บทแปด
รอดจากปากสิงโต!
1, 2. (ก) ดาระยาศชาวมีเดียจัดระเบียบจักรวรรดิของท่านที่กำลังแผ่ขยายอย่างไร? (ข) จงอธิบายหน้าที่และอำนาจของเจ้าเมือง.
บาบูโลนล่มจมแล้ว! ความสง่างามนานนับศตวรรษในฐานะมหาอำนาจโลกจบสิ้นลงในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง. ยุคใหม่กำลังเริ่มขึ้น—ยุคของชาวมีเดียและชาวเปอร์เซีย. ดาระยาศชาวมีเดียเป็นผู้สืบบัลลังก์ต่อจากเบละซาซัร ตอนนี้ท่านต้องเผชิญงานที่ท้าทายคือการจัดระเบียบจักรวรรดิของท่านที่กำลังแผ่ขยาย.
2 หนึ่งในงานแรก ๆ ที่ดาระยาศทำคือการแต่งตั้งเจ้าเมือง 120 คน. เชื่อกันว่าคนที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้บางครั้งถูกเลือกจากบรรดาญาติของกษัตริย์. จะอย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองแต่ละคนปกครองเขตใหญ่หรือเขตเล็กเขตน้อยในจักรวรรดิ. (ดานิเอล 6:1) หน้าที่ของเขารวมถึงการเก็บภาษีและส่งบรรณาการไปยังราชสำนัก. ถึงแม้ว่าต้องถูกตัวแทนของกษัตริย์ที่มาเยี่ยมตรวจสอบเป็นระยะ ๆ แต่เจ้าเมืองก็มีอำนาจมากทีเดียว. ตำแหน่งของเขาในภาษาเดิมหมายความว่า “ผู้พิทักษ์อาณาจักร.” ในเขตปกครองของเขา ถือกันว่าเจ้าเมืองเป็นเจ้าประเทศราช มีอำนาจเกือบจะสูงสุด.
3, 4. ทำไมดาระยาศโปรดปรานดานิเอล และกษัตริย์ตั้งท่านในตำแหน่งอะไร?
3 ดานิเอลจะมีบทบาทอะไรในการจัดระบบใหม่นี้? ดาระยาศชาวมีเดียจะปลดผู้พยากรณ์ชาวยิวคนนี้ ซึ่งมีอายุกว่าเก้าสิบปีแล้วไหม? หามิได้! ดาระยาศคงตระหนักเป็นแน่ว่า ดานิเอลได้ทำนายถึงความล่มจมของบาบูโลนอย่างถูกต้องและที่จะพยากรณ์เช่นนี้ได้ก็ต้องมีความสังเกตเข้าใจที่เหนือมนุษย์. นอกจากนั้น ดานิเอลมีประสบการณ์มาหลายทศวรรษในการปฏิบัติต่อชุมชนเชลยกลุ่มต่าง ๆ ในบาบูโลน. ดาระยาศตั้งใจจะรักษาสัมพันธภาพที่มีสันติสุขกับราษฎรที่ท่านพึ่งพิชิตมา. ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงต้องการคนแบบดานิเอลอย่างแน่นอนซึ่งมีสติปัญญาและมีประสบการณ์ให้อยู่ใกล้ชิดกับกษัตริย์. แต่จะให้อยู่ในตำแหน่งไหน?
4 คงจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากพออยู่แล้วถ้าดาระยาศจะแต่งตั้งดานิเอล เชลยชาวยิว ให้เป็นเจ้าเมืองคนหนึ่ง. แต่ขอนึกภาพความโกลาหลวุ่นวายเมื่อดาระยาศประกาศว่าท่านตัดสินใจจะตั้งดานิเอลขึ้นเป็นหนึ่งในสามอัครมหาเสนาบดีผู้ซึ่งจะดูแลเจ้าเมืองทั้งหลาย! ไม่เพียงแค่นี้แต่ดานิเอล “มีชื่อเสียงกว่า” คือพิสูจน์ตัวว่าเหนือกว่าอัครมหาเสนาบดีคนอื่น ๆ. ที่จริง “วิญญาณเลิศ” สถิตกับท่าน. ดาระยาศถึงกับตั้งใจจะให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแก่ท่านด้วยซ้ำ.—ดานิเอล 6:2, 3, ฉบับแปลใหม่.
5. พวกอัครมหาเสนาบดีคนอื่น ๆ และเจ้าเมืองคงต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการแต่งตั้งดานิเอล และเพราะเหตุใด?
