บทสิบเอ็ด
‘ผู้เลี้ยงแกะที่เราพอใจ’
1, 2. (ก) จะเกิดอะไรขึ้นหากฝูงแกะไม่ได้รับการปกป้อง? (ข) งานของผู้เลี้ยงแกะในสมัยคัมภีร์ไบเบิลมีอะไรบ้าง?
ตอนที่ฮิโรยาซึเป็นเด็กชายเล็ก ๆ อยู่ในญี่ปุ่น แม่ของเขาได้ซื้อแกะตัวผู้และตัวเมียมาคู่หนึ่ง. เขาดูแลแกะคู่นี้ และแกะตัวเมียได้ตกลูกปีละสองตัว ดังนั้น แกะจึงเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น. พอเขาอายุ 12 ปี ก็มีแกะ 12 หรือ 13 ตัว. เขาเล่าว่า “เช้าตรู่วันหนึ่งขณะที่ยังนอนอยู่บนเตียง ผมได้ยินเสียงแกะร้อง. ผมไม่ได้ออกไปดูทันที. ในที่สุดเมื่อผมออกไป ก็เห็นฝูงสุนัขป่าวิ่งไปจากลูกแกะซึ่งท้องฉีกขาด. ผมลนลานตามหาแม่แกะ แล้วก็พบมันนอนจมกองเลือดยังหายใจอยู่. มีแต่แกะตัวผู้เท่านั้นที่รอดชีวิต. ผมหัวใจสลาย. ผมน่าจะออกไปดูแกะตั้งแต่ตอนแรกที่ได้ยินเสียงมันร้อง. พวกมันไม่มีทางสู้สุนัขป่าได้เลย.”
2 ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล แทบทุกคนคุ้นเคยกับงานของผู้เลี้ยงแกะ. งานของเขาคือพาฝูงแกะไปยังทุ่งหญ้าและดูแลให้พวกมันกินหญ้าจนอิ่มจริง ๆ. เขายังปกป้องฝูงแกะไว้จากสัตว์ที่เป็นอันตรายและตามหาแกะที่หลงหาย. (1 ซามู. 17:34-36) ผู้เลี้ยงแกะให้ฝูงแกะนอนพัก ไม่ให้มีอะไรมารบกวน. เขายังช่วยตอนที่แกะตกลูกและจากนั้นก็ดูแลพวกมันต่อไป. ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลหลายคน รวมทั้งยิระมะยาห์ใช้ภาพผู้เลี้ยงแกะเป็นอุปมาเปรียบเทียบกับผู้ชายที่ได้รับมอบหมายให้เอาใจใส่ดูแลผู้คน ทั้งในฐานะผู้มีอำนาจปกครองหรือไม่ก็ผู้ดูแลฝ่ายวิญญาณของเขา.
3. ยิระมะยาห์ใช้คำ “ผู้เลี้ยงแกะ” และ “เลี้ยง” พาดพิงถึงอะไร?
3 บางคนในประชาคมคริสเตียนอาจคิดถึงผู้ปกครองประหนึ่งว่าเป็นผู้เลี้ยงแกะก็ต่อเมื่อคนเหล่านี้ไปเยี่ยมพวกพี่น้องเพื่อช่วยเหลือและหนุนกำลังใจพวกเขา. อย่างไรก็ดี จากวิธีที่ยิระมะยาห์ใช้คำ “ผู้เลี้ยงแกะ” และ “เลี้ยง” เราเห็นได้ว่าท่านได้ใช้คำดังกล่าวกับทุกด้านของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลแห่งยูดาห์กับประชาชน. บ่อยครั้ง พระเจ้าทรงตำหนิพวกเจ้านาย, ผู้พยากรณ์, และปุโรหิตในยูดาห์ว่าเป็นผู้เลี้ยงที่ไม่ดีเพราะพวกเขาไม่ได้พยายามทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์อันดีที่สุดของสามัญชน. (ยิระ. 2:8) พวกเขาปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อ “ฝูงแกะ” อีกทั้งนำไปผิดทาง และละเลย “ฝูงแกะ” ขณะที่พวกเขามุ่งแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองอย่างเห็นแก่ตัว. ประชาชนของพระเจ้าถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพถูกละเลยทางฝ่ายวิญญาณอย่างน่าตกตะลึง. พระยะโฮวาทรงประกาศว่าจะเกิด “วิบัติ” แก่ผู้เลี้ยงแกะจอมปลอมเหล่านั้นและพระองค์ทรงรับรองกับประชาชนของพระองค์ว่าจะประทานผู้เลี้ยงแกะที่ห่วงใยเอาใจใส่ซึ่งจะปกป้องฝูงแกะอย่างแท้จริง.—อ่านยิระมะยา 3:15; 23:1-4, ฉบับ R73
4. ใครเอาใจใส่ดูแลฝูงแกะของพระเจ้าในทุกวันนี้ และด้วยน้ำใจเช่นไร?
