ต้องการรายศึกษาพระคัมภีร์เพิ่มขึ้น
1 พระยะโฮวาพระเจ้าทรงอวยพรองค์การของพระองค์ทางโลกนี้ให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง. ในปีรับใช้ที่แล้ว ทั่วโลกมี 375,923 คนรับบัพติสมา—เฉลี่ยแล้วมีสาวกใหม่วันละกว่า 1,000 คน หรือประมาณชั่วโมงละ 43 คน! ถึงแม้ว่าพี่น้องของเราในหลายส่วนของแผ่นดินโลกอาจเผชิญความยากลำบากมาหลายสิบปี แต่งานราชอาณาจักรก็เจริญงอกงามและมีการทวีขึ้นอย่างโดดเด่น. น่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ได้อ่านเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการแพร่ข่าวดีออกไป!
2 สำหรับสำนักงานสาขาประเทศไทยในปีรับใช้ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นการเพิ่มทวีเช่นกันในยอดเฉลี่ยผู้ประกาศและไพโอเนียร์สมทบ, เวลาที่ใช้ในการประกาศ, และในจำนวนหนังสือเล่มเล็ก, จุลสาร, และวารสารที่ได้จำหน่าย. มีการเพิ่มทวีในด้านจำนวนผู้รับบัพติสมา, การกลับเยี่ยมเยียน, และยอดผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ที่สูงกว่าที่เคยมีมา. กิจกรรมการศึกษาพระคัมภีร์ล่ะเป็นอย่างไร? เรามีการศึกษาพระคัมภีร์ลดลง 3.4 เปอร์เซ็นต์. กระนั้นก็ตาม กิจกรรมส่วนนี้ของงานรับใช้เป็นส่วนสำคัญยิ่งแห่งงานทำคนให้เป็นสาวก. เราแต่ละคนจะทำอะไรได้เพื่อเปลี่ยนแนวโน้มไปในทางลดลงของการศึกษาพระคัมภีร์กลับเป็นตรงกันข้าม?
3 จงเสริมความปรารถนาจะนำการศึกษาสักหนึ่งรายให้แรงกล้าขึ้น: ตัวเราเองจำต้องมุ่งเอาใจใส่การเป็นคนเข้มแข็งและกระตือรือร้นฝ่ายวิญญาณ. เหล่าสาวกแท้ของพระคริสต์ “มีใจแรงกล้าเพื่อการกระทำที่ดีงาม.” (ติโต 2:14, ล.ม.) เมื่อเราทบทวนดูงานรับใช้ที่เราทำ เราจะบอกได้ไหมว่าเราปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะติดตามทุกรายที่รับสิ่งพิมพ์ของเราในเขตงาน? เรากระตือรือร้นไหมในการเสนอการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านแก่ทุกคนที่แสดงความสนใจ? (โรม 12:11) หรือว่าเราจำเป็นต้องพัฒนาความปรารถนาให้แรงกล้าขึ้นที่จะกลับเยี่ยมเยียนและเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้าน?
4 การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัว, การเข้าร่วมประชุมเป็นประจำ, การศึกษาสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ จะทำให้เราสดชื่นฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอและได้รับพลังอำนาจเนื่องด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า. (เอเฟ. 3:16-19) สิ่งนี้จะเสริมความเชื่อและความมั่นใจของเราในพระยะโฮวาและความรักของเราต่อเพื่อนมนุษย์ให้เข้มแข็งขึ้น. เราจะรู้สึกอยากสอนความจริงแก่คนอื่นอีก เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้งานรับใช้ของเราน่าสนใจ, ประสบผลสำเร็จ, และให้การกระตุ้นหนุนใจ. ถูกแล้ว เราควรอยากมีการศึกษาพระคัมภีร์มากขึ้น!
5 ศึกษากับครอบครัวก่อน: บิดามารดาคริสเตียนที่มีลูก ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านควรใส่ใจกับกำหนดการของตนในการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวเป็นประจำ. (บัญ. 31:12; เพลง. 148:12, 13; สุภา. 22:6) คงเป็นประโยชน์มากแก่บิดามารดาถ้าจะศึกษาจุลสารเรียกร้อง และจากนั้นก็หนังสือความรู้ กับลูก ๆ เพื่อเตรียมพวกเขาไว้สำหรับการมีคุณวุฒิเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่ได้รับบัพติสมารวมทั้งสำหรับการอุทิศตัวและรับบัพติสมา. แน่ละ อาจคำนึงถึงเรื่องศึกษาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและอายุของลูก. บิดาหรือมารดาที่ศึกษากับบุตรที่ยังไม่ได้รับบัพติสมาจะนับเป็นการศึกษา, นับเวลา, และการกลับเยี่ยมเยียน ดังชี้แจงไว้ในตู้ปัญหาในพระราชกิจของเรา ฉบับเมษายน 1987.