5 อัครมหาเสนาบดีคนอื่นและเจ้าเมืองทั้งหลายคงต้องเดือดดาลเป็นแน่. พวกเขาทนไม่ได้กับความคิดที่ว่า ดานิเอล—ซึ่งไม่ได้เป็นทั้งชาวมีเดียและเปอร์เซียหรือสมาชิกในเชื้อวงศ์กษัตริย์—อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจเหนือพวกเขา! ดาระยาศจะเลื่อนคนต่างชาติให้อยู่ในตำแหน่งที่มีหน้ามีตาเช่นนั้น โดยมองข้ามคนชาติเดียวกันกับท่าน หรือกระทั่งคนในเชื้อวงศ์ของท่านเองได้อย่างไร? การจัดการอย่างนั้นคงดูเหมือนไม่ยุติธรรม. ยิ่งกว่านั้น บรรดาเจ้าเมืองคงต้องถือว่าความซื่อสัตย์ของดานิเอลเป็นอุปสรรคต่อความประพฤติมิชอบและการทุจริตของพวกเขา. แต่พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองไม่กล้าจะเข้าไปพูดเรื่องนี้กับดาระยาศ. ทั้งนี้เพราะดาระยาศนับถือดานิเอลอย่างยิ่ง.
6. พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองพยายามอย่างไรที่จะทำลายชื่อเสียงของดานิเอล และทำไมความพยายามนี้จึงไร้ผล?
6 พวกนักการเมืองขี้อิจฉาพวกนี้จึงคบคิดกัน. พวกเขาพยายาม “แสวงหาเหตุใส่ร้ายดานิเอล, โดยให้มีการพาดพิงถึงเรื่องบริหารราชการงานเมือง.” อาจมีข้อบกพร่องใด ๆ ไหมเกี่ยวกับวิธีที่ท่านดำเนินการในหน้าที่รับผิดชอบของท่าน? ท่านไม่ซื่อสัตย์ไหม? พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองไม่อาจหาความพลั้งพลาดหรือการทุจริตในวิธีที่ดานิเอลทำหน้าที่ของท่านได้เลย. พวกเขาจึงคิดกันว่า “เราจะไม่สบโอกาสใส่ร้ายแก่ดานิเอลคนนี้เลย, เว้นแต่เราจะหาเหตุใส่ร้ายเขาในทางศีลของพระเจ้าของเขาเท่านั้น.” และดังนั้น คนเจ้าเล่ห์พวกนี้จึงวางแผน. พวกเขาคิดว่า แผนนี้จะกำจัดดานิเอลไปได้ตลอดไป.—ดานิเอล 6:4, 5.
ดำเนินการตามแผนสังหาร
7. พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองเสนอเรื่องอะไรต่อกษัตริย์ และพวกเขาเสนอด้วยท่าทีเช่นไร?
7 คณะของอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองพากันมา “ชุมนุมเข้าเฝ้า” ดาระยาศ. คำภาษาอาระเมอิกที่นี่ให้ความหมายเกี่ยวกับความวุ่นวายพร้อมด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม. เห็นได้ชัดว่า คนพวกนี้ทำให้ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องเร่งด่วนที่สุดมาแจ้งแก่ดาระยาศ. พวกเขาอาจคิดว่า ถ้าเขาเสนอเรื่องนี้ด้วยความมั่นใจและเสมือนเป็นอะไรบางอย่างที่ต้องปฏิบัติโดยด่วน กษัตริย์ก็คงจะไม่ค่อยสงสัยข้อเสนอของพวกเขา. ดังนั้น พวกเขาพูดตรงจุดว่า “ปวงอัครมหาเสนาบดี, ผู้บริหารราชการแผ่นดิน, เจ้าเมืองและปลัดเมือง, ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินและตุลาการได้ปรึกษาพร้อมกันแล้ว, เพื่อจะให้ตั้งพระราชกฤษฎีกา, และออกหมายประกาศแข็งแรงว่า, ถ้าผู้ใดขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อพระหรือมนุษย์ภายในสามสิบวันนี้, ยกเว้นขอต่อราชา, ข้าแต่ราชัน, ผู้นั้นต้องถูกทิ้งลงในถ้ำสิงห์.”a—ดานิเอล 6:6, 7.
8. (ก) ทำไมดาระยาศคงรู้สึกว่าข้อเสนอนี้น่าดึงดูดใจ? (ข) อะไรเป็นแรงกระตุ้นที่แท้จริงของพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมือง?
