บทความศึกษา 51
เพลง 132 แล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
จัดงานแต่งงานในแบบที่ให้เกียรติพระยะโฮวา
“ให้ทำทุกสิ่งอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบเรียบร้อย”—1 คร. 14:40
จุดสำคัญ
เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะให้เกียรติพระยะโฮวาในวันแต่งงานของพวกเขาได้ยังไง
1-2. พระยะโฮวาอยากให้คุณรู้สึกยังไงในวันแต่งงานของคุณ?
คุณกำลังจะแต่งงานไหม? ถ้าใช่ก็ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณคงยุ่งอยู่กับการจัดงานแต่งใช่ไหม? พระยะโฮวาสนใจที่คุณกำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ พระองค์อยากให้คุณมีความสุขในวันแต่งงานaและอยากให้คุณมีชีวิตคู่ที่มีความสุข—สภษ. 5:18; พซม. 3:11
2 พระยะโฮวาสมควรได้รับเกียรติในงานแต่งงานของคุณ ทำไมถึงบอกแบบนี้? และคุณจะให้เกียรติพระองค์ได้ยังไง? แม้บทความนี้จะเขียนขึ้นสำหรับคู่ที่กำลังจะจัดงานแต่ง แต่หลักการในคัมภีร์ไบเบิลในบทความนี้จะช่วยให้เราทุกคนให้เกียรติพระยะโฮวาไม่ว่าเราจะเป็นแขกที่เข้าร่วมงาน หรือเป็นคนให้คำปรึกษากับคู่ที่กำลังจะจัดงานแต่ง
ทำไมเราต้องให้เกียรติพระยะโฮวา?
3. คู่ที่กำลังจะจัดงานแต่งควรคิดถึงอะไร? และทำไม?
3 คู่ที่กำลังจะจัดงานแต่งควรทำตามหลักการที่พระยะโฮวาให้ไว้ในคัมภีร์ไบเบิล เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาเป็นผู้ริเริ่มให้มีการแต่งงาน พระองค์เป็นผู้จัดงานแต่งให้กับมนุษย์คู่แรกซึ่งก็คืออาดัมกับเอวา (ปฐก. 1:28; 2:24) ดังนั้น ความคิดของพระยะโฮวาจึงสำคัญที่สุดสำหรับคู่ที่กำลังจะจัดงานแต่งงาน
4. มีเหตุผลอะไรอีกที่คุณควรให้เกียรติพระยะโฮวาในวันแต่งงานของคุณ?
4 อีกเหตุผลที่คุณควรคิดถึงความรู้สึกของพระยะโฮวาในวันแต่งงานของคุณก็คือ เพราะพระองค์เป็นพ่อในสวรรค์และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของคุณ (ฮบ. 12:9) และคุณก็อยากให้เป็นแบบนั้นต่อไปแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันแต่งงานหรือในวันไหน ๆ คุณคงไม่อยากทำอะไรที่จะทำให้พระยะโฮวาซึ่งเป็นเพื่อนที่คุณรักที่สุดเสียใจ (สด. 25:14) เมื่อคุณคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยะโฮวาได้ทำเพื่อคุณมาแล้วและจะทำเพื่อคุณในอนาคต คุณคงเห็นด้วยว่าพระองค์สมควรได้รับเกียรติในงานแต่งงานของคุณ—สด. 116:12
คุณจะให้เกียรติพระยะโฮวาได้ยังไง?
5. คัมภีร์ไบเบิลช่วยคู่ที่กำลังจะจัดงานแต่งงานได้ยังไง?
5 คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้มีกฎตายตัวว่าต้องจัดงานแต่งงานแบบไหนหรือจัดงานเลี้ยงยังไง คู่ที่กำลังจะแต่งงานสามารถตัดสินใจได้เองตามตามสภาพการณ์ วัฒนธรรม และตามความชอบส่วนตัวของทั้งสองคน แต่พวกเขาจะไม่ลืมว่าคริสเตียนแท้ต้องเชื่อฟังกฎหมายของบ้านเมือง (มธ. 22:21) ถ้าทั้งสองคนจัดงานแต่งงานตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาก็จะให้เกียรติพระยะโฮวาและทำให้พระองค์มีความสุข แล้วมีหลักการอะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยให้ทำอย่างนั้นได้?
