เรื่องราวชีวิตจริง
ได้เรียนรู้ทั้งชีวิตจากครูองค์ยิ่งใหญ่
ด่านตรวจที่มีทหารถือปืน ที่กั้นที่มีไฟลุกท่วม พายุไซโคลน สงครามกลางเมือง และการอพยพ นี่เป็นเพียงอันตรายบางอย่างที่ผมกับภรรยาต้องเจอตอนที่รับใช้เป็นไพโอเนียร์และมิชชันนารี แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ และถ้าจะให้เอาอะไรมาแลกผมก็คงไม่ยอม ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมได้เห็นเลยว่าพระยะโฮวาคอยสนับสนุนและอวยพรเรา พระองค์เป็นครูองค์ยิ่งใหญ่ที่สอนบทเรียนหลายอย่างที่ล้ำค่ากับเราจริง ๆ —โยบ 36:22; อสย. 30:20
ตัวอย่างที่ดีของพ่อแม่
ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 พ่อแม่ของผมย้ายจากอิตาลีมาที่เมืองคินเดอร์สลีย์ รัฐซัสแคตเชวัน ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เรียนความจริง แล้วการนมัสการพระยะโฮวาก็กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในครอบครัวของเรา ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ครอบครัวเราไปประกาศด้วยกันทั้งวัน จนบางครั้งผมก็มักจะพูดเล่น ๆ ว่า “ผมเริ่มเป็นไพโอเนียร์สมทบตั้งแต่อายุ 8 ขวบเลยนะ”
กับครอบครัวของผม ประมาณปี 1966
พ่อแม่ของผมมีฐานะยากจน แต่พวกเขาก็วางตัวอย่างที่ดีในการเสียสละเพื่อพระยะโฮวา ตัวอย่างเช่น ในปี 1963 พวกเขาขายสิ่งของหลายอย่างเพื่อจะหาเงินไปเข้าร่วมการประชุมนานาชาติที่เมืองพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี 1972 พวกเราก็ย้ายไปที่เมืองเทรล รัฐบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ซึ่งห่างจากบ้านเก่าของเราประมาณ 1,000 กิโลเมตร เพื่อไปช่วยในเขตภาษาอิตาลี พ่อของผมทำงานเป็นภารโรง และแม้เขาจะได้รับการเสนอให้เลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธเพราะเขาอยากให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดอยู่เสมอ
ผมรู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่มากที่วางตัวอย่างที่ดีให้กับผมและพี่ ๆ น้อง ๆ อีก 3 คน ตัวอย่างของพวกเขาเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยฝึกผมในงานรับใช้ พวกเขาสอนสิ่งหนึ่งที่ผมจำไปตลอดทั้งชีวิต นั่นก็คือถ้าผมให้การปกครองของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระยะโฮวาก็จะดูแลผม—มธ. 6:33
ได้ลองชิมงานรับใช้เต็มเวลาเป็นครั้งแรก
ในปี 1980 ผมแต่งงานกับเด็บบี้พี่น้องหญิงที่สวยและตั้งใจอยากทำงานรับใช้เต็มเวลา เราอยากจะทำงานรับใช้เต็มเวลาด้วยกัน สามเดือนหลังจากแต่งงานเด็บบี้ก็เลยเริ่มเป็นไพโอเนียร์ แล้วพอเราแต่งงานได้ครบ 1 ปีเราก็ย้ายไปที่ประชาคมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีความจำเป็น แล้วผมก็เริ่มรับใช้เป็นไพโอเนียร์ด้วย
วันแต่งงานของเรา ปี 1980
