บทความศึกษา 37
เพลง 114 “ขอให้อดทนรอ”
วิธีที่ดีที่สุดที่จะรับมือกับความไม่ยุติธรรม
“พระองค์เฝ้าคอยให้พวกเขาตัดสินเรื่องต่าง ๆ อย่างยุติธรรมแต่ดูสิ พวกเขากลับไม่ได้ยึดมั่นกับกฎหมาย”—อสย. 5:7
จุดสำคัญ
ตัวอย่างของพระเยซูช่วยเรายังไงให้รับมือกับความไม่ยุติธรรมในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ
1-2. หลายคนทำยังไงเมื่อเจอกับความไม่ยุติธรรม? และเราอาจสงสัยเรื่องอะไร?
เราอยู่ในโลกที่มีแต่ความไม่ยุติธรรม ผู้คนมากมายถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพราะฐานะทางการเงิน เพศ เชื้อชาติ หรือเผ่าพันธุ์ หลายคนลำบากเพราะผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่แย่ลงเรื่อย ๆ ที่เกิดจากพวกนายทุนที่โลภและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่คอร์รัปชั่น ความไม่ยุติธรรมเหล่านี้รวมทั้งความไม่ยุติธรรมในเรื่องอื่น ๆ ส่งผลต่อเราทุกคนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
2 ไม่แปลกใจที่หลายคนรู้สึกโกรธเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรมในโลกทุกวันนี้ เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครอยากอยู่ในโลกที่สงบสุขและเห็นผู้คนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน นี่เลยเป็นเหตุให้หลายคนเข้าไปมีส่วนร่วมกับการปฏิรูปทางสังคม เช่น บางคนล่ารายชื่อเพื่อจะยื่นคำร้องต่อรัฐบาล เข้าร่วมกับกลุ่มประท้วง หรือสนับสนุนนักการเมืองที่สัญญาว่าจะต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม พวกเราที่เป็นคริสเตียนถูกสอนว่าเราต้องไม่เป็น “คนของโลก” และรอคอยรัฐบาลของพระเจ้าที่จะกำจัดความไม่ยุติธรรมทุกอย่าง (ยน. 17:16) ถึงอย่างนั้น พอเราเห็นบางคนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม เราก็รู้สึกผิดหวังและอาจถึงกับโกรธด้วยซ้ำ เราอาจสงสัยว่า ‘ฉันควรมีปฏิกิริยายังไง? และมีอะไรบ้างที่ฉันสามารถทำได้ในตอนนี้?’ เพื่อจะตอบคำถามเหล่านี้ ก่อนอื่นให้เรามาดูกันว่าพระยะโฮวากับพระเยซูรู้สึกยังไงกับความไม่ยุติธรรม
พระยะโฮวากับพระเยซูเกลียดความไม่ยุติธรรม
3. ทำไมเราถึงโกรธเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม? (อิสยาห์ 5:7)
3 คัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมเราถึงโกรธเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม ที่เรารู้สึกแบบนั้นก็เพราะพระยะโฮวาสร้างเราให้มีคุณลักษณะเหมือนกับพระองค์ พระองค์ “รักความถูกต้องและความยุติธรรม” (สด. 33:5; ปฐก. 1:26) พระยะโฮวาไม่เคยแสดงความไม่ยุติธรรม และพระองค์ไม่อยากให้ใครปฏิบัติต่อกันแบบนั้น (ฉธบ. 32:3, 4; มคา. 6:8; ศคย. 7:9) อย่างเช่น ในสมัยของผู้พยากรณ์อิสยาห์ พระยะโฮวาได้ยิน “เสียงร้อง” ของชาวอิสราเอลที่ถูกชาวอิสราเอลด้วยกันข่มเหง (อ่านอิสยาห์ 5:7) พระองค์ก็เลยลงโทษคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไม่ยุติธรรมและไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า—อสย. 5:5, 13
4. พระเยซูรู้สึกยังไงเมื่อเห็นบางคนไม่ได้รับความยุติธรรม? (ดูภาพด้วย)
4 พระเยซูเองก็เป็นเหมือนกับพระยะโฮวา ท่านรักความยุติธรรมและเกลียดความไม่ยุติธรรม ตอนที่พระเยซูรับใช้บนโลก ท่านได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่มือข้างหนึ่งลีบ พระเยซูสงสารผู้ชายคนนี้มากก็เลยรักษาเขาให้หาย แต่พวกผู้นำศาสนาชาวยิวที่ใจดำไม่ได้รู้สึกเหมือนพระเยซูเลย พวกเขาโกรธมากที่ท่านไม่ทำตามกฎเรื่องวันสะบาโต พวกเขาไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นได้รับการรักษาจนหาย พระเยซูรู้สึกยังไงกับสิ่งที่พวกผู้นำศาสนาทำ? ท่าน “ทั้งโกรธทั้งเสียใจที่พวกเขามีใจดื้อด้าน”—มก. 3:1-6
พวกผู้นำศาสนาชาวยิวไม่เห็นอกเห็นใจคนที่เจอความทุกข์แต่พระเยซูไม่เป็นแบบนั้น (ดูข้อ 4)
5. เมื่อเจอความไม่ยุติธรรม ทำไมเราไม่ควรโกรธไม่หาย?
