-
ลูกของคุณใช้อินเทอร์เน็ตไหม?ตื่นเถิด! 2008 | ตุลาคม
-
-
ลูกของคุณใช้อินเทอร์เน็ตไหม?
ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด เด็กหนุ่มสาวหลายล้านคนใช้อินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน, ที่โรงเรียน, ที่บ้านเพื่อน, หรือโทรศัพท์มือถือ คือแทบทุกแห่ง. ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณกำลังเผชิญกับความเป็นจริงที่น่าคิดที่ว่า ลูกของคุณอาจจะท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้คล่องแคล่วยิ่งกว่าคุณ และพวกเขาอาจถึงกับรู้วิธีป้องกันไม่ให้คุณรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรในอินเทอร์เน็ต.
เรื่องนี้น่าเป็นห่วงไหม? แน่นอน. นี่เป็นสภาพการณ์ที่หมดหนทางแก้ไขไหม? ไม่เลย. จริงอยู่ ในเรื่องอินเทอร์เน็ต อาจดูเหมือนว่าลูกของคุณเป็นคนในท้องถิ่น ส่วนตัวคุณเป็นนักท่องเที่ยว. กระนั้น คุณสามารถ เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตในขั้นพื้นฐานได้. และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่รอบรู้สารพัดเรื่องเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจะปกป้องลูกของคุณให้พ้นภัย.
บทความชุดนี้จะให้ความรู้บางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ. อย่างไรก็ตาม ประการแรกขอให้เราพิจารณาอันตรายบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับลูกของคุณเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต.
-
-
เมื่อลูกใช้อินเทอร์เน็ต—สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้ตื่นเถิด! 2008 | ตุลาคม
-
-
เมื่อลูกใช้อินเทอร์เน็ต—สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้
ช่วงหนึ่ง ดูเหมือนว่าความปลอดภัยในอินเทอร์เน็ตขึ้นอยู่แต่เพียงว่าคุณตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ตรงไหน. ผู้คนเคยคิดกันว่า ถ้าตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ตรงที่ที่ใคร ๆ ก็มองเห็นได้ ลูกของคุณก็คงมีโอกาสน้อยลงที่จะเข้าไปดูเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย. แม้ว่าการไม่อนุญาตให้ลูกใช้อินเทอร์เน็ตในห้องนอนของพวกเขาจะยังถือว่าเป็นความคิดที่ฉลาดสุขุม แต่วิธีป้องกันวิธีนี้วิธีเดียวก็ยังไม่พอที่จะปกป้องลูกของคุณให้พ้นภัยได้. สมัยนี้ การเชื่อมต่อแบบไร้สายทำให้มีทางเป็นไปได้ที่เด็กหนุ่มสาวจะใช้อินเทอร์เน็ตไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ตาม. แม้แต่โทรศัพท์มือถือหลายเครื่องก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้. นอกจากนี้ยังมีร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่, ตู้บริการอินเทอร์เน็ต, ห้องสมุด, และวิธีการเดิม ๆ ที่ใช้กันมา นั่นคือการใช้คอมพิวเตอร์ตามบ้านเพื่อน. เนื่องจากมีทางเลือกมากมายเหลือเกินจึงทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า ทำไมเด็กหนุ่มสาวจึงสามารถเข้าไปทำอะไร ๆ ในอินเทอร์เน็ตได้โดยที่พ่อแม่ไม่รู้.
ขอพิจารณาบางสิ่งที่มีการทำกันอยู่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้หนุ่มสาวหลายคนติดอินเทอร์เน็ต และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำสิ่งเหล่านั้น.
อีเมล
คืออะไร? ข้อความที่เขียนและส่งทางอิเล็กทรอนิกส์.
อะไรที่น่าดึงดูดใจ? อีเมลเป็นวิธีที่คุณสามารถเขียนข้อความโต้ตอบกับเพื่อนและคนในครอบครัวได้อย่างสะดวกรวดเร็วและไม่แพง.
