-
คัมภีร์ไบเบิลเข้ากับยุคสมัยของเราไหม?ตื่นเถิด! 2015 | กุมภาพันธ์
-
-
จากปก
คัมภีร์ไบเบิลเข้ากับยุคสมัยของเราไหม?
‘เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมมีความสุข’
ฮิลตันชอบชกมวยเป็นชีวิตจิตใจ ตอนอายุ 7 ขวบ เขาเริ่มต่อสู้ทั้งในและนอกสังเวียน พอขึ้นมัธยม เขากับเพื่อนก็เที่ยวหาเรื่องชกต่อยคนอื่นไปทั่ว เขาบอกว่า “ผมขโมย เล่นการพนัน ดูหนังโป๊ ชอบพูดลามก ลวนลามผู้หญิง และด่าพ่อแม่ พ่อแม่คิดว่านิสัยผมแย่จนแก้ไม่ได้แล้ว หลังจากจบมัธยมผมก็ย้ายออกจากบ้าน”
12 ปีผ่านไปฮิลตันก็กลับมา พ่อแม่แทบไม่เชื่อสายตาเลยว่านี่คือลูกของเขา! ฮิลตันดูสงบเสงี่ยม ใจเย็น และดูน่านับถือ อะไรทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนั้น? ช่วงที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เขาเริ่มคิดจริงจังว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต เขาอ่านคัมภีร์ไบเบิลด้วยเพื่อดูว่ามีอะไรบ้างที่จะช่วยเขาให้เปลี่ยนรูปแบบชีวิต ฮิลตันบอกว่า “ผมเอาสิ่งที่เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตรวมทั้งกำจัดนิสัยไม่ดีออกไป และทำตามคำแนะนำในเอเฟโซส์ 6:2, 3 เรื่องการนับถือพ่อแม่ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมมีความสุขจริง ๆ พ่อแม่ไม่ต้องมานั่งเจ็บปวดใจกับผมอีก นี่แหละที่ทำให้พวกเขามีความสุข”
เรื่องราวของฮิลตันแสดงให้เห็นว่าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลใช้ได้กับยุคสมัยของเราและมีพลังเปลี่ยนชีวิตคนได้ (ฮีบรู 4:12) ขอให้เรามาพิจารณาหลักการบางข้อเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ การควบคุมตัวเอง การซื่อสัตย์ต่อคู่สมรส และความรัก และดูว่าหลักการเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้อย่างไร
-
-
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—ความซื่อสัตย์ตื่นเถิด! 2015 | กุมภาพันธ์
-
-
จากปก | คัมภีร์ไบเบิลเข้ากับยุคสมัยของเราไหม?
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—ความซื่อสัตย์
หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: “ผู้ใดจะพักอยู่ในพลับพลาของพระองค์ [พระเจ้า]? . . . คือคนที่ประพฤติเที่ยงตรง ที่กระทำการยุติธรรม และพูดแต่คำจริงจากใจของตน”—บทเพลงสรรเสริญ 15:1, 2
ประโยชน์ที่ได้รับ: ผู้คนส่วนใหญ่มองว่าความซื่อสัตย์ไว้ใจได้เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ถ้ามีช่องโหว่ที่เขาจะโกงโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นล่ะ ตอนนี้แหละที่จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้น
ราเคลที่ทำงานในแผนกจัดซื้อบอกว่า “ตัวแทนฝ่ายการขายบางคนพยายามที่จะให้เงินใต้โต๊ะฉัน พวกเขาสัญญาว่า ถ้าฉันสั่งซื้อของจากเขา เขาจะเอาเงิน ‘ส่วนลด’ บางส่วนที่ควรให้กับบริษัทมาให้ฉันแทน แต่ฉันนึกถึงหลักการในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ ฉันจึงปฏิเสธไม่รับเงินนั้น พอหัวหน้าได้ยินเรื่องนี้ เธอก็ไว้ใจฉันมากขึ้น”