4 คำสัญญาของพระเจ้าสำเร็จเป็นประการสำคัญกับผู้เลี้ยงแกะองค์เอกของพระยะโฮวา ซึ่งก็คือพระเยซูผู้เป็นประมุขของประชาคมคริสเตียน. พระเยซูทรงเรียกพระองค์เองว่า “ผู้เลี้ยงที่ดี” ผู้ซึ่งแสดงความเมตตาสงสารอย่างแท้จริงต่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ทรงนำ. (โย. 10:11-15) ในทุกวันนี้ พระยะโฮวาทรงใช้รองผู้บำรุงเลี้ยง ซึ่งหมายถึงพี่น้องผู้ถูกเจิมแห่งชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุม รวมทั้งผู้ปกครองที่ซื่อตรงแห่ง “ชนฝูงใหญ่” ให้ดูแลฝูงแกะของพระองค์บนแผ่นดินโลก. (วิ. 7:9) ผู้บำรุงเลี้ยงเหล่านี้พยายามจะสะท้อนน้ำใจเสียสละแบบพระเยซู. พวกเขาต้องการเลี้ยงดูและทะนุถนอมประชาคม ซึ่งเป็นการเลียนแบบพระคริสต์. จะเกิดวิบัติแก่ใครก็ตามที่ละเลยพี่น้องหรือเป็นนายเหนือพวกเขา หรือเป็นผู้ที่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดหรือหยิ่งยโสต่อพวกเขา. (มัด. 20:25-27; 1 เป. 5:2, 3) พระยะโฮวาทรงคาดหมายอะไรจากคริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงในทุกวันนี้? เราเรียนอะไรได้จากหนังสือที่ยิระมะยาห์เขียน ในเรื่องทัศนะและแรงจูงใจที่เหมาะสมที่ผู้ปกครองควรมีขณะเอาใจใส่หน้าที่รับผิดชอบของเขา? ขอให้เราพิจารณาบทบาทของเขาฐานะเป็นผู้ให้การช่วยเหลือและดูแลปกป้อง, ฐานะผู้สอนทั้งในและนอกประชาคม, และฐานะผู้ตัดสินความ.
ให้การดูแลปกป้อง
5-7. (ก) พระยะโฮวาทรงคาดหมายให้แกะของพระองค์ได้รับการดูแลโดยวิธีใด และเพราะเหตุใด? (ข) ผู้ปกครองจะแสดงความรักแท้ต่อพี่น้อง รวมทั้งคนที่หลงหายไปนั้นได้อย่างไร?
5 อัครสาวกเปโตรเรียกพระยะโฮวาว่า “ผู้ที่เลี้ยงและพิทักษ์ชีวิต” ของเรา. (1 เป. 2:25) พระเจ้าแสดงเจตคติเช่นไรต่อ “แกะ” ของพระองค์? เราพบคำตอบโดยมองย้อนกลับไปสมัยยิระมะยาห์. หลังจากติเตียนผู้เลี้ยงแกะที่ไม่ดี ซึ่งได้ละเลยและทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไปแล้ว พระยะโฮวาตรัสว่าพระองค์จะ “รวบรวม” แกะของพระองค์ นำพวกเขากลับมายังทุ่งหญ้า. พระองค์ทรงสัญญาจะแต่งตั้งผู้เลี้ยงแกะที่ดีเหนือพวกเขา “ผู้จะเลี้ยงดูเขา” จริง ๆ และคอยดูแลปกป้องประชาชนของพระองค์ไว้จากศัตรูที่ละโมบ. (ยิระ. 23:3, 4, ฉบับ R73 ) ใช่แล้ว แกะของพระยะโฮวามีค่าสำหรับพระองค์. แกะของพระองค์ในทุกวันนี้ก็มีค่าเช่นกัน. พระองค์ทรงจ่ายด้วยราคาสูงเพื่อสวัสดิภาพถาวรของพวกเขา.—1 เป. 1:18, 19