8 บันทึกทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะถือว่ากษัตริย์ชาวเมโสโปเตเมียเป็นพระเจ้าและมีการนมัสการท่าน. ดังนั้น ดาระยาศคงหลงไปกับคำยกยอจากข้อเสนอนี้เป็นแน่. ท่านอาจเห็นข้อดีในกฎหมายข้อนี้ด้วย. อย่าลืมว่า สำหรับคนที่อาศัยในบาบูโลน ดาระยาศเป็นคนต่างชาติและเป็นผู้มาใหม่. กฎหมายใหม่นี้จะยืนยันว่าท่านเป็นกษัตริย์ และจะกระตุ้นให้ผู้คนมากมายที่อาศัยในบาบูโลนปฏิญาณตนแสดงความภักดีและสนับสนุนระบอบการปกครองใหม่นี้. กระนั้น พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองไม่ได้คำนึงถึงผลดีที่จะเกิดแก่กษัตริย์เลยในการเสนอกฤษฎีกานี้ขึ้นมา. แรงกระตุ้นที่แท้จริงของเขาคือที่จะทำให้ดานิเอลติดกับ เพราะเขารู้ว่าเป็นกิจวัตรของท่านที่จะอธิษฐานต่อพระเจ้าวันละสามครั้งตรงหน้าต่างที่เปิดไว้ในห้องบนดาดฟ้า.
9. เพราะเหตุใดกฎหมายใหม่ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวยิว?
9 ข้อจำกัดเรื่องการอธิษฐานนี้จะสร้างปัญหาต่อชุมชนศาสนาทั้งปวงในบาบูโลนไหม? ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากข้อห้ามนี้มีระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น. ยิ่งกว่านั้น คนที่ไม่ใช่ชาวยิวไม่กี่คนคงจะถือว่าการนมัสการมนุษย์สักช่วงเวลาหนึ่งนั้นเป็นการประนีประนอม. ผู้คงแก่เรียนด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งให้ข้อสังเกตว่า “การนมัสการกษัตริย์ไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องที่แปลกสำหรับชาติต่าง ๆ ส่วนใหญ่ที่บูชารูปเคารพ; และดังนั้น เมื่อมีการเรียกร้องชาวบาบูโลนให้แสดงความเคารพต่อผู้พิชิต—ดาระยาศชาวมีเดีย—เหมือนเทพเจ้า พวกเขาก็พร้อมจะทำตามข้อเรียกร้องนี้. มีเพียงชาวยิวเท่านั้นที่ไม่พอใจข้อเรียกร้องนี้.”
10. ชาวมีเดียและชาวเปอร์เซียถือว่ากฎหมายที่ออกโดยกษัตริย์ของตนเป็นอย่างไร?
10 ไม่ว่าจะอย่างไร พวกผู้ที่เข้าพบดาระยาศกระตุ้นท่านให้ “ออกหมายประกาศและประทับตราบนหมายประกาศนั้น, เพื่อจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงได้, ตามที่บ่งไว้ในกฎหมายของชาวมาดายและชาวฟารัศ, ซึ่งแก้ไขหาได้ไม่.” (ดานิเอล 6:8) ในแถบตะวันออกสมัยโบราณ มักจะถือกันว่าเมื่อกษัตริย์ประสงค์สิ่งใดก็ต้องเป็นไปตามนั้น. นี่ทำให้มีแนวคิดว่าท่านผิดพลาดไม่ได้เลย. แม้แต่กฎหมายที่อาจทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตก็ต้องมีผล!
11. ดานิเอลจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากกฤษฎีกาของดาระยาศ?
11 ดาระยาศลงนามในกฤษฎีกาโดยไม่ได้คิดถึงดานิเอล. (ดานิเอล 6:9) ในการทำเช่นนี้ ก็เหมือนท่านได้ลงนามคำสั่งประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ที่มีค่าที่สุดของท่าน. แน่นอน ดานิเอลต้องได้รับผลกระทบจากกฤษฎีกานี้.
ดาระยาศถูกบังคับให้พิพากษาลงโทษ
12. (ก) ดานิเอลทำอะไรทันทีที่ท่านรู้เรื่องกฎหมายใหม่? (ข) ใครกำลังแอบดูดานิเอลอยู่ และเพื่ออะไร?
12 ไม่นานดานิเอลก็รู้เรื่องกฎหมายที่จำกัดการอธิษฐาน. ในตอนนั้นเอง ท่านเข้าไปในบ้านและไปที่ห้องบนดาดฟ้าที่มีหน้าต่างเปิดไปทางกรุงยะรูซาเลม.b ที่นั่น ดานิเอลเริ่มอธิษฐานถึงพระเจ้า “ตามเคย.” ดานิเอลอาจจะคิดว่าท่านอยู่ตามลำพัง แต่พวกผู้วางแผนร้ายกำลังแอบดูท่านอยู่. ทันใดนั้น คนเหล่านั้นก็ “กรูกันเข้าไป” ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นในแบบตื่นเต้นอย่างเดียวกับที่พวกเขาเข้าพบดาระยาศ. ตอนนี้พวกเขาเห็นด้วยตาตนเอง—ดานิเอล ‘อธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าของท่าน.’ (ดานิเอล 6:10, 11) พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองก็มีหลักฐานทุกอย่างที่ต้องการเพื่อจะกล่าวหาดานิเอลต่อกษัตริย์.