6. ทำไมถึงสำคัญที่คุณจะทำตามกฎหมายบ้านเมืองในเรื่องการแต่งงาน?
6 ทำตามกฎหมายบ้านเมือง (รม. 13:1, 2) ในหลาย ๆ ประเทศมีกฎและขั้นตอนต่าง ๆ ที่คนสองคนต้องทำก่อนจะแต่งงานกันได้ ดังนั้น ถ้าคุณอยู่ประเทศไหนก็ให้หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในประเทศนั้น หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมว่าต้องทำตามกฎหมายยังไงบ้าง คุณสามารถปรึกษาผู้ดูแลได้b
7. งานแต่งงานควรมีบรรยากาศแบบไหน?
7 ทำให้บรรยากาศงานแต่งงานเป็นแบบที่ให้เกียรติพระยะโฮวา (1 คร. 10:31, 32) ให้พยายามทำให้บรรยากาศงานแต่งสะท้อนผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า แทนที่จะสะท้อนน้ำใจของโลก (กท. 5:19-26) เนื่องจากคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว เจ้าบ่าวก็เลยมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะทำให้แน่ใจว่างานแต่งของเขาจะทำให้ทุกคนมีความสุขและให้เกียรติพระยะโฮวา แต่อะไรจะช่วยให้งานแต่งมีบรรยากาศแบบนั้น? การให้มีคำบรรยายงานแต่งที่แสดงถึงความรัก ความอบอุ่น และให้เกียรติจะช่วยให้ทุกคนเห็นค่าการจัดเตรียมของพระเจ้าในเรื่องการแต่งงานและเห็นว่านี่เป็นช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ และเนื่องจากพี่น้องส่วนใหญ่ตัดสินใจให้มีคำบรรยายในงานแต่ง พวกเขาก็เลยอยากจัดงานที่หอประชุมถ้าเป็นไปได้ ถ้าคุณอยากจัดงานแต่งที่หอประชุม คุณควรส่งคำขอเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้านานพอสมควรถึงคณะผู้ดูแลของหอประชุมที่คุณต้องการใช้
8. อะไรจะช่วยให้บรรยากาศงานเลี้ยงเป็นแบบที่ให้เกียรติพระยะโฮวา? (โรม 13:13)
8 อ่านโรม 13:13 ถ้าคุณตัดสินใจว่าจะให้มีงานเลี้ยงหลังงานแต่งงาน คุณต้องทำยังไงเพื่อจะไม่ให้งานนั้นเป็นแบบที่คนในโลกทั่วไปทำกัน? สำนวนภาษากรีกที่แปลว่า “กินเลี้ยงเฮฮากันจนสุดเหวี่ยง” หมายถึงงานเลี้ยงที่มีการดื่มเหล้าอย่างหนักและเล่นดนตรีจนดึกดื่น ถ้าคุณตัดสินใจว่าจะให้มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยง คุณต้องคิดล่วงหน้าว่าจะทำยังไงเพื่อไม่ให้มีคนดื่มมากเกินไปc ถ้าคุณจะให้มีการเปิดเพลงในงานเลี้ยงด้วย อย่าเปิดเพลงดังจนทำให้แขกคุยกันไม่รู้เรื่อง นอกจากนั้น คุณต้องคิดให้ดีว่าจะเปิดเพลงแนวไหน และควรตรวจสอบเนื้อเพลงด้วยเพื่อจะไม่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายใจ
9. ถ้าคุณจะเชิญบางคนให้พูดในงานเลี้ยงหรือให้มีการแสดง คุณควรจำอะไรไว้?
