใช้ที่กระตือรือร้นแรงกล้าของพระยะโฮวาในทุกวันนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ เพื่อจะนำข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรไปถึงทุก ๆ คนเท่าที่เป็นไปได้. อะไรอาจช่วยเราให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายนี้ได้? ผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำงานอาชีพเต็มเวลาและมักไม่ค่อยอยู่บ้านเมื่อเราไปหา. ในเวลาที่พวกเขาไม่ทำงาน พวกเขาก็อาจเดินทาง, ซื้อของ, หรือมุ่งติดตามนันทนาการแบบใดแบบหนึ่ง. เราจะนำข่าวสารราชอาณาจักรไปถึงคนที่เหมาะสมในท่ามกลางคนเหล่านั้นได้อย่างไร?—มัด. 10:11.
3 มีการไปหาบางคนในที่ทำงานของเขา. แม้แต่ในเมืองเล็ก ๆ ก็มีเขตธุรกิจที่ผู้คนจำนวนมากใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่ที่นั่น. ส่วนในเมืองใหญ่ ๆ ผู้คนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมหรืออาคารสำนักงานสูง ๆ และคนที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดก็ได้รับการให้คำพยาน ซึ่งมีหลายคนได้รับเป็นครั้งแรก. ในวันสุดสัปดาห์ มีการพบว่าบางคนที่เคยได้เข้าพูดคุยด้วยในขณะพักผ่อนที่สวนสาธารณะ, สถานที่หย่อนใจ, บริเวณที่ตั้งค่ายพักแรม, หรือตามบ้านพักตากอากาศหรือขณะที่รออยู่ในลานจอดรถหรือในศูนย์การค้า มีแนวโน้มจะตอบรับข่าวดีอย่างน่าพอใจ.
4 ผู้ประกาศจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กำลังพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้คำพยานในที่สาธารณะ ที่ใดก็ตามที่จะพบผู้คนได้. ทีแรก พยานฯ เหล่านี้รู้สึกลังเลและประหม่าอยู่บ้างเนื่องจากเคยคุ้นแต่การประกาศแบบเป็นทางการอย่างการประกาศตามบ้าน. บัดนี้พวกเขารู้สึกอย่าไร?
5 ผู้ประกาศที่มีประสบการณ์คนหนึ่งร้องออกมาว่า “การทำอย่างนี้ทำให้งานเผยแพร่ของผมมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก!” อีกคนหนึ่งเสริมว่า “งานแบบนี้ทำให้ผมเอาใจจดจ่อเสมอ.” ไพโอเนียร์ที่อายุมากกว่าคนหนึ่งให้ข้อสังเกตว่า “งานนี้ได้ทำให้กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาทั้งทางจิตใจ, ร่างกาย, และฝ่ายวิญญาณ. . . . และผมยังเติบโตขึ้นในด้านสติปัญญาด้วย.” ผู้ประกาศคนหนึ่งสังเกตว่าเดี๋ยวนี้เขาไปถึงผู้คนจำนวนมากซึ่งไม่เคยพูดกับพยานฯ มาก่อนเลย. คนหนุ่มสาวก็ร่วมในงานที่น่าชื่นชมยินดีนี้ด้วยเช่นกัน. เยาวชนผู้หนึ่งพูดถึงตนเองอย่างนี้: “งานนี้สนุกเพราะคุณได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย.” อีกคนหนึ่งบอกว่า “ผมจำหน่ายหนังสือมากกว่าที่เคยทำมาก่อน!” ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเขตประกาศที่เคยทำซ้ำแล้วซ้ำอีก.