สิ่งที่คุณควรรู้. อีเมลที่คุณไม่ได้ขอให้ส่งมาซึ่งมักเรียกกันว่าอีเมลขยะ (สแปม) อาจไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่น่ารำคาญเท่านั้น. บ่อยครั้งอีเมลเหล่านี้มีเนื้อหาที่ส่อไปในทางลามกหรือหยาบโลนมาก. ลิงก์ (จุดที่เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นได้) ที่อยู่ในอีเมลเหล่านั้นอาจกระตุ้นผู้ใช้คอมพิวเตอร์ รวมทั้งเด็กที่ไม่ทันระวังตัวให้ยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจมีการขโมยข้อมูลเหล่านั้นไปใช้. การตอบอีเมลพวกนั้น แม้แต่เพื่อขอร้องไม่ให้ส่งอีเมลมาโดยเด็ดขาด ก็จะเป็นการยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงใช้ที่อยู่อีเมลนั้น ซึ่งอาจมีการส่งอีเมลขยะมาให้เขาอีก.
เว็บไซต์
คืออะไร? แหล่งรวมข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งองค์กร, สถาบันการศึกษา, บริษัทห้างร้าน, และบุคคลต่าง ๆ ได้สร้างขึ้นและปรับข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ.
อะไรที่น่าดึงดูดใจ? มีเว็บไซต์เป็นล้าน ๆ เว็บที่เด็กหนุ่มสาวเข้าไปดูได้ ซึ่งทำให้พวกเขามีโอกาสมากมายที่จะจับจ่ายซื้อของ, ทำการค้นคว้า, ติดต่อกับเพื่อน ๆ, และเล่นหรือดาวน์โหลดเกมและเพลง.
สิ่งที่คุณควรรู้. คนไร้ศีลธรรมทุกชนิดพากันฉวยประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต. หลายเว็บไซต์มีภาพคนกำลังร่วมเพศกันอย่างโจ่งแจ้ง แล้วก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะเข้าไปในเว็บไซต์เหล่านี้โดยบังเอิญ. ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐ 90 เปอร์เซ็นต์ของเยาวชนอายุระหว่าง 8-16 ปีที่ถูกสอบถามความคิดเห็นกล่าวว่า พวกเขาเคยเห็นภาพลามกทางอินเทอร์เน็ตโดยบังเอิญ ส่วนใหญ่เป็นตอนที่กำลังทำการบ้าน!
นอกจากนี้ การเข้าเว็บไซต์ที่ชักชวนเยาวชนให้เล่นการพนันก็ยังทำได้ง่ายมาก. ในแคนาดา เมื่อมีการสอบถามความคิดเห็นเด็กผู้ชายที่เรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย เกือบ 1 ใน 4 คนยอมรับว่าเคยเข้าเว็บไซต์ดังกล่าว และพวกผู้เชี่ยวชาญก็มีเหตุผลอันควรที่จะเป็นห่วงเรื่องนี้ เนื่องจากถ้าติดการพนันทางอินเทอร์เน็ตแล้วอาจเลิกได้ยากมาก. นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ที่ยกย่อง “รูปแบบชีวิตแบบอะโนเรกเซีย.”a ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ที่ปลุกปั่นให้เกิดการเกลียดชังกันก็มุ่งเป้าไปยังชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและทางชาติพันธุ์. บางเว็บไซต์สอนวิธีทำระเบิด, ทำยาพิษ, และทำการก่อการร้าย. ภาพความรุนแรงแบบสุดโหดและการนองเลือดก็มีอยู่อย่างแพร่หลายในเกมออนไลน์.
แชตรูม
คืออะไร? ห้องสนทนาหรือพื้นที่ในเว็บไซต์ที่ผู้คนสามารถพิมพ์ข้อความสนทนาโต้ตอบกันได้ทันที โดยปกติแล้วมักจะเป็นหัวข้อหรือเรื่องที่น่าสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ.
อะไรที่น่าดึงดูดใจ? ลูกของคุณสามารถพูดคุยกับผู้คนมากมายที่เขาอาจไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่พวกเขาต่างก็สนใจอะไร ๆ ที่เหมือนกัน.
