9-15 มีนาคม 2026
เพลง 45 สิ่งที่ใจฉันคิดใคร่ครวญ
คุณสู้กับความคิดในแง่ลบได้
“ผมนี่น่าสมเพชจริง ๆ”—รม. 7:24
จุดสำคัญ
เราจะจัดการกับความคิดและความรู้สึกในแง่ลบได้ยังไง
1-2. บางครั้งอัครสาวกเปาโลรู้สึกยังไง? และทำไมเราถึงเข้าใจความรู้สึกของเขา? (โรม 7:21-24)
เมื่อพูดถึงอัครสาวกเปาโล คุณนึกภาพเขาแบบไหน? คุณอาจนึกภาพมิชชันนารีที่กล้าหาญ ครูที่สอนเก่ง หรือผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลที่มีผลงานออกมามากมายไหม? ใช่ เปาโลก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่เปาโลก็มีมุมที่อ่อนแอด้วยเพราะเขาก็มีเรื่องที่ทำให้เครียดและท้อใจ บางครั้งเขาต้องสู้กับความรู้สึกในแง่ลบเหมือนกับที่เราหลายคนในทุกวันนี้กำลังสู้อยู่
2 อ่านโรม 7:21-24 ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรม เขาพูดถึงความรู้สึกหลายอย่างที่พวกเราหลายคนก็รู้สึกแบบนั้นด้วย แม้เปาโลจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ แต่เขาก็ต้องสู้กับบางอย่างภายในใจตลอดเวลา เขาอยากทำตามความต้องการของพระยะโฮวาเสมอ แต่เขายังต้องสู้กับความต้องการที่จะทำสิ่งไม่ดีด้วย ไม่เพียงเท่านั้น บางครั้งเปาโลต้องสู้กับความรู้สึกในแง่ลบที่เกิดจากสิ่งที่เคยทำในอดีตและปัญหาที่เขากำลังเจอ
3. เราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความนี้? (ดู “อธิบายคำศัพท์” ด้วย)
3 แม้เปาโลต้องสู้กับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาก็ไม่ยอมให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกในแง่ลบaไปตลอด ในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามต่อไปนี้ด้วยกัน อะไรทำให้เปาโลรู้สึกว่าบางครั้งเขาเป็นคน “น่าสมเพช”? เขาจัดการกับความรู้สึกในแง่ลบยังไง? และเราจะสู้กับความรู้สึกในแง่ลบได้ยังไง?
อะไรทำให้เปาโลมีความรู้สึกในแง่ลบ?
4. อะไรทำให้เปาโลมีความรู้สึกในแง่ลบ?
4 สิ่งที่เคยทำในอดีต ก่อนที่เปาโลจะมาเป็นคริสเตียน เขามีชื่อว่าเซาโล ตอนนั้นเขาทำหลายอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจทีหลัง เช่น เปาโลเห็นด้วยกับการฆ่าสเทเฟนและเขายืนดูสเทเฟนถูกหินขว้างจนตาย (กจ. 7:58; 8:1) แล้วเปาโลยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการข่มเหงคริสเตียนอย่างโหดร้ายด้วย—กจ. 8:3; 26:9-11
5. สิ่งที่เปาโลเคยทำในอดีตส่งผลต่อเขายังไง?