6 จงปรับปรุงการจัดระเบียบส่วนตัว: เมื่อคำนึงถึงจำนวนวารสาร, จุลสาร, และหนังสือที่ได้จำหน่าย ไม่ต้องสงสัยว่ามีการหว่านเมล็ดมากมายออกไป. เมล็ดแห่งความจริงเหล่านี้ซึ่งถูกหว่านไปแล้วมีศักยภาพมากมายสำหรับการผลิตสาวกใหม่ ๆ. แต่เกษตรกรหรือคนทำสวนจะพอใจจริง ๆ ไหมถ้าเขาปลูกไปเรื่อย ๆ และ หลังจากความพยายามทุกอย่างของเขา ไม่เคยใช้เวลาเก็บเกี่ยว? ไม่อย่างแน่นอน. เช่นเดียวกัน งานรับใช้ที่ต่อเนื่องนับว่าจำเป็น.
7 คุณจัดเวลาสำหรับกลับเยี่ยมเยียนเป็นประจำไหม? จงกลับเยี่ยมรายสนใจทุกรายที่ได้พบโดยเร็ว. จงกลับเยี่ยมเยียนด้วยเป้าหมายจะเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์. คุณเก็บบันทึกเกี่ยวกับการกลับเยี่ยมเยียนของคุณไว้อย่างเรียบร้อย, ทันสมัย, และมีระเบียบไหม? พร้อมกับชื่อและที่อยู่ของเจ้าของบ้าน ทำให้แน่ใจว่าจะบันทึกวันที่พบครั้งแรก, สิ่งที่จำหน่าย, รายละเอียดย่อ ๆ ของเรื่องที่ได้สนทนากัน, และจุดที่อาจขยายความเพิ่มเติมได้ในการเยี่ยมครั้งต่อไป. ให้มีช่องว่างในบันทึกของคุณสำหรับจดรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหลังจากการกลับเยี่ยมเยียนแต่ละครั้ง.
8 จงวิเคราะห์วิธีกลับเยี่ยมเยียน: จะต้องคำนึงถึงจุดสำคัญอะไรบ้างเมื่อกลับเยี่ยมเยียนผู้สนใจ? (1) จงอบอุ่น, เป็นมิตร, กระตือรือร้น, และเป็นกันเอง. (2) พิจารณาเรื่องหรือคำถามที่ทำให้เขาสนใจ. (3) ทำให้การพิจารณาเรียบง่ายและใช้พระคัมภีร์. (4) ในการเยี่ยมแต่ละครั้ง จงพยายามสอนเจ้าของบ้านสักเรื่องหนึ่งที่เขาจะยอมรับว่ามีคุณค่าต่อเขาเป็นส่วนตัว. (5) สร้างความคาดหมายล่วงหน้าในเรื่องที่จะพิจารณาในการเยี่ยมครั้งต่อไป. (6) อย่าอยู่นานเกินไป. (7) อย่าถามคำถามที่ทำให้เขางุนงงสับสนหรือทำให้เขาลำบากใจ. (8) ใช้การสังเกตเข้าใจเพื่อจะไม่ตำหนิทัศนะที่ผิดหรือนิสัยไม่ดีของเจ้าของบ้านก่อนจะมีการปลูกฝังความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ.—ดูพระราชกิจของเรา ฉบับมีนาคม 1997 หน้า 6-10 เพื่อจะได้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีประสบผลสำเร็จในการกลับเยี่ยมเยียนและเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์.
9 จงมองหาทุกทางที่ทำได้: ในประชาคมหนึ่ง พี่น้องสามารถได้ชื่อและหมายเลขห้องของผู้เช่าทุกคนในอาคารพักอาศัยที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด. จึงได้มีการเขียนจดหมายถึงผู้อาศัยแต่ละคนเป็นส่วนตัว และแนบแผ่นพับไปด้วยสองฉบับ. ตอนท้ายจดหมาย มีข้อเสนอการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านและให้หมายเลขโทรศัพท์ไว้ด้วยเพื่อผู้รับจะตอบกลับมาได้. ภายในไม่กี่วัน ชายหนุ่มคนหนึ่งโทรศัพท์มาขอศึกษา. มีการกลับเยี่ยมเยียนในวันรุ่งขึ้นและการศึกษาได้เริ่มด้วยหนังสือความรู้. ค่ำวันนั้นเองเขาได้เข้าร่วมการศึกษาหนังสือประจำประชาคม และเขาเข้าร่วมการประชุมทุกรายการต่อไปเรื่อย ๆ. เกือบจะทันที เขาเริ่มอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันและก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะรับบัพติสมา.
10 ผู้ประกาศที่เดินทางด้วยรถคันเดียวกันกลุ่มหนึ่งได้เตรียมการจะกลับเยี่ยมเยียนด้วยกัน. เมื่อพี่น้องหญิงคนหนึ่งกลับเยี่ยมรายเยี่ยมของเธอ ผู้ที่เธอไปหาไม่อยู่บ้าน แต่เด็กสาวอีกคนหนึ่งมาเปิดประตู พูดว่า “ดิฉันคอยคุณอยู่.” เจ้าของบ้านผู้นี้ได้รับหนังสือความรู้ ไว้ก่อนแล้วจากคนรู้จักกัน. ตอนที่พี่น้องหญิงมาเยี่ยม เธอได้อ่านหนังสือนี้จบไปแล้วสองรอบและประทับใจมากกับความรู้ที่มีอยู่ในหนังสือ. เธอบอกว่าเธอไม่รู้สึกแปลกใจที่เห็นพยานฯ มาหาเธอวันนั้นเพราะเธอได้อธิษฐานขอให้พวกพยานฯ มาศึกษาพระคัมภีร์กับเธอ. การศึกษาจึงเริ่มต้น เธอเริ่มเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ของประชาคม และเธอก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว.