สิ่งที่คุณควรรู้. บ่อยครั้ง พวกนักล่อลวงเด็กมักจะเข้ามาในแชตรูม โดยหวังที่จะล่อลวงเด็กให้มีเพศสัมพันธ์ทางอินเทอร์เน็ตหรือถึงกับไปมีเพศสัมพันธ์กันจริง ๆ. ขอพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักเขียนคนหนึ่งที่เขียนหนังสือลูกของคุณกำลังทำอะไรเมื่อท่องโลกอินเทอร์เน็ต? (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งกำลังวิจัยเรื่องความปลอดภัยในอินเทอร์เน็ต. เนื่องจากเป็นส่วนของงานวิจัยที่เธอทำ เธอจึงแกล้งทำตัวเป็นเด็กอายุ 12 ขวบเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต. หนังสือนั้นรายงานว่า “แทบจะเดี๋ยวนั้นเลยที่มีคนชวนเธอเข้าไปในแชตรูมส่วนตัว. เธออ้างว่าเธอไม่รู้วิธีเข้าไปในแชตรูมนั้น และเพื่อนใหม่ที่ดูมีน้ำใจก็สอนเธอเป็นขั้น ๆ จนเข้าไปได้. แล้วเขาก็ถามว่า เธออยากมีเซ็กซ์ [ทางอินเทอร์เน็ต] กับเขาไหม?”
การส่งข้อความทันที
คืออะไร? การสนทนาโดยส่งข้อความโต้ตอบกันสด ๆ ระหว่างคนสองคนหรือหลาย ๆ คน.
อะไรที่น่าดึงดูดใจ? การส่งข้อความทันที (instant message) ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถเลือกเพื่อนที่เขาจะสนทนาด้วยจากรายชื่อที่เขาทำขึ้นมา. ไม่น่าแปลกใจที่การศึกษาวิจัยในแคนาดารายงานว่า 84 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อายุ 16 ถึง 17 ปี ส่งข้อความโต้ตอบกันสด ๆ กับเพื่อนของตน และใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในแต่ละวัน.
สิ่งที่คุณควรรู้. ระบบการส่งข้อความทันทีอาจเป็นการรบกวนสมาธิ หากว่าลูกของคุณกำลังศึกษาหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ต้องใช้สมาธิ. นอกจากนี้ คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกชายหรือลูกสาวของคุณกำลังพูดคุยกับใคร? ที่จริงแล้ว คุณไม่สามารถได้ยินเรื่องที่เขาพูดคุยกัน.
บล็อก
คืออะไร? ข้อความที่บันทึกลงในเว็บไซต์ซึ่งเป็นเหมือนกับสมุดบันทึกประจำวัน.
อะไรที่น่าดึงดูดใจ? การมีบล็อกทำให้เด็กหนุ่มสาวมีโอกาสเขียนเรื่องต่าง ๆ ลงในบล็อกนั้นทั้งที่เกี่ยวกับความคิด, สิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ, และสิ่งที่พวกเขาทำ. บล็อกส่วนใหญ่มีพื้นที่ให้ผู้อ่านเขียนความเห็นของตนลงไป และเด็ก ๆ หลายคนก็ตื่นเต้นที่รู้ว่ามีใครบางคนเข้ามาอ่านและสนใจข้อความที่พวกเขาเขียนเอาไว้.
สิ่งที่คุณควรรู้. ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านข้อความในบล็อกได้. หนุ่มสาวบางคนเปิดเผยข้อมูลอย่างที่ไม่ทันระวังตัว ซึ่งอาจมีการนำไปใช้เพื่อจะรู้ว่าครอบครัว, โรงเรียน, หรือบ้านของพวกเขาอยู่ที่ไหน. ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคือ บล็อกอาจทำให้เสียชื่อเสียงได้ รวมทั้งชื่อเสียงของผู้ที่เป็นเจ้าของบล็อกเอง. ตัวอย่างเช่น นายจ้างบางคนเข้าไปอ่านข้อความในบล็อกของคนที่มาสมัครงาน เมื่อเขากำลังพิจารณาว่าจะจ้างคนนั้นดีหรือไม่.
เครือข่ายสังคมบนอินเทอร์เน็ต
คืออะไร? เว็บไซต์ที่ให้หนุ่มสาวสร้างเว็บเพจของตนขึ้นมาแล้วก็แต่งเติมด้วยรูปภาพ, วิดีโอ, และบล็อกต่าง ๆ.
อะไรที่น่าดึงดูดใจ? การสร้างและการแต่งเติมเว็บเพจทำให้เด็กคนหนึ่งสามารถแสดงความเป็นตัวตนออกมา. เครือข่ายสังคมบนอินเทอร์เน็ตทำให้เด็ก ๆ ได้พบ “เพื่อน” ใหม่หลายคน.