6 เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงแกะ คริสเตียนผู้ดูแลไม่ควรละเลยในการเอาใจใส่ดูแลประชาคม. หากคุณรับใช้ฐานะผู้ปกครอง คุณพยายามจะตื่นตัวต่อสิ่งที่บ่งบอกถึงความทุกข์ของพี่น้องไหม และคุณเต็มใจจะช่วยเขาทันทีไหม? กษัตริย์โซโลมอนผู้ชาญฉลาดได้เขียนว่า “จงหมั่นพิจารณาดูความเป็นไปแห่งฝูงแกะของตน, และจงรักษาฝูงวัวของตนไว้ให้ดีเถิด.” (สุภา. 27:23) ข้อนี้เน้นความขยันขันแข็งของผู้เลี้ยงแกะ แต่โดยหลักการแล้วอาจนำมาใช้ได้กับการเอาใจใส่ดูแลโดยผู้บำรุงเลี้ยงในประชาคม. หากคุณรับใช้ฐานะผู้ปกครอง คุณตั้งใจต่อสู้กับแนวโน้มใด ๆ ที่จะใช้อำนาจบังคับคนอื่นไหม? ข้อเท็จจริงที่ว่าเปโตรกล่าวถึงผู้บำรุงเลี้ยงว่าไม่ควร “เป็นนายเหนือคนเหล่านั้นที่เป็นทรัพย์สมบัติของพระเจ้า” พิสูจน์อย่างชัดแจ้งว่าอาจเป็นได้ที่ผู้ปกครองจะทำเช่นนั้น. คุณจะทำอย่างไรเพื่อช่วยให้สิ่งที่พรรณนาไว้ในยิระมะยา 33:12 สำเร็จ? (อ่าน) บิดามารดาไร้คู่, แม่ม่าย, ครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยง, ผู้สูงอายุ, และหนุ่มสาวอาจจำเป็นต้องได้รับความเอาใจใส่และความช่วยเหลือเป็นพิเศษ.
7 เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงแกะอาจปฏิบัติกับแกะ บางครั้งผู้บำรุงเลี้ยงในประชาคมต้องเสาะหาและช่วยบุคคลที่ได้หลงไปจากฝูงด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง. เพื่อจะทำเช่นนั้น เขาต้องเสียสละและมีความถ่อมใจ. เขาใช้เวลาอย่างอดทนเอาใจใส่ความจำเป็นของคนเหล่านั้นที่มอบไว้ในความดูแลของเขา. ผู้ปกครองประชาคมควรจะถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ผมพยายามถึงขีดไหนที่จะหนุนใจและเสริมกำลังพี่น้องแทนที่จะกล่าวโทษหรือติเตียนพวกเขา? ผมต้องการจริง ๆ ไหมที่จะทำให้ดีขึ้น?’ บางครั้งอาจต้องพยายามหลายครั้งเพื่อจะช่วยพี่น้องให้มองสิ่งต่าง ๆ จากทัศนะของพระเจ้า. หากพี่น้องชายหญิงลังเลที่จะยอมรับคำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์ (ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้ปกครอง) ขอให้ระลึกถึงพระยะโฮวา ผู้บำรุงเลี้ยงและผู้ดูแลองค์สูงสุด. ด้วยความอดทน พระองค์ “เฝ้าบอก” ประชาชนของพระองค์ที่ดื้อรั้นและพยายามช่วยพวกเขา. (ยิระ. 25:3-6, ล.ม.) ประชาชนส่วนใหญ่ของพระเจ้าในทุกวันนี้ไม่ได้ทำสิ่งชั่วร้ายเป็นอาจิณ แต่เมื่อจำเป็นต้องให้คำแนะนำ ผู้ปกครองต้องเลียนแบบพระยะโฮวาและให้คำแนะนำเช่นนั้น.
8. คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงอาจเลียนแบบตัวอย่างของยิระมะยาห์ได้โดยวิธีใด?