5 ทั้งพระยะโฮวากับพระเยซูรู้สึกโกรธเมื่อเห็นผู้คนปฏิบัติต่อกันอย่างไม่ยุติธรรม ดังนั้น เลยไม่ผิดที่เราจะรู้สึกแบบนั้นไปด้วย (อฟ. 4:26) แต่เราต้องจำไว้ว่าความโกรธไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความไม่ยุติธรรมถึงแม้เราอาจมีเหตุผลที่จะโกรธก็ตาม ที่จริง ถ้าเราโกรธไม่หายหรือไม่ได้ควบคุมความโกรธ มันก็มีแต่จะทำร้ายตัวเราเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ (สด. 37:1, 8; ยก. 1:20) แล้วเราควรรับมือยังไงเมื่อเจอกับความไม่ยุติธรรม? เราจะเรียนได้จากตัวอย่างของพระเยซู
พระเยซูรับมือกับความไม่ยุติธรรมยังไง?
6. ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านเห็นความไม่ยุติธรรมอะไรบ้าง? (ดูภาพด้วย)
6 พระเยซูเห็นความไม่ยุติธรรมมากมายตอนที่ท่านอยู่บนโลก ท่านเห็นว่าประชาชนถูกพวกผู้นำศาสนากดขี่ข่มเหง (มธ. 23:2-4) นอกจากนั้น ท่านยังเห็นเจ้าหน้าที่โรมันปฏิบัติกับผู้คนอย่างโหดร้ายด้วย ชาวยิวหลายคนอยากเป็นอิสระจากการปกครองของโรม อย่างเช่น พวกเซลอตที่ยอมต่อสู้เพื่อจะได้รับอิสระจากการปกครองนี้ แต่ถึงอย่างนั้น พระเยซูก็ไม่ได้เริ่มตั้งกลุ่มหรือสนับสนุนกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และตอนที่ท่านรู้ว่าประชาชนอยากตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ท่านก็หนีไปจากพวกเขา—ยน. 6:15
ตอนที่พระเยซูรู้ว่าประชาชนอยากตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ท่านก็หนีไปจากพวกเขา (ดูข้อ 6)
7-8. ทำไมพระเยซูไม่ได้พยายามกำจัดความไม่ยุติธรรมตอนที่ท่านอยู่บนโลก? (ยน. 18:36)
7 ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านไม่ได้ไปยุ่งกับการเมืองในสมัยนั้นโดยหวังว่าจะใช้สิ่งนี้เพื่อกำจัดความไม่ยุติธรรม เพราะอะไร? ท่านรู้ว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิ์และไม่สามารถปกครองตัวเองได้ (สด. 146:3; ยรม. 10:23) มนุษย์ไม่สามารถจัดการกับต้นเหตุของความไม่ยุติธรรมได้จริง ๆ เพราะมารซาตานเป็นผู้ปกครองโลกนี้ มันโหดร้ายและหลายคนในทุกวันนี้ก็มีนิสัยเหมือนกับมัน โลกเราเลยมีแต่ความไม่ยุติธรรม (ยน. 8:44; อฟ. 2:2) นอกจากนั้น แม้แต่คนที่มีความตั้งใจดีก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาในโลกนี้ได้ เพราะพวกเขาไม่สมบูรณ์แบบและไม่สามารถตัดสินได้อย่างยุติธรรมเสมอ—ปญจ. 7:20
8 พระเยซูรู้ว่ามีแค่รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถแก้ที่ต้นเหตุของความไม่ยุติธรรมได้จริง ๆ ด้วยเหตุผลนี้ ท่านก็เลยทุ่มเททั้งเวลาและกำลังเพื่อ “ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า” (ลก. 8:1) ท่านรับรองกับ “คนที่กระหายอยากเห็นความยุติธรรม” ว่าสักวันหนึ่งการคอร์รัปชั่นและความไม่ยุติธรรมจะหมดไป (มธ. 5:6 และข้อมูลสำหรับศึกษา; ลก. 18:7, 8) แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่โดยการปฏิรูปทางสังคม แต่โดยรัฐบาลของพระเจ้าซึ่ง “ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้”—อ่านยอห์น 18:36
เลียนแบบพระเยซูเมื่อต้องเจอกับความไม่ยุติธรรม
9. ทำไมคุณถึงมั่นใจว่ามีแค่รัฐบาลของพระเจ้าที่สามารถกำจัดความไม่ยุติธรรมได้?