สิ่งที่คุณควรรู้. เด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโจแอนนา กล่าวว่า “เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมก็เหมือนกับงานเลี้ยงสังสรรค์ทางอินเทอร์เน็ต. คนที่มีพฤติกรรมที่น่าตกใจอาจมาร่วมด้วย.” ข้อมูลส่วนตัวที่ลงในเว็บไซต์ดังกล่าวอาจถูกเด็กหนุ่มสาวหรือพวกผู้ใหญ่ที่ไร้ศีลธรรมนำไปใช้อย่างผิด ๆ. ด้วยเหตุนี้ เพอร์รี อัฟแท็บ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในอินเทอร์เน็ตจึงเรียกเว็บไซต์แบบนั้นว่า “แหล่งที่นักล่อลวงทางเพศเลือกหาเหยื่อได้อย่างจุใจ.”
ยิ่งกว่านั้น มิตรภาพทางอินเทอร์เน็ตมักจะเป็นแบบผิวเผิน. ในเว็บเพจของพวกเขา หนุ่มสาวบางคนสะสมรายชื่อของคนที่ติดต่อเข้ามาซึ่งพวกเขาไม่เคยพบเจอกันเลย เพียงเพื่อจะให้คนอื่น ๆ ที่เข้ามาในเว็บนั้นเห็นว่าพวกเขาเป็นที่นิยมชมชอบมากแค่ไหน. แคนดิส เคลซีย์ เขียนในหนังสือเจเนอเรชัน มายสเปซ ของเธอว่า จริง ๆ แล้วก็เหมือนกับ “การตัดสินว่าคนนั้นมีคุณค่าพอที่จะคบเป็นเพื่อนได้แค่ไหน โดยดูว่ามีคนนิยมชมชอบเขาหรือเธอมากน้อยเพียงไร.” เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า “การตัดสินผู้คนโดยพิจารณาว่ามีคนติดต่อกับคนนั้นสักกี่คนทำให้เด็กกลายเป็นเหมือนกับเป็นสินค้าไม่ใช่มนุษย์ และเป็นการกดดันเด็กมากเกินไปให้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนมีเพื่อนมากขึ้น.” ด้วยเหตุนี้ หนังสือลูกของคุณกำลังทำอะไรเมื่อท่องโลกอินเทอร์เน็ต? (ภาษาอังกฤษ) จึงถามด้วยคำถามที่มีเหตุผลสมควรว่า “คุณจะช่วยลูกให้เข้าใจได้อย่างไรว่า ลูกจำเป็นต้องพัฒนาความเห็นอกเห็นใจและความเมตตา ในเมื่อโลกแห่งอิเล็กทรอนิกส์ทำให้พวกเขามีโอกาสพบปะผู้คนแล้วก็ทิ้งพวกเขาไปง่าย ๆ?”
นี่เป็นเพียงหกตัวอย่างที่มีการทำกันในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มสาวในสมัยนี้. หากคุณเป็นพ่อแม่ คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อปกป้องลูกของคุณให้พ้นจากอันตรายต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ต?
[เชิงอรรถ]
a เว็บไซต์เหล่านี้หลายเว็บไซต์และองค์กรต่าง ๆ ที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวอ้างว่าพวกเขาไม่ได้ส่งเสริมให้คนเป็นอะโนเรกเซีย (คนที่มีนิสัยการกินผิดปกติ). อย่างไรก็ตาม บางเว็บไซต์บอกว่าอะโนเรกเซียเป็นรูปแบบชีวิตอย่างหนึ่ง แทนที่จะบอกว่าเป็นโรค. ในที่สำหรับสนทนาของเว็บไซต์ดังกล่าว มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปกปิดน้ำหนักจริง ๆ ของบุคคลผู้นั้น และวิธีปิดบังไม่ให้พ่อแม่รู้ว่าเขามีนิสัยการกินที่ผิดปกติ.
