การศึกษาในสมัยจารึกพระคัมภีร์
“จงสอนถ้อยคำเหล่านี้แก่บุตรทั้งหลายของเจ้า.”—พระบัญญัติ 11:19.
1. อะไรแสดงว่าพระยะโฮวาทรงสนพระทัยการศึกษาสำหรับไพร่พลของพระองค์?
พระยะโฮวาเป็นผู้ประสาทการศึกษาองค์ประเสริฐ. พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งผู้รับใช้ของพระองค์ให้อยู่อย่างโง่เขลาเบาปัญญา. พระองค์เต็มพระทัยโปรดให้ความรู้แก่พวกเขาเสมอมา. พระองค์ทรงสอนเขาให้รู้จักพระทัยประสงค์และแนวทางของพระองค์. ตลอดเวลาอันยาวนานสุดคณนา พระบุตรที่ได้รับกำเนิดองค์เดียวทรงอยู่ใกล้ชิดพระบิดา เรียนรู้ต่อเนื่องมิได้ขาด ฐานะที่ทรงเป็น “ลูกมือ” ของพระเจ้า. (สุภาษิต 8:30) เมื่ออยู่บนแผ่นดินโลกพระเยซูได้ตรัสว่า “เรามิได้ทำสิ่งใดจากความริเริ่มของเราเอง; แต่เราพูดสิ่งเหล่านี้ตามที่พระบิดาได้ทรงสอนเรา.” (โยฮัน 8:28, ล.ม.) เมื่อได้อ้างถึงพระเจ้าเป็นผู้ให้ความรู้อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อะลีฮูถามว่า “ใครจะเป็นครูบาอาจารย์เทียบเทียมกับพระองค์ได้?” (โยบ 36:22) ผู้พยากรณ์ยะซายากล่าวถึงพระยะโฮวาฐานะเป็น “พระครู” แห่งไพร่พลของพระองค์ และพยากรณ์ดังนี้ “บรรดาลูกหลานของเจ้าจะเป็นสาวกของพระยะโฮวา และบรรดาบุตรของเจ้าจะมีความสุขสำราญ.” (ยะซายา 30:20; 54:13) ไม่ต้องสงสัย พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้มนุษย์ผู้ประกอบด้วยเชาวน์ปัญญาที่พระองค์ได้สร้างขึ้นนั้นได้รับแสงสว่างและรับการศึกษาเป็นอย่างดี.
การศึกษาในสมัยปฐมบรรพบุรุษ
2, 3. (ก) ปฐมบรรพบุรุษที่ซื่อสัตย์มีแง่คิดเช่นไรต่อการศึกษาแห่งเหล่าบุตรของตน และพระยะโฮวาทรงให้คำสั่งอะไรแก่อับราฮาม? (ข) วัตถุประสงค์สำคัญเบื้องหลังคำสั่งที่ให้บุตรหลานอับราฮามได้รับการศึกษานั้นคืออะไร?
2 หนึ่งในสิทธิอำนาจพื้นฐานต่าง ๆ ที่มอบไว้กับประมุขครอบครัวสมัยปฐมบรรพบุรุษก็ได้แก่การสั่งสอนบุตรหลานและคนในครอบครัวของตน. สำหรับผู้รับใช้ของพระเจ้าถือว่าการสั่งสอนบุตรทั้งหลายเป็นหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์. พระยะโฮวาตรัสเกี่ยวกับอับราฮามผู้รับใช้ของพระองค์ดังนี้: “ด้วยเรารู้จักอับราฮามอย่างสนิท ดำริจะให้เขาปกครองลูกหลานครอบครัวต่อไป, ให้รักษาทางพระยะโฮวาโดยสัตย์ซื่อและชอบธรรม; เพื่อพระองค์จะได้พระราชทานให้เขา [อับราฮาม, ล.ม.] ตามคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ถึงเขานั้น.”—เยเนซิศ 18:19.
3 คำแถลงของพระเจ้าข้อนี้แสดงว่าพระยะโฮวาทรงเห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง. พระเจ้าได้ทรงเรียกร้องอับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบดำเนินการสั่งสอนคนในครอบครัวของตนให้รู้จักแนวทางอันชอบธรรมและการตัดสินของพระองค์ เพื่อว่าคนชั่วอายุต่อมาจะสามารถรักษาแนวทางของพระยะโฮวาเสมอ. เมื่อเป็นเช่นนั้น พระยะโฮวาจะทรงปฏิบัติตามคำสัญญาของพระองค์ในเรื่องพงศ์พันธุ์ของอับราฮามและการอวยพร “ชนประเทศทั่วโลก.”—เยเนซิศ 18:18; 22:17, 18.