6 ผู้ดูแลเดินทางเป็นผู้นำหน้า: ด้วยตระหนักว่า “ฉากของโลกนี้กำลังเปลี่ยนไป” เมื่อเร็ว ๆ นี้สมาคมฯ แนะให้ผู้ดูแลเดินทางปรับเปลี่ยนตารางเวลาการประกาศของตนทุกสัปดาห์เพื่อสามารถนำข่าวดีไปถึงผู้คนให้มากเท่าที่เป็นไปได้. (1 โก. 7:31) เป็นเวลาหลายปี ผู้ดูแลหมวดจัดเวลาเช้าวันธรรมดาไว้สำหรับทำงานตามบ้าน ในขณะที่สละเวลาบ่ายสำหรับกลับเยี่ยมเยียนและนำการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้าน. ในบางบริเวณ ตารางเวลานั้นยังอาจใช้ได้. แต่ในเขตอื่น อาจประสบผลสำเร็จไม่มากเท่าไรจากการทำงานตามบ้านในช่วงเช้าวันธรรมดา. ในกรณีเช่นนี้ ผู้ดูแลเดินทางอาจตัดสินใจว่า คงจะดีถ้าในตอนเช้า ๆ จะทำงานตามร้านค้าหรือให้คำพยานตามถนน. หรือเขาอาจจัดกลุ่มเล็ก ๆ ไปให้คำพยานตามอาคารสำนักงานสูง ๆ, บริเวณศูนย์การค้า, ลานจอดรถ, หรือที่สาธารณะอื่น ๆ. โดยการที่ผู้ประกาศใช้เวลาเท่าที่มีอยู่สำหรับการประกาศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะมีการเข้าพบผู้คนอีกมากทีเดียว.
7 รายงานต่าง ๆ บ่งชี้ว่า การปรับเปลี่ยนเช่นนี้มีการตอบรับอย่างดีจากผู้ดูแลเดินทางและผู้ประกาศด้วย. คณะผู้ปกครองจำนวนหนึ่งได้เชิญผู้ดูแลหมวดให้อบรมผู้ประกาศบางคนในงานลักษณะต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องเอาใจใส่ในท้องถิ่น. เป็นประโยชน์ที่ผู้ประกาศเหล่านี้ได้ไปกับผู้ดูแลเดินทางขณะที่เขาทำกิจกรรมเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง. จากนั้น ผู้ประกาศเหล่านี้ก็สามารถฝึกคนอื่น ๆ ต่อไป. (2 ติโม. 2:2) ผลก็คือ เดี๋ยวนี้มีการนำข่าวดีไปถึงผู้คนจำนวนมากขึ้น.
8 แน่ละ คุณไม่จำเป็นต้องรอจนผู้ดูแลหมวดมาเยี่ยมเพื่อจะลองประกาศด้วยวิธีอื่นเหล่านี้. ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางอย่างที่คุณอาจพบว่าใช้ได้ผลในเขตประกาศของคุณ.
9 การให้คำพยานตามถนน: บางครั้งเราอาจสงสัยว่า ‘ผู้คนไปไหนกันหมด?’ เมื่อเราไปเยี่ยมในบริเวณบ้านพักอาศัยที่ไม่มีใครอยู่ในตอนเช้าวันธรรมดา. อาจเป็นได้ว่าบางคนกำลังทำธุระหรือซื้อของอยู่ก็ได้. คุณเคยลองไปหาเขาด้วยการให้คำพยานตามถนนไหม? เมื่อให้คำพยานแบบนี้อย่างถูกต้อง งานเผยแพร่ลักษณะนี้อาจเกิดผลได้มากทีเดียว. แทนที่จะยืนถือวารสารอยู่กับที่ ดีที่สุดถ้าจะเข้าพูดกับผู้คนและเริ่มการสนทนาฉันมิตร. ไม่จำเป็นต้องให้คำพยานกับทุกคนที่สัญจรไปมา. ให้พูดกับคนที่ไม่รีบเร่งไปไหน เช่น คนที่เดินชมสินค้า, คนที่อยู่ในรถซึ่งจอดอยู่, หรือคนที่รอรถประจำทาง. ทีแรก คุณอาจแค่ทักทายฉันมิตรและรอให้เขาตอบ. ถ้าคนนั้นเต็มใจพูดคุยด้วย ให้ถามความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่คุณคิดว่าจะทำให้เขาสนใจ.