พอเวลาผ่านไปเราก็เริ่มรู้สึกท้อใจและตัดสินใจว่าจะย้ายออกจากประชาคมนั้น แต่ก่อนที่เราจะไป เราคุยกับผู้ดูแลหมวด เขาให้คำแนะนำด้วยความรักแต่ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณเองก็มีส่วนที่ทำให้ปัญหามันแย่ลงนะเพราะคุณเอาแต่มองในแง่ลบ แต่ถ้าคุณลองมองในแง่บวก คุณก็จะเห็นว่ามันมีอะไรดี ๆ หลายอย่าง” นี่เป็นคำแนะนำที่เราต้องการจริง ๆ (สด. 141:5) เราทำตามคำแนะนำนี้แล้วก็ได้เห็นเลยว่ามันมีอะไรดี ๆ หลายอย่างจริง ๆ อย่างเช่น เราเห็นว่าในประชาคมมีพี่น้องหลายคนที่อยากจะรับใช้พระยะโฮวามากขึ้น รวมทั้งวัยรุ่นหรือแม้แต่พี่น้องที่คู่ของเขาไม่ได้อยู่ในความจริง นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับเราเลย เราได้เรียนรู้ที่จะมองหาสิ่งดี ๆ และรอคอยพระยะโฮวาเข้ามาจัดการกับปัญหาที่เราเจอ (มคา. 7:7) ในที่สุด เราก็กลับมามีความสุขในงานรับใช้อีกครั้ง แล้วอะไร ๆ ก็เริ่มดีขึ้น
ตอนที่เราเข้าโรงเรียนไพโอเนียร์ครั้งแรก ครูที่สอนชั้นเรียนนี้เคยรับใช้ในต่างประเทศมาก่อน พวกเขาให้เราดูรูปและเล่าว่าเจอข้อท้าทายอะไรบ้าง แต่ก็เล่าด้วยว่าพวกเขาได้รับพรมากมายด้วย พอได้ฟังพวกเขาเล่า เราก็อยากจะรับใช้เป็นมิชชันนารีบ้าง เราเลยตัดสินใจว่าจะตั้งเป้าหมายเป็นมิชชันนารี
ที่หอประชุมในบริติชโคลัมเบีย ปี 1983
เพื่อจะทำตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ในปี 1984 เราเลยย้ายไปที่ควิเบกซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสและห่างจากบริติชโคลัมเบียมากกว่า 4,000 กิโลเมตร ตอนที่เราย้ายไปที่นั่นเราต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่และเรียนภาษาใหม่ ข้อท้าทายอีกอย่างหนึ่งก็คือหลายครั้งเราไม่ค่อยมีเงิน ครั้งหนึ่งเราต้องไปเก็บมันฝรั่งที่ชาวไร่เหลือไว้หลังจากพวกเขาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วเพื่อเอามาทำเป็นอาหาร ในช่วงนั้นเด็บบี้ได้สร้างสรรค์เมนูที่ทำจากมันฝรั่งหลายเมนู ถึงแม้ว่าเราจะเจอข้อท้าทายเหล่านี้ แต่เราก็ยังรับมือกับมันได้อย่างมีความสุข และยิ่งกว่านั้นเราได้เห็นว่าพระยะโฮวาคอยดูแลเราเสมอ—สด. 64:10
มีอยู่วันหนึ่งเราได้รับโทรศัพท์เชิญให้ไปทำงานที่เบเธลแคนาดา เราไม่คิดเลยว่าจะถูกเชิญแบบนี้ ก่อนหน้านี้เราเขียนใบสมัครเข้าโรงเรียนกิเลียด เราเลยรู้สึกทั้งสับสนทั้งดีใจ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ตอบรับคำเชิญที่ให้ไปทำงานที่เบเธล พอไปถึงเราได้คุยกับพี่น้องเคนเน็ท ลิตเทิล สมาชิกคณะกรรมการสาขาแคนาดา เราเลยถามเขาว่า “เราเขียนใบสมัครกิเลียดไว้ ทำยังไงดีครับ?” เขาตอบว่า “ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณถูกเชิญเข้ากิเลียด เดี๋ยวเราค่อยว่ากัน”