9 คุณจะเชิญแขกบางคนพูดในงานเลี้ยงไหม? หรือจะมีการเปิดภาพสไลด์ วีดีโอ หรือมีการแสดงอื่น ๆ ด้วยไหม? สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้งานแต่งของคุณพิเศษมากขึ้น แต่ขอทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นแบบที่เสริมสร้าง (ฟป. 4:8) ให้ถามตัวเองว่า ‘สิ่งที่ฉันทำในงานเลี้ยงเป็นการให้เกียรติคนอื่นไหม? มันจะแสดงให้เห็นไหมว่าฉันนับถือการจัดเตรียมเรื่องการแต่งงาน?’ และที่สำคัญกว่านั้นให้ถามตัวเองว่า ‘สิ่งที่จะทำในงานเลี้ยงเป็นการให้เกียรติพระยะโฮวาไหม?’ แม้การพูดตลกบ้างอาจเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ควรพูดตลกแบบที่ไม่เหมาะสม เช่น อย่าพูดทะลึ่งหรือพูดสองแง่สองง่าม (อฟ. 5:3) และถ้าคนในครอบครัวหรือเพื่อนขึ้นไปพูดอะไรบางอย่างเล็กน้อยในงานเลี้ยง คุณต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจว่าคุณอยากให้พูดอะไรหรือไม่อยากให้พูดอะไร
10. ทำไมคู่ที่กำลังจะแต่งงานควรแสดงความเจียมตัวตอนที่วางแผนสำหรับงานแต่ง? (1 ยอห์น 2:15-17)
10 แสดงความเจียมตัว (อ่าน 1 ยอห์น 2:15-17) พระยะโฮวาจะดีใจถ้าผู้รับใช้ของพระองค์พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกียรติพระองค์แทนที่จะดึงความสนใจมาสู่ตัวเองอย่างไม่เหมาะสม ดังนั้น คริสเตียนที่แสดงความเจียมตัวจะไม่ทุ่มเงินไปกับการจัดงานแต่งและจะไม่ “โอ้อวดทรัพย์สมบัติ” มีประโยชน์อะไรบ้างถ้าคุณจัดงานแต่งในแบบที่เรียบง่าย? พี่น้องที่ชื่อไมค์ซึ่งอยู่ที่นอร์เวย์บอกว่า “เราจัดงานแต่งในแบบที่เรียบง่ายซึ่งมันก็ออกมาสวยและน่าประทับใจมาก และมันยังทำให้เราไม่เป็นหนี้และเป็นไพโอเนียร์ต่อไปได้” ทาบิธาซึ่งเป็นพี่น้องหญิงในอินเดียบอกว่า “การจัดงานแต่งแบบเรียบง่ายช่วยลดความกังวลได้เยอะ ทำให้เราไม่ต้องวางแผนอะไรมาก และทำให้เรื่องที่เราคิดไม่ตรงกันก็น้อยลงด้วย”
ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน งานแต่งงานของคริสเตียนก็เป็นงานที่น่าจดจำ สวยงาม และแสดงถึงความเจียมตัวได้ (ดูข้อ 10-11)
11. เมื่อพูดถึงเรื่องชุดและการประดับตัว เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะแสดงความเจียมตัวได้ยังไง? (ดูภาพด้วย)
11 คุณได้ชุดแต่งงานหรือยัง? คุณคงอยากให้ตัวเองดูดีที่สุดในวันนั้นแน่ ๆ ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็อยากให้ตัวเองดูดีที่สุด (อสย. 61:10) แน่นอนว่าชุดแต่งงานเป็นชุดที่พิเศษกว่าชุดทั่วไป แต่ก็ไม่ควรแสดงถึงความโอ้อวดหรือไม่เจียมตัว (1 ทธ. 2:9) อย่าให้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นชุดหรือการประดับตัว เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในงานแต่งของคุณ—1 ปต. 3:3, 4
12. ทำไมคุณต้องทำให้แน่ใจว่าไม่มีธรรมเนียมที่ขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิลในงานแต่งของคุณ?