5 หลังจากที่เปาโลเข้ามาเป็นคริสเตียนแล้ว สิ่งที่เขาเคยทำก็กลับมารบกวนจิตใจเขาเป็นครั้งคราว ความผิดที่เขาเคยทำตอนข่มเหงคริสเตียนอย่างหนักทำให้เขารู้สึกผิด และยิ่งเวลาผ่านไปความรู้สึกผิดนั้นก็อาจยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ตอนที่เปาโลเขียนจดหมายฉบับแรกถึงคริสเตียนในเมืองโครินธ์ประมาณปี ค.ศ. 55 เขาบอกว่า “ผมไม่เหมาะที่จะถูกเรียกว่าอัครสาวกด้วยซ้ำ เพราะผมเคยข่มเหงประชาคมของพระเจ้า” (1 คร. 15:9) อีกประมาณ 5 ปีต่อมา ตอนที่เขาเขียนจดหมายถึงคริสเตียนในเมืองเอเฟซัส เขาบอกว่าตัวเอง “เทียบไม่ได้เลยกับคนที่ดูต่ำต้อยที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์” (อฟ. 3:8) และตอนที่เขาเขียนจดหมายถึงทิโมธี เขาก็บอกว่าเมื่อก่อนเขาเป็น “คนหมิ่นประมาทพระเจ้า ข่มเหงคนของพระองค์ และเป็นคนอวดดี” (1 ทธ. 1:13) ลองนึกดูสิว่าเปาโลจะรู้สึกยังไงตอนที่ไปเยี่ยมประชาคมและได้เจอกับพี่น้องบางคนที่เขาเคยข่มเหงหรือเจอกับครอบครัวของคนเหล่านั้น
6. มีอะไรอีกที่ทำให้เปาโลทุกข์ใจมาก? (ดูเชิงอรรถด้วย)
6 หนามในร่างกาย เปาโลเปรียบเทียบสิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ใจเป็นเหมือนกับ ‘หนามที่อยู่ในร่างกาย’ (2 คร. 12:7) แม้เปาโลไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร แต่จากคำพูดของเขา สิ่งนั้นอาจจะเป็นความเจ็บป่วยทางด้านร่างกาย ทางจิตใจ หรืออาจจะเป็นอย่างอื่น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร มันทำให้เปาโลเจ็บปวดมากb
7. ความไม่สมบูรณ์แบบของเปาโลส่งผลต่อตัวเขายังไง? (โรม 7:18, 19)
7 ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเขาเอง บาปและความไม่สมบูรณ์แบบทำให้เปาโลรู้สึกว่ายากที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง (อ่านโรม 7:18, 19) ถึงเปาโลจะอยากทำสิ่งที่ดี แต่ความไม่สมบูรณ์แบบก็คอยทำลายความตั้งใจของเขา เขายอมรับว่าในใจเขามีการต่อสู้กันระหว่างการอยากทำตามความต้องการของร่างกายกับการทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเขาก็พยายามมากจริง ๆ ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องและปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น (1 คร. 9:27) ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำผิดพลาดอยู่ แล้วพอเขาแสดงนิสัยที่ไม่ดีออกมา เขาคงจะผิดหวังกับตัวเองมาก
เปาโลจัดการกับความรู้สึกในแง่ลบยังไง?
8. จากจดหมายที่เปาโลเขียน เขาจัดการกับจุดอ่อนของตัวเองยังไง?
8 จากจดหมายที่เปาโลเขียน เราเห็นว่าเขาคิดใคร่ครวญว่าพลังของพระเจ้าช่วยเขากับพี่น้องยังไงให้เอาชนะความต้องการที่จะทำบาปได้ (รม. 8:13; กท. 5:16, 17) และเรายังเห็นว่าเปาโลมักจะพูดถึงนิสัยและความต้องการที่ไม่ดีที่คริสเตียนควรจะหลีกเลี่ยง (กท. 5:19-21, 26) นี่แสดงว่าเปาโลน่าจะคิดใคร่ครวญด้วยว่าตัวเขาเองมีจุดอ่อนอะไรบ้าง และเขาก็หาคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิล และดูว่ามีวิธีอะไรบ้างที่เขาทำได้เพื่อจัดการกับจุดอ่อนของตัวเอง เรามั่นใจได้ว่าคำแนะนำที่เปาโลให้กับคนอื่น เขาก็เอามาใช้กับตัวเองด้วยเหมือนกัน
9-10. อะไรช่วยให้เปาโลสู้กับความรู้สึกในแง่ลบได้? (เอเฟซัส 1:7) (ดูภาพด้วย)
9 ถึงแม้บางครั้งเปาโลจะรู้สึกท้อ แต่ก็มีหลายอย่างที่ช่วยให้เขาคิดในแง่บวกอยู่เสมอได้ เช่น เขามีความสุขเมื่อได้ยินรายงานดี ๆ เกี่ยวกับประชาคมต่าง ๆ (2 คร. 7:6, 7) เขามีความสุขที่ได้อยู่กับพี่น้อง (2 ทธ. 1:4) และเขารู้ว่าพระยะโฮวาพอใจในตัวเขา เขามีความสุขเพราะสามารถรับใช้พระเจ้าได้ “โดยไม่มีอะไรรบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดี” (2 ทธ. 1:3) แม้แต่ตอนที่ถูกขังคุกอยู่ในกรุงโรม เขาบอกพี่น้องให้ “มีความสุขเสมอที่ได้รับใช้ผู้เป็นนาย” (ฟป. 4:4) จากคำพูดของเปาโลเราเห็นเลยว่านี่ไม่ใช่คำพูดของคนที่จมอยู่กับความคิดในแง่ลบ เราเห็นชัดเลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เปาโลมีความคิดในแง่ลบ เขาก็สามารถจัดการกับมันได้และกลับมาคิดในแง่บวกได้อีกครั้ง
10 นอกจากนั้น เปาโลยังสู้กับความรู้สึกในแง่ลบได้เพราะเชื่อว่าค่าไถ่เป็นของขวัญที่พระเจ้าให้กับเขาเป็นส่วนตัว (กท. 2:20; อ่านเอเฟซัส 1:7) เมื่อเขาเชื่อแบบนี้ เขาเลยมั่นใจว่าพระเจ้าให้อภัยเขาแล้วจริง ๆ โดยอาศัยค่าไถ่ของพระเยซูคริสต์ (รม. 7:24, 25) แม้เปาโลจะเคยทำผิดพลาดและต้องจัดการกับจุดอ่อนที่เกิดจากความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง แต่เขาก็สามารถ “ทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์” ให้กับพระเจ้าได้อย่างมีความสุข—ฮบ. 9:12-14
แม้บางครั้งเปาโลไม่สบายใจกับเรื่องที่เขาทำในอดีต แต่เขาก็เอาชนะความรู้สึกในแง่ลบได้โดยคิดใคร่ครวญเรื่องค่าไถ่ (ดูข้อ 9-10)
11. ทำไมตัวอย่างของเปาโลถึงทำให้เราได้กำลังใจ?