8 ขณะที่ยังคงมีความหวังที่ว่าเพื่อนร่วมชาติชาวยิวจะกลับมาหาพระยะโฮวา ยิระมะยาห์ได้อธิษฐานเพื่อพวกเขา. ท่านทูลพระเจ้าว่า “โปรดระลึกถึงที่ข้าพเจ้าได้ยืนขึ้นต่อพระพักตร์พระองค์, เพื่อจะได้บอกความดีสำหรับเขาทั้งหลาย, แลเพื่อจะได้หันความพิโรธของพระองค์จากเขา.” (ยิระ. 18:20) คุณเห็นได้จากถ้อยคำดังกล่าวนี้ว่ายิระมะยาห์มองหาความดีในตัวพี่น้อง ไม่ได้มองพวกเขาในแง่ร้าย. ทุกวันนี้ คริสเตียนผู้ดูแลควรเลียนแบบเจตคติของยิระมะยาห์จนกว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าคนเราตั้งใจทำสิ่งที่ไม่ดีโดยไม่กลับใจ. ขั้นตอนที่ดีคือ ชมเชยคนอื่นในสิ่งดีที่เขาทำรวมถึงอธิษฐานเพื่อเขาและกับเขา.—มัด. 25:21
พระยะโฮวาทรงสัญญาอะไรผ่านทางยิระมะยาห์เกี่ยวกับผู้บำรุงเลี้ยง? คริสเตียนผู้ดูแลจะให้การปกป้องได้โดยวิธีใด?
พวกเขา “จะเลี้ยงเจ้า”
9, 10. เหตุใดการเป็นผู้บำรุงเลี้ยงที่ดี (ผู้ปกครองในประชาคม) หมายถึงการเป็นผู้สอน?
9 ประสานกับสิ่งที่เราอ่านในยิระมะยา 3:15 (ฉบับ R73 ) คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงต้อง “เลี้ยง [คนอื่น] ด้วยความรู้ และความเข้าใจ” นั่นคือ รับใช้ฐานะผู้สอน. (1 ติโม. 3:2; 5:17) พระยะโฮวาทรงสัญญากับประชาชนของพระองค์ว่าผู้บำรุงเลี้ยงที่ดีจะทำเช่นนั้น. และพระองค์ได้สนับสนุนชาวยิวให้ยอมรับการสอนจากยิระมะยาห์ผู้พยากรณ์ของพระองค์เพื่อแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูก. (อ่านยิระมะยา 6:8 ) เพื่อจะมีสุขภาพดี แกะต้องกินอาหารเพียงพอ. คล้ายกัน เพื่อจะมีสุขภาพดีทางฝ่ายวิญญาณต่อไป ประชาชนของพระเจ้าต้องได้รับการบำรุงเลี้ยงและการชี้นำตามหลักพระคัมภีร์.
10 ในเรื่องการสอน ผู้ปกครองมีหน้าที่สองด้าน ด้านหนึ่งคือช่วยคนที่อยู่ในประชาคมอยู่แล้วและอีกด้านหนึ่งเป็นการช่วยคนที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียนแท้. ในเรื่องการช่วยคนที่ยังไม่เป็นคริสเตียน ขอจำไว้ว่า เหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่มีประชาคมคริสเตียนคือ เพื่อประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. ดังนั้น ผู้ปกครองต้องเป็นผู้เผยแพร่ข่าวดีที่มีใจแรงกล้า. (ยิระ. 1:7-10) เพราะเหตุนั้น เขาทำให้หน้าที่รับผิดชอบของตนที่มีต่อพระเจ้าสำเร็จ ทั้งยังวางตัวอย่างที่ดีไว้สำหรับพวกพี่น้อง. หากคุณเป็นผู้ปกครอง คุณคงสังเกตว่าการประกาศเป็นประจำกับพี่น้องชายหญิงหลายคนทำให้คุณมีโอกาสช่วยพวกเขาปรับปรุงความสามารถในการสอนของเขาและของคุณเองมิใช่หรือ? และเมื่อคุณนำหน้าในการเผยแพร่ข่าวดีด้วยใจแรงกล้า คุณกำลังให้การหนุนใจที่สำคัญยิ่ง ซึ่งสามารถช่วยทั้งประชาคมให้ก้าวหน้าได้.
11, 12. ผู้ปกครองที่ต้องการเป็นผู้บำรุงเลี้ยงที่ดีต้องเอาใจใส่อะไร?