12 ไม่ทำตามธรรมเนียมที่ขัดกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล (วว. 18:4) งานแต่งงานของคนทั่วไปในโลกมักมีธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเท็จ ไสยศาสตร์ และผีปีศาจ พระยะโฮวาเตือนไว้ชัดเจนว่าเราต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เด็ดขาด (2 คร. 6:14-17) ถ้างานแต่งในวัฒนธรรมของคุณมีพิธีหรือธรรมเนียมบางอย่าง แต่คุณไม่แน่ใจว่าทำได้หรือเปล่า ก็ให้ลองค้นดูว่าพิธีหรือธรรมเนียมนั้นมีต้นตอมาจากไหน และค้นดูหลักการในคัมภีร์ไบเบิลด้วยก่อนจะตัดสินใจว่าจะให้มีพิธีนั้นในงานแต่งของคุณหรือไม่
13. คุณจะเลียนแบบพระยะโฮวาได้ยังไงในเรื่องการรับของขวัญ?
13 ในประเทศของคุณมีธรรมเนียมที่แขกจะให้ของขวัญกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวไหม? แต่ละคนอาจให้ของขวัญไม่เหมือนกันซึ่งขึ้นอยู่กับฐานะของเขา จริง ๆ เราที่เป็นคริสเตียนก็อยากให้อะไรดี ๆ กับพี่น้องอยู่แล้ว และการให้ก็ทำให้เรามีความสุข (สภษ. 11:25; กจ. 20:35) แต่เราไม่อยากให้พี่น้องรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องให้ของขวัญกับเรา หรือเราไม่อยากจะให้เขารู้สึกว่าต้องให้ของขวัญแพง ๆ เราถึงจะพอใจ เราอยากเลียนแบบพระยะโฮวาโดยเห็นค่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้รับจากคนอื่น และเราอยากให้แขกรู้สึกสบายใจที่จะให้ของขวัญตามกำลังของเขาและให้จากใจ—2 คร. 9:7
หลีกเลี่ยงปัญหาและเอาชนะข้อท้าทาย
14. บางคนที่กำลังจะแต่งงานอาจเจอปัญหาอะไร?
14 ตอนที่คุณเตรียมงานแต่งในแบบที่ให้เกียรติพระยะโฮวาคุณอาจเจอปัญหาบางอย่าง เช่น คุณอาจรู้สึกไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดงานให้เรียบง่าย ชาร์ลีจากหมู่เกาะโซโลมอนบอกว่า “มันไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจว่าจะเชิญใครมางานเลี้ยงบ้าง เรามีเพื่อนเยอะมาก และในวัฒนธรรมของเรา ทุกคนคาดหมายว่าจะต้องได้รับเชิญ” ทาบิธาซึ่งพูดถึงตอนต้นบอกว่า “ในประเทศของเรา เวลามีงานแต่งก็ต้องจัดงานเลี้ยงใหญ่ ๆ เราต้องคุยกับพ่อแม่อยู่นานกว่าพวกเขาจะยอมให้เราเชิญแขกแค่ 100 คน” ซาร่าจากอินเดียบอกว่า “ผู้คนที่นี่ชอบอวดรวยและสนใจมากว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับพวกเขา ญาติฝั่งพ่อของฉันที่ไม่ใช่พยานฯ จัดงานแต่งยิ่งใหญ่อลังการมาก เราเลยถูกกดดันนิดหน่อยว่าต้องจัดงานให้ใหญ่กว่าพวกเขา” แล้วอะไรจะช่วยให้คุณเอาชนะปัญหานี้รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ ได้?
15. ทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยตอนที่วางแผนสำหรับงานแต่งงาน?