ระบบการศึกษาในแผ่นดินยิศราเอล
4, 5. (ก) อะไรที่ทำให้ระบบการศึกษาของชาติยิศราเอลต่างไปจากระบบการศึกษาของชาติอื่น ๆ? (ข) สารานุกรมจูไดกา ชี้ถึงความแตกต่างอื่น ๆ ที่สำคัญอะไรอีก และโดยไม่สงสัย สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างเช่นนั้นได้แก่อะไร?
4 สารานุกรมจูไดกา บอกดังนี้: “คัมภีร์ไบเบิลเป็นแหล่งสำคัญเพื่อเข้าใจขบวนการศึกษาในชาติยิศราเอลโบราณ.” พระยะโฮวาได้ใช้โมเซเป็นครูคนแรกของชาติยิศราเอล. (พระบัญญัติ 1:3, 5; 4:5) โมเซถ่ายทอดถ้อยคำที่ท่านได้รับจากพระยะโฮวา. (เอ็กโซโด 24:3) ดังนั้น โดยแท้แล้ว พระเจ้าเป็นผู้ประสาทการศึกษาองค์สำคัญของชาติยิศราเอล. สิ่งนี้แหละทำให้ระบบการศึกษาของชาติยิศราเอลแตกต่างออกไปจากระบบการศึกษาของชาติอื่น.
5 หนังสืออ้างอิงเล่มเดียวกันแจ้งว่า “ในเมโสโปเตเมียและอียิปต์ การศึกษาระดับสูงหรือการเรียนหนังสือเป็นไปตามระเบียบแบบแผนและจำกัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นนักเขียนหรืออาลักษณ์ ซึ่งไม่เป็นอย่างนั้นในยิศราเอล. ไม่ต้องสงสัย ความแตกต่างคงเนื่องมาจากระบบการเขียนพยัญชนะของชาวฮีบรูที่ง่ายกว่า. . . . ความสำคัญเกี่ยวกับการเขียนพยัญชนะเพื่อประวัติการศึกษาจะต้องไม่ถูกมองข้าม. ระบบนี้ถูกนำเข้ามาเป็นการละวัฒนธรรมการเขียนตามระเบียบแบบแผนของอียิปต์, เมโสโปเตเมีย, และคะนาอันในรอบพันปีที่สอง. ที่จะเป็นคนอ่านออกเขียนได้นั้นไม่มีการระบุตายตัวอีกต่อไปว่าต้องอยู่ในกลุ่มนักเขียนอาชีพหรือพวกสงฆ์ ซึ่งช่ำชองด้านการเขียนอักษรรูปลิ่มและตัวอักษรรูปที่เคลือบคลุม.”
6. มีอะไรเป็นหลักฐานในคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงว่าตั้งแต่เริ่มประวัติศาสตร์ของชาติยิศราเอลชาวยิศราเอลสามารถอ่านและเขียนหนังสือได้?
6 พระคัมภีร์มีหลักฐานว่าชาวยิศราเอลเป็นคนอ่านเขียนได้. ก่อนเขาได้เข้าไปในแผ่นดินแห่งคำสัญญาด้วยซ้ำไป พวกเขาได้รับคำสั่งให้เขียนข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระยะโฮวาไว้ที่ประตูเรือนและที่ประตูบ้านของตน. (พระบัญญัติ 6:1, 9; 11:20; 27:1-3) ในขณะที่คำสั่งนี้เป็นโดยนัยอย่างไม่ต้องสงสัย กระนั้น คำสั่งนี้คงไม่มีความหมายแน่ ๆ สำหรับชาวยิศราเอลทั่วไป หากเขาไม่รู้จะอ่านจะเขียนอย่างไร. ข้อคัมภีร์ในยะโฮซูอะ 18:9 และผู้วินิจฉัย 8:14 เป็นต้น ชี้ให้เห็นว่า คนอื่นนอกเหนือจากผู้นำ เช่นโมเซและยะโฮซูอะรู้วิธีเขียนนานก่อนมีการตั้งกษัตริย์ขึ้นปกครองชาติยิศราเอล.—เอ็กโซโด 34:27; ยะโฮซูอะ 24:26.