9 ทุกวันนี้เราเห็นความไม่ยุติธรรมมากกว่าที่พระเยซูเห็นในสมัยของท่านอีก แต่ต้นเหตุของความไม่ยุติธรรมใน “สมัยสุดท้าย” ก็ยังเหมือนเดิม คือมันมาจากซาตานและคนชั่วที่อยู่ภายใต้อำนาจของมัน (2 ทธ. 3:1-5, 13; วว. 12:12) แต่เหมือนกับพระเยซู เรารู้ว่ามีแค่รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถแก้ไขต้นเหตุของความไม่ยุติธรรมได้จริง ๆ และเพราะเราสนับสนุนรัฐบาลของพระเจ้า เราเลยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการเดินขบวนประท้วงหรือวางใจในรัฐบาลของมนุษย์ให้จัดการกับความไม่ยุติธรรม ให้เรามาดูประสบการณ์ของพี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อสเตซี่a ก่อนที่สเตซี่จะเรียนความจริง เธอชอบไปเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มที่ปฏิรูปทางสังคมบ่อย ๆ แต่เธอเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เธอทำสามารถช่วยผู้คนและแก้ไขปัญหาได้จริง ๆ ไหม เธอบอกว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันไปเดินขบวนประท้วง ฉันสงสัยบ่อย ๆ ว่าตกลงฉันอยู่ถูกฝั่งหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันเลือกสนับสนุนรัฐบาลของพระเจ้า ฉันเลยมั่นใจว่าฉันอยู่ถูกฝั่งแล้ว ฉันรู้ว่าพระยะโฮวาจะสู้เพื่อทุกคนที่ถูกกดขี่และพระองค์จะทำได้ดีกว่าฉันแน่นอน”—สด. 72:1, 4
10. ทำไมการปฏิรูปทางสังคมถึงขัดกับคำสอนของพระเยซูที่อยู่ในมัทธิว 5:43-48? (ดูภาพด้วย)
10 กลุ่มปฏิรูปทางสังคมในโลกทุกวันนี้มักเต็มไปด้วยคนที่โกรธแค้นและไม่ยอมเชื่อฟังกฎหมายซึ่งนี่ขัดกับสิ่งที่พระเยซูสอนไว้ (อฟ. 4:31) พี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อเจฟฟรีย์ให้ข้อสังเกตว่า “ผมรู้ว่าการชุมนุมด้วยความสงบอาจกลายเป็นการชุมนุมที่วุ่นวายและใช้ความรุนแรงได้ภายในพริบตาเดียว” แต่พระเยซูสอนเราให้ปฏิบัติกับทุกคนด้วยความรักแม้แต่กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราหรือคนที่ข่มเหงเราด้วยซ้ำ (อ่านมัทธิว 5:43-48) เนื่องจากเราเป็นคริสเตียน เราเลยพยายามเต็มที่ที่จะไม่ทำอะไรที่ขัดกับสิ่งที่พระเยซูสอนไว้
เราต้องกล้าหาญและตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลางทางการเมืองของโลกนี้และประเด็นทางสังคม (ดูข้อ 10)
11. ทำไมเราอาจรู้สึกยากที่จะเลียนแบบพระเยซูในบางครั้ง?
