วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม
ท่านทำให้เราเป็นรัฐบาลและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าผู้เป็นพ่อของท่าน—วว. 1:6
มีสาวกของพระเยซูจำนวน 144,000 คนที่ถูกเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์และได้มีสายสัมพันธ์ที่พิเศษกับพระยะโฮวา พวกเขาจะรับใช้เป็นปุโรหิตร่วมกับพระเยซูในสวรรค์ (วว. 14:1) ห้องบริสุทธิ์ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์เป็นภาพแสดงถึงการที่ผู้ถูกเจิมถูกรับเป็นลูกของพระเจ้าตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่บนโลก (รม. 8:15-17) ส่วนห้องบริสุทธิ์ที่สุดเป็นภาพแสดงถึงสวรรค์ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระยะโฮวา “ม่าน” ที่กั้นระหว่างห้องบริสุทธิ์กับห้องบริสุทธิ์ที่สุดเป็นภาพแสดงถึงร่างกายที่เป็นมนุษย์ของพระเยซู ซึ่งถ้าท่านยังมีร่างกายแบบนี้อยู่ ท่านก็ไม่สามารถไปสวรรค์เพื่อไปทำหน้าที่มหาปุโรหิตที่ยิ่งใหญ่ในวิหารโดยนัยได้ ท่านเลยต้องสละร่างกายของท่าน นอกจากนั้น การทำอย่างนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกเจิมทุกคนขึ้นไปสวรรค์ได้ แต่พวกเขาก็ต้องสละร่างกายที่เป็นมนุษย์ด้วยเพื่อจะได้รับรางวัลในสวรรค์—ฮบ. 10:19, 20; 1 คร. 15:50 ห23.10 น. 28 ว. 13
วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม
ผมไม่มีเวลาพอจะเล่าต่อเกี่ยวกับกิเดโอน—ฮบ. 11:32
ตอนที่คนในตระกูลเอฟราอิมมาว่ากิเดโอน เขาไม่ได้โกรธ เขาพูดดี ๆ กับคนเหล่านั้นด้วย (วนฉ. 8:1-3) กิเดโอนแสดงความถ่อมโดยตั้งใจฟังว่าคนเหล่านั้นโมโหเรื่องอะไร และเขาก็รู้วิธีพูดเพื่อทำให้คนในตระกูลเอฟราอิมรู้สึกดีขึ้น ผู้ดูแลที่ฉลาดจะเลียนแบบกิเดโอน แม้พี่น้องจะมาว่าพวกเขา แต่พวกเขาก็จะไม่โมโห พวกเขาจะตั้งใจฟังว่าพี่น้องรู้สึกยังไงและจะตอบพี่น้องดี ๆ ด้วย (ยก. 3:13) ถ้าผู้ดูแลทำแบบนั้นก็จะทำให้ประชาคมสงบสุข ตอนที่ชาวอิสราเอลยกย่องกิเดโอนที่เอาชนะชาวมีเดียนได้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมายกย่องเขา แต่เขาบอกว่าพระยะโฮวาต่างหากที่ทำให้อิสราเอลชนะ (วนฉ. 8:22, 23) และผู้ดูแลจะเลียนแบบกิเดโอนได้ยังไง? เมื่อพวกเขาทำงานรับใช้ได้สำเร็จ พวกเขาควรยกย่องพระยะโฮวา (1 คร. 4:6, 7) ตัวอย่างเช่น ถ้ามีพี่น้องชมผู้ดูแลคนหนึ่งว่าสอนได้ดีสอนได้เก่ง เขาควรบอกว่าเรื่องที่เขาสอนมาจากคัมภีร์ไบเบิล หรือเขาอาจบอกว่าองค์การของพระยะโฮวาฝึกสอนเราทุกคนดีมาก บางครั้งผู้ดูแลอาจต้องคิดว่าเขากำลังทำให้คนอื่นยกย่องพระยะโฮวาหรือทำให้คนอื่นประทับใจในตัวเขา ห23.06 น. 4 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม
ความคิดของเราไม่เหมือนกับความคิดของเจ้า—อสย. 55:8
ถ้าพระยะโฮวายังไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา เราต้องถามตัวเองว่า ‘ฉันขอถูกไหม?’ เราอาจคิดว่า เรารู้ว่าอะไรดีสำหรับเรา แต่มันอาจไม่ดีที่สุดก็ได้ ถ้าเราอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเกี่ยวกับปัญหาอย่างหนึ่ง เราอาจขอพระองค์ให้ช่วยแก้ปัญหาแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วพระองค์รู้วิธีแก้ที่ดีกว่า หรือสิ่งที่เราขออาจไม่ตรงกับความประสงค์ของพระองค์ก็ได้ (1 ยน. 5:14) ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงตัวอย่างของพ่อแม่ที่ขอพระยะโฮวาให้ช่วยลูกให้รับใช้พระองค์ต่อไปและไม่ออกจากความจริง นี่ดูเหมือนเป็นคำขอที่ดี แต่เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่เคยบังคับใครให้รับใช้พระองค์ พระองค์อยากให้เราทุกคน รวมถึงเด็ก ๆ เลือกที่จะรับใช้พระองค์ด้วยตัวเอง (ฉธบ. 10:12, 13; 30:19, 20) ดังนั้น พ่อแม่อาจปรับเปลี่ยนคำอธิษฐานของพวกเขาเป็นขอพระยะโฮวาช่วยให้พวกเขารู้วิธีสอนในแบบที่เข้าถึงหัวใจลูก เพื่อให้ลูกรับใช้พระยะโฮวาและอยากเป็นเพื่อนกับพระองค์—สภษ. 22:6; อฟ. 6:4 ห23.11 น. 21 ว. 5; น. 23 ว. 12