วิธีสอน
7. (ก) ตามที่แจ้งในคัมภีร์ไบเบิล ใครให้การศึกษาพื้นฐานแก่เด็กชาวยิศราเอล? (ข) ผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์ชาวฝรั่งเศสให้คำชี้แจงอะไร?
7 ในแผ่นดินยิศราเอล บุตรได้รับการสั่งสอนจากบิดามารดาตั้งแต่เยาว์วัย. (พระบัญญัติ 11:18, 19; สุภาษิต 1:8; 31:26) อี. มังเซโน ผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์ไบเบิลเขียนลงใน ดิกชันแนร์ เดอ ลา บีบึล ดังนี้: “พอเด็กพูดได้ เด็กก็ได้เรียนพระบัญญัติบางข้อบางตอน. มารดาจะกล่าวซ้ำข้อใดข้อหนึ่ง เมื่อเด็กรู้ข้อนั้นแล้ว นางจะให้เด็กได้เรียนข้อใหม่ต่อไป. ต่อจากนั้น ข้อคัมภีร์ที่เขียนไว้ซึ่งเด็กท่องได้แล้วก็จะมอบใส่ไว้ในมือของเด็ก. ด้วยวิธีนี้ จึงเป็นการเริ่มนำเด็กเข้าสู่การอ่าน ครั้นเขาโตขึ้น เขาสามารถเล่าเรียนความรู้ทางศาสนาได้อย่างต่อเนื่องโดยการอ่านและคิดรำพึงอยู่ในพระบัญญัติของพระเจ้า.”
8. (ก) วิธีการสอนมูลฐานแบบไหนที่ถูกนำมาใช้ในยิศราเอล แต่พร้อมด้วยลักษณะสำคัญอะไร? (ข) ได้มีการใช้อะไรเป็นเครื่องช่วยความจำ?
8 เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าวิธีสอนขั้นพื้นฐานที่เขาใช้กันคือการเรียนสิ่งต่าง ๆ โดยการท่องจำ. สิ่งที่ได้เรียนเกี่ยวกับกฎหมายของพระยะโฮวาและการดำเนินการกับไพร่พลของพระองค์นั้นต้องซึมซาบเข้าไปในหัวใจ. (พระบัญญัติ 6:6, 7) ต้องคิดรำพึงถึงสิ่งเหล่านั้น. (บทเพลงสรรเสริญ 77:11, 12) ที่จะช่วยคนหนุ่มและคนชราจำ จึงใช้สิ่งช่วยความจำหลายอย่าง. ทั้งนี้รวมไปถึงการใช้โครงสร้างอะครอสติก แต่ละข้อในบทเพลงสรรเสริญขึ้นต้นด้วยอักษรฮีบรูเรียงตามลำดับ (เช่นที่สุภาษิต 31:10-31); คำที่เริ่มด้วยอักษรเดียวกันหรือมีสำเนียงเหมือนกัน; และการใช้ตัวเลข เช่นที่ใช้ในตอนหลังของสุภาษิตบท 30. น่าสนใจ ปฏิทินเกเซอร์ หนึ่งในตัวอย่างเก่าแก่ว่าด้วยการเขียนภาษาฮีบรูโบราณ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนเคยคิดว่านั่นเป็นวิธีฝึกความจำของเด็กนักเรียนชาย.
หลักสูตรการเรียน
9. (ก) อะไรเป็นส่วนสำคัญในโครงการศึกษาสำหรับเด็กยิศราเอล? (ข) สารานุกรมพระคัมภีร์เล่มหนึ่งกล่าวอย่างไรเรื่องการสั่งสอนที่ทำกันเกี่ยวข้องกับเทศกาลต่าง ๆ ประจำปี?