11 สิ่งที่ผู้ปกครองร่วมกันแจกจ่ายให้ประชาคมต้องอาศัยคัมภีร์ไบเบิล จึงจะเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณที่เป็นประโยชน์. ดังนั้น คุณคงเข้าใจได้ว่าเพื่อจะเป็นผู้สอนที่บังเกิดผล ผู้บำรุงเลี้ยงในประชาคมต้องเป็นนักศึกษาพระคำของพระเจ้าที่กระตือรือร้น. ขอเทียบเรื่องนี้กับสิ่งที่ยิระมะยาห์ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุที่ผู้นำชนร่วมชาติของท่านไม่บังเกิดผลคือ “เหล่าคนเลี้ยงแกะทำอะไรอย่างโง่เขลา พวกเขาไม่พึ่งพระยะโฮวาจึงได้ทำอะไรอย่างไม่รอบคอบ และฝูงแกะของพวกเขาที่อยู่ในทุ่งหญ้าจึงกระจัดกระจายไป.” (ยิระ. 10:21, ล.ม.) คนเหล่านั้นที่น่าจะเป็นผู้สอนไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการในพระคัมภีร์และไม่ได้แสวงหาพระเจ้า. ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถลงมือปฏิบัติด้วยสติปัญญาแท้. ยิระมะยาห์ประกาศคำกล่าวโทษผู้พยากรณ์จอมปลอม รุนแรงยิ่งกว่านั้นเสียอีก.—อ่านยิระมะยา 14:14, 15
12 ต่างจากผู้เลี้ยงแกะจอมปลอมเหล่านั้น คริสเตียนผู้ดูแลศึกษาตัวอย่างของพระเยซูและเลียนแบบพระองค์. ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถรับใช้ฐานะผู้บำรุงเลี้ยงฝูงแกะที่ฉลาดสุขุม. สำหรับเขาอาจเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดตารางเวลาการศึกษาเช่นนั้นเป็นประจำ เมื่อคำนึงถึงหลายสิ่งที่เขาต้องให้เวลาและความเอาใจใส่. หากคุณรับใช้ฐานะผู้ปกครอง คุณคงรู้สึกมั่นใจว่าการสั่งสอนของคุณจะเป็นประโยชน์และเป็นความจริง สะท้อนให้เห็นความรู้และความเข้าใจ ก็ต่อเมื่อคุณอาศัยพระคำของพระเจ้าและการชี้นำจากชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุมเท่านั้น. หากคุณสำนึกว่า ไม่ได้ศึกษาส่วนตัวอย่างที่คุณเคยทำแต่ก่อน คุณจะทำประการใดเพื่อจะไม่เป็นเหมือนผู้เลี้ยงแกะจอมปลอมในสมัยของยิระมะยาห์?
13. อะไรช่วยยิระมะยาห์ให้เป็นผู้สอนที่ดี และคริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงในทุกวันนี้สามารถเรียนอะไรจากท่านได้?
13 สิ่งที่ทำให้ยิระมะยาห์บังเกิดผลมากฐานะเป็นผู้สอนคือการใช้ตัวอย่างประกอบ. แน่นอน ท่านได้รับการสอนจากพระยะโฮวา. คงเป็นเรื่องที่ยากจะลืมเลือนจริง ๆ ที่เห็นท่านเอาภาชนะดินทุ่มลงพื้นแตกเป็นชิ้น ๆ และประกาศว่าเยรูซาเลมกับชาวเมืองนั้นจะถูกทำลายย่อยยับในลักษณะเดียวกัน! (ยิระ. 19:1, 10, 11) อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ยิระมะยาห์ได้ทำแอกไม้แล้วใส่แอกนั้นเพื่อแสดงถึงความทุกข์แสนสาหัสของชนร่วมชาติที่ตกเป็นทาสรับใช้ของบาบิโลน. (ยิระ. บท 27-28) ผู้ปกครองในประชาคมของคุณไม่ได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้ทำสิ่งที่เร้าใจเช่นนั้นเพื่อแสดงตัวอย่างจุดสำคัญ ๆ. แต่คุณเห็นประโยชน์มิใช่หรือเมื่อพวกเขารวมเอาตัวอย่างและประสบการณ์ที่เหมาะสมไว้ในการสอนของเขาด้วย? ภาพพจน์และตัวอย่างที่เหมาะสมซึ่งไตร่ตรองมาอย่างดีจริง ๆ อาจมีพลังอีกทั้งกระตุ้นใจด้วย.
14. (ก) ทำไมยิระมะยาห์กล่าวถึง “ยาในเมืองฆีละอาด”? (ข) คริสเตียนผู้ปกครองจะส่งเสริมสุขภาพฝ่ายวิญญาณของพี่น้องได้โดยวิธีใด?