11 บางครั้งเราก็รู้สึกเหมือนกับเปาโลที่เราอยากจะคิดดี พูดดี ทำดี แต่เราก็ทำไม่ได้ เราก็เลยมีความคิดเหมือนกับเปาโลที่ว่า “ฉันมันน่าสมเพชจริง ๆ” พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อเอลิซ่าcซึ่งอายุ 26 ปีเล่าว่าเธอรู้สึกยังไง เธอบอกว่า “เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของเปาโล ฉันได้กำลังใจมากเพราะรู้ว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ตัวอย่างของเปาโลยังทำให้เห็นด้วยว่าพระยะโฮวารู้ว่าคนของพระองค์กำลังเจอกับอะไร” แล้วเราต้องทำอะไรเพื่อจะมีความสุขและมั่นใจว่าพระยะโฮวาพอใจในสิ่งที่เราทำเหมือนกับเปาโลได้แม้บางครั้งเราจะรู้สึกท้อใจ?
เราจะสู้กับความรู้สึกในแง่ลบได้ยังไง?
12. การทำกิจกรรมที่เสริมความเชื่อเป็นประจำจะช่วยให้เราสู้กับความรู้สึกในแง่ลบได้ยังไง?
12 ทำกิจกรรมที่เสริมความเชื่อเป็นประจำ ถ้าเราพยายามทำกิจกรรมที่เสริมความเชื่อเป็นประจำ เราก็จะมีความคิดในแง่บวกได้ง่ายขึ้น เราเปรียบเทียบเรื่องนี้ได้กับการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ช่วยให้เรามีสุขภาพดี ถ้าเรากินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับอย่างเพียงพอ เราก็จะรู้สึกสดชื่น คล้ายกัน เราจะมีความสุขมากขึ้นถ้าเราอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ เตรียมการประชุม เข้าร่วมและมีส่วนร่วมในการประชุม และทำงานรับใช้อย่างสม่ำเสมอ กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราสู้กับความคิดในแง่ลบได้—รม. 12:11, 12
13-14. พี่น้องบางคนได้ประโยชน์ยังไงจากการทำกิจกรรมที่เสริมความเชื่อเป็นประจำ?
