แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2022 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 6-12 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 1 พงศาวดาร 23-26
“การนมัสการที่วิหารได้รับการจัดระเบียบอย่างดี”
it-2-E น. 241
คนเลวี
ช่วงที่ดาวิดเป็นกษัตริย์ งานของคนเลวีได้รับการจัดระเบียบอย่างดี ดาวิดตั้งพวกเขาเป็นคนดูแลงาน เจ้าหน้าที่ ผู้พิพากษา คนเฝ้าประตู ผู้ดูแลคลังวิหาร และให้คนเลวีจำนวนมากคอยช่วยงานพวกปุโรหิตในวิหาร ลานวิหาร และห้องอาหาร งานของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการเตรียมของถวายและเครื่องบูชา การชำระ การชั่งตวงวัด และเฝ้ายาม มีการแบ่งกลุ่มคนเลวีที่เป็นนักดนตรีออกเป็น 24 กลุ่มคล้ายกับการแบ่งกลุ่มปุโรหิต และให้เวียนกันมาทำหน้าที่ คนเลวีแบ่งหน้าที่กันด้วยการจับฉลาก คนเลวีที่เฝ้าประตูก็แบ่งงานด้วยวิธีจับฉลากเหมือนกัน—1พศ 23, 25, 26; 2พศ 35:3-5, 10
it-2-E น. 686
ปุโรหิต
งานรับใช้ของปุโรหิตในวิหารได้รับการจัดระเบียบอย่างดี โดยมีพวกเจ้าหน้าที่คอยดูแลและแบ่งงานให้พวกเขาด้วยวิธีจับฉลาก ปุโรหิตทั้ง 24 กลุ่มจะผลัดเวรกันมาทำงานรับใช้กลุ่มละ 1 สัปดาห์ซึ่งก็คือปีละ 2 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาล ปุโรหิตทุกคนจะมาช่วยกันทำงานที่วิหาร เพราะช่วงนั้นประชาชนจะนำเครื่องบูชามาถวายมากมาย เช่น ตอนที่อุทิศวิหาร (1พศ 24:1-18, 31; 2พศ 5:11; เทียบกับ 2พศ 29:31-35; 30:23-25; 35:10-19) ปุโรหิตอาจมารับใช้ในเวลาอื่นที่ไม่ใช่เวรของตัวเองก็ได้ แต่เขาต้องไม่รบกวนงานของปุโรหิตที่เข้าเวรอยู่ คำสอนสืบปากของรับบีชาวยิวบอกว่า ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก มีปุโรหิตจำนวนมาก ดังนั้น แต่ละสัปดาห์จึงมีปุโรหิตหลายครอบครัวมารับใช้ที่วิหาร และแต่ละครอบครัวจะรับใช้ 1 วันหรือมากกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าครอบครัวนั้นมีคนมากแค่ไหน
it-2-E น. 451-452
ดนตรี
ตอนที่ดาวิดเตรียมการไว้สำหรับวิหารของพระยะโฮวา เขาตั้งคนเลวี 4,000 คนให้ทำงานเกี่ยวกับดนตรีโดยเฉพาะ (1พศ 23:4, 5) ในจำนวนนี้มี 288 คนที่ “ฝึกร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาจนชำนาญแล้ว” (1พศ 25:7) นักร้องนักดนตรีทั้งหมดอยู่ใต้การดูแลของหัวหน้า 3 คนที่เก่งมาก คืออาสาฟ เฮมาน และเยดูธูน (ซึ่งอาจมีอีกชื่อหนึ่งว่าเอธาน) สามคนนี้สืบเชื้อสายมาจากลูกชายทั้ง 3 ของเลวี คือ เกอร์โชม โคฮาธ และเมรารี เรียงตามลำดับ นี่ทำให้คนเลวีทั้ง 3 ครอบครัวมีตัวแทนที่ทำงานรับใช้ในคณะนักร้องนักดนตรีของวิหาร (1พศ 6:16, 31-33, 