ถ้าราเคลตอบรับข้อเสนอนี้ เธอคงจะได้ผลประโยชน์ทางการเงินในช่วงสั้น ๆ แต่ถ้าหัวหน้าเธอจับได้ล่ะ เธอยังจะได้ทำงานนี้ต่อไปไหม? และในวันข้างหน้าเธอจะหางานใหม่ได้ไหม? ที่สำคัญกว่านั้นคือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและความนับถือตัวเองของเธอจะเป็นอย่างไร ในหนังสือสุภาษิต 22:1 บอกว่า “น่าจะเลือกชื่อเสียงดีมากกว่าเลือกทรัพย์สมบัติ และมีคนนับถือก็ดีกว่ามีเงินทองอีก”
เจซีมีชื่อเสียงดีในเรื่องความซื่อสัตย์
เจซีก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ เขามีชื่อเสียงดีในที่ทำงาน เรื่องนี้มีผลดีอะไร? นายจ้างไม่ได้แค่เลื่อนตำแหน่งเขาให้เป็นผู้จัดการเท่านั้นแต่ยังไว้ใจเขาให้วางแผนตารางการทำงานเองด้วย นี่ทำให้เขามีเวลาอยู่กับภรรยาและลูก ๆ รวมทั้งได้ทำกิจกรรมทางศาสนามากขึ้นด้วย
เมื่อหาลูกจ้าง นายจ้างบางคนเลือกที่จะหาจากกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงเรื่องความซื่อสัตย์ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการบริษัทคนหนึ่งในฟิลิปปินส์ได้เขียนถึงสำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวาเพื่อชวนพยานฯไปทำงานกับเขา เขาบอกว่า พวกพยานฯ“ขยันทำงาน ซื่อสัตย์ และทุ่มเทตัวในการทำงาน” แต่คำชมเชยนี้ทำให้พระยะโฮวาพระเจ้าผู้สอนเราให้ “ชังความชั่วและรักความดี” ได้รับคำสรรเสริญ—อาโมศ 5:15
-
-
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—การควบคุมตัวเองตื่นเถิด! 2015 | กุมภาพันธ์
-
-
จากปก | คัมภีร์ไบเบิลเข้ากับยุคสมัยของเราไหม?
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—การควบคุมตัวเอง
หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: “คนโง่ระบายความโกรธออกมาเต็มที่ แต่คนมีปัญญาย่อมยับยั้งไว้เงียบ ๆ”—สุภาษิต 29:11, ฉบับมาตรฐาน
“ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตายแล้วเกิดใหม่!”
ประโยชน์ที่ได้รับ: ถ้าจะเขียนถึงประโยชน์ของการควบคุมตัวเอง กระดาษเป็นร้อย ๆ แผ่นก็คงไม่พอ! อย่างน้อยที่สุดการควบคุมตัวเองทำให้คนเรามีสุขภาพดีขึ้น ดังที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า “ใจที่สงบเป็นความจำเริญชีวิตฝ่ายกาย” และยังบอกด้วยว่า “ใจที่ร่าเริงเป็นเหมือนโอสถวิเศษ” (สุภาษิต 14:30; 17:22) ในทางตรงกันข้าม มีการศึกษาค้นคว้าที่แสดงให้เห็นว่า คนขี้โมโหและเจ้าคิดเจ้าแค้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่จริง การควบคุมตัวเองมีประโยชน์ไม่ใช่แค่ด้านสุขภาพเท่านั้น
คัสซีอุส ซึ่งตอนนี้อายุ 30 กว่าปีเล่าว่า “ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบหาเรื่องและมักชกต่อยคนอื่นก่อน ผมขาดความนับถือตัวเอง แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเมื่อผมเริ่มนำหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้ ผมเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ อ่อนน้อมถ่อมตน และรู้จักให้อภัย ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้จุดจบของผมคงอยู่ในคุก ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตายแล้วเกิดใหม่!”
คัสซีอุสเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และให้อภัย
-
-
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—การซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสตื่นเถิด! 2015 | กุมภาพันธ์
-
-
จากปก | คัมภีร์ไบเบิลเข้ากับยุคสมัยของเราไหม?