10 ผู้ดูแลเดินทางคนหนึ่งเชิญผู้ประกาศหกคนให้ร่วมงานให้คำพยานตามถนนกับเขาและภรรยา. ผลเป็นอย่างไร? เขารายงานว่า “เช้าวันนั้นเยี่ยมมาก. ไม่มีปัญหาว่าใครไม่อยู่บ้าน. เราจำหน่ายวารสาร 80 เล่มและแจกแผ่นพับจำนวนมาก. เรามีการสนทนาที่เร้าใจหลายราย. หนึ่งในหมู่ผู้ประกาศซึ่งร่วมงานตามถนนเป็นครั้งแรกร้องว่า ‘ผมอยู่ในความจริงมาหลายปีแล้วและไม่ได้ตระหนักเลยว่าผมได้พลาดอะไรไป!’ พอถึงปลายสัปดาห์นั้น วารสารที่ล้นคลังของประชาคมก็หมดเกลี้ยง.”
11 ขณะที่รับใช้ประชาคมถัดไป ผู้ดูแลเดินทางคนเดียวกันได้ทราบว่าผู้ประกาศหลายคนได้ร่วมในงานให้คำพยานตามถนนในตอนเช้าตรู่วันหนึ่งแต่ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ. พี่น้องหญิงคนหนึ่งได้พูดคุยกับผู้คนเพียงสองคนตลอดช่วงเวลาที่ให้คำพยาน ซึ่งก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ทุกคนที่เธอพบล้วนแต่รีบเร่งไปทำงาน. ผู้ดูแลเดินทางแนะให้พวกเขาทั้งหมดกลับไปที่ถนนเดียวกันในตอนสายกว่านั้นอีกหน่อย. พวกเขาก็ไป และอยู่จนถึงเที่ยง. พี่น้องหญิงที่เคยได้สนทนากับแค่สองคนในตอนเช้า ๆ ได้ผลดีกว่ามากเมื่อเธอกลับมา. เธอจำหน่ายวารสาร 31 เล่มและจุลสาร 15 เล่ม ได้รับชื่อที่อยู่ของเจ็ดคน และเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านสองราย! คนอื่น ๆ ในกลุ่มก็ได้ผลที่ให้กำลังใจคล้าย ๆ กัน.
12 เมื่อคุณพบคนที่แสดงความสนใจ ให้พยายามขอชื่อที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของเขา. แทนที่จะเอ่ยขอตรง ๆ คุณอาจพูดว่า “ผมชอบที่เราได้คุยกันมาก. เราจะมีโอกาสได้คุยกันอีกไหมครับ?” หรือถามว่า “ผมจะไปหาคุณที่บ้านได้ไหมครับ?” หลายคนที่เราพูดกับเขาด้วยวิธีนี้ตกลงให้ไปเยี่ยมอีก. จงแน่ใจว่ามีใบเชิญมากพอสำหรับเชิญคนที่อยากเข้าร่วมการประชุมของเรา.
13 ถ้าคุณพูดกับผู้สนใจที่อยู่ในเขตประกาศซึ่งมอบหมายกับอีกประชาคมหนึ่ง คุณควรส่งข้อมูลนี้ให้ประชาคมนั้นเพื่อพี่น้องที่นั่นจะติดตามผู้สนใจรายนี้ได้. การให้คำพยานตามถนนจะเป็นวิธีที่บังเกิดผลสำหรับการแพร่ข่าวดีในเขตของคุณไหม? ถ้าได้ผล ให้ทบทวนบทความ “การค้นหาคนสนใจโดยการให้คำพยานตามถนนอย่างบังเกิดผล” ในพระราชกิจของเรา ฉบับกรกฎาคม 1994. แล้วตระเตรียมเพื่อเข้าร่วมในการให้คำพยานตามถนนในเวลาที่เหมาะสมของแต่ละวันซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงผู้คนให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้.