9 การศึกษาในแผ่นดินยิศราเอลไม่จำกัดเฉพาะให้เรียนอ่านและเขียน. วิชาสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องสอนคือประวัติศาสตร์. การเรียนรู้เกี่ยวด้วยพระราชกิจอันน่าพิศวงของพระยะโฮวาที่ทรงกระทำเพื่อไพร่พลของพระองค์เป็นส่วนสำคัญแห่งหลักสูตรทีเดียว. ต้องมีการสอนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นแก่คนในชั่วอายุหนึ่งถึงอีกชั่วอายุหนึ่ง. (พระบัญญัติ 4:9, 10; บทเพลงสรรเสริญ 78:1-7) การฉลองเทศกาลประจำปีถือว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับหัวหน้าครอบครัวจะสอนบุตรของตน. (เอ็กโซโด 13:14; เลวีติโก 23:37-43) ในเรื่องนี้ สารานุกรม ดิ อินเตอร์แนชันแนล สแตนดาร์ด ไบเบิล ชี้แจงว่า “โดยการสอนของบิดาภายในบ้านพร้อมกับคำอธิบายให้บุตรรู้ความหมายสำคัญของเทศกาลต่าง ๆ เยาวชนชาวฮีบรูรับการสอนถึงเรื่องพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้ปรากฏแก่พวกเขาในอดีตโดยวิธีใด พวกเขาจะดำเนินชีวิตอย่างไรในปัจจุบัน และพระเจ้าทรงสัญญาอะไรบ้างเกี่ยวกับอนาคตสำหรับไพร่พลของพระองค์.”
10. เด็กผู้หญิงได้รับการฝึกสอนแบบไหนอันมีผลในทางปฏิบัติ? แบบไหนสำหรับเด็กผู้ชาย?
10 การศึกษาที่ได้รับจากบิดามารดารวมเอาการฝึกฝนอบรมภาคปฏิบัติ. เด็กผู้หญิงถูกสอนให้ชำนาญการเรือน. พระธรรมสุภาษิตบทสุดท้ายแสดงว่าการเรือนนั้นมีหลายอย่างต่าง ๆ กัน มีทั้งการปั่นด้าย, การทอ, การทำอาหาร, การค้าขาย, และการจัดธุระทั่วไปภายในบ้านเรือน. ปกติแล้ว เด็กผู้ชายเรียนวิชาชีพของบิดาของเขา ไม่ว่าในทางกสิกรรมหรือการค้าขายหรือช่างฝีมือ. ในสมัยหลังต่อมา อาจารย์สอนกฎหมายชาวยิวมักจะกล่าวว่า “ผู้ใดไม่สอนลูกให้รู้วิชาชีพที่เป็นประโยชน์ก็เท่ากับว่าเขาเลี้ยงลูกให้เป็นโจร.”
11. อะไรแสดงถึงจุดประสงค์สำคัญของการศึกษาในชาติยิศราเอล และเรื่องนี้แฝงด้วยบทเรียนอะไรสำหรับเยาวชนสมัยนี้?
11 ความลึกซึ้งฝ่ายวิญญาณเกี่ยวด้วยวิธีการสอนที่ใช้กันในแผ่นดินยิศราเอลปรากฏชัดแจ้งในพระธรรมสุภาษิตทั้งเล่ม. ที่นั่นระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อสอน ‘คนที่ขาดประสบการณ์’ สิ่งต่าง ๆ ที่เลิศลอย เช่น ปัญญา, วินัย, ความเข้าใจ, การหยั่งเห็นเข้าใจ, การตัดสิน, ความเฉลียวฉลาด, ความรู้, และความสามารถในการคิด—ทั้งหมดนี้ด้วย “ความยำเกรงพระยะโฮวา.” (สุภาษิต 1:1-7; 2:1-14) พระธรรมเล่มนี้เน้นเจตคติซึ่งน่าจะกระตุ้นผู้รับใช้ของพระเจ้าในปัจจุบันให้ปรับปรุงการศึกษาของตนให้ดีขึ้น.
พวกปุโรหิต, พวกเลวี, และพวกผู้พยากรณ์
12. นอกจากบิดามารดาแล้ว ใครมีส่วนให้ความรู้แก่ผู้คนในชาติยิศราเอล และความหมายพื้นฐานของคำฮีบรูที่แปลว่า “กฎหมาย” นั้นคืออะไร?