13. ศัตรูของดานิเอลรายงานเรื่องอะไรต่อกษัตริย์?
13 ศัตรูของดานิเอลถามดาระยาศอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมว่า “ฝ่าพระบาทได้ประทับตราบนหมายประกาศว่า, ถ้าคนใดขอสิ่งใดต่อพระหรือต่อมนุษย์ภายในสามสิบวันนี้, ยกเว้นขอต่อราชา, ข้าแต่ราชัน, ผู้นั้นจะต้องถูกโยนลงในถ้ำสิงห์มิใช่หรือ?” ดาระยาศตอบว่า “เรื่องนั้นก็จริงอยู่, ตามกฎหมายชาวมาดายและชาวฟารัศซึ่งแก้ไขหาได้ไม่.” ตอนนี้พวกผู้วางแผนร้ายรีบพูดตรงจุด. “ข้าแต่ราชัน, ดานิเอลชายคนนั้น, ซึ่งเป็นเชลยชาติยะฮูดา, หาได้เชื่อฟังฝ่าพระบาทหรือทำตามหมายประกาศที่ฝ่าพระบาทได้ประทับตราไว้ไม่, แต่ได้ทูลขอวันละสามครั้ง.”—ดานิเอล 6:12, 13.
14. ดูเหมือนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองเรียกดานิเอลว่า “เชลยชาติยะฮูดา”?
14 ที่พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองเรียกดานิเอลว่า “เชลยชาติยะฮูดา” เป็นสิ่งที่มีความหมาย. ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการเน้นว่าดานิเอลคนนี้ซึ่งดาระยาศได้เลื่อนให้ดำรงตำแหน่งที่มีหน้ามีตา จริง ๆ แล้วเป็นแค่ทาสชาวยิว. พวกเขาเชื่อว่าในฐานะเช่นนั้น ท่านย่อมไม่ได้อยู่เหนือกฎหมายแน่—ไม่ว่ากษัตริย์จะรู้สึกอย่างไรต่อท่านก็ตาม!
15. (ก) ดาระยาศมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อข่าวที่พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองนำมาแจ้งแก่ท่าน? (ข) พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองแสดงความเกลียดชังดานิเอลมากขึ้นอีกอย่างไร?
15 บางทีพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองอาจคาดว่ากษัตริย์จะให้รางวัลสำหรับงานตรวจสอบที่ฉลาดหลักแหลมของตน. หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะต้องประหลาดใจ. ดาระยาศเป็นทุกข์วุ่นวายใจมากเพราะข่าวที่พวกเขานำมา. แทนที่จะเดือดดาลดานิเอลหรือส่งตัวท่านไปที่ถ้ำสิงโตทันที ดาระยาศใช้เวลาทั้งวันพยายามช่วยดานิเอล. แต่ความพยายามของท่านปรากฏว่าไร้ประโยชน์. ไม่นาน พวกผู้วางแผนร้ายก็กลับมาและเรียกร้องให้ประหารชีวิตดานิเอลอย่างไม่ละอายใจ.—ดานิเอล 6:14, 15.
16. (ก) ทำไมดาระยาศนับถือพระเจ้าของดานิเอล? (ข) ดาระยาศมีความหวังอะไรเกี่ยวกับดานิเอล?
16 ดาระยาศรู้สึกว่าท่านไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้. กฎหมายไม่อาจยกเลิกได้ และ “การล่วงละเมิด” ของดานิเอลก็ไม่อาจให้อภัยได้. ดาระยาศพูดกับดานิเอลได้เพียงแค่ว่า “พระเจ้าของเจ้าซึ่งเจ้าได้ปฏิบัติอยู่เนืองนิตย์นั้นคงจะช่วยเจ้าให้รอด.” ดูเหมือนดาระยาศนับถือพระเจ้าของดานิเอล. พระยะโฮวานั่นเองที่ทรงประทานความสามารถแก่ดานิเอลที่จะทำนายความล่มจมของบาบูโลน. พระเจ้ายังทรงประทาน “วิญญาณเลิศ” ที่ทำให้ดานิเอลเด่นกว่าอัครมหาเสนาบดีคนอื่น. ดาระยาศอาจรู้ว่าหลายทศวรรษก่อน พระเจ้าองค์เดียวกันนี้ได้ทรงช่วยชาวฮีบรูหนุ่มสามคนให้รอดจากเตาไฟ. กษัตริย์คงจะหวังให้พระยะโฮวาทรงช่วยดานิเอลให้รอดด้วย เนื่องจากดาระยาศไม่สามารถแก้กฎหมายที่ท่านได้ลงนามแล้ว. ด้วยเหตุนี้ ดานิเอลจึงถูกโยนลงในถ้ำสิงโต.c ต่อจากนั้น “เขาจึงเอาหินก้อนหนึ่งมาปิดปากถ้ำนั้นไว้, พระเจ้าแผ่นดินก็ได้ประทับตราของพระองค์และตราของเจ้านายลงบนหินนั้น, เพื่อมิให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด, อันเกี่ยวข้องกับดานิเอล, ถูกเปลี่ยนแปลงไป.”—ดานิเอล 6:16, 17.