14 เรารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่ได้รับการสอนจากคริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยง! ในสมัยของท่าน ยิระมะยาห์เห็นความจำเป็นในการเยียวยารักษาประชาชนทางฝ่ายวิญญาณ. ท่านได้ถามว่า “ยาในเมืองฆีละอาดไม่มีแล้วหรือ, ไม่มีหมอยาที่นั่นแล้วหรือ?” (ยิระ. 8:22) มียาจริง ๆ ในเมืองฆีละอาดอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในอิสราเอล. ยานี้เป็นน้ำมันหอมที่ทำจากพืช และขึ้นชื่อในการรักษาโรค มักจะใช้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและรักษาบาดแผล. อย่างไรก็ดี ไม่มีการเยียวยารักษาทางฝ่ายวิญญาณ. เพราะเหตุใด? ยิระมะยาห์ให้ข้อสังเกตว่า “พวกทำนายได้ทำนายมุสา, แลพวกปุโรหิตได้ครอบครองเพราะการประพฤติของพวกทำนายนั้น, แลไพร่พลของเราได้เห็นชอบด้วย.” (ยิระ. 5:31) ทุกวันนี้ล่ะเป็นอย่างไร? คุณเห็นด้วยไหมว่ามี “ยาในเมืองฆีละอาด” ในประชาคมของคุณเช่นกัน? เราอาจเปรียบยาที่บรรเทาอาการเจ็บปวดกับการปลอบโยนที่คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงจัดเตรียมให้โดยการชี้นำพี่น้องด้วยความรักให้เห็นหลักการในพระคัมภีร์, หนุนกำลังใจ, รวมทั้งอธิษฐานเพื่อพวกเขาและกับพวกเขา.—ยโก. 5:14, 15
แง่มุมใดของการสอนโดยผู้ปกครองในประชาคมที่คุณชอบเป็นพิเศษ? อะไรทำให้การสอนของพวกเขาบังเกิดผล?
“พระยะโฮวาได้ตรัสดังนี้”
15, 16. เหตุใดทั้งฝูงแกะจริง ๆ กับฝูงแกะฝ่ายวิญญาณต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแล?
15 ขอให้นึกภาพความยินดีของผู้เลี้ยงแกะซึ่งทำงานหนักเป็นเวลานานแล้วได้รับผลตอบแทนเมื่อแกะตกลูกที่แข็งแรง! แต่เขารู้ว่า เพื่อลูกแกะเหล่านั้นจะสมบูรณ์แข็งแรงก็ต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแล. ผู้เลี้ยงแกะต้องจัดให้ลูกแกะได้รับอาหารเพียงพออย่างเหมาะสม. ลูกแกะบางพันธุ์เกิดมามีหางยาวลากพื้นเปื้อนมูลสัตว์และสิ่งสกปรก. ผู้เลี้ยงแกะต้องการให้แกะสะอาดและแข็งแรงอยู่เสมอ ดังนั้นเขาอาจตัดหางแกะให้สั้นลง โดยทำเช่นนั้นอย่างชำนาญเพื่อไม่ให้แกะรู้สึกเจ็บโดยไม่จำเป็น. คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงให้การเอาใจใส่ดูแลด้วยความรักต่อแกะ ซึ่งก็คือสมาชิกของประชาคม. (โย. 21:16, 17) ผู้ปกครองยังดีใจมากที่เห็นผู้สนใจใช้ความพยายามเพื่อจะมาเป็นคริสเตียนแท้. คริสเตียนผู้ดูแลต้องการให้แกะทั้งหมด ไม่ว่าหนุ่มสาวหรือสูงอายุ มีสุขภาพแข็งแรงและได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เลิกให้การเอาใจใส่ดูแล และเข้าช่วยเหลือเมื่อจำเป็น. แน่นอนงานนี้รวมถึงการเตือนพี่น้องให้ระลึกว่า “พระยะโฮวาได้ตรัส” อย่างไร ซึ่งก็คือสิ่งที่พระคัมภีร์สอนนั่นเอง.—ยิระ. 2:2, 5; 7:5-7; 10:2; ทิทุส 1:9
16 ยิระมะยาห์ต้องมีความกล้าหาญเพื่อจะประกาศข่าวสารของพระเจ้า. ผู้ดูแลในประชาคมทำอย่างเดียวกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เขาต้องพูดเพื่อปกป้องพี่น้อง. ตัวอย่างเช่น อาจเป็นได้ที่ผู้บำรุงเลี้ยงเห็นความจำเป็นที่จะเข้ามาช่วยเหลือเพื่อป้องกัน ‘ลูกแกะที่เพิ่งเกิด’ หรือแม้แต่ “แกะ” ที่โตแล้วมิให้แปดเปื้อนสิ่งสกปรกจากโลกของซาตาน. คนที่อยู่ในอันตรายอาจไม่ได้แสวงหาคำแนะนำด้วยซ้ำ. แต่ผู้บำรุงเลี้ยงที่สำนึกในหน้าที่จะแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ไหมเมื่อสังเกตว่าสมาชิกคนหนึ่งในฝูงกำลังจะตกเข้าสู่อันตราย? ไม่อย่างแน่นอน! ทั้งเขาจะไม่ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องไม่สำคัญ ทำทีว่าทุกอย่างปกติดีทั้ง ๆ ที่เห็นชัดว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น และอาจยังผลให้เพื่อนผู้รับใช้สูญเสียสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้า.—ยิระ. 8:11
17. ผู้เลี้ยงแกะอาจต้องให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อแกะแต่ละตัวเมื่อไรและโดยวิธีใด?