12 ในขณะที่การศึกษาเบื้องต้นนั้นเป็นไปโดยบิดามารดา พระยะโฮวาได้ทรงให้การศึกษาแก่ไพร่พลของพระองค์มากยิ่งขึ้นโดยทางพวกปุโรหิต, ชาวเลวีที่ไม่เป็นปุโรหิต, และพวกผู้พยากรณ์. คราวที่โมเซได้อวยพรตระกูลเลวีครั้งสุดท้าย ท่านกล่าวว่า “เขาจะสอนพวกยาโคบให้รู้พิพากษา, และพวกยิศราเอลให้รู้พระบัญญัติของพระองค์.” (พระบัญญัติ 33:8, 10) เป็นที่น่าสังเกต คำ “พระบัญญัติ” ในภาษาฮีบรู (โทห์ราห์ʹ) ได้แยกมาจากรากคำกริยาซึ่งมีความหมายว่า “แสดง,” “สอน,” “สั่งสอน.” สารานุกรมจูไดกา แจ้งดังนี้: “ความหมายของคำ [โทห์ราห์] คือ ‘การสอน’ ‘หลักคำสอน’ หรือ ‘คำสั่งสอน.’”
13. ทำไมพระบัญญัติของยิศราเอลจึงต่างไปจากระบบกฎหมายของชาติอื่น?
13 ข้อนี้ก็เช่นกันที่ได้แยกชาติยิศราเอลต่างหากจากชาติอื่น และกระทั่งชาติต่าง ๆ ในสมัยปัจจุบัน. ชาติต่าง ๆ ทางการเมืองทุกวันนี้มีประมวลกฎหมายซึ่งประชาชนโดยทั่วไปรู้เพียงส่วนน้อย. เมื่อใดผู้คนมีเรื่องยุ่งเกี่ยวกับกฎหมาย เขาต้องจ่ายค่าทนายให้ว่าความแทนเป็นเงินจำนวนมาก. โรงเรียนสอนกฎหมายมีไว้เพื่อผู้ชำนาญพิเศษ. แต่ในยิศราเอลพระบัญญัติเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าทรงใช้บอกไพร่พลให้รู้ว่าเขาพึงนมัสการพระองค์และดำเนินชีวิตสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์อย่างไร. ไม่เหมือนข้อกฎหมายอื่น ๆ กฎหมายของพระเจ้ารวมไปถึงความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้าน. (เลวีติโก 19:18; พระบัญญัติ 6:5) พระบัญญัติของพระเจ้าไม่ใช่เป็นแค่หนังสือตำรากฎหมายที่เย็นชา. พระบัญญัติของพระเจ้าบรรจุด้วยหลักคำสอน, การสั่งสอน, และคำแนะนำสำหรับวิถีชีวิตซึ่งจำต้องได้เรียนรู้.
14. อะไรเป็นเหตุผลประการหนึ่งที่พระยะโฮวาทรงปฏิเสธคณะปุโรหิตแห่งตระกูลเลวี? (มาลาคี 2:7, 8)
14 ขณะที่ดำรงตนซื่อสัตย์ พวกปุโรหิตและชาวเลวีได้ปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบของเขาที่จะสั่งสอนประชาชน. แต่ก็มีหลายครั้ง พวกปุโรหิตได้ละเลยหน้าที่ไม่ได้ให้การศึกษาแก่ประชาชน. การขาดการศึกษาทางพระบัญญัติของพระเจ้าได้ทำให้เกิดผลอันร้ายกาจแก่ทั้งพวกปุโรหิตและประชาชน. ในศตวรรษที่แปดก่อนสากลศักราช พระยะโฮวาทรงพยากรณ์ว่า “พลไพร่ของเราก็จะถูกทำลายเสียแล้วเพราะขาดความรู้. โดยเหตุที่เจ้าไม่ยอมรับความรู้ไว้, เราก็ไม่ยอมรับเจ้าไว้เป็นปุโรหิตของเราด้วย; โดยเหตุที่เจ้าได้ละลืมกฎหมายของพระเจ้าของเจ้า, เราก็จะลืมลูกหลานของเจ้าด้วย.”—โฮเซอา 4:6.
15. (ก) นอกจากพวกปุโรหิต พระยะโฮวาทรงตั้งผู้ใดให้เป็นครูในแผ่นดินยิศราเอล และผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์คนหนึ่งได้เขียนอะไรเกี่ยวด้วยบทบาทของคนเหล่านั้นในฐานะผู้ให้การศึกษา? (ข) ผลที่สุดเกิดอะไรขึ้นกับชาติยิศราเอลและยูดา เนื่องจากเขาปฏิเสธความรู้ที่มาจากพระยะโฮวาและแนวทางของพระองค์?