11 ถึงแม้เรารู้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะกำจัดความไม่ยุติธรรมให้หมดไปอย่างถาวร แต่บางครั้งเราก็อาจรู้สึกยากที่จะเลียนแบบพระเยซูเมื่อเราถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม ตัวอย่างเช่น ลองดูประสบการณ์ของจานียาที่ถูกคนอื่นเหยียดผิว เธอบอกว่า “ฉันโกรธมาก ฉันรู้สึกเจ็บปวดและอยากจัดการกับความไม่ยุติธรรม ฉันก็เลยคิดว่าจะไปสนับสนุนกลุ่มที่ประท้วงเรื่องการเหยียดเชื้อชาติและการเหยียดผิว ฉันคิดว่าถ้าได้ทำอย่างนี้ฉันจะรู้สึกดีขึ้น” แต่พอเวลาผ่านไปจานียาก็ได้เห็นว่าเธอต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเอง เธอบอกว่า “ฉันเริ่มสังเกตว่าตัวเองเริ่มเชื่อสิ่งที่คนอื่นพูดและไว้วางใจพวกเขาแทนที่จะไว้วางใจพระยะโฮวา ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะเลิกสนับสนุนกลุ่มนั้นและไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรแบบนี้อีก” เราต้องระวังที่จะไม่ให้ความโกรธมาทำให้เราไม่รักษาความเป็นกลางทางการเมืองของโลกนี้และประเด็นทางสังคม—ยน. 15:19
12. ทำไมเราต้องเลือกสิ่งที่เราอ่าน ดู และฟัง?
12 อะไรจะช่วยให้เราควบคุมความโกรธได้เมื่อเราเจอความไม่ยุติธรรมหรือเห็นคนอื่นเจอแบบนั้น? หลายคนรู้สึกว่าการเลือกสิ่งที่อ่าน ดู และฟังช่วยพวกเขาได้ ในโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยโพสต์ที่จุดประเด็นทางสังคมและสนับสนุนกลุ่มที่ปฏิรูปทางสังคม นอกจากนั้น สำนักข่าวหลายแห่งก็มักจะรายงานข้อมูลในแบบที่ไม่เป็นกลาง และถึงแม้เรารู้ว่าเรื่องที่เราฟังเป็นความจริง แต่ถ้าเราเอาแต่ฟังเรื่องนั้นอยู่เรื่อย ๆ มันจะเป็นประโยชน์กับเราจริง ๆ ไหม? ถ้าเราใช้เวลามากเกินไปกับเรื่องเหล่านี้ก็อาจทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดและท้อใจโดยไม่จำเป็น (สภษ. 24:10) แย่ยิ่งกว่านั้น เราอาจลืมไปเลยว่ารัฐบาลของพระเจ้าเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะจัดการกับความไม่ยุติธรรมได้
13. การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำจะช่วยให้เรารักษามุมมองที่ถูกต้องได้ยังไงเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม?
13 การอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำและคิดใคร่ครวญจะช่วยให้เรารับมือกับความไม่ยุติธรรมได้ พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อเอเลียรู้สึกแย่มากเมื่อเห็นคนในชุมชนของเธอถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม เธอโกรธที่เห็นคนทำผิดหลายคนไม่ได้ถูกลงโทษและยังคงลอยนวลอยู่ เธอบอกว่า “ฉันต้องนั่งลงและถามตัวเองว่า ‘ฉันเชื่อจริง ๆ ไหมว่าพระยะโฮวาจะมาจัดการกับปัญหาพวกนี้?’ ในช่วงนั้นฉันกำลังอ่านโยบ 34:22-29 พอดี ข้อคัมภีร์เหล่านี้ช่วยเตือนฉันว่า ไม่มีใครจะซ่อนตัวจากพระยะโฮวาได้ พระองค์เท่านั้นที่ยุติธรรมอย่างแท้จริงและสามารถจัดการกับปัญหาทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ” แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ระหว่างที่เรารอให้รัฐบาลของพระเจ้ามาจัดการกับความไม่ยุติธรรม?
เราจะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้?
14. สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนทำได้คืออะไร? (โคโลสี 3:10, 11)
14 เมื่อเราเห็นบางคนปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไม่ยุติธรรม เรารู้ว่าเราควบคุมสิ่งที่เขาทำไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมการกระทำของเราได้ อย่างที่เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ เราเลียนแบบพระเยซูโดยแสดงความรัก ความรักแบบนี้จะกระตุ้นให้เราปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความนับถือแม้แต่กับคนที่ทำกับเราอย่างไม่ยุติธรรม (มธ. 7:12; รม. 12:17) พระยะโฮวาพอใจมากเมื่อเห็นเราปฏิบัติกับทุกคนด้วยความกรุณาและยุติธรรม—อ่านโคโลสี 3:10, 11
15. การที่เราบอกความจริงในคัมภีร์ไบเบิลช่วยผู้คนยังไง?