15 อธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยตอนที่วางแผนสำหรับงานแต่งงาน ตอนอธิษฐาน คุณสามารถบอกพระยะโฮวาได้ว่าตอนนี้กำลังเจอปัญหาอะไรหรือรู้สึกยังไง (ฟป. 4:6, 7) คุณสามารถขอให้พระองค์ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดี ช่วยให้สงบใจตอนที่รู้สึกเครียด และช่วยให้มีความกล้า (1 ปต. 5:7) ถ้าคุณเห็นพระยะโฮวาช่วย คุณก็จะยิ่งมั่นใจในพระองค์มากขึ้น ทาบิธาที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ฉันกับคู่หมั้นกลัวว่าเราจะคิดเห็นไม่ตรงกันและจะทะเลาะกัน และกลัวว่าจะทะเลาะกับคนในครอบครัวด้วย ดังนั้น เมื่อไหร่ที่จะเริ่มคุยกันเรื่องงานแต่ง เราจะอธิษฐานก่อน เรารู้สึกเลยว่าพระยะโฮวาช่วยเราจริง ๆ และบรรยากาศในการคุยกันก็ดีมาก”
16-17. ทำไมการพูดคุยกันอย่างดีถึงช่วยได้ตอนที่เตรียมงานแต่งงาน?
16 พูดอย่างชัดเจนด้วยความนับถือ (สภษ. 15:22) ตอนที่วางแผนเรื่องงานแต่ง คุณคงมีหลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจ เช่น จะแต่งงานวันไหน จะใช้งบเท่าไหร่ และจะเชิญใครมาบ้าง ก่อนจะตัดสินใจเรื่องเหล่านี้ให้คุยกันว่ามีทางเลือกอะไรบ้างและดูว่ามีหลักการอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยได้ และให้ขอคำแนะนำจากพี่น้องที่มีประสบการณ์และมีความเป็นผู้ใหญ่ ตอนที่คุยกันว่าคุณชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ให้พูดอย่างกรุณา มีเหตุผล และพร้อมจะปรับเปลี่ยน ถ้าคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ขออะไรที่คุณพอจะทำได้ ก็ให้พยายามทำตามที่พวกเขาขอ เพราะนี่ก็เป็นโอกาสพิเศษสำหรับพวกเขาเหมือนกัน แต่ถ้าคุณทำตามที่พวกเขาขอไม่ได้ ก็ให้อธิบายเหตุผลด้วยความนับถือ (คส. 4:6) พยายามทำให้ครอบครัวของคุณเข้าใจชัดเจนว่า คุณอยากให้งานแต่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและให้เกียรติพระยะโฮวา
17 การอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจการตัดสินใจของคุณอาจไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะถ้าพ่อแม่ของคุณไม่ใช่พยานฯ แต่คุณจะทำได้แน่นอน ซันทอสพี่น้องชายจากอินเดียเล่าว่า “ครอบครัวอยากให้เราทำหลายอย่างเกี่ยวกับพิธีฮินดูในงานแต่ง ผมกับคู่หมั้นใช้เวลานานมากกว่าจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าทำไมเราถึงทำไม่ได้ แต่เราก็ยอมทำตามที่พวกเขาขอเท่าที่เราทำได้ถ้าเห็นว่ามันไม่ขัดกับสิ่งที่พระยะโฮวาบอก เช่น เราเปลี่ยนเมนูอาหารในงานเลี้ยงให้เป็นเมนูที่ครอบครัวชอบ และเราไม่ให้มีการร้องเพลงหรือเต้นรำเพราะพวกเขาไม่ชินกับเรื่องนี้”
18. อะไรจะช่วยให้งานแต่งของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น? (1 โครินธ์ 14:40) (ดูภาพด้วย)
18 วางแผนดี ๆ ถ้าคุณวางแผนงานแต่งอย่างดี คุณก็จะไม่ค่อยเครียดในวันแต่งงาน (อ่าน 1 โครินธ์ 14:40) เวย์นพี่น้องชายจากไต้หวันบอกว่า “ไม่กี่วันก่อนจะถึงวันแต่งงาน เราประชุมกับคนที่จะมาช่วยงานเรา เราคุยกันว่ามีกำหนดการอะไรบ้าง แล้วก็ฝึกซ้อมบางส่วนด้วยกันเพื่อทำให้แน่ใจว่างานแต่งงานของเราจะเป็นไปอย่างราบรื่น” ให้คุณทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างเริ่มและจบตรงเวลาเพื่อให้เกียรติแขกที่มาร่วมงาน
การวางแผนงานแต่งอย่างดีช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น (ดูข้อ 18)
19. อะไรจะช่วยให้งานเลี้ยงเป็นไปตามที่คุณวางแผนไว้?