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าตื่นเต้น
17, 18. (ก) อะไรแสดงว่าดาระยาศเป็นทุกข์เรื่องสถานการณ์ของดานิเอล? (ข) เกิดอะไรขึ้นเมื่อกษัตริย์กลับมาที่ถ้ำสิงโตเช้าวันรุ่งขึ้น?
17 ดาระยาศผู้สลดหดหู่กลับไปที่วัง. ไม่มีการนำนักดนตรีมาอยู่ต่อหน้าท่าน เพราะท่านไม่มีอารมณ์สำหรับความบันเทิง. ตรงกันข้าม ดาระยาศนอนไม่หลับตลอดคืน ไม่รับประทานอาหารเลย. ท่าน “บรรทมไม่หลับตลอดรุ่ง.” ในตอนเช้าตรู่ ดาระยาศรีบไปที่ถ้ำสิงโต. ท่านร้องเรียกด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า “โอ้โอ๋ดานิเอล, ทาสของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่, พระเจ้าของเจ้า, ซึ่งเจ้าได้ปฏิบัติอยู่เนืองนิตย์นั้น, สามารถช่วยเจ้าให้พ้นสิงห์ภัยไหม?” (ดานิเอล 6:18-20) ท่านต้องประหลาดใจ—และโล่งใจ—มีเสียงตอบออกมา!
18 “ข้าแต่ราชา, ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์เถิด.” โดยการทักทายด้วยความเคารพแบบนี้ ดานิเอลแสดงว่าท่านไม่ได้มีความรู้สึกขุ่นเคืองกษัตริย์. ท่านรู้ว่าการกดขี่ที่ท่านเผชิญไม่ได้มีแหล่งที่มาจากดาระยาศ แต่แท้จริงแล้วมาจากพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองขี้อิจฉา. (เทียบกับมัดธาย 5:44; กิจการ 7:60.) ดานิเอลกล่าวต่อไปว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงใช้ทูตของพระองค์มาปิดปากสิงห์นั้นไว้, มันจึงหาได้ทำร้ายแก่ข้าพเจ้าไม่, เพราะว่าต่อพระพักตร์พระองค์นั้นไม่ประจักษ์ว่าข้าพเจ้าได้ทำอะไรผิดไป, ข้าแต่ราชัน, และต่อพักตร์ของฝ่าพระบาทด้วย, ข้าพเจ้าก็หาได้ทำร้ายต่อสิ่งใดไม่.”—ดานิเอล 6:21, 22.
19. ดาระยาศถูกพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองหลอกใช้อย่างไร?
19 ถ้อยคำเหล่านี้คงทิ่มแทงสติรู้สึกผิดชอบของดาระยาศสักเพียงไร! ท่านรู้มาตลอดว่าดานิเอลไม่ได้ทำสิ่งใดที่สมควรถูกโยนลงในถ้ำสิงโต. ดาระยาศตระหนักดีว่าพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองได้วางแผนชั่วให้ดานิเอลถูกประหารและพวกเขาหลอกใช้กษัตริย์เพื่อจุดประสงค์อันเห็นแก่ตัวของพวกเขา. โดยที่พวกเขายืนยันว่า “ปวง อัครมหาเสนาบดี” ได้เห็นชอบให้ผ่านกฤษฎีกา พวกเขาจึงบอกเป็นนัยว่ามีการปรึกษาดานิเอลแล้วด้วย. ดาระยาศจะจัดการกับคนเจ้าเล่ห์พวกนี้ทีหลัง. อย่างไรก็ดี ก่อนอื่นท่านสั่งให้นำตัวดานิเอลขึ้นมาจากถ้ำสิงโต. น่าอัศจรรย์ ดานิเอลไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลย!—ดานิเอล 6:23.
20. เกิดอะไรขึ้นกับศัตรูผู้มุ่งร้ายของดานิเอล?