13 ให้เรามาดูประสบการณ์ของพี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อจอห์น ตอนที่เขาอายุ 39 ปี เขาได้มารู้ว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งชนิดที่ไม่ค่อยมีใครเป็น แถมลูกชายเขาก็อายุแค่ 3 ขวบ ตอนแรกเขารู้สึกว่ายากที่จะรับมือกับความรู้สึกในแง่ลบ เขาสงสัยว่า ‘ทำไมผมต้องมาป่วยหนักแบบนี้ทั้ง ๆ ที่อายุไม่มาก?’ แล้วอะไรช่วยจอห์นจัดการกับความรู้สึกในแง่ลบได้? เขาบอกว่า “แม้จะรู้สึกเหนื่อยบ่อย ๆ แต่ผมก็ทำให้แน่ใจว่าครอบครัวยังคงจดจ่อกับกิจกรรมของคริสเตียน ถึงจะไม่ง่ายแต่เราก็พยายามเข้าร่วมประชุมทุกรายการ ออกประกาศทุกสัปดาห์ และนมัสการประจำครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ” พอมองย้อนไป เขาเล่าว่า “แม้ตอนแรกผมจะตกใจและกังวล แต่ไม่นานผมก็รู้สึกสงบใจมากขึ้น ผมรู้ว่าพระยะโฮวารักผมและให้กำลังที่จำเป็นต้องมี พระยะโฮวาจะช่วยคุณให้เข้มแข็งได้เหมือนที่พระองค์ช่วยผมให้เข้มแข็ง”
14 เอลิซ่าที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “ทุกครั้งที่ฉันไปประชุมและศึกษาส่วนตัว มันช่วยเตือนให้ฉันไม่ลืมว่าพระยะโฮวาฟังฉันและรักฉันมากจริง ๆ พอทำแบบนี้แล้วฉันรู้สึกมีความสุขมากค่ะ” โนแลนผู้ดูแลหมวดคนหนึ่งที่อยู่ในแอฟริกาพูดถึงตัวเขาเองกับไดแอนภรรยาของเขาว่า “ตอนที่เรารู้สึกท้อใจ เราพยายามที่จะทำกิจกรรมที่เสริมความเชื่ออยู่เสมอ และเราก็เห็นชัดว่าพระยะโฮวาคอยช่วยเราให้มีความสุขมากขึ้น เราพยายามจำไว้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยและอวยพรเรา ถึงเราไม่รู้ว่าพระองค์จะช่วยเราด้วยวิธีไหน แต่พระองค์จะช่วยเราแน่นอน”
15. เราอาจต้องทำอะไรอีกเพื่อจะเอาชนะความคิดในแง่ลบ? ขอยกตัวอย่าง
15 นอกจากนี้ อาจมีบางอย่างที่เราต้องทำด้วยเพื่อจะเอาชนะความคิดในแง่ลบ ลองคิดถึงตัวอย่างนี้ คุณอาจเริ่มมีอาการปวดหลัง คุณเลยพยายามไปเดินออกกำลังกายทุกวันเพื่อจะได้ไม่รู้สึกปวด แต่แค่นั้นยังไม่พอ ถ้าคุณอยากรู้ว่าปวดหลังเพราะอะไร คุณก็ต้องค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องการปวดหลังและอาจถึงกับต้องไปหาหมอ คล้ายกัน ถ้าเราอยากรู้ว่าเรามีความรู้สึกในแง่ลบเพราะอะไรและอยากจะเอาชนะความรู้สึกนั้น เราอาจต้องค้นคว้าในคัมภีร์ไบเบิลและสิ่งพิมพ์ขององค์การ และเราอาจต้องไปคุยกับพี่น้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่เพื่อจะได้รับคำแนะนำที่จะช่วยให้เรารับมือกับความรู้สึกในแง่ลบที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ได้ ตอนนี้ขอลองมาดูคำแนะนำเพิ่มเติมบางอย่างที่สามารถช่วยเราได้
16. คุณจะรู้ได้ยังไงว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้คุณคิดในแง่ลบ? (สดุดี 139:1-4, 23, 24)
16 อธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยให้คุณรู้ว่าต้องทำอะไร กษัตริย์ดาวิดรู้ว่าพระยะโฮวารู้จักตัวเขาดี เขาก็เลยขอพระยะโฮวาช่วยเขาให้รู้ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้เขา “กังวล” (อ่านสดุดี 139:1-4, 23, 24) คุณเองก็สามารถขอพระยะโฮวาช่วยให้คุณรู้ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้คุณคิดในแง่ลบ และช่วยให้คุณรู้ว่าจะเอาชนะมันได้ยังไง คุณอาจถามตัวเองว่า ‘อะไรเป็นสาเหตุจริง ๆ ที่ทำให้ฉันมีความคิดในแง่ลบ? มีอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นให้ฉันรู้สึกในแง่ลบ? ฉันมักจะจมอยู่กับความคิดในแง่ลบไหมแทนที่จะกำจัดมันออกไป?’