15 เช่นเดียวกันกับพวกปุโรหิต พระยะโฮวาทรงแต่งตั้งผู้พยากรณ์ในฐานะผู้ให้การศึกษา. เราอ่านว่า “พระยะโฮวายังทรงเป็นพยานต่อชาวยิศราเอล, และชาวยูดาย, โดยผู้พยากรณ์ทั้งปวง, และโดยผู้อาจเล็งเห็นการลึกซึ้งทั้งปวงนั้นว่า, เจ้าทั้งหลายจงหันกลับจากทางชั่วทั้งปวงของเจ้า, และรักษาข้อบัญญัติและข้อกฎหมายทั้งปวงของเรา, ตามพระธรรมทั้งสิ้นซึ่งเราได้สั่งแก่ปู่ย่าตายายของเจ้า, และซึ่งเราได้ประกาศแก่เจ้าโดยผู้พยากรณ์ทั้งหลายทาสของเรา.” (2 กษัตริย์ 17:13) เกี่ยวกับบทบาทของผู้พยากรณ์ในฐานะที่ให้การศึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์ไบเบิลชาวฝรั่งเศสชื่อโรลัง เดอโว ได้เขียนไว้ว่า “พวกผู้พยากรณ์ก็เช่นกัน มีหน้าที่สั่งสอนประชาชน เรื่องนี้เป็นงานส่วนหนึ่งพอ ๆ กันกับงานทำนายเหตุการณ์ในอนาคต. และที่ได้รับการดลใจในแง่พยากรณ์สนับสนุนอำนาจของเขาในการสั่งสอนพระคำของพระเจ้า. เป็นที่แน่นอนว่าภายใต้การปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ ผู้พยากรณ์จึงได้เป็นครูสอนประชาชนทั้งทางด้านศาสนาและศีลธรรม; และเราอาจเสริมว่าคนเหล่านี้เป็นครูที่ดีเยี่ยม ถึงแม้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะยอมฟังกัน.” เพราะพวกปุโรหิตกับชาวเลวีไม่ได้ให้การศึกษาอย่างสมควร อีกทั้งไม่ได้เอาใจใส่ฟังผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา ชนชาติยิศราเอลจึงละทิ้งทางของพระยะโฮวา. เมืองซะมาเรียตกอยู่ใต้อำนาจของอัสซีเรียในปี 740 ก่อนสากลศักราช และยะรูซาเลมพร้อมด้วยพระวิหารประจำกรุงนั้นจึงถูกชาวบาบูโลนทำลายเสียราบเรียบในปี 607 ก่อนสากลศักราช.
การศึกษาระหว่างที่เป็นเชลยและหลังจากนั้น
16, 17. (ก) แผนการศึกษาแบบไหนที่ดานิเอลกับสหายถูกบังคับให้เรียน? (ข) อะไรได้ช่วยบุคคลเหล่านั้นให้อดทนกระทั่งผ่านการศึกษาเยี่ยงชาวบาบูโลน และยังรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาไว้ได้?
16 ประมาณสิบกว่าปีก่อนที่กรุงยะรูซาเลมถูกทำลาย กษัตริย์ยะโฮยาคินรวมทั้งเชื้อพระวงศ์และบุคคลชั้นหัวหน้าของแผ่นดินถูกกษัตริย์นะบูคัดเนซัรกวาดต้อนไปยังเมืองบาบูโลน. (2 กษัตริย์ 24:15) ดานิเอลและขุนนางหนุ่มอีกสามคนอยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วย. (ดานิเอล 1:3, 6) นะบูคัดเนซัรได้บัญชาให้คนทั้งสี่นั้นเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรพิเศษสามปี “สอนเขาให้มีความรู้และให้พูดภาษาชาวเคเซ็ดเป็น.” ยิ่งกว่านั้น กษัตริย์ได้รับสั่งให้จัด “อาหารแบ่งมาจากเครื่องเสวยและดื่มเหล้าองุ่นซึ่งพระองค์ได้เสวย” แก่บุคคลเหล่านี้อีกด้วย. (ดานิเอล 1:4, 5) สิ่งนี้แฝงด้วยอันตรายด้วยเหตุผลหลายประการ. หลักสูตรนี้คงไม่เป็นเพียงการเรียนภาษาสามปี. คำ “ชาวเคเซ็ด” ที่ใช้กับเนื้อความตอนนี้ บางคนเคยคิดจะหมายถึง “ไม่ใช่ชาวบาบูโลนคนสามัญ แต่เป็นชนชั้นปราชญ์.” (เดอะซองซิโน บุกส์ ออฟ เดอะ ไบเบิล) เค. เอฟ. คีล ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับดานิเอลดังนี้: “ดานิเอลและสหายของท่านคงได้รับการศึกษาทางวิชาความรู้ตามแบบสงฆ์ชาวเคเซ็ดและพวกปราชญ์ทั้งหลาย ซึ่งได้สอนกันในโรงเรียนต่าง ๆ ของบาบูโลน.” อนึ่ง อาหารจากเครื่องเสวยของกษัตริย์ทำให้พวกเขามีโอกาสจะละเมิดข้อห้ามในเรื่องอาหารตามที่พระบัญญัติของโมเซกำหนดไว้. พวกเขาวางตัวอย่างไร?