39-44; 25:1-6) หัวหน้า 3 คนนี้มีลูกชายรวมกันทั้งหมด 24 คน และทุกคนอยู่ในกลุ่มนักร้องนักดนตรี 288 คนที่ชำนาญแล้ว ลูกชายทั้ง 24 คนจับฉลากแบ่งกันดูแลนักดนตรีแต่ละกลุ่ม ในกลุ่มหนึ่งจะมีสมาชิก 11 คนที่ “ชำนาญแล้ว” ที่เลือกจากลูกหลานของ 24 คนนั้นหรือจากคนเลวีครอบครัวอื่น ๆ ดังนั้น นักร้องนักดนตรีที่ชำนาญทั้ง 288 คน ([1 + 11] × 24 = 288) จึงแบ่งเป็น 24 กลุ่มเท่ากับกลุ่มของปุโรหิต ส่วนคนเลวีที่เหลืออีก 3,712 คนซึ่ง “กำลังฝึกอยู่” ก็ถูกแบ่งเป็น 24 กลุ่มด้วย เฉลี่ยแล้วแต่ละกลุ่มจะมีประมาณ 155 คน ซึ่งหมายความว่านักดนตรีที่ชำนาญ 1 คนจะช่วยฝึกสอนนักดนตรีที่ยังไม่ชำนาญประมาณ 13 คน (1พศ 25:1-31) เนื่องจากปุโรหิตเป็นคนที่ทำหน้าที่เป่าแตร พวกเขาจึงไม่ถูกนับรวมอยู่กับนักดนตรีที่เป็นคนเลวี—2พศ 5:12; เทียบกับ กดว 10:8
it-1-E น. 898
คนเฝ้าประตู
ในวิหาร ไม่นานก่อนกษัตริย์ดาวิดตาย เขาได้จัดระเบียบคนเลวีและคนที่ทำงานต่าง ๆ ในวิหารรวมทั้ง 4,000 คนที่เป็นคนเฝ้าประตูด้วย คนเฝ้าประตูแต่ละกลุ่มจะมาเข้าเวรครั้งละ 7 วัน พวกเขาทำหน้าที่เฝ้าวิหารของพระยะโฮวาและคอยเปิดปิดประตูวิหารตามเวลาที่เหมาะสม (1พศ 9:23-27; 23:1-6) นอกจากงานเฝ้าประตูแล้ว บางคนก็มีหน้าที่ดูแลเงินที่ประชาชนนำมาถวายให้วิหารของพระยะโฮวาด้วย (2พก 12:9; 22:4) ในเวลาต่อมา เมื่อมหาปุโรหิตเยโฮยาดาเจิมเยโฮอาชเป็นกษัตริย์ เขาได้ตั้งทหารยามพิเศษให้คอยเฝ้าประตูวิหารเพื่อปกป้องกษัตริย์จากราชินีอาธาลิยาห์ผู้ชั่วร้าย (2พก 11:4-8) ตอนที่กษัตริย์โยสิยาห์กวาดล้างการนมัสการรูปเคารพ พวกคนเฝ้าประตูก็ช่วยเอาเครื่องใช้ทั้งหมดสำหรับนมัสการพระบาอัลออกไปจากวิหาร แล้วกษัตริย์ก็เอาไปเผานอกกรุงเยรูซาเล็ม—2พก 23:4
วันที่ 20-26 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศาวดาร 1-4
“กษัตริย์โซโลมอนตัดสินใจไม่ฉลาด”
it-1-E น. 174 ว. 5
กองทัพ
เมื่อโซโลมอนขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกองทัพของอิสราเอล ในช่วงการปกครองของโซโลมอน บ้านเมืองค่อนข้างสงบสุข แต่เขาก็ยังสะสมม้าและรถม้า เขาซื้อม้าส่วนใหญ่จากอียิปต์ และสั่งให้สร้างหลายเมืองทั่วอาณาจักรเพื่อดูแลกองทัพม้าเหล่านี้ (1พก 4:26; 9:19; 10:26, 29; 2พศ 1:14-17) แต่พระยะโฮวาไม่เคยอวยพรกองทัพม้าที่โซโลมอนตั้งขึ้น หลังจากเขาตายและแผ่นดินถูกแบ่งแยกแล้ว กองทหารอิสราเอลก็ไม่แข็งแกร่งอีกต่อไป ในเวลาต่อมาอิสยาห์จึงเขียนว่า “ความพินาศจะเกิดกับคนเหล่านั้นที่ไปขอความช่วยเหลือจากอียิปต์ พวกเขาคิดว่ามีม้าเยอะ ๆ ถึงจะช่วยได้ คิดว่ามีรถศึกมาก ๆ แล้วจะปลอดภัย และมีม้าศึกตัวใหญ่ถึงจะชนะ พวกเขาไม่ได้มองหาพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล ไม่ได้แสวงหาความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา”—อสย 31:1