15 วิธีที่ดีที่สุดที่เราจะรับมือกับความไม่ยุติธรรมก็คือการบอกความจริงในคัมภีร์ไบเบิลให้กับคนอื่น เพราะอะไร? เพราะ “ความรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา” สามารถทำให้คนที่เคยเป็นคนดุร้ายและใช้ความรุนแรงกลายเป็นคนที่อ่อนโยนและรักสันติสุข (อสย. 11:6, 7, 9) ให้เรามาดูตัวอย่างของเจมาลด้วยกัน ก่อนที่เจมาลเรียนความจริง เขาเคยเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเพราะรู้สึกว่ารัฐบาลกดขี่ข่มเหงประชาชน เขาบอกว่า “เราบังคับคนอื่นให้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ และที่ผมเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่เพราะโดนบังคับ แต่เป็นเพราะผมเรียนความจริงในคัมภีร์ไบเบิล” สิ่งที่เจมาลได้เรียนช่วยให้เขาเลิกต่อสู้ ดังนั้น ยิ่งมีคนมาเรียนความจริงและเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเท่าไหร่ คนที่ไม่ยุติธรรมก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น
16. ทำไมคุณถึงอยากบอกคนอื่นเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า?
16 เราอยากเลียนแบบพระเยซูโดยบอกผู้คนให้รู้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะจัดการกับความไม่ยุติธรรมได้อย่างถาวร ความหวังเรื่องนี้สามารถให้กำลังใจคนที่เจอกับเรื่องไม่ยุติธรรมได้ (ยรม. 29:11) สเตซี่ที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “การเรียนความจริงช่วยให้ฉันรับมือได้เมื่อฉันเห็นคนอื่นไม่ได้รับความยุติธรรมหรือเมื่อตัวฉันเองเจอเรื่องที่ไม่ยุติธรรม ข้อคัมภีร์ต่าง ๆ ช่วยให้กำลังใจฉันมากจริง ๆ” ถ้าเราอยากให้กำลังใจคนที่เจอกับเรื่องไม่ยุติธรรมโดยใช้คัมภีร์ไบเบิล เราต้องเตรียมตัวอย่างดี ยิ่งเรามั่นใจว่าคำสัญญาต่าง ๆ ที่พูดถึงในบทความนี้จะเกิดขึ้นจริง เราก็จะยิ่งพร้อมและรู้วิธีคุยเรื่องนี้กับคนที่เราเจอไม่ว่าจะที่โรงเรียนหรือที่ทำงานb
17. พระยะโฮวาช่วยเรายังไงให้รับมือกับความไม่ยุติธรรมในตอนนี้?
17 ตราบใดที่ซาตานยังเป็น “ผู้ปกครองโลก” นี้อยู่ เราก็จะยังเจอกับความไม่ยุติธรรม แต่เราไม่ท้อใจเพราะเรามีความหวัง พระยะโฮวาสัญญาว่าจะกำจัดซาตานและคนชั่วให้หมดไป (ยน. 12:31) พระยะโฮวาอธิบายให้เราเข้าใจโดยทางคัมภีร์ไบเบิลว่าทำไมโลกทุกวันนี้ถึงเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม และพระองค์รู้สึกยังไงเมื่อเห็นผู้คนเจอกับเรื่องนี้ (สด. 34:17-19) นอกจากนั้น พระยะโฮวายังให้เรามีพระเยซูเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าเราควรทำยังไงเมื่อเจอกับความไม่ยุติธรรม และให้พระเยซูสอนว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะมากำจัดความไม่ยุติธรรมทุกอย่างให้หมดไปได้ยังไง (2 ปต. 3:13) ขอให้เราตั้งใจที่จะประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าด้วยความกระตือรือร้นต่อ ๆ ไป และตั้งตารอคอยเวลาที่โลกมีแต่ “ความยุติธรรมและความถูกต้องชอบธรรม”—อสย. 9:7
เพลง 158 “จะไม่ช้าเกินไป”
a บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ
b ดูจุลสารรักผู้คน—สอนพวกเขาให้เป็นสาวก ที่ภาคผนวก ก ข้อ 24-27 ด้วย