17 หากแกะที่ไม่ระวังถูกชักนำให้เดินเตร่ไปจากฝูง ผู้เลี้ยงแกะที่ตื่นตัวคงจะรีบนำแกะกลับมายังที่ปลอดภัย. (อ่านยิระมะยา 50:6, 7 ) คล้ายกัน บางครั้งผู้ดูแลอาจต้องชักเหตุผลอย่างหนักแน่นทว่าแสดงความรักต่อคนที่หลงเข้าไปในสถานการณ์ที่อันตราย. ตัวอย่างเช่น เขาอาจสังเกตว่าผู้ที่หมั้นกันใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยไม่มีใครไปด้วยในสถานที่ซึ่งตัณหาอาจทำให้เขาทั้งสองหลงกระทำผิด. ผู้ปกครองที่กรุณาและเห็นอกเห็นใจอาจช่วยทั้งคู่ให้หลีกเลี่ยงสภาพการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนั้น. ขณะที่ระมัดระวังไม่กล่าวหาเขา ผู้ปกครองอาจเน้นความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่ความประพฤติที่พระยะโฮวาทรงเกลียดชัง. ดังที่ยิระมะยาห์ได้ทำ ผู้ปกครองที่ซื่อสัตย์ตำหนิสิ่งที่พระเจ้าทรงตำหนิ. ในเรื่องนี้พวกเขาเลียนแบบพระยะโฮวาผู้ซึ่งไม่เกรี้ยวกราด แต่ได้อ้อนวอนประชาชนผ่านทางผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่า “โอ้โอ๋อย่าประพฤติการที่น่าเกลียดนี้ที่เราได้ชังเลย.” (ยิระ. 5:7; 25:4, 5; 35:15; 44:4) คุณเห็นคุณค่าจริง ๆ ที่ผู้เลี้ยงซึ่งเปี่ยมด้วยความรักแสดงความห่วงใยต่อฝูงแกะไหม?
18. ความพยายามของผู้บำรุงเลี้ยงในประชาคมก่อผลที่ให้กำลังใจเช่นไร?
18 แน่นอน ใช่ว่าทุกคนที่ยิระมะยาห์แนะนำยอมฟังท่าน. แต่บางคนได้ฟัง. ตัวอย่างเช่น เมื่อบารุคซึ่งเป็นเพื่อนและเลขานุการของยิระมะยาห์จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำที่หนักแน่น ท่านก็เต็มใจให้คำแนะนำนั้น. (ยิระ. 45:5) เกิดผลเช่นไร? บารุคได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้าและรอดชีวิตจากการทำลายกรุงเยรูซาเลม. เช่นเดียวกันในทุกวันนี้ ผลดีในการช่วยเพื่อนร่วมความเชื่ออาจหนุนกำลังใจผู้ปกครองในประชาคมให้ “เอาใจใส่” ในการช่วยชีวิต ใน ‘การกระตุ้นเตือนและการสอน.’—1 ติโม. 4:13, 16
ตีสอน “ตามที่เห็นว่าเหมาะสม”
19, 20. ผู้ปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบอะไรในการจัดการกับผู้กระทำผิด?