20 ตอนนี้เมื่อดานิเอลปลอดภัยแล้ว ดาระยาศมีงานอย่างอื่นต้องทำ. “กษัตริย์จึงมีรับสั่งให้หาตัวคนฟ้องดานิเอลมา, และเขาเหล่านั้นพร้อมทั้งลูกเมียถูกทิ้งลงไปในถ้ำสิงห์; และก่อนที่เขาตกถึงก้นพื้นถ้ำ, สิงห์ก็ได้โดดเข้าตะครุบ, กัดกะดูกเขาทั้งหลายขบหักออกเป็นท่อน ๆ.”d—ดานิเอล 6:24.
21. ในการจัดการกับสมาชิกครอบครัวของผู้กระทำผิด มีความแตกต่างอะไรระหว่างพระบัญญัติของโมเซและกฎหมายของวัฒนธรรมยุคโบราณบางวัฒนธรรม?
21 การประหารไม่แค่พวกผู้วางแผนร้ายเท่านั้นแต่ยังรวมถึงภรรยาและบุตรของพวกเขาด้วยอาจดูเหมือนเป็นการทารุณอย่างไร้เหตุผล. ตรงกันข้าม พระบัญญัติของพระเจ้าที่ให้ผ่านทางผู้พยากรณ์โมเซบอกว่า “อย่าให้บิดาต้องโทษถึงตายแทนลูกของตน, อย่าให้ลูกต้องโทษถึงตายแทนบิดาของตน: ทุกคนจะต้องรับโทษถึงตายเพราะบาปของตนเอง.” (พระบัญญัติ 24:16) ถึงกระนั้น วัฒนธรรมยุคโบราณบางวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่สมาชิกครอบครัวจะถูกประหารพร้อมกับผู้กระทำผิด ในกรณีที่เป็นอาชญากรรมร้ายแรง. บางทีการทำเช่นนี้ก็เพื่อสมาชิกครอบครัวนั้นจะไม่มีทางแก้แค้นได้ในภายหลัง. อย่างไรก็ดี การประหารครอบครัวของพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองไม่ได้เกิดจากการกระทำของดานิเอลอย่างแน่นอน. ท่านคงจะเป็นทุกข์ในความหายนะที่คนชั่วพวกนี้นำมาสู่ครอบครัวของพวกเขา.
22. ดาระยาศออกหมายประกาศใหม่อะไร?
22 เรื่องพวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองที่วางแผนชั่วก็หมดไปแล้ว. ดาระยาศออกคำประกาศว่า “เราขอประกาศให้คนทั้งหลายในทุกรัฐแห่งอาณาจักรของเราว่าให้แสดงความเคารพยำเกรงต่อพระพักตร์พระเจ้าของดานิเอล; เพราะพระองค์นั้นเป็นพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่, และเสมอต้นเสมอปลายอยู่เป็นนิตย์; อาณาจักรของพระองค์นั้นมิได้ล่มจม, และรัชกาลของพระองค์ไม่มีวันสิ้นสุดลง. องค์นั้นได้ช่วยชีวิตให้รอดและได้ช่วยให้พ้นภัย; ได้ทรงกระทำการเป็นนิมิตและอัศจรรย์ในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก; เป็นองค์นั้นที่ได้ช่วยดานิเอลให้รอดจากอำนาจสิงห์.”—ดานิเอล 6:25-27.
รับใช้พระเจ้าอยู่เนืองนิตย์
23. ดานิเอลวางแบบอย่างอะไรไว้เกี่ยวกับงานฝ่ายโลก และเราจะเป็นเหมือนท่านได้อย่างไร?
23 ดานิเอลวางแบบอย่างที่ดีไว้สำหรับบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยปัจจุบัน. ความประพฤติของท่านอยู่เหนือคำตำหนิเสมอ. ในงานฝ่ายโลก ดานิเอล “สัตย์ซื่อทั้งไม่เห็นท่านมีความเสียหายหรือมีความผิดสิ่งใดเลย.” (ดานิเอล 6:4) ในทำนองเดียวกัน คริสเตียนควรขยันและใส่ใจในการงานอาชีพของตนอยู่เสมอ. นี่ไม่ได้หมายถึงการเป็นนักธุรกิจที่ไร้ความปรานี ซึ่งติดตามความมั่งคั่งด้านวัตถุอย่างกระตือรือร้น หรือผู้ซึ่งใช้คนอื่นเป็นบันไดเพื่อจะมีตำแหน่งสูงในบริษัท. (1 ติโมเธียว 6:10) พระคัมภีร์เรียกร้องให้คริสเตียนทำหน้าที่การงานฝ่ายโลกอย่างซื่อสัตย์และสิ้นสุดจิตวิญญาณ “เหมือนกระทำถวายพระเจ้า.”—โกโลซาย 3:22, 23; ติโต 2:7, 8; เฮ็บราย 13:18.