it-1-E น. 427
รถศึก
ก่อนสมัยโซโลมอน ในอิสราเอลไม่เคยมีกองทัพรถศึกขนาดใหญ่ เหตุผลหลักเป็นเพราะพระเจ้าเตือนว่ากษัตริย์ต้องไม่มีม้ามาก เพื่อจะไม่ดูเหมือนว่าชาติของพวกเขามั่นคงปลอดภัยได้เพราะกองทัพม้า นี่ทำให้ในอิสราเอลมีรถศึกไม่มากด้วยเพราะรถศึกต้องใช้ม้าเพื่อขับเคลื่อน (ฉธบ 17:16) ตอนที่ซามูเอลเตือนประชาชนเกี่ยวกับผลของการมีกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ เขาบอกว่า “เขาจะเอาลูกชายของพวกคุณไปรับใช้ในรถศึก” (1ซม 8:11) ตอนที่อับซาโลมและอาโดนียาห์พยายามตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ทั้งสองคนสั่งทำรถศึกให้ตัวเองและเกณฑ์คน 50 คนมาวิ่งนำหน้าขบวน (2ซม 15:1; 1พก 1:5) ตอนที่ดาวิดรบชนะกษัตริย์แห่งโศบาห์ เขาฆ่าม้าเทียมรถศึกทั้งหมด เหลือไว้แค่ 100 ตัว—2ซม 8:3, 4; 10:18
กษัตริย์โซโลมอนพยายามสร้างกองทัพอิสราเอลให้แข็งแกร่ง เขาจึงมีรถศึกถึง 1,400 คัน (1พก 10:26, 29; 2พศ 1:14, 17) นอกจากที่กรุงเยรูซาเล็มแล้ว เขายังสร้างเมืองไว้สำหรับเก็บรถม้าและดูแลม้าที่ใช้ในการศึกสงครามโดยเฉพาะ—1พก 9:19, 22; 2พศ 8:6, 9; 9:25
วันที่ 27 มีนาคม–2 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศาวดาร 5-7
‘เราจะระลึกถึงวิหารนั้นเสมอ’
it-2-E น. 1077-1078
วิหาร
ประวัติ วิหารหลังนี้มีอยู่จนถึงปี 607 ก่อน ค.ศ. ในปีนั้นวิหารหลังนี้ถูกทำลายโดยกองทัพของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน (2พก 25:9; 2พศ 36:19; ยรม 52:13) เพราะชาวอิสราเอลหันไปนมัสการพระเท็จ พระเจ้าเลยปล่อยให้ชาติอื่นมาโจมตียูดาห์และเยรูซาเล็ม บางครั้งก็ยึดของมีค่าในวิหารไปด้วย และบางช่วงวิหารก็ถูกปล่อยปละละเลย ในสมัยของกษัตริย์เรโหโบอัมลูกชายโซโลมอน กษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์เอาสมบัติในวิหารไป (ปี 993 ก่อน ค.ศ.) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากโซโลมอนอุทิศวิหารแค่ประมาณ 33 ปี (1พก 14:25, 26; 2พศ 12:9) กษัตริย์อาสา (ปี 977-937 ก่อน ค.ศ.) นมัสการพระยะโฮวาและแสดงความนับถือต่อวิหารของพระเจ้า แต่เพื่อปกป้องกรุงเยรูซาเล็มเขาทำสิ่งที่ไม่ฉลาดโดยเอาเงินและทองคำในคลังวิหารไปให้กษัตริย์เบนฮาดัดที่ 1 แห่งซีเรีย และขอให้เบนฮาดัดยกเลิกสัญญาที่ทำกับกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอล—1พก 15:18, 19; 2พศ 15:17, 18; 16:2, 3
วันที่ 10-16 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศาวดาร 8-9
