ห้าแนวทางเพื่อจะมีนักศึกษาพระคัมภีร์
1. ถ้ารู้สึกว่าหานักศึกษาพระคัมภีร์ได้ยากในเขตงานของเรา เราควรทำเช่นไรและทำไม?
1 คุณรู้สึกว่ายากไหมที่จะมีนักศึกษาพระคัมภีร์? จงพยายามต่อไป. พระยะโฮวาทรงอวยพรผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์อย่างไม่ย่อท้อ. (กลา. 6:9) ด้านล่างนี้มีข้อเสนอแนะห้าประการที่จะช่วยคุณ.
2. เราจะใช้วิธีเสนอการศึกษาโดยตรงได้อย่างไรเพื่อจะมีรายศึกษา?
2 เสนอโดยตรง: หลายคนรู้ว่าเราเสนอวารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! แต่อาจไม่รู้ว่าเราเสนอการศึกษาพระคัมภีร์ด้วย. ถ้าเห็นว่าเหมาะ น่าจะลองเสนอการศึกษาโดยตรงเมื่อประกาศตามบ้าน. นอกจากนั้น คุณอาจถามผู้สนใจที่คุณไปเยี่ยมว่าเขาอยากศึกษาพระคัมภีร์หรือเปล่า. ถ้าเขาปฏิเสธ คุณก็อาจให้สิ่งพิมพ์แก่เขาและช่วยเขาให้มีความสนใจต่อไป. พี่น้องไปเยี่ยมคู่สมรสคู่หนึ่งอยู่เป็นปีเนื่องจากเป็นสายเวียนส่งวารสาร. หลังจากให้วารสารล่าสุดแก่พวกเขาแล้ว ตอนที่จะหันหลังกลับพี่น้องเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาจึงถามพวกเขาว่า “พวกคุณอยากศึกษาพระคัมภีร์ไหม?” เขาประหลาดใจที่ได้คำตอบว่าอยาก. ตอนนี้คู่สมรสนั้นรับบัพติสมาแล้ว.
3. เราควรจะคิดเอาเองไหมว่าผู้ที่มาร่วมประชุมเป็นนักศึกษาของพี่น้องบางคน? จงอธิบาย.
3 ถามผู้สนใจที่มาร่วมประชุม: อย่าคิดเอาเองว่าผู้สนใจที่คุณเห็นมาประชุมเป็นนักศึกษาพระคัมภีร์แล้ว. พี่น้องคนหนึ่งเล่าว่า “รายศึกษาของผมมากกว่าครึ่งได้จากการถามผู้ที่มาร่วมประชุม.” พี่น้องคนหนึ่งตัดสินใจเข้าไปพูดคุยเพื่อเสนอการศึกษาพระคัมภีร์กับหญิงที่ขี้อายคนหนึ่งซึ่งเป็นแม่ของพี่น้อง. เธอเข้าร่วมประชุมมา 15 ปีแล้วและทุกครั้งเธอมาตอนที่การประชุมเริ่มพอดีและกลับทันทีที่การประชุมเลิก. หญิงคนนี้ตกลงศึกษาและในที่สุดก็เข้ามาในความจริง. พี่น้องเขียนว่า “ฉันเสียดายที่ปล่อยไว้ 15 ปีก่อนจะถามเธอว่าอยากศึกษาไหม.”
4. เราอาจมีนักศึกษาพระคัมภีร์ได้อย่างไรโดยการเสนอตัวเพื่อช่วยคนอื่น?
4 เสนอตัวเพื่อช่วยคนอื่น: พี่น้องคนหนึ่งพยายามจะไปกับเพื่อนผู้ประกาศคนอื่น ๆ ที่ไปนำการศึกษาพระคัมภีร์. เมื่อผู้นำการศึกษายินยอม ในตอนท้ายการศึกษาเธอจะถามนักศึกษาว่ามีใครบ้างไหมที่เขารู้จักซึ่งอยากศึกษาพระคัมภีร์. เมื่อเสนอหนังสือไบเบิลสอนแก่คนที่คุณไปเยี่ยม อาจถามเขาว่า “คุณรู้จักใครอีกไหมที่อยากได้หนังสือเล่มนี้?” บางครั้ง ผู้ประกาศหรือไพโอเนียร์ไม่สะดวกที่จะนำการศึกษากับบางคนที่พบในเขตงาน. ดังนั้น จงบอกพี่น้องให้รู้ว่าคุณพร้อมจะช่วยนำการศึกษาพระคัมภีร์.
5. ทำไมเราน่าจะถามคู่สมรสที่ไม่มีความเชื่อของพี่น้องในประชาคมว่าเขาอยากศึกษาไหม?
5 ช่วยคู่สมรสที่ไม่มีความเชื่อ: ในประชาคมของคุณมีผู้ประกาศที่คู่สมรสไม่มีความเชื่อไหม? ผู้ที่ไม่มีความเชื่อบางคนไม่ยอมคุยเรื่องพระคัมภีร์กับคู่ของตนที่เป็นพยานฯ แต่เมื่อคนอื่นชักชวนให้ศึกษาเขาอาจตอบตกลง. บ่อยครั้ง ดีที่สุดที่จะปรึกษาพี่น้องของเราก่อน เพื่อจะรู้ว่าจะพูดกับคู่สมรสของเขาอย่างไรดี.
6. การอธิษฐานช่วยได้อย่างไรเมื่อพยายามจะมีนักศึกษา?
6 อธิษฐาน: อย่าดูเบาพลังของการอธิษฐาน. (ยโก. 5:16) พระยะโฮวาทรงสัญญาว่าจะรับฟังคำทูลขอของเราถ้าคำขอนั้นสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์. (1 โย. 5:14) พี่น้องคนหนึ่งที่มีตารางเวลาแน่นมากได้อธิษฐานขอให้มีนักศึกษา. ภรรยาของเขาสงสัยว่าเขาจะเอาเวลาไหนมาดูแลนักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักศึกษามีปัญหา. ดังนั้น เธอจึงบอกพระยะโฮวาให้ทราบเรื่องที่กังวลนี้เมื่ออธิษฐานเผื่อสามีเรื่องการมีนักศึกษา. ประมาณสองสัปดาห์ต่อมาคำอธิษฐานของพวกเขาได้รับคำตอบเมื่อไพโอเนียร์ในประชาคมพบชายคนหนึ่งที่อยากศึกษาและยกให้พี่น้องคนนี้. ภรรยาเขียนว่า “ใครก็ตามที่คิดว่าการนำการศึกษาพระคัมภีร์เป็นเรื่องที่คงทำไม่ไหว ดิฉันขอบอกว่า จงอธิษฐานอย่างเจาะจงในเรื่องนี้ และอธิษฐานอยู่เรื่อย ๆ. ดิฉันกับสามีมีความสุขเกินกว่าที่เราคาดคิดเสียอีก.” คุณก็เช่นกัน ถ้าพากเพียรต่อ ๆ ไปก็จะมีนักศึกษาพระคัมภีร์ได้และมีความยินดีที่ได้ช่วยบางคนให้เข้ามาอยู่ใน “ทาง . . . ที่นำไปสู่ชีวิต.”—มัด. 7:13, 14