17 ดานิเอลในฐานะเป็นโฆษกของขุนนางหนุ่มชาวยิวทั้งสี่คน ได้ชี้แจงอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่เริ่มแรกว่าพวกตนจะไม่กินหรือดื่มอันเป็นการฝืนสติรู้สึกผิดชอบของตัวเอง. (ดานิเอล 1:8, 11-13) พระยะโฮวาทรงอวยพรความมั่นคงแน่วแน่นี้และทำให้ใจของข้าราชการชาวบาบูโลนที่ดูแลเขาอ่อนลง. (ดานิเอล 1:9, 14-16) ในเรื่องการเล่าเรียนของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังในชีวิตของชายหนุ่มชาวฮีบรูทั้งสี่คนนั้นพิสูจน์โดยไม่สงสัยว่าหลักสูตรบังคับการเรียนวัฒนธรรมบาบูโลนสามปีไม่ทำให้เขาถอยห่างออกไปจากความผูกพันอันแน่นแฟ้นกับพระยะโฮวาและการนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระองค์. (ดานิเอลบท 3 และบท 6) พระยะโฮวาทรงสงเคราะห์พวกเขาผ่านพ้นจากการหมกมุ่นอยู่กับการเรียนระดับสูงแบบบาบูโลนสามปีโดยไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างไร. “คนหนุ่มทั้งสี่นี้พระเจ้าได้ประทานให้มีความรู้และฉลาดในการเรียนวิชาต่าง ๆ, และให้มีสติปัญญา; ส่วนดานิเอลนั้นมีความรู้ในทางนิมิตและทำนายฝันต่าง ๆ ได้. ในเรื่องวิชาและความรู้ต่าง ๆ เท่าที่กษัตริย์ได้ทรงไต่ถามเขา, พระองค์ทรงเห็นว่าเขารู้ดียิ่งกว่าพวกโหรและพวกหมอดูทั้งหลายในแผ่นดินของพระองค์ตั้งสิบเท่า.”—ดานิเอล 1:17, 20.
18. มีการให้การศึกษาประเภทใดในแผ่นดินยูดาภายหลังที่เป็นเชลยที่บาบูโลน?
18 หลังจากการเป็นเชลยที่บาบูโลน การศึกษาขนานใหญ่ได้ดำเนินต่อไปโดยเอษราซึ่งเป็นปุโรหิตผู้ซึ่ง “ได้สำรวมตั้งใจแสวงหาในบทพระบัญญัติของพระยะโฮวาเพื่อจะได้ประพฤติตาม, และเพื่อจะได้เอาบทพระบัญญัติและข้อตัดสินทั้งปวงนั้นสอนให้พวกยิศราเอลแจ่มแจ้งขึ้น.” (เอษรา 7:10) ในการนี้ท่านได้รับการสนับสนุนจากชาวเลวีที่ซื่อสัตย์ ผู้ซึ่ง “ได้สอนฝูงคนให้รู้ข้อความในบทพระบัญญัตินั้น.” (นะเฮมยา 8:7) เอษราเป็นผู้รอบรู้ด้านพระคัมภีร์และ “เป็นอาลักษณ์ [ผู้คัดลอก] ชำนาญในบทพระบัญญัติ.” (เอษรา 7:6) ในสมัยเอษรานั้นเอง พวกอาลักษณ์ปรากฏเด่นขึ้นมา.