14 การให้คำพยานบนรถประจำทาง: เช้าวันหนึ่ง กลุ่มไพโอเนียร์ตัดสินใจจะให้คำพยานกับผู้คนที่คอยรถประจำทางอยู่ใกล้ ๆ วิทยาลัยแห่งหนึ่งในท้องถิ่น. ขณะที่พวกเขามีการสนทนาที่น่าพอใจก็เกิดปัญหา. คือพอถึงตอนที่การพูดคุยดำเนินไปด้วยดี รถประจำทางก็มา ทำให้การสนทนาชะงักโดยกะทันหัน. พวกไพโอเนียร์แก้ปัญหาด้วยการขึ้นรถประจำทางไปด้วยและให้คำพยานต่อกับพวกผู้โดยสารขณะที่พวกเขาเดินทางไปอีกฟากหนึ่งของเมือง. พอสุดสายรถประจำทาง พวกไพโอเนียร์ก็จะขึ้นรถกลับและให้คำพยานบนรถ. หลังจากเดินทางไปมาหลายเที่ยว พวกเขารวบรวมผลงานจากความพยายามของตน มีการจำหน่ายวารสาร 200 กว่าเล่มและเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์หกราย. ผู้โดยสารบางคนยินดีให้ชื่อที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของตนเพื่อพวกไพโอเนียร์จะไปเยี่ยมที่บ้านได้. สัปดาห์ต่อมา พวกไพโอเนียร์กลับไปยังที่จอดรถประจำทางและทำตามวิธีเดิมอีก. พวกเขาจำหน่ายวารสาร 164 เล่มและเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์อีกหนึ่งราย. ณ ที่จอดรถประจำทางแห่งหนึ่งมีผู้โดยสารคนหนึ่งขึ้นมาและนั่งในที่นั่งที่เหลืออยู่ที่เดียว คือถัดจากไพโอเนียร์. เขามองดูพี่น้องและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมรู้ว่าคุณมีหอสังเกตการณ์ เล่มหนึ่งสำหรับผม.”
15 ผู้ประกาศหลายคนให้คำพยานอย่างบังเกิดผลขณะเดินทางด้วยรถประจำทาง, รถไฟ, หรือเครื่องบิน. คุณจะเริ่มการสนทนากับผู้โดยสารที่นั่งติดกับคุณได้อย่างไร? ผู้ประกาศวัย 12 ขวบคนหนึ่งเพียงแต่เริ่มอ่านตื่นเถิด! ฉบับหนึ่งบนรถประจำทาง ด้วยหวังว่าจะเร้าความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาวที่นั่งถัดจากเขา. ซึ่งก็ได้ผล. เด็กสาวคนนั้นถามว่าเขาอ่านอะไรอยู่ และเด็กชายจึงตอบว่าเขากำลังอ่านเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาที่คนหนุ่มสาวต้องเผชิญ. เขาบอกอีกว่าเขาได้รับประโยชน์มากจากบทความนี้และบทความนี้อาจช่วยเธอได้ด้วย. เธอรับวารสารนั้นด้วยความยินดี. เยาวชนอีกสองคนได้ยินการสนทนาของทั้งสองและขอรับวารสารด้วย. ถึงตรงนี้ คนขับรถขับรถเข้าจอดข้างทางและถามว่า ทำไมมีคนสนใจวารสารเหล่านี้มากเหลือเกิน. พอรู้สาเหตุ เขาก็รับวารสารด้วยหลายเล่ม. แน่นอน เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หากผู้ประกาศวัยเยาว์ไม่มีวารสารมากพอจะให้ทุกคนที่แสดงความสนใจได้ดู!