24. ดานิเอลพิสูจน์อย่างไรว่าท่านไม่ยอมอะลุ่มอล่วยในเรื่องการนมัสการ?
24 ในเรื่องการนมัสการของท่าน ดานิเอลไม่ยอมอะลุ่มอล่วย. กิจวัตรของท่านในการอธิษฐานเป็นเรื่องที่รู้กันทั่ว. ยิ่งกว่านั้น พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองรู้ดีว่าดานิเอลถือว่าการนมัสการเป็นเรื่องจริงจัง. ที่จริง คนพวกนั้นมั่นใจว่าท่านจะรักษากิจวัตรนี้ต่อไปแม้ว่ากฎหมายสั่งห้ามก็ตาม. ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีอะไรเช่นนี้สำหรับคริสเตียนในสมัยปัจจุบัน! พวกเขาก็เช่นกันต้องมีชื่อเสียงในการจัดให้การนมัสการพระเจ้ามาเป็นอันดับแรก. (มัดธาย 6:33) นี่ควรเป็นสิ่งที่ผู้สังเกตการณ์เห็นได้ชัด เพราะพระเยซูทรงบัญชาผู้ติดตามพระองค์ว่า “ให้ความสว่างของท่านส่องไปต่อหน้าคนทั้งปวงอย่างนั้น, เพื่อเขาจะได้เห็นการดีของท่าน, แล้วจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้อยู่ในสวรรค์.”—มัดธาย 5:16.
25, 26. (ก) บางคนอาจสรุปอย่างไรเกี่ยวกับแนวทางการประพฤติของดานิเอล? (ข) ทำไมดานิเอลถือว่าการเปลี่ยนกิจวัตรของท่านเป็นเหมือนกับการอะลุ่มอล่วย?
25 บางคนอาจพูดว่า ดานิเอลอาจหลีกเลี่ยงการกดขี่โดยอธิษฐานต่อพระยะโฮวาอย่างลับ ๆ ในช่วง 30 วัน. ถึงอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมีท่าทางหรือสภาพแวดล้อมแบบใดโดยเฉพาะเพื่อพระเจ้าจะทรงสดับฟังคำอธิษฐาน. พระองค์ถึงกับสามารถเข้าใจการคิดรำพึงในใจ. (บทเพลงสรรเสริญ 19:14) กระนั้น ดานิเอลถือว่าการเปลี่ยนกิจวัตรใด ๆ เป็นเหมือนกับการอะลุ่มอล่วย. เพราะเหตุใด?
26 เนื่องจากกิจวัตรของดานิเอลในการอธิษฐานเป็นสิ่งที่รู้กันแพร่หลาย หากจู่ ๆ ท่านหยุดจากกิจวัตรนี้ นั่นจะบ่งบอกอะไร? ผู้สังเกตการณ์อาจสรุปว่าดานิเอลกลัวมนุษย์และกฤษฎีกาของกษัตริย์เหนือกว่ากฎหมายของพระเจ้า. (บทเพลงสรรเสริญ 118:6) แต่ดานิเอลแสดงให้เห็นด้วยการกระทำว่า ท่านถวายความเลื่อมใสโดยเฉพาะแด่พระยะโฮวาเท่านั้น. (พระบัญญัติ 6:14, 15; ยะซายา 42:8) แน่นอน ในการทำเช่นนี้ดานิเอลไม่ได้ดูถูกกฎหมายของกษัตริย์. กระนั้น ท่านก็ไม่ได้อะลุ่มอล่วยเพราะตกใจกลัว. ดานิเอลเพียงแต่อธิษฐานต่อไปในห้องบนดาดฟ้า “ตามเคย” อย่างที่ทำก่อนกษัตริย์ออกกฤษฎีกา.
27. ผู้รับใช้ของพระเจ้าในทุกวันนี้จะเป็นเหมือนดานิเอลได้อย่างไรในเรื่อง (ก) การยอมอยู่ใต้อำนาจที่สูงกว่า? (ข) การเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่ามนุษย์? (ค) การพยายามมีชีวิตอยู่อย่างสันติกับทุกคน?