เพียงแค่ 1 สัปดาห์ต่อมา ผมกับเด็บบี้ก็ถูกเชิญให้เข้าโรงเรียนกิเลียด ตอนนั้นเราก็เลยต้องตัดสินใจว่าจะทำยังไง พี่น้องเคนเน็ทบอกเราว่า “ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน มันก็จะมีบางวันที่คุณรู้สึกว่าคุณน่าจะเลือกอีกอย่างหนึ่งมากกว่า แต่ความจริงก็คือไม่ได้มีทางไหนดีกว่าทางไหน ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไรพระยะโฮวาสามารถอวยพรการตัดสินใจของคุณได้ทั้งนั้น” เราก็เลยตอบรับคำเชิญเข้าโรงเรียนกิเลียด และตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราก็เห็นเลยว่าคำพูดของพี่น้องเคนเน็ทเป็นความจริง และเรามักจะยกคำพูดของเขามาให้กำลังใจคนที่ต้องตัดสินใจเลือกงานรับใช้
ชีวิตตอนรับใช้เป็นมิชชันนารี
(ซ้าย) ยูลิสซิส กลาสส์
(ขวา) แจ็ค เรดฟอร์ด
เราได้รับมอบหมายให้เรียนในโรงเรียนกิเลียดชั้นเรียนที่ 83 ชั้นเรียนนี้มีนักเรียนทั้งหมด 24 คน เราเข้าเรียนในเดือนเมษายนปี 1987 ที่บรุกลิน นิวยอร์ก ผู้สอนหลักของเรามี 2 คนคือพี่น้องยูลิสซิส กลาสส์ กับพี่น้องแจ็ค เรดฟอร์ด ช่วง 5 เดือนที่เราเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราจบการศึกษาในวันที่ 6 กันยายน 1987 และได้รับมอบหมายให้เป็นมิชชันนารีที่เฮติร่วมกับพี่น้องจอห์นกับแมรี่ กู๊ด
ที่เฮติ ปี 1988
มิชชันนารีขององค์การเราถูกไล่ออกจากเฮติตั้งแต่ปี 1962 และตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีการส่งมิชชันนารีไปที่นั่นอีก หลังจากที่เรา 2 คนจบการศึกษามาได้สัก 3 อาทิตย์ เราก็เดินทางมาถึงเฮติและได้รับมอบหมายให้อยู่ในประชาคมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีผู้ประกาศ 35 คน หอประชุมของเราอยู่กลางหุบเขา ตอนนั้นเรายังอายุน้อย ไม่มีประสบการณ์ และอยู่กันตามลำพังในบ้านมิชชันนารี ชาวเฮติค่อนข้างยากจนและส่วนใหญ่อ่านหนังสือไม่ได้ ช่วงแรก ๆ ที่เราทำงานรับใช้เราเจอกับเรื่องหนัก ๆ หลายอย่าง เช่น สงครามกลางเมือง รัฐประหาร ที่กั้นที่มีไฟลุกท่วม และพายุไซโคลน
เราได้เรียนอะไรหลายอย่างจากพี่น้องเฮติที่เข้มแข็งและมีความสุขเสมอ แม้พวกเขาจะมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่พวกเขาก็รักพระยะโฮวาและรักงานรับใช้มาก พี่น้องหญิงสูงอายุคนหนึ่งอ่านหนังสือไม่ออก แต่สามารถจำข้อคัมภีร์ได้มากถึง 150 ข้อ ปัญหามากมายที่ผู้คนเจอในแต่ละวันทำให้เราอยากจะประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าว่าเป็นทางแก้ปัญหาอย่างเดียวสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น เรารู้สึกดีใจที่ได้เห็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลของเราบางคนก้าวหน้าจนถึงกับได้เป็นไพโอเนียร์ประจำ ไพโอเนียร์พิเศษ และผู้ดูแล
ตอนอยู่ที่เฮติผมได้เจอกับเทรเวอร์ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นมิชชันนารีของมอร์มอน เรามีโอกาสได้คุยเรื่องคัมภีร์ไบเบิลกับเขาสองสามครั้ง หลายปีต่อมาผมได้รับจดหมายจากเทรเวอร์ซึ่งเป็นจดหมายที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับ เขาเขียนว่า “ผมกำลังจะรับบัพติศมาในการประชุมหมวดที่จะถึงนี้ครับ เสร็จแล้วผมอยากจะเดินทางกลับไปที่เฮติและเป็นไพโอเนียร์พิเศษในที่ที่ผมเคยเป็นมิชชันนารีของมอร์มอนมาก่อน” แล้วเทรเวอร์ก็เป็นไพโอเนียร์พิเศษนานหลายปีที่เฮติกับภรรยาของเขา