16 การให้คำพยานในสวนสาธารณะและลานจอดรถ: การให้คำพยานในสวนสาธารณะและลานจอดรถเป็นวิธีดีเยี่ยมวิธีหนึ่งเพื่อเข้าถึงผู้คน. คุณเคยลองให้คำพยานในที่จอดรถของศูนย์การค้าไหม? จงใช้เวลาสักครู่เพื่อสังเกตสภาพการณ์รอบ ๆ ตัวคุณเสมอ. มองหาใครสักคนที่ไม่รีบร้อนหรือที่กำลังคอยในรถที่จอดอยู่และพยายามเริ่มการสนทนาฉันมิตร. ถ้าการสนทนาดำเนินต่อไป ก็ให้พูดถึงข่าวสารราชอาณาจักร. พยายามแยกกันทำงานแต่ให้ทำโดยมีผู้ประกาศอีกคนหนึ่งทำงานในบริเวณใกล้กัน. ให้หลีกเลี่ยงการหิ้วกระเป๋าขนาดใหญ่เทอะทะหรือที่ทำให้งานของคุณเป็นที่สะดุดตาในทางใดทางหนึ่ง. จงสุขุม. คงดีที่สุดถ้าจะใช้เวลาสั้น ๆ ในลานจอดรถแห่งหนึ่งแล้วก็ย้ายไปอีกแห่งหนึ่ง. ถ้ามีผู้ที่ไม่อยากสนทนากับคุณ ก็จากไปอย่างสุภาพและมองหาคนอื่นเพื่อเข้าไปพูดกับเขา. โดยใช้วิธีการนี้ พี่น้องคนหนึ่งจำหน่ายวารสาร 90 เล่มในหนึ่งเดือนขณะให้คำพยานในลานจอดรถ.
17 บางคนไปที่สวนสาธารณะเพื่อพักผ่อน คนอื่น ๆ ไปที่นั่นเพื่อเล่นเกมหรือใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ. จงหาโอกาสให้คำพยานโดยไม่รบกวนกิจกรรมของคนเหล่านั้นอย่างไม่สมควร. พี่น้องชายคนหนึ่งเริ่มการสนทนากับคนดูแลสนามหญ้าในสวนสาธารณะและพบว่า เขาเป็นห่วงในเรื่องยาเสพย์ติดและอนาคตของลูก ๆ. การศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านจึงเริ่มขึ้นและได้นำการศึกษานี้เป็นประจำในสวนสาธารณะแห่งนั้น.
18 การให้คำพยานเมื่อสบโอกาสในศูนย์การค้า: แม้จะประกาศอย่างเป็นทางการตามร้านค้าในศูนย์การค้าไม่ได้เสมอไปเนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องกิจกรรมเช่นนี้ในบริเวณนั้น ผู้ประกาศบางคนสร้างโอกาสเพื่อให้คำพยานที่นั่นแบบไม่เป็นทางการ. พวกเขานั่งตามม้านั่งและเริ่มการสนทนาฉันมิตรกับคนอื่น ๆ ที่หยุดนั่งพัก. เมื่อคนนั้นแสดงความสนใจ ด้วยความรอบคอบ เขาจะให้แผ่นพับหรือวารสารและพยายามนัดหมายเพื่อกลับเยี่ยมเยียน. หลังจากใช้เวลาไม่กี่นาทีให้คำพยานในส่วนหนึ่งของศูนย์การค้า พวกเขาก็ไปยังอีกส่วนหนึ่งและสนทนากับคนอื่นอีก. แน่นอน ควรระวังระไวไม่ดึงดูดความสนใจอย่างไม่บังควรในขณะที่ให้คำพยานแบบเมื่อสบโอกาสด้วยวิธีนี้.
19 เมื่อทักทายผู้คน ให้เริ่มการสนทนาด้วยคำพูดฉันมิตร. ถ้าผู้ที่ฟังคุณตอบรับ ให้ถามคำถามแล้วตั้งใจฟังเมื่อเขาแสดงความคิดเห็น. แสดงความสนใจเป็นส่วนตัวในสิ่งที่เขาพูด. แสดงว่าคุณเห็นคุณค่าความคิดเห็นของเขา. เมื่อเป็นไปได้ก็ให้แสดงว่าคุณเห็นด้วยกับเขา.