[คำโปรยหน้า 4]
ในอินเดีย จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่พุ่งสูงขึ้น คือสูงถึง 54 เปอร์เซ็นต์ ภายในปีเดียวนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว
[คำโปรยหน้า 7]
“พ่อแม่อาจจะมองว่ากล้องเว็บแคม เป็นวิธีที่ง่ายและไม่แพงที่ลูกจะติดต่อกับเพื่อนหรือญาติได้ แต่นักล่อลวงเด็กก็มองว่ามันเป็นหน้าต่างที่เปิดเข้าไปในห้องนอนของลูกได้.”—โรเบิร์ต เอส. มืลเลอร์ ที่สาม, ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางของสหรัฐ
-
-
เมื่อลูกใช้อินเทอร์เน็ต—สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ตื่นเถิด! 2008 | ตุลาคม
-
-
เมื่อลูกใช้อินเทอร์เน็ต—สิ่งที่พ่อแม่ทำได้
ในฐานะพ่อแม่ เรื่องไหนจะทำให้คุณรู้สึกกังวลใจมากกว่ากัน ระหว่างการรู้ว่าลูกชายหรือลูกสาวของคุณเอากุญแจรถที่บ้านไป หรือรู้ว่าลูกชายหรือลูกสาวของคุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตอย่างที่ไม่จำกัดขอบเขต? การกระทำทั้งสองอย่างนี้มีอันตรายอยู่บ้าง. และทั้งสองอย่างนี้เรียกร้องความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง. พ่อแม่ไม่อาจห้ามลูกไม่ให้ขับรถได้ตลอดไป แต่พ่อแม่สามารถ สอนลูกจนแน่ใจได้ว่าลูกรู้วิธีขับรถอย่างปลอดภัย. คล้ายกัน พ่อแม่หลายคนสอนลูกให้รู้วิธีใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย. ต่อไปนี้เป็นหลักการจากคัมภีร์ไบเบิลที่จะช่วยได้.
“คนที่เฉลียวฉลาดทุกคนทำงานด้วยใช้ความรู้.” (สุภาษิต 13:16) พ่อแม่ซึ่งมีลูก ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ต จำเป็นต้องมีความเข้าใจพื้นฐานว่าอินเทอร์เน็ตใช้งานอย่างไร และเข้าใจว่าลูกกำลังทำอะไรเมื่อส่งข้อความทันที, อ่านเว็บเพจ, หรือใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อทำอะไรบ้าง. มาร์เช คุณแม่ลูกสองบอกว่า “อย่าเพิ่งสรุปว่าคุณแก่เกินกว่าที่จะเรียน หรือไม่มีการศึกษาพอที่จะเรียนได้. จงตามเทคโนโลยีให้ทัน.”
“ครั้นเจ้าทั้งหลายจะสร้างเรือนใหม่, จงทำเป็นขอบขึ้นกันไว้ที่หลังคา. เพื่อเจ้าจะไม่ให้ผู้ใดพลัดตกจากที่นั่น.” (พระบัญญัติ 22:8) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจช่วยพ่อแม่ให้ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกได้ โดยโปรแกรมดังกล่าวอาจทำหน้าที่เหมือนกับ “ขอบ” หรือตัวสกัดกั้นสิ่งที่ไม่เหมาะสมไม่ให้ปรากฏขึ้นมา และยังป้องกันไม่ให้เปิดเข้าไปในเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้. บางโปรแกรมถึงกับสามารถป้องกันไม่ให้เด็กเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว อย่างเช่น ชื่อและที่อยู่ของพวกเขา. อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ควรตระหนักว่าการควบคุมแบบนี้ไม่สามารถสกัดกั้นข้อมูลที่เป็นอันตรายได้ทั้งหมด. นอกจากนี้ เด็กหลายคนที่โตแล้วซึ่งมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ก็รู้วิธีเลี่ยงโปรแกรมเหล่านั้นได้.
“คนที่ปลีกตัวออกไปจากผู้อื่นจงใจจะทำตามตนเอง, และค้านคติแห่งปัญญาอันถูกต้องทั้งหลาย.” (สุภาษิต 18:1) การศึกษาวิจัยในสหราชอาณาจักรเผยให้ทราบว่า เกือบ 1 ใน 5 ของเยาวชนอายุระหว่าง 9 ถึง 19 ปี สามารถใช้อินเทอร์เน็ตในห้องนอนของตน. การตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ในที่ที่คนอื่นสามารถมองเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ จะช่วยให้พ่อแม่ตรวจดูได้ว่าลูกของตนกำลังทำอะไรเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต และอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่กล้าเข้าไปดูอินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม.
“ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังให้ดี จะได้ไม่ประพฤติอย่างคนไร้ปัญญา แต่ประพฤติอย่างคนมีปัญญา โดยใช้ทุกโอกาสให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะสมัยนี้ชั่วช้า.” (เอเฟโซส์ 5:15, 16) จงตัดสินใจว่าลูกจะใช้อินเทอร์เน็ตได้เมื่อไร, นานแค่ไหน, และเว็บไซต์ชนิดใดบ้างที่ลูกเข้าไปดูได้หรือไม่ได้. จงพูดคุยกับลูก ๆ เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ดังกล่าว และอธิบายให้พวกเขาเข้าใจอย่างดี.
แน่ล่ะ คุณไม่สามารถเฝ้าดูลูกได้เมื่อพวกเขาอยู่นอกบ้าน. ฉะนั้น นับว่าสำคัญที่จะปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องไว้ในตัวลูก ๆ เพื่อพวกเขาจะทำการตัดสินใจได้อย่างฉลาดสุขุม ตอนที่พวกเขาไม่ได้อยู่กับคุณ.a (ฟิลิปปอย 2:12) จงอธิบายอย่างชัดเจนว่าผลจะเป็นอย่างไรหากลูกไม่ปฏิบัติตามกฎที่คุณตั้งไว้เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ต. แล้วก็บังคับใช้กฎเหล่านั้น.
“[มารดาที่ดี] ดูแลฝ่ายการของครอบครัวเป็นอย่างดี.” (สุภาษิต 31:27) จงหมั่นตรวจดูเสมอเมื่อลูกใช้อินเทอร์เน็ต และบอกพวกเขาด้วยว่าคุณจะทำอย่างนั้น. นี่ไม่ใช่การรุกล้ำความเป็นส่วนตัว. ขอจำไว้ว่า อินเทอร์เน็ตเป็นที่ที่ใคร ๆ ก็เข้าไปดูได้. สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางของสหรัฐแนะนำพ่อแม่ให้คอยตรวจดูบัญชีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต (online account) ของลูกอยู่เสมอ และคอยสุ่มตรวจอีเมลและเว็บไซต์ที่ลูกเข้าไปดู.
“ความสามารถในการคิดนั่นเองจะป้องกันเจ้าไว้ ความสังเกตเข้าใจก็จะปกป้องเจ้า เพื่อจะช่วยเจ้าพ้นจากแนวทางชั่ว จากคนที่พูดสิ่งเสื่อมทราม.” (สุภาษิต 2:11, 12, ล.ม.) การตรวจตราและการติดตามดูว่าลูกใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไรนั้นอาจช่วยปกป้องลูกได้ระดับหนึ่ง. ค่านิยมที่คุณสอนลูกและการวางตัวอย่างของคุณจะปกป้องลูกของคุณได้ดีกว่ามากนัก. ดังนั้น จงใช้เวลาพูดคุยกับลูกถึงเรื่องอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต. การเปิดโอกาสให้ลูกพูดคุยกับคุณได้ทุกเมื่อ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอันตรายจากอินเทอร์เน็ต. ทอม พ่อที่เป็นคริสเตียนคนหนึ่งพูดว่า “เราพูดกับลูกชายสองคนของเราเกี่ยวกับคน ‘ชั่ว’ ในอินเทอร์เน็ต. นอกจากนี้ เรายังอธิบายว่าสื่อลามกคืออะไร, ทำไมจึงควรหลีกเลี่ยง, และทำไมลูกจึงไม่ควรติดต่อพูดคุยกับคนแปลกหน้าเลย.”
คุณปกป้องลูกของคุณได้
การปกป้องลูกให้พ้นอันตรายจากอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ต้องบากบั่นพยายาม และวิธีเข้าถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา. เทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจเป็นประโยชน์อย่างที่ไม่มีอะไรเทียบได้ แต่ก็อาจนำความเสี่ยงมาสู่ลูก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย. พ่อแม่จะเตรียมลูก ๆ ให้พร้อมที่จะรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้อย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “เงินเป็นเครื่องป้องกันฉันใดสติปัญญาก็เป็นเครื่องป้องกันฉันนั้น.”—ท่านผู้ประกาศ 7:12.
จงช่วยลูกให้เป็นคนมีปัญญา. นอกจากนั้น จงช่วยพวกเขาให้รู้วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ตและรู้จักใช้อินเทอร์เน็ตอย่างที่มีความรับผิดชอบ. ดังนั้น อินเทอร์เน็ตจึงอาจเป็นเครื่องมือที่ไม่เป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของลูก.
-