ยุโรปจากนั้นก็แอฟริกา
ทำงานรับใช้ที่สโลวีเนีย ปี 1994
ช่วงนั้นการสั่งห้ามงานประกาศในยุโรปเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ และเราได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้ที่นั่น ในปี 1992 เราเดินทางมาถึงเมืองลูบลิยานา ประเทศสโลวีเนีย เมืองนี้อยู่ใกล้ ๆ กับเมืองที่เป็นบ้านเกิดของพ่อแม่ผมก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปอยู่อิตาลี ตอนนั้นกำลังมีสงครามเกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ของอดีตยูโกสลาเวีย สำนักงานสาขาในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รวมทั้งสำนักงานสาขาที่ซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย และสำนักงานสาขาที่เบลเกรด ประเทศเซอร์เบียกำลังดูแลงานประกาศในยุโรปตะวันออกทั้งหมด แต่ปัจจุบันแต่ละประเทศในยุโรปตะวันออกก็มีเบเธลเป็นของตัวเอง
พอเราย้ายไปอยู่ที่ยุโรปตะวันออก เราต้องเรียนภาษาใหม่และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่ คนสโลวีเนียมีสำนวนหนึ่งที่หมายความว่า “ภาษาเป็นเรื่องที่ยาก” และภาษานี้ก็ยากจริง ๆ นอกจากนั้น เรารู้สึกชื่นชมพี่น้องในสโลวีเนียที่มีความภักดีและยอมรับการปรับเปลี่ยนขององค์การ และเราได้เห็นเลยว่าเมื่อพวกเขาทำแบบนั้น พระยะโฮวาก็อวยพรพวกเขาจริง ๆ นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้เห็นด้วยตาของเราเองว่าพระยะโฮวาสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ได้และพระองค์ทำในเวลาที่เหมาะจริง ๆ ตลอดหลายปีที่เราอยู่ในสโลวีเนีย เราได้บทเรียนที่มีค่าหลายอย่าง และนี่ช่วยให้เราอดทนกับความยากลำบากตอนที่เราอยู่ที่นั่นได้
แต่ชีวิตของเรายังมีการเปลี่ยนแปลงอีก ในปี 2000 เราได้รับมอบหมายไปที่โกตดิวัวร์ ซึ่งอยู่ทางแอฟริกาตะวันตก ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 เราต้องออกจากโกตดิวัวร์เพราะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นที่นั่นและอพยพไปอยู่ที่ประเทศเซียร์ราลีโอน สงครามกลางเมืองที่เซียร์ราลีโอนเพิ่งจบลงหลังจากยืดเยื้อยาวนานถึง 11 ปี ไม่ง่ายเลยที่ต้องออกจากโกตดิวัวร์อย่างกะทันหัน แต่บทเรียนที่ผ่านมาในชีวิตก็ช่วยเราให้ยังคงมีความสุขในงานรับใช้เสมอ
ช่วงที่อยู่เซียร์ราลีโอน เราพยายามจดจ่อที่เขตงานซึ่งเกิดผลดีมากและสนใจพี่น้องที่รักของเราซึ่งอดทนกับสงครามมานานหลายปี แม้พี่น้องที่นี่จะยากจน แต่พวกเขาก็มีน้ำใจแบ่งปันสิ่งของที่ตัวเองมี เช่น พี่น้องหญิงคนหนึ่งเอาเสื้อผ้ามาให้เด็บบี้ แต่พอเด็บบี้เกรงใจไม่กล้ารับไว้ พี่น้องหญิงคนนั้นก็ยังยืนยันว่าอยากจะให้เสื้อผ้ากับเด็บบี้ เธอบอกว่า “ตอนที่เกิดสงคราม พี่น้องประเทศอื่น ๆ ช่วยเราเยอะมาก ตอนนี้เราก็อยากจะช่วยคุณบ้าง” เราสองคนตั้งใจว่าอยากจะเลียนแบบตัวอย่างของพวกเขา