20 พี่น้องหญิงคนหนึ่งได้พูดคุยอย่างดีกับสตรีสูงอายุผู้หนึ่งด้วยการกล่าวถึงค่าครองชีพที่สูงเสียจริง ๆ. สตรีผู้นี้เห็นด้วยทันทีและการสนทนาอย่างมีชีวิตชีวาได้ตามมา. พี่น้องสามารถได้รับชื่อที่อยู่ของสตรีผู้นี้และได้กลับเยี่ยมเยียนในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง.
21 การทำงานตามร้านค้า: บางประชาคมมีส่วนหนึ่งในเขตประกาศที่ตนได้รับมอบหมายเป็นเขตธุรกิจ. พี่น้องที่ดูแลเขตประกาศอาจเตรียมบัตรแผนที่โดยเฉพาะของเขตที่มีห้างร้านและสำนักงานมากมายเหล่านี้. บัตรแผนที่เขตประกาศในย่านที่อยู่อาศัยซึ่งคลุมถึงเขตธุรกิจนั้นด้วยควรระบุชัดเจนว่า ต้องไม่ทำงานในย่านธุรกิจในเขตประกาศนั้น. ในเขตประกาศอื่น ๆ อาจทำงานในย่านธุรกิจไปพร้อม ๆ กับเขตที่อยู่อาศัยได้. ผู้ปกครองอาจเชิญผู้ประกาศที่มีคุณวุฒิให้ทำงานในเขตประกาศย่านธุรกิจเป็นประจำเพื่อจะไม่ละเลยงานตามร้านค้า.
22 หากคุณได้รับเชิญให้ร่วมทำงานนี้และคุณไม่เคยทำงานนี้มาก่อน วิธีที่ดีสำหรับ ‘เร้าใจให้กล้า’ คือให้ทำงานตามร้านเล็ก ๆ ก่อนสักสองสามร้าน ครั้นแล้ว เมื่อคุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นก็ค่อยทำตามร้านขนาดใหญ่. (1 เธ. 2:2) เมื่อทำงานตามร้านค้า ให้แต่งกายอย่างที่คุณจะแต่งเมื่อจะเข้าร่วมการประชุมที่หอประชุม. ถ้าเป็นได้ ให้เข้าไปในร้านขณะไม่มีลูกค้ารอบริการ. ขอพูดกับผู้จัดการหรือผู้ดูแลร้าน. จงอบอุ่น และที่สำคัญคือ พูดสั้น ๆ. ไม่จำเป็นต้องขอโทษ. ธุรกิจหลายอย่างเน้นการทำตามความต้องการของลูกค้าและคาดไว้แล้วในเรื่องการขัดจังหวะ.
23 หลังจากทักทายผู้ดูแลร้าน คุณอาจพูดอย่างนี้: “พวกนักธุรกิจมีตารางเวลาแน่นจนเราไม่ค่อยพบเขาอยู่บ้าน ดังนั้น ผมจึงมาหาคุณที่นี่ในที่ที่คุณทำธุรกิจเพื่อจะให้คุณได้อ่านบทความหนึ่งที่กระตุ้นความคิดอย่างมาก.” แล้วออกความเห็นหนึ่งหรือสองประการเกี่ยวกับวารสารที่เสนอ.
24 หรือคุณอาจลองวิธีนี้เมื่อเข้าพูดกับผู้จัดการ: “ผมสังเกตเห็นว่าพวกนักธุรกิจพยายามจะรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างดี. หอสังเกตการณ์ (หรือตื่นเถิด!) ฉบับใหม่นี้มีบทความที่ส่งผลกระทบเราทุกคนเป็นส่วนตัว.” อธิบายว่าเป็นบทความอะไรและลงท้ายโดยพูดว่า “ผมแน่ใจว่าคุณจะชอบอ่านวารสารนี้.”