27 ผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยนี้สามารถเรียนจากตัวอย่างของดานิเอล. พวกเขา “ยอมอยู่ใต้อำนาจที่สูงกว่า” เชื่อฟังกฎหมายของประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่. (โรม 13:1, ล.ม.) อย่างไรก็ตาม เมื่อกฎหมายของมนุษย์ขัดแย้งกับกฎหมายของพระเจ้า ไพร่พลของพระเจ้ายึดจุดยืนเดียวกับอัครสาวกของพระเยซู ซึ่งกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์.” (กิจการ 5:29) ในการทำอย่างนี้ คริสเตียนไม่ได้สนับสนุนการก่อกบฏหรือการขืนอำนาจ. แต่เป้าหมายของพวกเขาคือแค่มีชีวิตอยู่อย่างสันติกับทุกคนเพื่อ “จะได้ดำเนินชีวิตที่สงบเงียบด้วยความเลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้า.”—1 ติโมเธียว 2:1, 2, ล.ม.; โรม 12:18.
28. ดานิเอลรับใช้พระยะโฮวา “อยู่เนืองนิตย์” อย่างไร?
28 มีสองโอกาสที่ดาระยาศบอกว่าดานิเอลรับใช้พระเจ้า “อยู่เนืองนิตย์.” (ดานิเอล 6:16, 20) รากศัพท์ภาษาอาระเมอิกสำหรับคำที่ได้รับการแปลว่า “เนืองนิตย์” นั้นหมายถึง “เคลื่อนที่เป็นวงกลม.” คำนี้ถ่ายทอดความคิดในเรื่องการหมุนเวียนไม่รู้จบ หรือบางสิ่งที่ดำเนินไปตลอดกาล. ความซื่อสัตย์มั่นคงของดานิเอลก็เป็นเช่นนั้น คือเป็นไปตามรูปแบบที่คาดเดาได้. ไม่มีข้อสงสัยว่าดานิเอลจะทำอย่างไรเมื่อเผชิญการทดลองไม่ว่าเล็กหรือใหญ่. ท่านจะดำเนินตามแนวทางที่ท่านเคยทำมาหลายทศวรรษก่อน—แนวทางแห่งความภักดีและความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา.
29. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในทุกวันนี้ได้รับประโยชน์อย่างไรจากแนวทางที่ซื่อสัตย์ของดานิเอล?
29 ผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันต้องการติดตามแนวทางของดานิเอล. ที่จริง อัครสาวกเปาโลตักเตือนคริสเตียนทุกคนให้พิจารณาตัวอย่างของผู้เกรงกลัวพระเจ้าในสมัยก่อน ๆ. โดยความเชื่อ พวกเขา “ได้กระทำการชอบธรรม, ได้รับตามคำทรงสัญญาไว้” และ “ได้ปิดปากสิงโต” ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากล่าวถึงดานิเอล. ในฐานะผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในสมัยนี้ ขอให้เราสำแดงความเชื่อและรับใช้อยู่เนืองนิตย์แบบดานิเอล และ “การวิ่งแข่งกันที่กำหนดไว้สำหรับเรานั้น ให้เราวิ่งด้วยความเพียรพยายาม.”—เฮ็บราย 11:32, 33; 12:1.
[เชิงอรรถ]
a เรื่องที่ว่ามี “ถ้ำสิงห์” ในบาบูโลนจริงนั้น มีการสนับสนุนโดยหลักฐานจากข้อเขียนโบราณที่แสดงว่าผู้ปกครองทางตะวันออกมักมีสถานที่ขังสัตว์ป่า.
b ห้องบนดาดฟ้าเป็นห้องส่วนตัวซึ่งคนเราอาจปลีกตัวเมื่อเขาไม่ต้องการให้มีคนมารบกวน.
c ถ้ำสิงโตอาจเป็นบ่อใต้ดินที่มีปากอยู่ด้านบน. นอกจากนี้ อาจมีประตูหรือตะแกรงที่สามารถยกขึ้นเพื่อปล่อยสัตว์เข้าไป.
d คำว่า “ฟ้อง” เป็นการแปลคำภาษาอาระเมอิกซึ่งแปลว่า “ใส่ร้าย” ได้ด้วย. นี่เน้นความมุ่งร้ายของศัตรูของดานิเอล.
คุณได้เรียนรู้อะไร?
• ทำไมดาระยาศชาวมีเดียตัดสินใจใช้ดานิเอลในตำแหน่งสูง?
• แผนชั่วอะไรที่พวกอัครมหาเสนาบดีและเจ้าเมืองคิดขึ้น? พระยะโฮวาทรงช่วยดานิเอลอย่างไร?
• คุณได้เรียนอะไรจากการเอาใจใส่ตัวอย่างของดานิเอลเรื่องความซื่อสัตย์?
[ภาพเต็มหน้า 114]
[ภาพเต็มหน้า 121]
[ภาพหน้า 127]
ดานิเอลรับใช้พระยะโฮวา “อยู่เนืองนิตย์.” คุณทำเช่นนั้นไหม?