ในที่สุดเราก็ได้กลับไปที่โกตดิวัวร์อีกครั้ง แต่ปัญหาทางการเมืองทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศนั้นเลยทำให้เดือนพฤศจิกายน 2004 เราต้องรีบหนีออกจากโกตดิวัวร์โดยทางเฮลิคอปเตอร์ เรามีสัมภาระติดตัวเป็นกระเป๋าแค่คนละ 1 ใบที่มีน้ำหนัก 10 กิโลกรัมเท่านั้น เราต้องนอนบนพื้นในค่ายพักของทหารฝรั่งเศส 1 คืน แล้วในวันถัดมาเราถึงจะบินไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เราไปถึงสาขาสวิตเซอร์แลนด์ตอนเที่ยงคืน แต่คณะกรรมการสาขากับผู้สอนของโรงเรียนฝึกอบรมเพื่อการรับใช้รวมทั้งภรรยาของพวกเขาก็ได้ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น พวกเขากอดเรา ทำอาหารร้อน ๆ ให้เรากิน และให้ช็อกโกแลตสวิสกับเราเยอะเลย เรารู้สึกประทับใจการต้อนรับของพวกเขามาก
บรรยายให้ผู้ลี้ภัยฟังที่โกตดิวัวร์ ปี 2005
เราได้รับงานมอบหมายให้ไปรับใช้ที่กานาชั่วคราวและต่อมาเราก็ได้กลับไปที่โกตดิวัวร์อีกหลังจากสงครามกลางเมืองสงบลงแล้ว ความรักของพี่น้องช่วยให้เรารับมือกับความยากลำบากต่าง ๆ ได้ เช่น ตอนที่เราต้องอพยพหรือตอนที่เราได้รับงานมอบหมายชั่วคราว ถึงแม้ผมกับเด็บบี้รู้ว่าในองค์การของพระยะโฮวาพี่น้องจะแสดงความรักต่อกันอย่างมาก แต่เราก็ไม่ได้ถือว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาจนลืมเห็นค่าความรักของพี่น้อง ที่จริง ช่วงที่เราเจอความยากลำบากเป็นเหมือนการฝึกฝนที่มีค่าสำหรับเรา
ตะวันออกกลาง
ที่ตะวันออกกลาง ปี 2007
ในปี 2006 มีจดหมายจากสำนักงานใหญ่ส่งมาบอกเราว่าเราได้รับงานมอบหมายใหม่ให้ไปที่ตะวันออกกลาง นี่เป็นอีกครั้งที่เราต้องออกเดินทาง ต้องรับมือกับข้อท้าทายต่าง ๆ ต้องเรียนภาษาใหม่ ๆ และปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่ มีหลายอย่างที่เราได้เรียนเมื่อเราอยู่ในพื้นที่นี้ซึ่งมีความขัดแย้งทางการเมืองและศาสนาอย่างรุนแรง เราชอบที่ได้อยู่ในประชาคมที่มีความหลากหลายทางภาษา แล้วก็ได้เห็นว่าเมื่อพี่น้องทำตามคำแนะนำจากองค์การก็ทำให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันจริง ๆ เรารู้สึกชื่นชมพี่น้องเพราะพวกเขากล้าหาญและอดทนการต่อต้านจากคนในครอบครัว เพื่อนที่โรงเรียน คนในที่ทำงาน และเพื่อนบ้าน
ในปี 2012 เราเข้าร่วมการประชุมพิเศษที่กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรกที่คนของพระยะโฮวาในภูมิภาคนี้ได้มีโอกาสมาประชุมกันนับตั้งแต่วันเพ็นเทคอสต์ ค.ศ. 33 นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำจริง ๆ