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—การซื่อสัตย์ต่อคู่สมรส
หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: “จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และจงให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน”—ฮีบรู 13:4
ประโยชน์ที่ได้รับ: บางคนคิดว่าข้อความนี้จากคัมภีร์ไบเบิลล้าสมัยไปแล้ว แต่พวกเขาคิดผิดถนัด! การนอกใจกันในทุกวันนี้สร้างความปวดร้าวใจมากเหมือนกับที่ผู้คนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลเคยรู้สึก—สุภาษิต 6:34, 35
เจซีที่เป็นทั้งสามีและพ่อบอกว่า “การซื่อสัตย์ในชีวิตสมรสทำให้ผมกับภรรยาใกล้ชิดสนิทสนมกันและมีความสุข ที่จริง การไว้เนื้อเชื่อใจกันสำคัญมากในชีวิตสมรส การไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจกัน” นี่รวมถึงผลกระทบที่อาจมีต่อลูก ๆ ในอนาคตด้วย
ลีกายาaเกือบจะทำให้ชีวิตคู่ของเธอพังทลาย เธอบอกว่า “ตอนที่ฉันคบเพื่อนไม่ดี ฉันก็เริ่มไปเที่ยวกลางคืนและนอกใจสามี” การใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้เธอมีความสุขไหม? เธอไม่มีความสุขเลยเพราะทะเลาะกับสามีเป็นประจำ เธอบอกอีกว่า “เมื่อฉันรู้ตัวว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปมันน่าอับอายขนาดไหน ฉันก็มาคิดได้ว่าสิ่งที่พ่อแม่บอกฉันนั้นถูกต้องเลยที่ว่า ‘การคบหาที่ไม่ดีย่อมทำให้นิสัยดีเสียไป’”—1 โครินท์ 15:33
ลีกายายังบอกด้วยว่า “ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้ ฉันตัดสินใจเลิกทำสิ่งเหล่านั้นและเรียนคัมภีร์ไบเบิลรวมทั้งเอาสิ่งที่เรียนมาใช้ในชีวิต” ผลเป็นอย่างไร? เธอรักษาชีวิตคู่ไว้ได้และสามีก็เริ่มนับถือและให้เกียรติเธอมากขึ้น เธอบอกว่า “คัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนชีวิตฉัน ฉันไม่เสียใจเลยที่ทิ้งชีวิตแบบเก่าและเลิกคบเพื่อนจอมปลอม”
a บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
-
-
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—ความรักตื่นเถิด! 2015 | กุมภาพันธ์
-
-
จากปก | คัมภีร์ไบเบิลเข้ากับยุคสมัยของเราไหม?
หลักการที่ใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย—ความรัก
หลักการในคัมภีร์ไบเบิล: “ท่านทั้งหลายจงสวมความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่ผูกพันผู้คนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์”—โกโลซาย 3:14
ประโยชน์ที่ได้รับ: ความรักที่กล่าวในคัมภีร์ไบเบิลมีความหมายมากกว่ารักโรแมนติกหรือความรักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ แต่คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการเป็นคนเห็นอกเห็นใจ ให้อภัย อ่อนน้อมถ่อมตน ซื่อสัตย์ กรุณา อ่อนโยน และอดทน เมื่อเอาคุณลักษณะเหล่านี้มาประกอบกันจึงเรียกว่าความรัก (มีคา 6:8; โกโลซาย 3:12, 13) ความรักที่เกิดจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ยั่งยืน แต่รักแท้จะค่อย ๆ เติบโตขึ้นและอยู่ตลอดไป
เบรนดา แต่งงานมาเกือบ 30 ปีแล้วบอกว่า “ความรักของคู่แต่งงานใหม่ที่เรียกว่าข้าวใหม่ปลามันก็ยังเทียบอะไรไม่ได้เลยกับความรักของคู่ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน”
แซม แต่งงานมา 12 ปีแล้ว เล่าว่า “ผมกับภรรยามีความสุขและรู้สึกทึ่งเสมอที่คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำที่เรียบง่ายและใช้ได้จริง ถ้าเราทำตามชีวิตครอบครัวก็จะราบรื่น แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ผมทำได้ บางครั้งผมก็มีอารมณ์อ่อนไหว เห็นแก่ตัวบ้าง หรืออาจจะเหนื่อย ถ้ารู้สึกแบบนี้เมื่อไรผมก็จะขอให้พระยะโฮวาช่วยผมเพื่อเอาชนะความรู้สึกที่ไม่ดีนี้ แล้วผมก็จะกอดภรรยา ไม่นานเราก็ลืมเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้น”
“สติปัญญาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องโดยผลของสติปัญญานั้นเอง”
พระเยซูบอกว่า “สติปัญญาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องโดยผลของสติปัญญานั้นเอง” (มัดธาย 11:19) เห็นได้ชัดว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นแหล่งของสติปัญญาจริง ๆ ทั้งคำสอนและคำแนะนำต่าง ๆ ใช้ได้จริงกับทุกเชื้อชาติ วัฒนธรรม และทุกยุคทุกสมัย อีกทั้งคำแนะนำนี้มาจากแหล่งที่สูงสุดซึ่งก็คือพระยะโฮวาพระเจ้า ผู้ที่สร้างเรามาซึ่งรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับตัวเรา เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากการนำไปใช้จริงในชีวิต คัมภีร์ไบเบิลชวนเราให้ “ชิมดูจึงจะรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ประเสริฐ” (บทเพลงสรรเสริญ 34:8) คุณจะตอบรับคำเชิญนี้ไหม?
-