“เธอเห็นค่าสติปัญญา”
it-2-E น. 990-991
โซโลมอน
เมื่อราชินีแห่งเชบาได้เห็นความสง่างามของวิหารและวังของโซโลมอน รวมถึงอาหารบนโต๊ะ พนักงานรินเครื่องดื่มกับชุดของพวกเขา และเครื่องบูชาเผาที่ถวายในวิหาร เธอก็ “ตกตะลึง” และพูดว่า “ที่เราได้ยินนั้นยังไม่ถึงครึ่งของสติปัญญาและความมั่งคั่งร่ำรวยของท่านด้วยซ้ำ!” แล้วเธอก็บอกอีกว่าประชาชนของโซโลมอนคงมีความสุขมากจริง ๆ ที่มีกษัตริย์แบบนี้ ทั้งหมดนี้ทำให้เธอยกย่องพระยะโฮวาและสรรเสริญพระองค์ที่แสดงความรักต่อชาวอิสราเอลโดยแต่งตั้งโซโลมอนเป็นกษัตริย์เพื่อให้ปกครองด้วยความยุติธรรมและถูกต้องชอบธรรม—1พก 10:4-9; 2พศ 9:3-8
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 1097
บัลลังก์
บัลลังก์ที่โซโลมอนทำขึ้นนี้เป็นบัลลังก์เดียวของกษัตริย์อิสราเอลที่มีการพูดถึงอย่างละเอียด (1พก 10:18-20; 2พศ 9:17-19) ดูเหมือนว่าบัลลังก์นี้อยู่ใน “หอบัลลังก์” บนภูเขาโมริยาห์ในเยรูซาเล็ม (1พก 7:7) บัลลังก์นี้เป็น ‘บัลลังก์ใหญ่ตกแต่งด้วยงาช้างและหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ มีฉัตรอยู่ด้านหลัง และมีที่วางแขน’ ถึงแม้บัลลังก์นี้อาจใช้งาช้างเป็นวัสดุหลัก แต่เมื่อดูจากวิธีที่ใช้ก่อสร้างวิหาร ทำให้รู้ว่าบัลลังก์นี้น่าจะทำจากไม้ แล้วหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์และประดับด้วยงาช้างอย่างสวยงาม เมื่อมองจากภายนอกก็จะดูเหมือนว่าบัลลังก์นี้ทำจากงาช้างและทองคำ หลังจากพูดถึงบันได 6 ขั้นที่อยู่หน้าบัลลังก์ บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “มีรูปสิงโต 2 ตัวตั้งอยู่ข้างบัลลังก์ทั้งซ้ายและขวาข้างละตัว บนบันไดทั้งหกขั้นมีรูปสิงโตตั้งอยู่ 12 ตัว ขั้นละ 2 ตัว อยู่ด้านซ้ายตัวหนึ่งด้านขวาตัวหนึ่ง” (2พศ 9:17-19) สิงโตเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะกับอำนาจการปกครอง (ปฐก 49:9, 10; วว 5:5) ดูเหมือนว่าสิงโต 12 ตัวเป็นสัญลักษณ์หมายถึงอิสราเอล 12 ตระกูลที่ยอมรับอำนาจและสนับสนุนผู้ปกครองที่นั่งบนบัลลังก์ นอกจากนั้นบัลลังก์นี้มีที่วางเท้าทำจากทองคำด้วย การพรรณนาว่าบัลลังก์นี้ทำจากงาช้างและทองคำ ตั้งอยู่สูง มีฉัตรอยู่ด้านหลัง มีสิงโตอยู่ด้านหน้า ทำให้เห็นว่าบัลลังก์นี้เหนือกว่าบัลลังก์อื่น ๆ ในยุคสมัยนั้นที่มีการค้นพบโดยนักโบราณคดี ที่เห็นตามอนุสาวรีย์ต่าง ๆ หรือที่มีการพูดถึงในข้อความจารึก นี่ตรงกับที่ผู้เขียนหนังสือพงศาวดารบอกว่า “ไม่เคยมีประเทศไหนทำอย่างนี้เลย”—2พศ 9:19
วันที่ 17-23 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | 2 พงศาวดาร 10-12