19 หน้าที่อีกอย่างของผู้ดูแลในทุกวันนี้คือ เป็นผู้ตัดสินความในประชาคม. ในบางโอกาส ผู้ปกครองอาจต้องจัดการกับคนที่ทำบาปโดยเจตนา เพราะต้องการทำให้พวกเขากลับใจ. พระยะโฮวาทรงสนับสนุนด้วยความกรุณาทว่าอย่างตรงไปตรงมาให้ผู้กระทำผิดละทิ้งแนวทางที่ไม่ดีของเขา. (ยิระ. 4:14) อย่างไรก็ดี หากคนหนึ่งในประชาคมไม่ยอมเลิกทำผิด ผู้ดูแลต้องลงมือจัดการเพื่อปกป้องฝูงแกะไว้จากอิทธิพลอันเสื่อมทราม. ดังที่มีคำสั่งในพระคัมภีร์ พวกเขาอาจต้องขับไล่ผู้กระทำผิดออกไป. พระยะโฮวาทรงคาดหมายให้ผู้ปกครองปฏิบัติตามหลักความยุติธรรมของพระองค์ในสภาพการณ์ดังกล่าว. โยซียาห์กษัตริย์ที่ดีเป็นตัวอย่างในการทำเช่นนั้น. “[ท่าน] ช่วยคนเดือดร้อนและคนยากจนให้ได้รับความเป็นธรรม.” ท่านเลียนแบบการที่พระเจ้ารักความยุติธรรม. ดังนั้น เหมาะที่พระยะโฮวาทรงถามเกี่ยวกับการกระทำของโยซียาห์ว่า “เขาทำอย่างนั้นเพราะเขารู้จักเรามิใช่หรือ?” เนื่องจากโยซียาห์ปฏิบัติด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม “เขาจึงได้สุขสบาย.” คุณรู้สึกปลอดภัยมากกว่ามิใช่หรือ เมื่อผู้ปกครองในประชาคมพยายามเลียนแบบตัวอย่างของโยซียาห์?—ยิระ. 22:11, 15, 16, ล.ม.
20 ขอมั่นใจว่าพระยะโฮวาทรงตีสอนผู้ที่กระทำผิด “ตามที่เห็นว่าเหมาะสม.” (ยิระ. 46:28, ล.ม.) ดังนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและเจตคติที่แสดงออก ผู้ปกครองอาจต้องแนะนำ, กระตุ้นเตือน, หรือว่ากล่าวเพื่อนร่วมความเชื่อ. และอาจถึงกับจำเป็นต้องตัดสัมพันธ์ผู้กระทำผิดที่ไม่กลับใจ. ในกรณีเช่นนั้น ผู้ปกครองไม่อธิษฐานในที่ประชุมเพื่อคนที่ถูกขับออกไปและดำเนินชีวิตในแนวทางที่ผิดบาป เนื่องจากคงไร้ประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น.a (ยิระ. 7:9, 16) อย่างไรก็ดี พวกเขาจะเลียนแบบพระเจ้าโดยบอกคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ให้ทราบวิธีที่เขาจะกลับมาได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้าอีก. (อ่านยิระมะยา 33:6-8 ) ถึงแม้การตัดสัมพันธ์อาจทำให้เจ็บปวด เราแน่ใจได้ว่ามาตรฐานของพระเจ้าชอบธรรมและเที่ยงตรง อีกทั้งดีที่สุดสำหรับทุกคน.—ทุกข์. 1:18
21. ฝูงแกะของพระเจ้าน่าจะมีสภาพเช่นไร และคุณจะมีส่วนทำให้เกิดสภาพเช่นนั้นได้โดยวิธีใด?
21 เมื่อผู้ปกครองในประชาคมรู้มาตรฐานของพระเจ้าที่มีขึ้นโดยการดลใจและนำไปใช้ ฝูงแกะก็จะได้รับการบำรุงเลี้ยง, มีสุขภาพแข็งแรง, และได้รับการปกป้องอย่างดี. (เพลง. 23:1-6) ยิระมะยาห์บอกเราเกี่ยวกับเจตคติและแรงจูงใจทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับคริสเตียนผู้ดูแลขณะที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญในการดูแลแกะของพระเจ้า. ดังนั้น เราแต่ละคนอาจถามว่า ‘ฉันจะแสดงความขอบคุณต่อ ๆ ไปสำหรับการจัดเตรียมของพระยะโฮวาที่พระองค์สอน, ชี้นำ, และปกป้องประชาชนของพระองค์ไหม โดยการสนับสนุนผู้บำรุงเลี้ยงซึ่ง “เลี้ยงดู” ฝูงแกะ “ด้วยความรู้และความเข้าใจ”?’—ยิระ. 3:15; 23:4, ฉบับ R73
ผู้ดูแลต้องลงมือจัดการอย่างกล้าหาญในสถานการณ์เช่นไร? พระยะโฮวาทรงคาดหมายอะไรจากคริสเตียนผู้ปกครองเมื่อเขาตัดสินความ?
a ดูหอสังเกตการณ์ วันที่ 1 ธันวาคม 2001 หน้า 30-31