ช่วงหลายปีที่อยู่ที่นั่น เราถูกส่งไปเยี่ยมประเทศหนึ่งที่งานของเราถูกสั่งห้าม เราเอาสิ่งพิมพ์บางฉบับไปด้วย แล้วก็ได้ไปประกาศ ไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ มีทหารถืออาวุธและด่านตรวจอยู่ทุกที่ แต่เราก็รู้สึกปลอดภัยตอนที่เดินทางไปกับผู้ประกาศสองสามคนอย่างระมัดระวัง
กลับไปแอฟริกา
เตรียมคำบรรยายที่คองโก ปี 2014
ในปี 2013 เราได้รับงานมอบหมายใหม่อีกครั้งคือให้ไปรับใช้ในสำนักงานสาขาที่กินชาซา ประเทศคองโก นี่เป็นประเทศที่ใหญ่มากและมีธรรมชาติที่สวยงาม แต่ผู้คนในประเทศยากจนมากและต้องเจอสงครามอยู่บ่อย ๆ ตอนแรกเราบอกว่า “เรารู้จักแอฟริกาดี เราพร้อมแล้ว” แต่เราก็ยังต้องเรียนรู้อีกหลายอย่างโดยเฉพาะการเดินทางในประเทศที่ถนนหนทางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้น เราก็ยังได้เห็นสิ่งดี ๆ หลายอย่าง เช่น ถึงแม้พี่น้องจะยากจนแต่พวกเขาก็ยังมีความสุขและสามารถอดทนกับปัญหาต่าง ๆ ได้ เรายังได้เห็นความรักที่พวกเขามีต่องานรับใช้ ความพยายามของพวกเขาที่จะเข้าร่วมการประชุมประชาคมและการประชุมใหญ่ เราได้เห็นด้วยตัวเองเลยว่างานของรัฐบาลพระเจ้าจะก้าวหน้าได้ก็ต่อเมื่อพระยะโฮวาสนับสนุนและอวยพร ช่วงเวลาหลายปีที่เรารับใช้ในคองโกทำให้เรารู้สึกประทับใจมาก และทำให้เราได้เพื่อนมากมายที่เป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ
ประกาศที่แอฟริกาใต้ ปี 2023
ปลายปี 2017 เราได้รับงานมอบหมายให้ไปรับใช้ที่สาขาแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดที่เราเคยรับใช้ และงานมอบหมายที่เราได้รับก็เป็นงานที่เราไม่เคยทำมาก่อน มีหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ แต่ประสบการณ์ในอดีตก็ช่วยเรามากจริง ๆ เรารักพี่น้องชายหญิงมากมายที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์มานานหลายสิบปี และมันน่าทึ่งมากที่ได้เห็นว่าพี่น้องในเบเธลทำงานด้วยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวทั้ง ๆ ที่พวกเขามีเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวาอวยพรคนของพระองค์ให้มีสันติสุขและช่วยให้พวกเขาปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่และเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมกับเด็บบี้ได้รับงานมอบหมายหลายอย่างที่น่าตื่นเต้น เราต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและเรียนภาษาใหม่ ๆ และถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ได้เห็นความรักที่มั่นคงของพระยะโฮวาผ่านทางองค์การและพี่น้อง (สด. 144:2) สิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ทำตอนรับใช้เต็มเวลาช่วยให้เราเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่ดีขึ้น
ผมเห็นค่าสิ่งต่าง ๆ ที่พ่อแม่สอน การสนับสนุนจากเด็บบี้ภรรยาที่รัก และตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของพี่น้องตลอดทั่วโลก และไม่ว่าในวันพรุ่งนี้หรือวันไหน ๆ เราสองคนก็พร้อมที่จะเรียนรู้จากครูองค์ยิ่งใหญ่ของเราต่อ ๆ ไป