25 ถ้ามีลูกจ้าง และถ้าเห็นว่าเหมาะสม คุณอาจพูดต่อไปว่า: “ผมจะขอพูดกับพวกลูกจ้างของคุณสักครู่ได้ไหมครับ?” ถ้าได้รับอนุญาต อย่าลืมว่าคุณได้สัญญาว่าจะพูดสั้น ๆ และผู้จัดการคงคาดหมายให้คุณรักษาคำพูด. ถ้าลูกจ้างคนใดอยากพูดคุยนาน ๆ คงดีที่สุดถ้าจะไปหาเขาที่บ้าน.
26 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ประกาศสองสามคนในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไปทำงานตามร้านค้าร่วมกับผู้ดูแลหมวด. ทีแรกผู้ประกาศบางคนรู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยทำงานนี้มาก่อน แต่ไม่ช้าพวกเขาก็ผ่อนคลายและเริ่มชอบงานแบบนี้. ภายในไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาพูดกับ 37 คนและจำหน่ายวารสาร 24 เล่มกับจุลสาร 4 เล่ม. พี่น้องชายคนหนึ่งสังเกตว่า ตามปกติแล้วพวกเขาจะไม่สามารถเข้าพบผู้คนในการทำงานตามบ้านในหนึ่งเดือนได้มากเหมือนกับที่พวกเขาได้พบในขณะทำงานตามร้านค้าในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างนี้.
27 การสร้างโอกาสเพื่อประกาศ: พระเยซูไม่ได้จำกัดการให้คำพยานของพระองค์ไว้กับรูปแบบที่เป็นทางการ. พระองค์แพร่ข่าวดีในทุกโอกาสเหมาะ. (มัด. 9:9; ลูกา 19:1-10; โย. 4:6-15) ขอให้สังเกตวิธีที่ผู้ประกาศบางคนสร้างโอกาสเพื่อจะประกาศ.
28 บางคนให้คำพยานเป็นประจำกับบิดามารดาที่กำลังคอยลูก ๆ ตรงใกล้ทางเข้าโรงเรียน. เนื่องจากบิดามารดาจำนวนมากไปถึงที่นั่นก่อนเวลาสัก 20 นาที จึงมีเวลาจะสนทนากับเขาในหัวข้อที่เร้าความสนใจจากพระคัมภีร์.
29 ไพโอเนียร์หลายคนตื่นตัวในเรื่องการเข้าถึงผู้คนที่สนใจเป็นพิเศษในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะซึ่งมีลงไว้ในวารสารของเรา. ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงคนหนึ่งได้การตอบรับที่ดีเมื่อไปเยี่ยมที่โรงเรียนหกแห่งในเขตประกาศของประชาคมที่เธอสังกัดพร้อมด้วยชุดบทความ “โรงเรียนตกอยู่ในสภาพวิกฤติ” ซึ่งมีอยู่ในตื่นเถิด! (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 22 ธันวาคม 1995. นอกจากนี้ เธอยังได้ไปเยี่ยมตามหน่วยบริการครอบครัวพร้อมกับวารสารที่เกี่ยวกับเรื่องชีวิตครอบครัวและการทำร้ายทางเพศต่อเด็ก และได้รับเชิญให้กลับไปเป็นประจำพร้อมกับฉบับที่มีลงหัวเรื่องคล้ายกันนั้น. เธอพูดถึงการตอบรับที่สำนักงานบริการจัดหางานมีต่อตื่นเถิด! ฉบับ 8 มีนาคม 1996 ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการว่างงานนั้นว่า “ท่วมท้น.”
30 ผู้ดูแลภาคคนหนึ่งรายงานว่า เขากับภรรยาให้คำพยานเมื่อสบโอกาสเป็นประจำในขณะที่ไปซื้อของกินของใช้ในบ้าน. พวกเขาไปซื้อของในเวลาที่ไม่มีคนแน่นร้าน และพวกลูกค้ากำลังเดินไปมาตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อน. เขาทั้งสองแจ้งว่ามีการสนทนาที่ดีเยี่ยมหลายราย.