19 การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาได้หลายอย่าง (สภษ. 22:3) ตัวอย่างเช่น ในละแวกที่คุณอยู่อาจมีธรรมเนียมที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญจะมาร่วมงานเลี้ยงของงานแต่ง ถ้าอย่างนั้น มีบางอย่างที่คุณทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น คุณสามารถไปคุยกับญาติที่ไม่ได้เป็นพยานฯ และบอกเขาก่อนว่างานเลี้ยงของคุณจะจัดในรูปแบบไหน และมีธรรมเนียมงานแต่งอะไรบ้างที่คุณจะไม่ทำ คุณอาจให้เขาดูบทความที่มีชื่อว่า “พยานพระยะโฮวาจัดงานแต่งงานอย่างไร?” ในเว็บไซต์ jw.org และเพื่อให้งานเลี้ยงเป็นไปตามที่คุณวางแผนไว้ คุณอาจให้พี่น้องชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งทำหน้าที่เป็น “ผู้ดูแลงานเลี้ยง” (ยน. 2:8) ถ้าคุณอธิบายให้พี่น้องคนนี้ฟังอย่างชัดเจนว่าคุณวางแผนยังไง เขาก็จะช่วยดูแลงานของคุณให้ออกมาในแบบที่คุณตั้งใจไว้และเป็นแบบที่ให้เกียรติพระยะโฮวา
20. คนที่กำลังวางแผนงานแต่งงานควรจำอะไรไว้?
20 ตอนที่เตรียมงานแต่ง พอเห็นว่ามีหลายอย่างที่ต้องทำ คุณก็อาจรู้สึกเครียด แต่ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะวันแต่งงานก็เป็นแค่วันอีกวันหนึ่ง ต่อจากนี้คุณจะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขกับคู่ของคุณในฐานะผู้รับใช้พระเจ้า ดังนั้น ให้คุณพยายามเต็มที่ที่จะทำให้งานแต่งของคุณเป็นแบบเรียบง่ายและให้เกียรติพระยะโฮวา ให้คุณวางใจพระองค์ ถ้าคุณทำตามการชี้นำของพระองค์ คุณก็จะจัดงานออกมาได้ดี และเมื่อคุณมองย้อนกลับไปถึงวันนั้น มันก็จะมีแต่ความทรงจำที่อบอุ่น มีความสุข และไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจเลย—สด. 37:3, 4
เพลง 107 พระเจ้าเป็นแบบอย่างของความรัก
a อธิบายคำศัพท์ ในหลายวัฒนธรรมจะมีการปฏิญาณของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่อพระเจ้าในวันแต่งงานและอาจมีงานเลี้ยงหลังจากนั้นด้วย แต่ในบางวัฒนธรรมไม่มีการจัดงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงเลย ถึงจะเป็นอย่างนั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยังได้รับประโยชน์จากหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวข้องกับวันแต่งงานของพวกเขา
b สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมว่าคริสเตียนควรคิดยังไงกับกฎหมายเรื่องการแต่งงาน ดูบทความ “การสมรสที่น่านับถือในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์” ในหอสังเกตการณ์ 15 ตุลาคม 2006
c ดูวีดีโอฉันควรให้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไหม? ในเว็บไซต์ jw.org