“ได้ประโยชน์จากคำแนะนำที่สุขุมรอบคอบ”
it-2-E น. 768 ว. 1
เรโหโบอัม
เรโหโบอัมเป็นคนหยิ่งและอวดดีเลยทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กบฏต่อเขา เหลือเพียง 2 ตระกูลที่ยังคงภักดีต่อราชวงศ์ของดาวิด คือ ยูดาห์กับเบนยามิน นอกจากนั้น ปุโรหิตและคนเลวีที่อยู่ในอาณาจักรยูดาห์และอิสราเอล รวมทั้งประชาชนบางส่วนของอิสราเอล 10 ตระกูลก็สนับสนุนราชวงศ์ของดาวิดด้วย—1พก 12:16, 17; 2พศ 10:16, 17; 11:13, 14, 16
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 966-967
ปีศาจรูปแพะ
คำพูดของโยชูวาในโยชูวา 24:14 แสดงให้เห็นว่าชาวอิสราเอลได้รับอิทธิพลบางอย่างจากการนมัสการเท็จของอียิปต์ตอนพวกเขาอยู่ที่นั่น เอเสเคียลเองก็ชี้ให้เห็นว่าการนมัสการเท็จยังคงมีอยู่ในหมู่ชาวอิสราเอลนานหลังจากนั้น (อสค 23:8, 21) จากเหตุผลนี้ นักวิชาการบางคนให้ข้อสังเกตว่าคำสั่งของพระเจ้าที่ห้ามไม่ให้ชาวอิสราเอลถวาย “เครื่องบูชาให้ปีศาจรูปแพะ” ตอนอยู่ในที่กันดาร (ลนต 17:1-7) และการที่เยโรโบอัมตั้งปุโรหิต “ให้ทำงานในสถานบูชาบนที่สูงเพื่อบูชาปีศาจรูปแพะและรูปลูกวัวที่เขาทำขึ้น” (2พศ 11:15) แสดงว่ามีการนมัสการปีศาจรูปแพะอย่างแพร่หลายท่ามกลางชาวอิสราเอลเหมือนที่ทำกันในอียิปต์ โดยเฉพาะอียิปต์ตอนล่าง นักประวัติศาสตร์ชื่อเฮโรโดทุสบอกว่า การนมัสการปีศาจรูปแพะของอียิปต์แพร่ไปถึงชาวกรีก พวกเขาจึงมีความเชื่อในเทพแพนและพวกเซเทอร์ซึ่งดูแลป่าเขาและเต็มไปด้วยราคะตัณหา ทั้งเทพแพนและเซเทอร์มี 2 เขา มีหางและขาเหมือนแพะ บางคนบอกว่ารูปร่างครึ่งคนครึ่งสัตว์ของเทพเจ้านอกรีตนี้เป็นที่มาของภาพซาตานที่มีหาง มีเขา และเท้าเป็นกีบ ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในการนมัสการของคนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนในช่วงยุคมืด
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแหล่งอ้างอิงไหนที่อธิบายว่า คำฮีบรู เซอีริม (seʽi·rimʹ) หรือ “ผู้มีขนดก” หมายถึงอะไรจริง ๆ แม้บางคนจะเชื่อว่าคำนี้หมายถึงแพะหรือรูปเคารพที่มีลักษณะเหมือนแพะ แต่ก็ไม่หลักฐานยืนยันเรื่องนี้ไม่ว่าในหนังสือทั่วไปหรือในข้อคัมภีร์อื่น ๆ ดังนั้น คำนี้อาจแค่หมายความว่า ในความคิดของคนที่นมัสการพระเท็จเหล่านี้ พวกเขาเชื่อว่ารูปเคารพที่พวกเขานมัสการมีลักษณะเหมือนแพะหรือมีขนดก นอกจากนี้ คำว่า “แพะ” ในข้อคัมภีร์เหล่านี้อาจเป็นแค่คำที่ใช้เพื่อดูถูกรูปเคารพที่มีอยู่ทั่วไป เพราะคำว่ารูปเคารพที่ใช้ในข้อคัมภีร์หลายข้อก็มาจากคำที่แปลตรงตัวว่า “มูลสัตว์” แต่ไม่ได้หมายความว่ารูปเคารพนั้นทำมาจากมูลสัตว์จริง ๆ—ลนต 26:30; ฉธบ 29:17