31 ในบางท้องถิ่น ผู้ประกาศที่ได้รับการคัดเลือกมีสิทธิจะให้คำพยานที่สนามบิน. บางครั้ง พวกเขาได้รับความยินดีจากการให้คำพยานกับผู้เดินทางนานาชาติที่อยู่ในประเทศที่มีพยานพระยะโฮวาจำนวนน้อย. เมื่อพบผู้ที่สนใจ เขาก็ให้แผ่นพับหรือไม่ก็เสนอวารสาร.
32 ถ้าไม่ได้รับอนุญาตที่จะให้คำพยานโดยตรงกับผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์ที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวดในเขตประกาศของประชาคม บางคนได้ให้คำพยานอย่างผ่อนหนักผ่อนเบาเสมอ ๆ กับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำหน้าที่หรือกับผู้จัดการอพาร์ตเมนต์ให้เช่า. มีการใช้วิธีเดียวกันในชุมชมที่มีประตูใหญ่กั้นเพื่อรักษาความปลอดภัย. ผู้ดูแลหมวดคนหนึ่งกับผู้ประกาศสองสามคนไปเยี่ยมตามชุดอาคารอพาร์ตเมนต์เจ็ดแห่งด้วยวิธีนี้. ในแต่ละแห่ง พวกเขาบอกผู้จัดการว่า แม้พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปตามห้องด้วยวิธีปกติ เขาก็ไม่อยากให้ผู้จัดการพลาดความรู้ในวารสารฉบับใหม่นี้. พวกผู้จัดการที่ชุดอาคารทั้งเจ็ดแห่งต่างยินดีรับวารสารและขอรับฉบับถัดไปด้วย! จากนั้น ผู้อยู่อาศัยในชุดอาคารเหล่านั้นก็ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์. คุณจะพบข้อมูลที่ใช้ได้จริงเกี่ยวกับการให้คำพยานทางโทรศัพท์ในบทความ “การให้คำพยานทางโทรศัพท์—วิธีหนึ่งที่จะเข้าถึงหลายคน” ในพระราชกิจของเรา ฉบับสิงหาคม 1993.
33 จงทุ่มเทตัวคุณในการประกาศทุกหนทุกแห่ง: การปฏิบัติให้บรรลุผลตามการอุทิศตัวของพวกเรานั้นรวมถึงการรู้สำนึกถึงความเร่งด่วนในงานมอบหมายที่ให้เราประกาศข่าวสารราชอาณาจักรด้วย. เพื่อจะเข้าถึงผู้คนในเวลาที่เขาสะดวก เราต้องไม่คิดถึงแต่วิธีที่เราชอบ เพื่อเรา “จะช่วยบางคนให้รอดจนได้.” ผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วทุกคนของพระยะโฮวาอยากจะกล่าวได้อย่างที่อัครสาวกเปาโลกล่าว ที่ว่า “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะเข้าส่วนกับคนอื่นในข่าวดีนั้น.”—1 โก. 9:22, 23, ล.ม.
34 เปาโลเขียนต่อไปว่า “เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในความอ่อนแอของข้าพเจ้า, เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้สถิตอยู่ในข้าพเจ้า. . . . “ด้วยว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด, ข้าพเจ้าจึงแข็งแรงมากเมื่อนั้น.” (2 โก. 12:9, 10) กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครเลยในพวกเราอาจทำให้งานนี้สำเร็จได้ด้วยกำลังของเราเอง. เราต้องอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์อันทรงฤทธิ์จากพระยะโฮวา. หากเราทูลอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า เราย่อมมั่นใจได้ว่าพระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของเรา. แล้วความรักที่เรามีต่อผู้คนจะกระตุ้นใจเราให้หาโอกาสเพื่อจะประกาศข่าวดีแก่พวกเขา ในที่ใดก็ตามที่จะพบพวกเขาได้. ระหว่างสัปดาห์หน้า ลองใช้ข้อแนะในใบแทรกนี้สักข้อสิ!