โรงเรียนอาจารย์กฎหมายของยิว
19. ผู้ให้การศึกษาประเภทใดปรากฏตัวในยิศราเอลในคราวที่พระเยซูเข้ามาในโลก และด้วยเหตุผลสำคัญอะไรบ้างที่พระองค์และเหล่าสาวกไม่รับการศึกษาระดับสูงของพวกยิว?
19 มาถึงสมัยที่พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก พวกอาลักษณ์ได้มาเป็นชนชั้นพิเศษฐานะเป็นครู ยึดถือประเพณียิ่งเสียกว่าคำสอนที่เป็นความจริงในพระคำของพระเจ้า. พวกเขาชอบให้คนเรียกเขาว่า “รับบี” ซึ่งได้กลายเป็นบรรดาศักดิ์อันมีเกียรติ มีความหมายทำนองว่า ‘ท่านผู้ประเสริฐ.’ (มัดธาย 23:6, 7, ล.ม. เชิงอรรถ) ในคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก พวกอาลักษณ์มักจะคู่กับพวกฟาริซาย ซึ่งบางคนเป็นครูสอนพระบัญญัติด้วย. (กิจการ 5:34) พระเยซูทรงตำหนิคนสองจำพวกนี้ว่าทำให้พระคำของพระเจ้าโมฆะ เพราะประเพณีของเขาและ ‘สอนคำของมนุษย์ว่าเป็นพระบัญญัติ.’ (มัดธาย 15:1, 6, 9) ไม่แปลกที่พระเยซูและสาวกส่วนใหญ่ของพระองค์ไม่ได้เรียนในโรงเรียนของพวกรับบี.—โยฮัน 7:14, 15; กิจการ 4:13; 22:3.
20. การทบทวนเรื่องการศึกษาในสมัยที่จารึกพระคัมภีร์เช่นนี้ทำให้เรามองเห็นอะไร และอะไรแสดงว่าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต้องมีการศึกษา?
20 การพิจารณาโดยสังเขปในด้านการศึกษาสมัยที่จารึกพระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงเป็นบรมครูแห่งไพร่พลของพระองค์. โดยทางโมเซ พระเจ้าทรงก่อตั้งระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพขึ้นในแผ่นดินยิศราเอล. แต่หลังจากเวลาได้ผ่านไป ระบบการศึกษาขั้นสูงของชาวยิวได้ก่อตัวขึ้น ซึ่งสอนสิ่งตรงกันข้ามกับพระคำของพระเจ้า. ในขณะที่พระเยซูไม่ได้เล่าเรียนในโรงเรียนยิวดังกล่าว ถึงกระนั้น พระองค์ทรงเป็นครูที่หาผู้ใดเทียบไม่ได้. (มัดธาย 7:28, 29; 23:8; โยฮัน 13:13) นอกจากนั้น พระองค์ทรงมอบหมายให้เหล่าสาวกสั่งสอน กระทั่งถึงอวสานแห่งระบบของสิ่งต่าง ๆ. (มัดธาย 28:19, 20) ที่จะทำการนี้ พวกเขาคงต้องเป็นครูที่ดี และจึงต้องรับการศึกษา. ดังนั้น คริสเตียนแท้ควรมีทัศนะเช่นไรต่อการศึกษาในปัจจุบัน? จะมีการตรวจสอบคำถามนี้ในบทความถัดไป.
การทดสอบความจำ
▫ เหตุใดเราจึงแน่ใจได้ว่าพระยะโฮวาทรงสนพระทัยการศึกษาแห่งผู้รับใช้ของพระองค์?
▫ ระบบการศึกษาในยิศราเอลต่างกันกับระบบของชาติอื่นในแง่ใด?
▫ เด็กชาติยิศราเอลได้รับการศึกษาประเภทใด?
▫ ได้มีการใช้วิธีสอนแบบไหนในชาติยิศราเอล?
▫ เหตุใดพระเยซูและเหล่าสาวกไม่ได้เข้าโรงเรียนยิวที่ให้การศึกษาระดับสูง?
[รูปภาพหน้า 14]
การศึกษาที่ใช้วิธีบังคับในบาบูโลนไม่ได้ทำให้ดานิเอลและสหายของท่านละทิ้งพระยะโฮวา