11 เมื่อไม่นานมานี้ พี่น้องหญิงคนหนึ่งซึ่งรับบัพติสมาแล้วเกือบ 25 ปีได้ให้หนังสือความรู้ แก่คุณแม่. คุณแม่ของเธอซึ่งเป็นสมาชิกโบสถ์เริ่มอ่านหนังสือนี้. หลังจากคุณแม่เธออ่านจบสองบท ก็โทรศัพท์ถึงลูกสาวและด้วยคำพูดที่ยังความประหลาดใจแก่พี่น้องหญิงคนนี้ คุณแม่เธอบอกว่า “แม่อยากเป็นพยานพระยะโฮวา!” คุณแม่ผู้นี้ได้เริ่มศึกษาและบัดนี้ได้รับบัพติสมาแล้ว.
12 จงลองใช้ข้อแนะเหล่านี้: คุณเคยใช้การพูดโดยตรงไหมเพื่อเริ่มการศึกษา? คุณอาจพูดง่าย ๆ ว่า “ถ้าคุณอยากจะศึกษาพระคัมภีร์ฟรีที่บ้าน ผมจะใช้เวลาแค่สองสามนาทีแสดงให้คุณดูวิธีศึกษา. ถ้าคุณชอบ ผมจะศึกษากับคุณต่อได้.” หลายคนไม่ลังเลที่จะรับข้อเสนออย่างนี้ และพวกเขาเต็มใจจะดูการสาธิตการศึกษาพระคัมภีร์.
13 ในตอนต้นการศึกษา แสดงให้นักศึกษาเห็นวิธีเตรียมตัวล่วงหน้าโดยอ่านข้อพระคัมภีร์ที่มีการอ้างถึงและขีดเส้นใต้คำสำคัญ ๆ ในคำตอบสำหรับคำถามที่พิมพ์ไว้. มุ่งสนใจที่จุดสำคัญเท่านั้น. แม้ว่าเราต้องรู้จักยืดหยุ่นในสองสามครั้งแรก แต่ก็สำคัญที่พึงจัดการศึกษาอย่างสม่ำเสมอ. จงระลึกเสมอถึงวิธีที่คุณจะแนะนำว่าการอธิษฐานเป็นส่วนสำคัญของการศึกษา และวิธีที่คุณอาศัยหลักพระคัมภีร์เตรียมนักศึกษาไว้สำหรับการต่อต้าน. โดยทุกวิถีทาง จงทำให้การศึกษาเป็นที่น่าสนใจ.
14 แน่นอน ไม่ใช่นักศึกษาพระคัมภีร์ทุกคนก้าวหน้าเท่า ๆ กัน. บางคนไม่มีแนวโน้มฝ่ายวิญญาณเท่ากับคนอื่นหรือรับเอาเรื่องที่มีการสอนได้ไม่เร็วเท่ากับคนอื่น. ส่วนคนอื่น ๆ ดำเนินชีวิตที่มีธุระยุ่งมากและอาจไม่สามารถอุทิศเวลาตามที่จำเป็นเพื่อพิจารณาทั้งบทในแต่ละสัปดาห์. ดังนั้น ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องศึกษามากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อพิจารณาบางบทและต้องใช้เวลาเพิ่มอีกบางเดือนเพื่อจะศึกษาให้จบเล่ม. ในบางกรณี เราอาจศึกษาโดยใช้จุลสารเรียกร้อง ก่อนแล้วจึงศึกษาต่อด้วยหนังสือความรู้. การทำเช่นนี้ เสริมด้วยการที่เขาเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ของประชาคม จะช่วยนักศึกษาแต่ละคนให้มีรากฐานที่มั่นคงในความจริง.
15 ที่สำคัญ จงอธิษฐานขอเพื่อจะมีการศึกษา! (1 โย. 3:22) ประสบการณ์ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับคริสเตียนก็คือการถูกพระยะโฮวาใช้เพื่อช่วยคนให้มาเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์. (กิจ. 20:35; 1 โก. 3:6-9; 1 เธ. 2:8) บัดนี้เป็นเวลาจะแสดงความมีใจแรงกล้าอย่างยิ่งในงานให้การศึกษาพระคัมภีร์ มั่นใจเต็มที่ในพระพรอันอุดมที่พระยะโฮวาทรงประทานแก่ความพยายามของเราที่จะเริ่มการศึกษาเพิ่มขึ้นอีก!
[จุดเด่นหน้า 3]
คุณกำลังอธิษฐานขอเพื่อจะเริ่ม การศึกษาพระคัมภีร์รายใหม่ไหม?