17. มีเรื่องอะไรบ้างที่คุณจะศึกษาส่วนตัวได้เพื่อจะช่วยให้คุณคิดในแง่บวก? (ดูภาพด้วย)
17 ศึกษาส่วนตัวในเรื่องที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ บางครั้งคุณอาจรู้สึกว่าการศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวาจะช่วยคุณให้ได้รับกำลังใจ ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปาโลได้รับประโยชน์มากจากการคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับค่าไถ่และการให้อภัยของพระยะโฮวา คุณก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกันโดยใช้คู่มือค้นคว้าสำหรับพยานพระยะโฮวา หรือคู่มือการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอื่น ๆ ที่มีในภาษาของคุณ คุณอาจศึกษาเรื่องต่าง ๆ เช่น ความเมตตาของพระเจ้า การให้อภัย และความรักที่มั่นคงของพระองค์ เมื่อเจอบทความที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณแล้ว ให้คุณจดไว้ แปะรายชื่อบทความเหล่านั้นในที่ที่คุณสามารถเห็นได้ง่าย ศึกษาบทความเหล่านั้นตอนที่คุณเริ่มรู้สึกท้อใจ และหาบทเรียนจากเรื่องที่คุณศึกษาแล้วเอามาใช้กับสถานการณ์ของคุณเอง—ฟป. 4:8
เลือกหัวเรื่องศึกษาส่วนตัวที่ช่วยให้คุณเอาชนะความคิดในแง่ลบ (ดูข้อ 17)
18. พี่น้องของเราศึกษาส่วนตัวเรื่องอะไรบ้าง?
18 เอลิซ่าที่พูดถึงก่อนหน้านี้ศึกษาส่วนตัวเกี่ยวกับโยบ เธอบอกว่า “ฉันรู้สึกเหมือนกับโยบเลย เขาเจอปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ถึงโยบจะอยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุดของชีวิต เขาก็ยังพึ่งพระยะโฮวาเสมอถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้” (โยบ 42:1-6) ไดแอนที่พูดถึงก่อนหน้านี้ก็บอกว่า “ฉันกับสามีศึกษาส่วนตัวโดยใช้หนังสือเข้าไปใกล้ชิดกับพระยะโฮวา เรารู้สึกเห็นค่ามากที่พระยะโฮวานวดปั้นเราเหมือนกับช่างปั้นหม้อนวดปั้นดิน เราจะพยายามคิดเสมอว่าพระยะโฮวากำลังนวดปั้นเราและช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นแทนที่เราจะเอาแต่ผิดหวังกับตัวเอง การคิดแบบนี้ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น”—อสย. 64:8
มองไปที่อนาคตด้วยความมั่นใจ
19. เราต้องมองอะไรตามความเป็นจริง?
19 ถึงเราจะทำกิจกรรมคริสเตียนเป็นประจำและเลือกเรื่องศึกษาส่วนตัวที่ตรงกับความจำเป็นของเราแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีความรู้สึกในแง่ลบเลย เราอาจจะยังรู้สึกเศร้าหรือกังวลเป็นบางครั้ง แต่ถ้าเราให้พระยะโฮวาช่วย เราจะไม่จมอยู่กับความรู้สึกในแง่ลบไปตลอด เรามั่นใจได้ว่าเราสามารถมีความสุขกับชีวิตได้แทบจะทุกวันเพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวา และเรามั่นใจว่าพระองค์พอใจในสิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์
20. คุณตั้งใจที่จะทำอะไร?
20 ให้เราตั้งใจที่จะไม่จมอยู่กับความรู้สึกในแง่ลบ ไม่ว่าจะเพราะสิ่งที่เราเคยทำในอดีต ปัญหาของเรา หรือความไม่สมบูรณ์แบบของเรา เมื่อไหร่ที่เรามีความรู้สึกในแง่ลบ พระยะโฮวาสามารถช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ (สด. 143:10) เรารอคอยวันที่จะได้อยู่ในโลกใหม่ซึ่งตอนนั้นจะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปที่เราจะคิดบวกอยู่เสมอ ทุกเช้าเราจะตื่นมาโดยที่ไม่มีอะไรต้องกังวลและไม่มีความรู้สึกในแง่ลบอีกเลย เราจะมีความสุขทุกวันที่ได้รับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าของเรา
เพลง 34 ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอ
a อธิบายคำศัพท์ ในบทความนี้ คำว่า “ความรู้สึกในแง่ลบ” หมายถึงความรู้สึกเศร้าและการมีอารมณ์ไม่มั่นคงที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้หมายถึงโรคซึมเศร้าเรื้อรังที่ถือว่าเป็นความเจ็บป่วย
b สิ่งที่เปาโลเขียนทำให้เห็นว่าเขามีปัญหาเรื่องสายตาซึ่งอาจทำให้ยากที่เขาจะเขียนจดหมายและทำงานรับใช้ได้ลำบาก (กท. 4:15; 6:11) หรือเปาโลอาจหมายถึงความกังวลเรื่องที่ผู้สอนเท็จบางคนมากล่าวหาเขา (2 คร. 10:10; 11:5, 13) ไม่ว่าสาเหตุที่ทำให้เปาโลกังวลเป็นเรื่องอะไร แต่มันก็ทำให้เขาทุกข์ใจมาก
c บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